วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 656 ความรู้สึกเมื่อถูกกลั่นแกล้งจริงๆ!

คืนนั้น เฉินซิงเยียนเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความคิดของเธอเอง

 

 

ทุกครั้งที่เธอหลับตา เธอจะคิดถึงภาพที่เธอถูกกลุ่มชายฉกรรจ์พวกนั้นรุมเหยียดหยาม เธอพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่คิดหาทางแก้แค้นแอนนี่และมันทำให้เธอทรมาน ทำให้กลางดึกคืนนั้นเธอเกิดไข้แตกขึ้นมา

 

 

อันจื่อเฮ่าไม่รู้เลยว่าเฉินซิงเยียนอาการไม่ดีจนกระทั่งรุ่งเช้าวันต่อมา เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวันและเป็นกังวลว่าอีกฝ่ายจะหิว เมื่อเข้ามาภายในห้อง ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือของเธอและพบว่าเขาทำผิดพลาด

 

 

เฉินซิงเยียนตัวสั่นอย่างรุนแรงเพราะพิษไข้

 

 

“ให้ฉันพาเธอไปโรงพยาบาลนะ” อันจื่อเฮ่าเอื้อมมือออกไปเพื่ออุ้มเฉินซิงเยียนแต่เฉินซิงเยียนขัดขืน

 

 

“ฉันไม่อยากไป”

 

 

“นี่ไม่ใช่เวลามาดื้อนะ” อันจื่อเฮ่ากล่าวขณะที่เขาอังมือลงบนร่างกายที่ร้อนด้วยพิษไข้ “ตอนนี้เธอกำลังมีไข้ เธอต้องใช้ยาช่วย”

 

 

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ไปก็คือฉันไม่ไป” เมื่อเฉินซิงเยียนไม่ต้องการ ก็ไม่อาจมีใครหยุดเธอได้ “ออกไปจากห้องฉันนะ ฉันแค่มีไข้เพราะฉันหยุดโกรธไม่ได้มันเลยทำให้ฉันทรมาน”

 

 

อันจื่อเฮ่าพลันตกอยู่ในความเงียบงัน เขารู้ดีว่าเขาไม่อาจเข้าใจความรู้สึกอับอายที่ถังหนิงต้องเผชิญได้ และเขารู้ว่านั่นเป็นเพราะเขาที่ทำให้เด็กสาวที่ไม่เคยต้องกังวลใจกับอะไรต้องมาเจ็บปวดเช่นนี้

 

 

ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะดึงเฉินซิงเยียนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง “ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง”

 

 

“ฉันไม่สนหรอกว่าเป็นความผิดของใคร ฉันแค่ต้องการให้แอนนี่ชดใช้ในสิ่งที่มันทำ!”

 

 

“ฉันเข้าใจ ฉันจะต้องให้เธอมีโอกาสนั้นอย่างแน่นอน!” อันจื่อเฮ่าให้คำมั่น “หยุดทรมานตัวเองได้แล้ว ฉันรับมือมันไม่ไหวหรอกนะ เมื่อก่อนอวิ๋นซินทะเลาะกับฉันแบบเดียวกันนี้แล้วหลังจากนั้นเธอก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ฉันไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว”

 

 

“นายต้องมองให้ออกสิ ฉันไม่ใช่แฟนเก่าที่ตายไปแล้วของนายสักหน่อย หรือต่อให้ฉันตาย ฉันก็จะลากใครสักคนไปด้วยเพื่อให้ตายอย่างสบาย”

 

 

เฉินซิงเยียนไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นมารุกราน นั่นเป็นจุดแข็งในคุณลักษณะของเธอที่เห็นได้อย่างง่ายดาย

 

 

อันจื่อเฮ่าเข้าใจดีว่าเฉินซิงเยียนเป็นอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้คือกอดเธอไว้แน่น และไม่ปล่อยอีกฝ่ายไป “ปล่อยให้คนอื่นตายและรับผลกรรมที่พวกมันทำไว้เถอะนะ”

 

 

เฉินซิงเยียนกอดอันจื่อเฮ่ากลับขณะที่เธอตัวสั่นเทิ่มด้วยความโกรธ หลังจากนั้นสักพัก ในที่สุดเธอก็พูดกับอันจื่อเฮ่า “ฉันคิดถึงแม่…”

 

 

“พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปไฮแอทรีเจนซี่”

 

 

ดังนั้นเอง อันจื่อเฮ่าจึงพาเฉินซิงเยียนไปยังไฮแอทรีเจนซี่ตามที่ได้สัญญาเอาไว้

 

 

เมื่อได้เห็นลูกสาวของตัวเอง ไป๋ลี่หวารีบวิ่งเข้าไปกอดเธอพร้อมกับรู้สึกเจ็บปวดในใจ “ทำไมลูกดูไม่ค่อยดีเลย”

 

 

“แม่ ช่วยนอนอยู่ข้างฉันหน่อยได้ไหม…” มีเพียงต่อหน้าไป๋ลี่หวาเท่านั้นที่เฉินซิงเยียนจะยอมเปิดเผยด้านที่เป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ ออกมา

 

 

“ได้สิ แม่จะพาไปที่ห้องนะ…” ไป๋ลี่หวาชำเลืองตามองถังหนิงก่อนจะเดินนำเฉินซิงเยียนไปที่ห้องนอนแขก

 

 

อันจื่อเฮ่ามองหญิงสองคนหายเข้าไปในห้องอย่างหมดหนทาง จากนั้นเขาก็หันเหความสนใจมาที่ถังหนิง “ถังหนิง ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วย”

 

 

“ฉันไม่คิดว่าคุณเคยทำอะไรให้ฉันมาก่อนนะ” ถังหนิงกล่าวพลางปิดบทละครในมือลง “ว่ามาสิ ถ้าฉันทำได้ ฉันจะทำให้แน่นอน”

 

 

“ผมไม่สะดวกออกมาพูดหรือทำอะไรได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเฉินซิงเยียนไม่เชื่อใจผมแบบนี้ ดังนั้นผมได้แต่หวังพึ่งคุณ…” อันจื่อเฮ่ากล่าวก่อนที่เขาจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันก่อนให้เธอฟัง “ระหว่างทางมาที่นี่ ผมได้หาข้อมูลมาบ้าง ประธานหวังจะพาแอนนี่ไปที่งานอีเวนต์หนึ่ง งานนี้อาจจะเป็นงานเดียวที่มีค่าพอให้คุณไปร่วม…

 

 

“ก่อนที่ผมจะเคลื่อนไหว ผมหวังจะสร้างโอกาสให้แอนนี่ได้พบกับเฉินซิงเยียน เฉินซิงเยียนจะได้มีโอกาสแก้แค้นด้วยตัวเอง!”

 

 

“งานอีเวนต์อะไร” ถังหนิงถาม

 

 

ท้ายที่สุด การปกป้องเฉินซิงเยียนก็เป็นความรับผิดชอบของตระกูลโม่ ในเมื่ออันจื่อเฮ่าเป็นเพียงเหยื่ออีกคนหนึ่ง เขาไม่ควรถูกบังคับให้รับมือทุกอย่างด้วยตัวเอง

 

 

“งานปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง ‘มนุษย์หมาป่า’ หลินเซิงเป็นแสดงนำชาย ดังนั้นคุณควรไปที่นั่นเพื่อแสดงความสนับสนุนสักหน่อย”

 

 

“แต่เฉินซิงเยียนอาจจะไม่อยากไปกับฉันก็ได้” ถังหนิงชี้ประเด็น

 

 

“ผมจะคุยกับป้าไป๋เรื่องนี้ ให้ช่วยเกลี้ยกล่อมให้อีกทาง” อันจื่อเฮ่าตอบ “ถังหนิง ผมไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้ว”

 

 

เมื่อได้เห็นความจริงจังของอันจื่อเฮ่า ถังหนิงจึงพยักหน้ารับ “ทำไมคุณถึงได้ใส่ใจกับเรื่องของเฉินซิงเยียนมากขนาดนี้”

 

 

“เพราะเธอทำให้ผมนึกถึงอวิ๋นซิน ผมรู้สึกผิดที่สุดที่ไม่ได้ปกป้องอวิ๋นซินให้มากพอ ดังนั้นผมจะไม่ปล่อยให้เฉินซิงเยียนต้องเจ็บปวดอีกต่อไป” อันจื่อเฮ่าเปิดใจกับถังหนิง “อีกอย่าง เฉินซิงเยียนเหมือนลูกหมาป่าตัวเล็กๆ ที่ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ผมกลัวว่าถ้าผมไม่ช่วยเธอแก้แค้น เธอจะทำอะไรที่คาดไม่ถึง…”

 

 

“ฉันจะจัดการให้”

 

 

ในความเป็นจริง ถังหนิงรู้สึกว่าอันจื่อเฮ่าปกป้องเฉินซิงเยียนมากเกินไป เธอยังรู้สึกด้วยว่าเขาใส่ใจอีกฝ่ายมากโดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

 

 

เพราะถึงยังไง ลูกหมาป่าก็มีความกล้าหาญ และไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้าย

 

 

และด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อะพาร์ต์เมนต์ ถังหนิงเห็นด้วยว่าแอนนี่สมควรตายเพื่อชดเชยกับสิ่งที่ทำลงไป

 

 

“ขอบคุณนะ” เมื่อเห็นถังหนิงยินดีที่จะช่วย อันจื่อเฮ่าก็รู้สึกราวกับน้ำหนักที่แบกไว้ถูกยกออกจากบ่า แต่เขารู้สึกว่าเขายังทำอะไรให้เฉินซิงเยียนไม่มากพอ

 

 

“ฉันรู้ว่าคุณมีหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ในหัว ไปทำธุระของคุณเถอะ” ถังหนิงสัมผัสได้ถึงความอาฆาตพยาบาทที่ลุกโชติช่วงออกมาจากตัวอันจื่อเฮ่า เพราะเฉินซิงเยียน คราวนี้เขารู้สึกโกรธอย่างจริงจังและพร้อมที่จะถล่มบริษัทของผู้กำกับแมตต์ให้สิ้นซาก

 

 

อันจื่อเฮ่ารู้สึกวางใจที่จะปล่อยให้เฉินซิงเยียนอยู่ในมือของถังหนิง ดังนั้นเขาจึงลุกและกลับไป

 

 

ส่วนการให้เฉินซิงเยียนได้ไปปรากฏตัวที่งานปฐมทัศน์อย่างสะดวกนั้นไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่เกมจิตวิทยาเท่านั้น

 

 

 

 

“ถังหนิงจะไปร่วมงานปฐมทัศน์คืนนี้ แต่คุณโม่ยังไม่อาจละมือจากงานได้ บอดีการ์ดเองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในงาน ทำไมลูกไม่ไปเป็นเพื่อนถังหนิงในฐานะผู้ติดตามแล้วช่วยคุณโม่ดูแลเธอเสียล่ะ” ไป๋ลี่หวาโน้มน้าวหลังจากที่เฉินซิงเยียนเพิ่งตื่นจากการงีบหลับ “ตอนนี้ลูกคงสังเกตเห็นสินะว่าดูภายนอกแม่เหมือนเห็นแค่แม่บ้านในไฮแอทรีเจนซี่ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาดูแลแม่เป็นอย่างดี ถ้าลูกไม่ช่วยเขาสักหน่อย แม่คงรู้สึกแย่มาก”

 

 

เฉินซิงเยียนไม่คิดอะไรมาก และจิตใจเธอก็ยังไม่อยู่ในสภาพที่จะคิดอะไรเรื่องนี้ ขณะที่เธอยังเอนตัวนอนอยู่บนเตียง เธอเพียงแค่พยักหน้ารับ “ฉันจะทำตามที่แม่ว่า”

 

 

“ดี ถ้างั้นแม่จะช่วยเตรียมเสื้อผ้าให้นะ”

 

 

ที่จริงรายชื่อแขกที่เข้าร่วมงานได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ดังนั้นถังหนิงจึงต้องให้ลู่เช่อติดต่อผู้จัดการของหลินเซิง

 

 

ทันทีที่ผู้จัดการได้ยินว่าเป็นถังหนิง เขาก็ดีใจสุดขีด จึงเพิ่มชื่อของถังหนิงเข้าไปในรายชื่อแขกพิเศษที่จะมาเซอร์ไพรส์ภายในงาน

 

 

ย้อนกลับไปถึงครั้งที่ถังหนิงแสดงร่วมกับหลินเซิง เธอยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่บัดนี้ เธอเป็นนักแสดงหญิงที่ทุกคนต่างให้ความยอมรับ

 

 

“ถังหนิง การมาร่วมงานของคุณจะเป็นการแสดงความสนับสนุนให้หลินเซิงอย่างมากเลย เขาจะต้องจดจำมันไปตลอดชีวิตแน่ๆ”

 

 

ชายคนนั้นไม่รู้เลยว่าถังหนิงมีเจตนาและภารกิจสำคัญในการเข้าร่วมงานปฐมทัศน์ในครั้งนี้ เธอกำลังจะแสดงให้แอนนี่ให้รู้สึกว่าการถูกกลั่นแกล้งจริงๆ มันเป็นอย่างไร!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset