มีความเป็นไปได้สูงว่าปู่ของเขาจะออกมาจากเรือนจำแล้วโดยไม่ได้บอกเขาด้วยตัดสินใจแก้แค้นด้วยตัวเอง อย่างไรเสียหนานกงเฉวียนอาจถูกมองว่าเป็นหลานชายเนรคุณก็เป็นได้
หนานกงเฉวียนติดต่อกับทางเรือนจำอย่างเร่งด่วน สุดท้ายจึงได้ความว่าปู่ของเขาได้ออกจากเรือนจำมานานแล้ว
เขาเพียงแค่ไม่รู้เรื่องนี้เท่านั้น
ในเมื่อชิวจิ้นตายไปแล้ว ตอนนี้ปู่ของเขาอยู่ที่ไหนกัน
หนานกงเฉวียนเริ่มรู้สึกกังวล หากผู้อาวุโสหนานกงต้องการล้างแค้น เขาต้องไปหาตระกูลโม่แน่ หากแต่เขายังไม่ลงมือ กำลังวางแผนอะไรอยู่กัน
หนานกงเฉวียนกำลังจะแต่งงานกับซูโยวหราน และไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องบาดหมางเก่าเก็บนี้ ไม่อยากถูกดึงกลับไปสู่เรื่องวุ่นวายอีก ทว่าสุดท้ายปู่ของเขาก็ยังเป็นคนในครอบครัวอยู่
นอกจากเสี่ยวต้านเขอแล้ว เขามีญาติคนนี้เพียงคนเดียว…
ด้วยเหตุนี้หนานกงเฉวียนตกอยู่สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้เขาทำได้เพียงตามหาชายสูงวัยให้เจอเสียก่อน
เขาคิดว่าผู้อาวุโสหนานกงคงไปอยู่ในที่ที่สามารถเข้าถึงตระกูลโม่เพื่อจะได้โจมตีได้ทุกเมื่อแล้ว แต่ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหนานกงนั้นแฝงตัวอยู่ในทีมงานมดราชินีสอง!
คืนนั้นหลังกลับมาถึงบ้าน หนานกงเฉวียนดึงซูโยวหรานเข้ามาในอ้อมแขน
ซูโยวหรานสัมผัสได้ว่าเขามีเรื่องไม่สบายใจจึงเอ่ยถาม “มีอะไรเหรอคะ”
“ปู่ของผมถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน แต่มั่นใจว่าการตายของลุงชิวต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่… เรื่องที่ผมกลัวมากที่สุดตอนนี้คือเขาจะไปแก้แค้นตระกูลโม่หรือเปล่า”
ผู้อาวุโสหนานกงไม่ใช่แค่นักเลงธรรมดา หนานกงเฉวียนรู้ว่าปู่ตัวเองทั้งโหดเหี้ยมและเลือดเย็น
หากเขาหาโอกาสทำร้ายตระกูลโม่จริง ตระกูลโม่คงต้องบาดเจ็บสาหัสแน่
หลังได้ยินคำพูดของเขา ซูโยวหรานนิ่งเงียบ เธอเข้าใจว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาไม่ต้องการให้ปู่ตัวเองพรากชีวิตใครไปอีก หากแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะห้ามอีกฝ่ายอย่างไร
“เฉวียนคะ ฉันรู้ว่าคุณกำลังตกที่นั่งลำบาก แต่คุณต้องก้าวออกมาหยุดเขาไว้นะคะ อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ทำได้เพื่อปกป้องคนบริสุทธิ์ไม่ให้พลอยเดือดร้อนไปด้วย คุณก็รู้ว่าตระกูลโม่มีลูกสามคน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับ ถังหนิงหรือโม่ถิง เด็กๆ สามคนจะทำยังไงล่ะคะ
“ลองคิดว่าเสี่ยวต้านเขอโตมาโดยไม่มีแม่อย่างยากลำบากขนาดไหนสิคะ”
หนานกงเฉวียนสูดหายใจลึกก่อนพยักหน้า “ผมจะหาโอกาสไปเตือนตระกูลโม่ครับ”
“คุณเองก็ต้องระวังตัวเอาไว้ด้วยนะคะ ก่อนหน้านี้คุณได้รูปมาเยอะเลยไม่ใช่เหรอ ดูท่าแล้วฉันไม่คิดว่าปู่ของคุณจะปล่อยคุณรอดไปหรอกค่ะ ถ้าเขารู้ว่าคุณพังแผนของเขา ฉันละไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่จะตามมาเลย…”
“คุณจะไม่ปกป้องผมถ้าเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นเหรอครับ หือ” หนานกงเฉวียนไม่ลืมว่าซูโยวหรานเป็นนักสู้ที่มีฝีมือ
“ฉันจะต้องปกป้องคุณด้วยชีวิตของฉันอยู่แล้วค่ะ…”
หนานกงเฉวียนหัวเราะออกมา “บ้าน่า ผมไม่ต้องให้คุณปกป้องผมหรอก แค่คุณปกป้องตัวเองกับเสี่ยวต้านเขอได้ ผมก็ไม่มีจุดอ่อนรั้งผมไว้แล้วละครับ”
ซูโยวหรานกระชับกอดคนรักแน่น ยิ่งเธอเข้าใจเขาก็ยิ่งรักเขามากขึ้น
ความแค้นครั้งใหญ่ประดังประเดมาหาเขาตั้งแต่ยังเด็กแต่เขาก็ยังไม่คิดโทษใคร ความใจกว้างของเขาไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะทัดเทียมได้ ต่อให้เป็นโม่ถิงก็ตาม
สุดท้ายหนานกงเฉวียนจึงเชิญโม่ถิงมาพบในวันถัดมา
ชายหนุ่มทั้งสองเจอกับที่โรงแรมไดนัสตีอย่างครั้งที่แล้ว ตอนนี้โม่ถิงระวังตัวกับหนานกงเฉวียนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
“ผมเชิญคุณมาเพื่อบอกคุณว่าปู่ของผมถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำแล้ว ผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ริมฝีปากโม่ถิงก็ยกขึ้นเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงมาบอกผมล่ะ คุณน่าจะหวังว่าผมจะไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่ครับ”
“ผมไม่มั่นใจว่าเขาจะทำอะไรเพื่อเข้าใกล้คุณ ทั้งคุณและภรรยาควรระวังตัวเอาไว้นะครับ ผมช่วยคุณได้เท่านี้แหละ” หนานกงเฉวียนเอ่ย “โม่ถิง ผมบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วว่าผมไม่ได้กลับมาปักกิ่งเพื่อแก้แค้น ผมไม่ได้เกลียดคุณ แค่ไม่รู้ว่าจะเข้าหน้ากับตระกูลโม่ยังไงเลยเผลอทำตัวเป็นศัตรูกับคุณไปบางครั้งเท่านั้นเอง”
“คุณเองก็ควรระวังตัวไว้ด้วยนะครับ ถ้าปู่ของคุณไม่ได้ติดต่อคุณไป อย่างนั้นคุณก็อาจจะเป็นเป้าหมายของเขาเหมือนกัน
“หนานกงเฉวียน ผมชื่นชมคุณจริงๆ นะ ถ้าผมเป็นคุณคงปล่อยวางทุกอย่างไม่ได้หรอก”
“อย่างนั้นชาติหน้าเราก็มาสลับกันบ้างแล้วกันครับ”
ทั้งสองรีบทานมื้อเที่ยงก่อนแยกย้ายกัน โม่ถิงบอกเรื่องที่รู้มากับถังหนิง “หนานกงเฉวียนบอกผมว่าผู้อาวุโสหนานกงถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำแล้วและไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เขาต้องเตรียมตัวจู่โจมเราอยู่แน่”
“หนานกงเฉวียนบอกคุณอย่างนั้นเหรอคะ”
โม่ถิงพยักหน้ารับ
“เขาเป็นคนใจกว้างมากเลยนะคะ” ถังหนิงระบายยิ้ม “ถ้าคุณไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม เขาอาจจะเป็นพี่ชายที่ดีของคุณก็ได้นะคะ ดูที่ฉันทำร้ายหันอวี่ฝานกับโม่อวี่โหรวเพราะเลิกคิดแค้นไม่ได้สิคะ เราทั้งสองคนเทียบกับหนานกงเฉวียนไม่ได้เลย”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำตอนนี้คือคอยสังเกตความผิดปกติรอบตัวเรา” โม่ถิงว่าขึ้น “เราต้องระวังตัวเอาไว้ แต่จะให้ศัตรูรู้ทันไม่ได้ เผื่อว่าเขาจะคอยตามหนานกงเฉวียนอยู่”
“เข้าใจแล้วค่ะ!”
ถังหนิงพยักหน้า นับตั้งแต่นั้นเธอก็คอยระวังตัวเป็นพิเศษ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้สังเกตทีมงานภาพยนตร์ของตัวเอง
ไม่ยากที่จะปรบมือชื่นชมกับความอดทนของผู้อาวุโสหนานกง แม้ว่าจะเฝ้ารอมานานขนาดนี้ ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากเขา
ตอนนั้นเองที่มดราชินีสองเริ่มถ่ายทำในฉากต่อสู้และเทคนิคพิเศษ พูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า…
…เวลาที่ต้องใช้ระเบิด…
…ได้มาถึงแล้ว
โม่ถิงไม่ได้เข้าในฉากแรกๆ ผู้อาวุโสหนานกงทำหน้าที่ของเขาได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครคิดสงสัยเขา ทว่าโม่ถิงกับผู้อาวุโสหลงมีกำหนดถ่ายทำฉากใหญ่นี้ในอีกสองวัน มันคงเป็นโอกาสของเขา
หลังจากรอมานาน… ความพยายามของเขาคงจะไม่สูญเปล่า
…
ระหว่างนี้ตระกูลโม่ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ตามหาตัวผู้อาวุโสหนานกง หนานกงเฉวียนเองก็ตามล่าตัวด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นความร้อนใจของเขา ซูโยวหรานเริ่มช่วยเขาวิเคราะห์สถานการณ์ “ตอนนี้ประธานโม่ถ่าย มดราชินีสองอยู่ไม่ใช่เหรอคะ คุณคิดว่าคุณปู่อาจจะซ่อนตัวอยู่ในกองถ่ายบ้างหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินคำแนะนำของเธอ เขาพลันนึกถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น “แต่ว่าโม่ถิงไม่มีทางจำหน้าปู่ได้แน่ ถึงเขาจะมีปานดำที่หลังมือก็ปกปิดมันได้อยู่แล้ว”
“งั้นคุณต้องไปดูนะคะ ฉันมั่นใจว่าโม่ถิงคงไม่ปฏิเสธแน่ ถึงการไปโผล่ที่กองถ่ายด้วยตัวตนของคุณออกจะแปลกๆ ไปสักหน่อย แต่ก็เพื่อความปลอดภัยของเขานะคะ”
“ขอบคุณที่บอกเรื่องนี้นะครับ โยวหราน” หนานกงเฉวียนเอ่ยก่อนลุกขึ้นไปโทรหาโม่ถิง
อย่างที่คาดไว้ โม่ถิงไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธเขา
เป็นเวลาเพียงหนึ่งวันก่อนถึงกำหนดถ่ายทำฉากใช้ระเบิด…