เพื่อคลายความสงสัยในตัวทีมงานภาพยนตร์ โม่ถิงพาหนานกงเฉวียนมาที่กองถ่ายมดราชินีสองกับเขาด้วย
แน่นอนว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ใครจับได้ ไม่มีใครรู้ว่าหนานกงเฉวียนนั่งอยู่ในรถโรลส์รอยซ์สีดำของโม่ถิง
ทว่าแม้จะมองสำรวจหน้าทีมงานทุกคน หนานกงเฉวียนก็ยังไม่พบวี่แววของปู่ตัวเอง หรือเจอชายที่มีปานดำบนหลังมือแต่อย่างใด ความจริงแล้วไม่มีผู้ชายในทีมงานที่อายุราวเดียวกับปู่ของเขาด้วยซ้ำ
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่”
“คุณหาละเอียดแล้วเหรอ” โม่ถิงท้วง “ถ้าคุณยังจำปู่ตัวเองไม่ได้ก็ไม่มีใครจำได้แล้วล่ะ”
“ผมไม่ได้เจอเขามานานแล้ว…” หนานกงเฉวียนเอ่ยเสียงเย็นเล็กน้อย “ตลอดยี่สิบปีมานี้ผมเจอเขาแค่สามครั้งเอง”
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมขับรถไปส่งคุณที่บ้านแล้วกัน” โม่ถิงตอบ
“เดี๋ยว…” ทันใดนั้นสายตาหนานกงเฉวียนพุ่งไปที่ชายร่างสูงผอมคนหนึ่ง แผ่นหลังของเขาดูคุ้นตา แต่…เมื่อเขาหันมา หนานกงเฉวียนก็เห็นว่าเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ ที่แค่ดูแก่จากด้านหลังเท่านั้น
สุดท้ายเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ “ไปกันเถอะครับ”
โม่ถิงปิดหน้าต่างและขับรถออกไปจากโรงถ่าย ในจังหวะที่ชายหนุ่มทั้งสองจากไป ผู้อาวุโสหนานกงปรากฏตัวขึ้นในบริเวณที่รถจอดอยู่ก่อนหน้านี้
เด็กเมื่อวานซืนสองคนนี้ทั้งตื่นตัวและคอยระวัง แต่หากพวกเขาอยากจะหาชายแก่ มันคงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ
หลังคลุกคลีในวงการใต้ดินมานาน ลูกเล่นที่เขาได้เรียนรู้มานั้นไม่เสียเปล่า
พันธมิตรที่ดีในเรือนจำได้บอกเขาแล้วว่าหนานกงเฉวียนรู้ว่าเขาออกมาจากเรือนจำแล้ว ดูเหมือนว่าหนานกงเฉวียนจะนั่งอยู่ในรถของโม่ถิงด้วยคาดเดาได้แล้วว่าเขามีแผนจะโจมตีตระกูลโม่ ไอ้คนเนรคุณ!
แต่แน่นอนว่าหนานกงเฉวียนไม่มีทางจำเขาได้ ไม่เพียงแต่เขาจะแปลงโฉมให้ดูเด็กลงไปเป็นสิบปี รูปร่างหน้าตาของเขายังเปลี่ยนไปมากอีกด้วย
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนสองคนนั่นคิดว่าจะหาฉันเจอเหรอ ฝันไปเถอะ”
ชายแก่ก้มหน้าทำงานต่อไป ในขณะที่เขายอมทำทุกอย่างในกองถ่ายโดยไม่กลัวเปรอะเปื้อน ทีมงานคนอื่นๆ ต่างนับถือและไว้ใจเขา หากแต่มันไม่ต่างกับหมาป่า พวกเขาไม่รู้ถึงผลที่ตามมาจากการไว้ใจคนผิดจนกว่าเขาจะเผยเขี้ยวเล็กออกมาในท้ายที่สุด!
หนานกงเฉวียนหาตัวปู่ของเขาไม่เจอ แต่เขาก็ไม่คิดเลิกล้มการตามหา
หลังซูโยวหรานรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอกล่าวปลอบใจเขาทันที “คุณทำดีที่สุดแล้วค่ะ”
“ถ้าผมไปเยี่ยมเขาบ่อยกว่านี้ตอนที่เขายังอยู่ในคุก เราอาจไม่ต้องมาลำบากกันอย่างในตอนนี้” หนานกงเฉวียนนั่งจมกับความเสียใจอยู่ที่โซฟา
“ไม่ใช่ความผิดของคุณนะคะ” ซูโยวหรานว่าพลางอ้าแขนกอดเขาเอาไว้ “พอได้แล้วนะ เลิกโทษตัวเอง คุณช่วยไว้มากแล้วล่ะค่ะ”
หนานกงเฉวียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่เขากลับนึกไม่ออก
เขาได้แต่สัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยเมื่อมองหน้าทีมงานของมดราชินีสองแต่ไม่อาจเจาะจงเป็นรายบุคคลได้
ชายสูงวัยต้องอยู่ในกองถ่ายอย่างแน่นอน!
เขาแค่จับไม่ได้เท่านั้น
…
หลังโม่ถิงกลับถึงบ้าน ถังหนิงถามเขาว่าหนานกงเฉวียนเป็นอย่างไรที่กองถ่ายทันที แต่เขากลับบอกเธอว่าพวกเขาหาตัวชายแก่ไม่สำเร็จ
ถังหนิงระบายยิ้มก่อนกล่าวปลอบสามี “เราจะใช้ชีวิตที่เหลือได้ยังไงถ้าเอาแต่กลัวอย่างนี้ละคะ เราทำได้แค่ต้องระวังตัวเท่านั้นแหละค่ะ”
โม่ถิงนิ่งเงียบ เขาเพียงแค่โล่งอกที่เขาเป็นคนที่แสดงในมดราชินีสองไม่ใช่ถังหนิง จึงสามารถเบาใจได้ที่เธอไม่ต้องไปที่ที่อันตราย
ไม่ว่าผู้อาวุโสหนานกงจะวางแผนอะไรไว้ แค่ถังหนิงไม่เป็นไรเขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก
อย่างไรเสียถังหนิงก็คือจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของเขา
วันถัดมาทีมงานเริ่มเตรียมตัวสำหรับฉากระเบิด ในฐานะที่เป็นคนวางระเบิด นี่คือช่วงเวลาที่ผู้อาวุโสหนานกงมีความสุขและตื่นเต้นที่สุด เขากำลังวางกับดักแสนแยบยลเพื่อสร้างอุบัติเหตุอันแนบเนียน
แค่โม่ถิงเหยียบมัน เขาก็จะถูกระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
เช้าวันนั้นในยามที่โม่ถิงออกจากบ้าน ถังหนิงรู้สึกไม่ดีนัก แต่เธอไม่อาจอธิบายออกมาได้ว่าเป็นอย่างไร
หลินเฉี่ยนมาถึงไฮแอทรีเจนซีเพื่อรายงานความคืบหน้าของจู้ซิงมีเดีย ทว่าถังหนิงกลับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“พี่หนิง มีอะไรหรือเปล่าคะ” หลินเฉี่ยนถาม “มีเรื่องอะไรสำคัญหรือเปล่าคะ”
ถังหนิงโบกมือคล้ายบอกให้หลินเฉี่ยนเงียบ “ขอฉันคิดหน่อย”
“ช่วงไม่กี่วันถัดไปประธานโม่มีถ่ายทำฉากสำคัญไม่ใช่เหรอคะ เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่าคะ”
ทันทีที่ถังหนิงได้ยินดังนั้น เธอรู้สึกตัวและโทรหาเฉียวมั่นทันที “เฉียวมั่น เราทำฉากระเบิดในขั้นตอนตัดต่อได้ไหม”
“ถ้าทีมงานของคุณทำได้ ก็ทำตามนั้นเลยค่ะ นักแสดงของเราจะได้ไม่ต้องทำอะไรด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นเรายกเลิกฉากระเบิดที่กำลังจะถึงทั้งหมดได้ไหม” ถังหนิงขอร้องเป็นการด่วน
แม้ว่าเฉียวมั่นจะไม่รู้ว่าทำไมถังหนิงถึงเข้ามายุ่งกับการถ่ายทำอย่างกะทันหัน เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธคำขอของอีกฝ่าย “ฉันเตรียมฉากที่ต้องถ่ายทำวันนี้แล้ว มาถ่ายของวันนี้ก่อนและยกเลิกที่เหลือแล้วกัน”
“เฉียวมั่น ฉันรู้สึกไม่ดีกับการถ่ายทำวันนี้เลย เรายกเลิกฉากวันนี้ด้วยได้ไหม”
“มีอะไรเหรอ”
“เชื่อฉันก็พอ ฉันจะอธิบายให้คุณฟังทีหลัง”
ถึงเฉียวมั่นจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดถังหนิงถึงห้ามไม่ให้เธอถ่ายทำฉากพวกนี้ เธอก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผลที่สร้างเรื่องวุ่นวายโดยใช่เหตุ ในเมื่อถังหนิงขอมาเป็นพิเศษ เฉียวมั่นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดการถ่ายทำในวันนี้ไว้
“เราจะเลื่อนการถ่ายทำฉากระเบิดในวันนี้ไปก่อน แล้วถ่ายฉากต่อไปแทน” เฉียวเซินแจ้งกับทีมงาน “ทีมวางระเบิดช่วยเอาอุปกรณ์ทั้งหมดออกจากฉากด้วยค่ะ”
ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้แล้ว ทำไมอยู่ๆ เฉียวมั่นถึงเลื่อนฉากนั้นออกไปกัน
“ผู้กำกับเฉียว มีเหตุผลอะไรเหรอครับ คุณต้องให้คำอธิบายกับพวกเรานะ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่เราทำวันนี้ก็จะสูญเปล่า”
“เป็นคำสั่งของผู้สร้างค่ะ ถ้าคุณมีคำถามอะไรก็ไปถามเธอโดยตรงได้เลย”
เฉียวมั่นตอบเช่นนี้เพราะเธอไม่รู้ว่าทำไมถังหนิงถึงได้ตัดสินใจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการถ่ายทำ
เมื่อโม่ถิงและนักแสดงคนอื่นๆ ในห้องแต่งหน้ารู้เรื่องการตัดสินใจของถังหนิง พวกเขามองหน้ากันอย่างงุนงง “ทำไมอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนกันนะ”
“พี่หนิงไม่ค่อยเข้ามายุ่งกับการถ่ายทำนี่นา”
“คงต้องมีเหตุผลแน่ๆ พวกเธออย่าคาดเดาไปเองจะดีที่สุดนะ แค่ทำตามคำสั่งก็พอแล้ว…”
ถังหนิงไม่มีโอกาสบอกให้โม่ถิงรู้ถึงสถานการณ์ล่วงหน้า เพราะเธอกำลังเร่งรีบเพื่อปกป้องเขาจากอันตราย
ในเมื่อผู้อาวุโสหนานกงกำลังจับตามองพวกเขา และก็ไม่สามารถหาตัวเขาพบ จึงไม่อาจปล่อยให้เขามีโอกาสได้ โดยเฉพาะในฉากระเบิด พวกเขาไม่อาจประมาทอีกฝ่ายที่แอบซ่อนอยู่ได้