วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 657 แอนนี่ผู้น่าอับอาย

งานปฐมทัศน์จะเริ่มขึ้นตอนสองทุ่ม ณ โรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในปักกิ่ง

 

 

ในฐานะหนึ่งในนักแสดงชายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปักกิ่ง จึงไม่ต้องสงสัยว่าจะมีคนมาร่วมงานปฐมทัศน์ในครั้งนี้มากเพียงใด ซึ่งรวมไปถึงเพื่อนร่วมวงการ คนใหญ่คนโตจากค่ายหนังและช่องโทรทัศน์ เช่นเดียวกับประธานหวังซึ่งใช้เส้นสายจนได้บัตรเชิญมาไว้ในมือ

 

 

ถังหนิงไม่ได้เดินบนพรมแดงและไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ เพราะเธอกำลังตั้งท้องและเป็นแขกพิเศษของงาน เธอจึงถูกพาเข้าไปในงานผ่านทางเข้าลับ

 

 

ทว่าในคืนนี้มีบางอย่างแปลกออกไป คนที่มาเป็นเพื่อนเธอไม่ใช่สามีของเธอแต่กลับเป็นหญิงสาววัยรุ่นที่คล่องแคล่วว่องไวนามว่า เฉินซิงเยียน

 

 

เพื่อให้เข้ากับถังหนิง เฉินซิงเยียนมาในชุดราตรีสั้นสีดำ แม้เธอจะไม่เจิดจรัสเท่าถังหนิง แต่ภายใต้ชุดหลวมโคร่งที่เธอใส่อยู่เป็นประจำกลับเป็นร่างกายที่สมส่วนจนน่าประหลาดใจ

 

 

ในระหว่างทางมายังงานปฐมทัศน์ ถังหนิงนั่งตรงข้ามกับเฉินซิงเยียนและยิ้ม “ได้เธอมาช่วยคุ้มครองแบบนี้ฉันค่อยรู้สึกสบายใจหน่อย”

 

 

“ตราบใดที่พี่ไม่เป็นกังวลว่าฉันจะไปสร้างปัญหาเข้าน่ะนะ” เฉินซิงเยียนตอบอย่างจริงใจ

 

 

“ปัญหาแบบไหนกันล่ะ” ถังหนิงแหย่

 

 

“ฉันอาจจะทำให้พี่ขายหน้า…”

 

 

“เซิงเกอเป็นเพื่อนของฉันและเรียกได้ว่าเป็นครูที่ปรึกษาของฉันด้วย ในอาณาเขตของเขา ต่อให้เธอสร้างปัญหา ฉันก็แน่ใจว่าเขาจะไว้หน้าฉันและไม่เอาเรื่องเธอหรอก แต่แน่นอนว่าจะเป็นแบบนั้นตราบเท่าที่เธอไม่ไปฆ่าใครเขา”

 

 

“โอเค” เฉินซิงเยียนพยักหน้า

 

 

ถังหนิงเดินทางมาถึงที่งานประมาณหนึ่งทุ่ม แต่เนื่องจากเธอเป็นแขกพิเศษของงาน ผู้จัดการของหลินเซิงจึงจัดแจงให้เธอไปรออยู่ในห้องรับรองพิเศษ

 

 

ขณะที่เฉินซิงเยียนอยู่ในห้องน้ำ ถังหนิงบอกกับผู้จัดการคนนั้น “ฉันเกรงว่าฉันจะต้องมีเรื่องให้คุณช่วยหน่อยค่ะ”

 

 

“โอ ถังหนิง คุณไม่ต้องสุภาพนักก็ได้ เราเป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ว่ามาเลยว่าคุณต้องการอะไร” ผู้จัดการของหลินเซิงมีเสียงค่อนข้างสูง ราวกับนักแสดงตัวประกอบชายในละครไทยที่ชอบทำเสียงเกินจริง เขาแต่งตัวจัดแต่ท่าทีตุ้งติ้งของเขาไม่มีผลอะไรกับคุณภาพงานของเขาในวงการบันเทิง เพราะเขามักจะรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพเสมอ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่หลินเซิงก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดในอาชีพของเขา

 

 

ถังหนิงดึงผู้จัดการคนนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นและกระซิบที่ข้างหู เมื่อได้ยินคำร้องขอของถังหนิง ผู้จัดการคนนั้นก็ทำท่าโอเคเป็นคำตอบ

 

 

“การที่คุณขอให้ช่วยจัดการกับใครสักคนเนี่ย คนคนนั้นต้องเลวร้ายสุดๆ อย่าห่วงเลย งานปฐมทัศน์ในคืนนี้จะต้องน่าตื่นเต้นแน่ๆ”

 

 

“แต่นี่จะส่งผลเสียกับเซิงเกอหรือเปล่า”

 

 

“ไม่มีทาง” ผู้จัดการคนนั้นโบกมือปัดไปมาขณะที่เขามองถังหนิง “เรื่องนี้จะเกิดขึ้นก่อนที่งานปฐมทัศน์จะเริ่ม อีกอย่างยัยเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่นสุดท้ายจะถูกบรรดาแฟนๆ ของอาเซิงถล่ม”

 

 

“ขอบคุณนะคะคุณลั่ว”

 

 

“จะสุภาพไปทำไมกันนะ อาเซิงของเรางานชุมขนาดนี้ก็เพราะ ‘โง่’ หรอกนะ”

 

 

เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการของหลินเซิงเป็นคนใจกว้าง เขารู้ดีว่าไห่รุ่ยทุ่มทุนไปกับ ‘โง่’ มากมาย ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ดีเยี่ยมที่ตามมาคงไม่มีวันเกิดขึ้นแน่

 

 

แม้หลินเซิงจะชนะรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมสามปีซ้อน เขาก็ยังพยายามทำตัวติดดินแบบเดียวกับเป่ยเฉินตง ทำให้เขาไม่มีโอกาสรับงานจากต่างประเทศมากนัก เป่ยเฉินตงเป็นคนประหลาด ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจ แต่หลินเซิงนั้นดิ้นรนเพื่อโอกาสและบทที่ดีกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เพิกเฉยต่อความเป็นไปได้ใดๆ ที่จะได้ทำงานต่างประเทศ

 

 

และ ‘โง่’ เปิดโอกาสเขาสู่ความเป็นไปได้เหล่านั้น

 

 

“ถ้างั้น ฉันจะรอฟังข่าวดีนะคะ…”

 

 

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น เฉินซิงเยียนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พบถังหนิงนั่งอยู่เพียงลำพังในห้องรับรอง

 

 

“อีกเดี๋ยว เธอไปที่งานปฐมทัศน์ก่อนได้เลยนะ พี่ลั่วได้เตรียมที่นั่งพิเศษไว้ให้เธอแล้ว”

 

 

เฉินซิงเยียนยังคงไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเธอจึงเพียงแค่พยักหน้ารับ “โอเค!”

 

 

หนึ่งทุ่มสี่สิบ บรรดาแขกเหรื่อพากันเข้าไปในโรงภาพยนตร์ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนมีชื่อเสียงหรือเป็นเพียงแฟนคลับธรรมดา ทุกคนต่างมีสิทธิ์เข้างานนี้ทั้งนั้น แน่นอนว่าบัตรเชิญที่อยู่ในมือของเฉินซิงเยียนนั่นมีไว้สำหรับแขกวีไอพีเท่านั้น ดังนั้นทันทีที่เจ้าหน้าที่เห็นบัตรเชิญดังกล่าว พวกเขาจึงบริการเธอเป็นพิเศษ

 

 

ใช้เวลาไม่นาน เฉินซิงเยียนก็เดินมาถึงที่นั่งของเธอ กระนั้นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ใครบางคนกลับเดินมาที่ที่นั่งเดียวกับเธอ เมื่อสายตาของทั้งคู่สบกัน ใบหน้าเฉินซิงเยียนก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธ เพราะคนที่มาถึงคนนั้นคือแอนนี่

 

 

ประธานหวังเองก็นั่งลงตรงที่นั่งข้างเฉินซิงเยียนเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงมองไปที่แอนนี่และกล่าว “บอกให้ผู้หญิงคนนี้ลุกขึ้นสิ…”

 

 

เมื่อศัตรูมาพบกัน สถานการณ์จึงเริ่มตึงเครียด แต่… นี่ไม่ใช่ที่ที่จะมาทะเลาะกัน ดังนั้นเฉินซิงเยียนจึงตัดสินใจที่จะแก้แค้นแอนนี่หลังจากงานจบลง

 

 

แอนนี่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเฉินซิงเยียนในสถานที่เช่นนี้ เธอยังจำสภาพน่าอดสูของเฉินเซิงเยียนในวันก่อนได้ เธอจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เธอนี่มันดื้อด้านจริงๆ นะ ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในนี้ไม่ทราบ อีกอย่าง เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เธอกำลังนั่งที่นั่งของฉันอยู่”

 

 

เฉินซิงเยียนโต้ตอบด้วยสายตาเย็นชาขณะที่เธอลุกขึ้นเพื่อชี้ไปที่ชื่อของตัวเองที่ระบุไว้บนที่นั่ง “แหกตาแล้วดูให้ดีว่านี่เป็นที่นั่งของใคร”

 

 

แอนนี่มองลงดูชื่อและหันกลับไปมองเฉินซิงเยียนด้วยความข้องใจ จากนั้นเธอจึงกวาดตามองไปทั่วโรงภาพยนตร์และพบว่าไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน

 

 

“เฉินซิงเยียน เธอมีสิทธิ์อะไรมาอยู่ที่นี่ เธอมันก็แค่สตันต์น่ารังเกียจที่จงใจมาแย่งที่นั่งของฉันเพื่อเป็นการแก้แค้น ไสหัวไปซะ!”

 

 

เมื่อหญิงสาวทั้งสองเริ่มมีปากเสียงกัน ประธานหวังจึงลุกขึ้นพูด “ที่นั่งตรงนี้เป็นของคนที่มากับฉัน เธอนั่งผิดที่หรือเปล่า เธออยากให้ฉันเรียกรปภ.มาหรือไง”

 

 

เฉินซิงเยียนหัวเราะเป็นการตอบรับ “เชิญเลย”

 

 

“เฉินซิงเยียน อย่ามาทำเป็นไม่แยแสกับความหวังดีของคนอื่นแบบนี้นะ!” พูดจบ แอนนี่ก็ส่งสัญญาณเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและบอกกับชายคนนั้น “นี่เป็นที่นั่งของฉันแต่ผู้หญิงคนนี้แย่งไป”

 

 

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประเมินสถานการณ์และรีบกล่าวขอโทษทันที “ขออภัยด้วยครับ ผมรีบไปยืนยันกับทางเจ้าหน้าที่”

 

 

“เร็วๆ ล่ะ” แอนนี่เร่งเร้า เธอไม่ต้องการยืนอยู่ในสถานการณ์น่าอับอายแบบนี้

 

 

ขณะเดียวกัน ประธานหวังก็ฉีกชื่อของเฉินซิงเยียนออกจากที่นั่งเพื่อให้แอนนี่นั่งลง

 

 

เฉินซิงเยียนชำเลืองตามองแอนนี่ขณะที่อีกฝ่ายมองกลับอย่างหยิ่งสโย

 

 

แต่ในขณะนั้นเอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบวิ่งกลับมาด้วยท่าทีเสียใจ “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่นี่เป็นที่นั่งของคุณเฉินจริงๆ กรุณาคืนที่นั่งให้เธอด้วยนะครับ”

 

 

สีหน้าของแอนนี่เปลี่ยนเป็นขาวซีด

 

 

“งั้นที่นั่งของฉันล่ะ

 

 

“บอกให้คนจัดมาหาฉันเดี๋ยวนี้” เธอออกคำสั่ง

 

 

“ขอโทษด้วยครับ ผู้จัดงานของเราบอกผมว่าที่นั่งทั้งหมดถูกจัดสรรให้แขกของเราทั้งหมดและคุณเฉินเป็นแขกวีไอพีของเรา ผมไม่คิดว่าคุณมีสิทธิ์ขอพบผู้จัดงานของเรานะครับ”

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset