วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 704 ถังหนิงสู้กลับ

เวลาสองทุ่ม การรอคอยอันแสนยากลำบากเริ่มขึ้นอีกครั้ง

 

 

ผู้เขียนเดินวนไปวนมาอยู่ที่บ้านด้วยความกลัวอย่างแท้จริง เขารู้ว่าไห่รุ่ยไม่ใช่องค์กรที่รับมือได้ง่ายๆ และเขาก็ไม่น่าเห็นด้วยกับข้อเสนอของซ่งซินเพราะความโลภตั้งแต่แรก เขาเชื่อคำพูดของซ่งซินและคิดว่าไห่รุ่ยคงไม่มีวันค้นพบความจริง ใครจะไปคิดล่ะว่า…

 

 

…ไห่รุ่ยคือไห่รุ่ยด้วยเหตุผลบางอย่าง คนอย่างเขาไม่น่าประเมินคนพวกนี้ต่ำเกินไปเลย!

 

 

“ผมจะทำยังไงดี ทำยังไงดี” ผู้เขียนโทรหาซ่งซินอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิด ทว่าซ่งซินไม่ยอมรับสาย

 

 

แม้หญิงสาวจะแคลงใจว่าไห่รุ่ยนั้นสามารถหาข้อมูลมาเพิ่มได้จริงหรือไม่ เธอก็ขี้โกงมากพอที่จะเลี่ยงรับสายจากผู้เขียนเพื่อลดความเสี่ยงในการถูกค้นพบ

 

 

ในความเป็นจริงแล้ว ข้อเท็จจริงที่ไห่รุ่ยถ่ายภาพหน้าจอมาและค้นพบว่านิยายถูกเขียนขึ้นโดยคนหลายคนนั้นก็เหนือความคาดหมายของเธอแล้ว เธอไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะมีอะไรมากกว่านี้อีก

 

 

ไม่นาน เวลาสองทุ่มนั้นก็มาถึง

 

 

ในฐานะผู้เฝ้าดูเหตุการณ์จอมสู่รู้ ชาวเน็ตทั้งหลายพร้อมที่จะต้อนรับการเปิดเผยครั้งใหม่ พวกเขาสงสัยว่าไห่รุ่ยมีอะไรจะแสดงให้พวกเขาเห็น

 

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นคนตีกัน แต่ช้าก่อน นี่ไม่ใช่การตีกันทั่วๆ ไป มันกลายมาเป็นปริศนาที่ชวนสงสัยไปแล้ว

 

 

เมื่อเวลามาถึง เว็บไซต์ของไห่รุ่ยก็มีอัปเดตใหม่ และอัปเดตใหม่ล่าสุดนี้ก็มีคลิปวิดีโอประกอบอยู่ด้วย

 

 

บรรณาธิการชื่อดังคนหนึ่งของเว็บไซต์วรรณกรรมออนไลน์ปรากฏตัวในคลิปวิดีโอนั้น ข้างๆ เธอมีแล็ปท็อปที่เข้าใช้ระบบบริหารการจัดการเว็บไซต์อยู่ ในแน่นอนว่าสิ่งที่เธอต้องการจะให้สาธารณชนได้เห็นคือบางสิ่งที่ผู้ที่อยู่ในวงการนั้นรู้ดีอยู่แล้ว

 

 

ภายในคลิปวิดีโอนั้น หญิงสาวแก้ไขนิยายเรื่องหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ออกไปเมื่อหลายปีก่อนและเปลี่ยนเอาเนื้อเรื่องอันใหม่ใส่เข้าไปแทน นี่คือการสาธิตให้เห็นความยืดหยุ่นของวงการในแง่มุมนี้

 

 

มันไม่เกี่ยวกับสัญญาเลย เนื้อหานั้นสามารถถูกสับเปลี่ยนได้ในภายหลัง!

 

 

หลังจากที่ดูคลิปวิดีโอนั้น สาธารณชนก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าไห่รุ่ยพยายามจะสาธิตอะไร

 

 

ทำไมทุกคนถึงจดจ่ออยู่กับวันที่บนสัญญาฉบับนั้นและไม่คิดว่า ‘นักแกะรอย’ อาจถูกสับเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดในภายหลัง นี่จึงอธิบายว่าทำไมถึงมีนักเขียนหลายคน

 

 

เพราะหากนักเขียนหลายคนช่วยกันทำ มันก็เป็นไปได้ที่จะผลิตนิยายทั้งเรื่องเสร็จในเวลาอันสั้น

 

 

โอ้พระเจ้า!

 

 

งั้นนี่ก็คือความจริง คนร้ายนั้นแค่ใช้ภาพลวงและเกือบจะหนีพ้นจากอาชญากรรมครั้งใหญ่ไปได้!

 

 

ผู้สังเกตการณ์ของเหตุกาณ์นี้ตกตะลึงไปตามๆ กัน ทีแรกพวกเขาคิดว่านี่เป็นเพียงการคัดลอกผลงานธรรมดาๆ และไม่เคยคิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับแผนการและความลับมากมายขนาดนี้

 

 

หลังจากความจริงถูกเปิดเผย ทุกคนก็เงียบกริบ!

 

 

ไม่นานจากนั้นฟังอวี้ก็ตกลงให้สัมภาษณ์กับสื่อและแจ้งข้อสรุปของเหตุการณ์ทั้งหมดให้พวกเขาฟัง

 

 

“ไห่รุ่ยเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนคงจะสามารถบ่งชี้ความจริงกันได้แล้ว ส่วนเรื่องการคัดลอกผลงานระหว่าง ‘นักแกะรอย’ และ ‘คนรักที่สาบสูญ’ ผมมั่นใจว่าทุกคนจะได้ข้อสรุปที่สมเหตุสมผลแล้วนะครับ

 

 

“ไห่รุ่ยสัญญาแล้วว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้อาวุโสอู๋ ดังนั้นพวกเราจึงทำตามที่พูดให้สำเร็จ แล้วนักเขียนเรื่อง ‘นักแกะรอย’ ล่ะ ถ้าผมจำไม่ผิด คุณกล่าวหาผู้อาวุโสอู๋ด้วยความมั่นอกมั่นใจว่าเขาลอกเลียนแบบผลงานของคุณ และคุณก็ให้สัญญาว่าจะหักมือตัวเองถ้าเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น ผมหวังว่าคุณจะจำคำสัญญาของตัวเองได้ ผมจะรอดูผลลัพธ์นั้นนะครับ

 

 

“และจากนั้นก็มีชาวเน็ตหัวรุนแรงกลุ่มหนึ่ง แน่นอนว่าไห่รุ่ยคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว เพราะถึงยังไง คนส่วนมากบนโลกใบนี้ก็ไร้หัวใจและไร้สมอง เราไม่สามารถถือโทษคนที่คิดอะไรด้วยตัวเองไม่ได้หรอกครับ หากพวกเขาเป็นปัญญาอ่อน ทางเราก็แก้ไขอะไรเรื่องนั้นไม่ได้

 

 

“อ้อ แล้วก็อีกอย่าง ผมจำเป็นต้องพูดถึงเหล่า ‘ผู้เที่ยงธรรม’ ที่ใส่ร้าย ‘คนรักที่สาบสูญ’ เอาไว้เป็นพิเศษสักหน่อย เราไม่สามารถดูถูกพลังของกองทัพผู้เขียน ‘ตัวจริง’ ได้เลยครับ โชคไม่ดีนักที่ทุกอย่างที่พวกคุณทำลงไปนั้นเป็นได้แค่การสมรู้ร่วมคิดให้กับอาชญากรรมของคนอื่น! พวกคุณเป็นคนฉลาดที่ได้รับการศึกษา แต่เพราะแรงกดดันอย่างต่อเนื่องของพวกคุณ ผู้อาวุโสอู๋ถึงได้เกือบฆ่าตัวตายไปแล้ว! ขยะจริงๆ!

 

 

“ถ้ายังมีสามัญสำนึกอยู่บ้างละก็ พวกคุณควรขุดรูแล้วเข้าไปซ่อนตัวในนั้นซะ!”

 

 

คำพูดของฟังอวี้นั้นขวานผ่าซากและไร้ซึ่งการอดกลั้น!

 

 

ถึงอย่างไรก็มีบางโพสต์บนโลกออนไลน์ที่กระตุ้นอารมณ์โกรธของคน เพราะประโยคที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยประโยคหนึ่งอาจสามารถทำลายอนาคตหรือแม้แต่ชีวิตของคนคนหนึ่งได้

 

 

ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง พวกเขาหุบปากไม่ได้อย่างนั้นหรือ พวกเขาวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเหมาะสมก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นไม่ได้หรือ

 

 

“นับจากนี้เป็นต้นไปไห่รุ่ยจะไม่ติดตามปัญหานี้อีก ส่วนเหตุผลที่ผู้เขียนสร้างแผนการนี้ขึ้นมาและไม่ว่าจะมีใครกระตุ้นให้เขาทำเช่นนี้หรือไม่นั้น ไห่รุ่ยจะไม่ปล่อยให้พวกเขาลอยนวลอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่พยายามทำให้ ‘คนรักที่สาบสูญ’ ไม่ได้ออกฉายนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ มันจะออกฉายอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ ขอเรียนเชิญทุกท่านมารับชมและแสดงการสนับสนุนด้วยนะครับ”

 

 

หลังจากการสัมภาษณ์ของฟังอวี้ โลกอินเทอร์เน็ตก็ท่วมท้นไปด้วยเสียงคำขอโทษ

 

 

เนื่องจากสาธารณชนได้รับการศึกษามากขึ้น คนส่วนมากจึงรู้จักการย้อนดูตัวเอง

 

 

[ขอโทษค่ะผู้อาวุโสอู๋! พวกเราขอโทษจริงๆ!]

 

 

[พวกเราไม่เคยคิดเลยว่าผู้อาวุโสอู๋เป็นผู้บริสุทธิ์ ขอโทษจากใจจริงครับ]

 

 

[ถึงมันจะอึดอัดอยู่หน่อยๆ เราทุกคนก็ควรไปโรงภาพยนตร์เพื่อแสดงการสนับสนุนนะ นี่ล่ะคือการขอโทษที่ดีที่สุด!]

 

 

[เธอพูดถูกแล้ว พรุ่งนี้เราจะไปที่โรงภาพยนตร์กัน ฉันอยากจะบอกเอาไว้ด้วยนะว่าผู้เขียนนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ น่ะโคตรจะไร้ยางอายเลย]

 

 

อาจเพราะเพื่อปกป้องมือของตัวเอง ผู้เขียนคนนั้นหนีไปซ่อนตัวและไม่ออกมาตอบโต้อะไร ชายหนุ่มขับความเย่อหยิ่งที่มีเมื่อก่อนหน้านี้ออกไปจนหมดสิ้น หลังจากผ่านไปสักพัก ชาวเน็ตคนหนึ่งที่มีนามแฝงว่า ‘มีดสั้น’ ก็ได้ออกมายอมรับบนโลกออนไลน์ว่าเธอคือหนึ่งในกลุ่มนักเขียนของนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ แต่หญิงสาวไม่รู้เลยว่ามีการสมคบคิดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เข้ามาเกี่ยวข้องและไม่รู้ด้วยว่าเธอจะถูกหลอกใช้เช่นนี้

 

 

เธออธิบายว่าเธอทำลงไปเช่นนั้นเพราะตัวเองไม่มีทางเลือกและจำเป็นต้องเอาชีวิตรอด ทว่าหลังจากที่เห็นผู้อาวุโสอู๋พยายามฆ่าตัวตาย เธอก็รู้สึกผิดมากเสียจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวแสดงหลักฐานการมีส่วนร่วมของเธอให้ทุกคนได้ดู ซึ่งนั่นรวมถึงส่วนที่เธอเขียนและร่างของมัน

 

 

ด้วยเหตุนี้ ความจริงจึงชัดเจน

 

 

ทุกอย่างนั้นใสเหมือนน้ำแข็ง

 

 

“ผู้อาวุโสอู๋ไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันอยากจะขอโทษด้วยใจจริงค่ะ!”

 

 

แม้ความจริงจะถูกเปิดเผยออกมาแล้ว คำถามบางคำถามก็ยังคงอยู่ เช่น ทำไมผู้เขียนถึงวางแผนทำเรื่องเช่นนี้ แค่เพราะต้องการจะเอาส่วนแบ่งจากกำไรอย่างนั้นหรือ

 

 

แต่ ‘คนรักที่สาบสูญ’ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา เขาจะไปคิดแผนต่อต้านมันทำไมล่ะ

 

 

นี่คือคำถามที่ไห่รุ่ยทิ้งเอาไว้ให้สาธารณชน

 

 

แน่นอนว่าเมื่อไห่รุ่ยพูดว่าพวกเขาจะสืบสวนเรื่องไหน พวกเขาก็จะทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน!

 

 

“ทุกอย่างถูกชี้แจงแล้ว ความบริสุทธิ์ของผู้อาวุโสอู๋ได้รับการพิสูจน์สักทีนะคะ”

 

 

“เท่านี้ยังไม่พอหรอก” ถังหนิงไม่ได้อารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้ยินคำครวญของหลงเจี่ย “อย่าลืมสิว่า ถึงผู้อาวุโสอู๋จะฟื้นขึ้นมา เขาก็จะยังได้รับผลกระทบจากโรคความจำเสื่อมอยู่ดี ฉันจะเปิดโปงคนที่บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะพยายามซ่อนตัวแค่ไหนก็ตาม”

 

 

“คุณมีแผนต่อจากนี้ไหมคะ” หลงเจี่ยเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset