“นายดูดีแล้วแน่นะ” โม่ถิงถามลู่เช่อขณะมองออกไปนอกบานกระจกที่สูงจรดเพดานของไห่รุ่ย
“ครับ ผมแน่ใจ” ลู่เช่อตอบ “ในสายตาของผู้อาวุโสซ่ง ซ่งซินเป็นหลานสาวที่เขาเชื่อว่าเขาควรภูมิใจ สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นเด็กมีพรสวรรค์และมีจิตใจดีมาก ถึงเขาจะต่อต้านเธอไม่ให้ทำงานในวงการบันเทิง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารักเธอน้อยลงเลย”
“ตาแก่นั่นไม่รู้เลยหรือไงว่าหลานสาวตัวเองชั่วร้ายขนาดไหน”
“ซ่งซินไม่เคยให้เขารู้ครับ” ลู่เช่อหัวเราะ
“ช่วยส่งคำเชิญไปที ฉันอยากพบกับตาแก่นั่น” โม่ถิงกล่าว ก่อนหันกลับมาจดจ้องไปยังกองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะของเขา “อีกอย่าง ตั้งแต่นี้ไป ถ้าไม่ใช่ปัญหาสำคัญ ให้ส่งให้ฟังอวี้จัดการ”
“รับทราบครับ”
โม่ถิงต้องการพบกับผู้อาวุโสซ่งเป็นการส่วนตัว!
ส่วนตัว!
แม้ลู่เช่อจะไม่รู้ว่าโม่ถิงต้องการทำอะไรกันแน่ จากดูจากนิสัยของเขาแล้ว ชะตากรรมของชายชราดูไม่น่าจะดีนัก
…
ผู้อาวุโสซ่งไม่คาดคิดว่าโม่ถิงจะส่งคำเชิญมาถึงเขา หลังได้ยินว่าโม่ถิงต้องการพบ เขาก็หันไปหาเลขาส่วนตัวและหัวเราะออกมา “เจ้าโม่ถิงนี่มันก็แค่นายใหญ่ของบริษัทหนึ่งในวงการบันเทิง สำหรับคนแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่ามันต้องรอคิวอีกนานแค่ไหนถึงจะได้เจอฉัน ฉันไม่ไปเจอมันหรอก!”
“ท่านรัฐมนตรีครับ ผมเกรงว่าท่านจะไม่สามารถปฏิเสธคำเชิญนี้ได้” เลขาของเขาโน้มตัวเข้ามาใกล้และกระซิบที่ข้างหูชายชรา เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชราทุบมือลงบนโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว
“กล้าดียังไง!”
“เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ท่านควรไปพบโม่ถิงจะดีกว่านะครับ ท่านเกษียณอายุแล้วและทำหน้าที่เป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น หลายสิ่งไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ เหมือนอย่างที่เคยอีกแล้ว อย่าเสี่ยงดีกว่านะครับ”
ผู้อาวุโสซ่งนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ท้ายที่สุดเขาได้พยักหน้า “จัดการมาก็แล้วกัน”
ผู้อาวุโสซ่งใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่ในแวดวงการเมือง ดังนั้นเขาจึงทั้งหยิ่งผยองและทระนง แต่โม่ถิงเข้าใจธรรมชาติของคนแบบนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงบอกลู่เช่อให้ส่งต่อข้อความง่ายๆ เพียงประโยคเดียวมาถึงผู้อาวุโส
“ก่อนหน้านี้ ผมยุ่งอยู่กับการดูแลภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ทำให้ผมไม่ได้พบกับผู้อาวุโสซ่ง ตอนนี้ผมพอมีเวลาแล้วจึงเป็นเรื่องสมควรที่ผมจะพบคุณ อย่างน้อยผมก็จำเป็นต้องรู้ว่าศัตรูของผมนั่นดีหรือเลวแค่ไหน”
ผู้อาวุโสซ่งจดจำความหยิ่งยโสของโม่ถิงและวางแผนจะสั่งสอนอีกฝ่าย
โชคไม่ดีที่เขาจะไม่มีโอกาสนั้น
คืนนั้นเอง พายุรุนแรงได้พัดเข้าสู่ปักกิ่ง ผุ้อาวุโสซ่งเดินทางมาถึงสถานที่นัดหมายด้วยรถส่วนตัวของเขาและเดินตามเลขาเข้าไปยังห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง แต่เขามาถึงช้ากว่ากำหนดไปครึ่งชั่วโมง
เดิมทีเขาคิดว่าโม่ถิงจะกำลังรอตนเองอยู่ภายในห้อง ทว่าเมื่อเข้ามาภายใน โม่ถิงกลับไม่อยู่ที่นั่น หลังจากนั้นสิบนาทีเขาจึงเดินทางมาถึง
ผู้อาวุโสซ่งนั่งลงบนเก้าอี้ ตามองไปที่ชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเจอเด็กที่เชิญผู้ใหญ่มาแต่ตัวเองกลับเป็นฝ่ายมาถึงช้ากว่าผู้ใหญ่”
โม่ถิงจัดระเบียบชุดสูทของเขาและปัดหยดน้ำฝนออกจากร่างกายก่อนที่เขาจะนั่งลงและตอบ “อย่าถือสากับการมาช้าของผมเลยครับ เพราะผมเพิ่งจะกลายเป็นพ่อและชีวิตก็ยุ่งๆ นิดหน่อย เลยกินเวลาไปบ้าง”
“เจ้าหนุ่ม แกนี่มันจองหองจริงๆ แกคิดว่าเชิญฉันมาแบบนี้แล้วพูดกดดันอะไรฉันนิดหน่อย แล้วแกจะสามารถเปลี่ยนอะไรต่ออะไรได้หรือยังไง ไร้เดียงสาจริงๆ แกควรรู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนคนหนึ่งอยู่ในจุดที่มีอำนาจ มันจะมีสิ่งล่อตาล่อใจมากมาย ภาพในวันนี้ฉันเคยเจอมาทั้งชีวิตแล้ว!” ผู้อาวุโสซ่งพยายามจะข่มขู่โม่ถิงด้วยสถานะทางการเมืองของเขา
“ผู้อาวุโสซ่งคิดว่าผมเชิญคุณมาวันนี้เพื่ออะไรงั้นหรือครับ” โม่ถิงนั่งลงตรงข้ามชายชราโดยไม่ไหวเอนไปกับคำพูดเยาะเย้ยของอีกฝ่าย
“จะมีอะไรเสียอีกล่ะ แกไม่ได้มาที่นี่เพราะเมียของแกหรือไง จากที่ฉันเห็น ถังหนิงเป็นแค่ดาราธรรมดา ถ้าวงการตัดสินใจจะแบนมัน ก็ต้องเป็นแบบนั้น แกจะสนับสนุนคนอื่นและทำให้คนพวกนั้นดังได้อยู่แล้วนี่ กับอีแค่ผู้หญิงธรรมดาคนเดียวมันมีค่าขนาดนั้นเลยหรือไง”
โม่ถิงมองไปที่ชายชรา ช่วงเวลาเพียงสั้นๆ เขาก็เข้าใจได้ว่าซ่งซินเติบโตมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
“ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะถังหนิง และไม่ได้มีเจตนาจะมากดดันคุณ ผมแค่ต้องการแสดงอะไรบางอย่างให้คุณดู” พูดจบ โม่ถิงก็หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและเปิดคลิปที่ต้วนจิ่งหงได้เตรียมไว้
“จนถึงตอนนี้ ซ่งซินเป็นคนสั่งให้ฉันทำเรื่องเลวร้ายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉันอยากพูดถึงสองเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เหตุการณ์แรก เธอสั่งให้ฉันลงมือจัดการให้ฮั่วจิงจิงโดนหมากัด เหตุการณ์ที่สองคือเธอสั่งให้ฉันไปปั่นหัวฮว่าเหวินเฟิ่งให้โจมตีถังหนิง ทำให้ถังหนิงเกือบแท้งลูก ฉันมีหลักฐานสำคัญอยู่ในมือ
“ซ่งซินไม่เคยเป็นคนดีเลย ตั้งแต่ตอนที่เป็นนักเรียน เธอใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เช่นเพื่อให้เธอได้มาถึงโรงเรียนเป็นคนแรกตลอดทั้งปี เธอทำร้ายคู่แข่งจนบาดเจ็บเพื่อที่คนพวกนั้นจะได้มาร่วมงานรับรางวัลไม่ได้ หลังจากนั้นเธอข่มขู่คนพวกนั้นไม่ให้พูดอะไร ไม่เช่นนั้นเธอจะให้ปู่ของเธอทำให้ครอบครัวของเด็กพวกนั้นต้องตกงาน
“ทันทีที่ถังหนิงขอให้ฉันยอมมอบตัวกับตำรวจ ฉันจะรีบบอกความจริงทั้งหมดกับตำรวจทันที ฉันมั่นใจว่าหลังจากตำรวจแน่ใจในสิ่งที่ฉันพูด พวกเขาจะสามารถเข้าจับกุมตัวซ่งซินได้โดยตรง…
“ซ่งซินแสดงละครเก่ง แต่เธอมีความผิดในหลายคดีที่เลวร้ายอย่างที่สุดจริงและเธอไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไปเลยสักนิด”
หลังจากคลิปดังกล่าวจบลง โม่ถิงเก็บโทรศัพท์ของตนเองและมองไปที่ชายชราที่กำลังอยู่ในความตกตะลึง “คุณคิดว่าประธานที่ทรงอำนาจของบริษัทระดับโลกคนหนึ่งจะมาเสียเวลาใส่ร้ายหลานสาว ‘แสนดี’ ของคุณไหมครับ”
ผู้อาวุโสซ่งเอื้อมมือออกไปหวังจะคว้าโทรศัพท์จากมือของโม่ถิงแต่โม่ถิงหลบหลีกเขาได้อย่างรวดเร็ว “ต้วนจิ่งหงเป็นเพื่อนที่ดีกับซ่งซินมาตั้งแต่สมัยเรียน หลังจากเรียนจบทั้งสองคนก็ยังทำงานด้วยกัน ต้วนจิ่งหงรู้ดีกว่าใครทั้งหมดว่าแท้จริงแล้วซ่งซินเป็นคนแบบไหนและรู้ทุกอย่างที่ซ่งซินทำด้วย”
“เป็นไปไม่ได้ หลานของฉันกำลังถูกใส่ความ!” ผู้อาวุโสซ่งร้องตะโกนออกมา
“เราจะได้รู้ว่ากันเป็นการใส่ความหรือเปล่าหลังจากเราโทรหาตำรวจ ต้วนจิ่งหงพร้อมที่จะมอบตัวทุกเมื่อ” โม่ถิงหัวเราะ “ต้วนจิ่งหงต้องมีเรื่องอยากพูดมากมายแน่ๆ ปล่อยให้ตำรวจเป็นคนถามเธอเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็แล้วกัน คนที่เสียหายจะได้ไม่เสียเปล่า”
ท่าทีของผู้อาวุโสซ่งตึงเครียดขึ้นขณะที่เขาวิเคราะห์ใบหน้าของโม่ถิง เขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปและเข้าใจหลักสงครามจิตวิทยาเป็นอย่างดี
แต่ชายชราไม่อาจอ่านอะไรจากใบหน้าของโม่ถิงได้เลย โม่ถิงเพียงแค่ดูไร้ความเกรงกลัวเท่านั้น
นั่นเป็นเครื่องพิสูจน์ความมั่นใจของโม่ถิง
ชายหนุ่มไม่ได้กำลังกุเรื่อง
“ฮึ่ม ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง แกคงโทรหาตำรวจไปแล้ว ทำไมถึงมาหาฉัน” ผู้อาวุโสซ่งพูดด้วยน้ำเสียงถากถาง
“ผมเป็นคนมีคุณธรรมนะ ก่อนที่ผมจะโทรหาตำรวจ ผมคิดว่าผมควรบอกให้คุณรู้เสียก่อนว่าหลานสาวคุณแท้จริงเป็นคนยังไงกันแน่และช่วยให้คุณหูตาสว่างเสียที อย่างที่เห็นว่าผู้อาวุโสซ่งค่อนข้างเป็นคนยุติธรรมและต้องการจะลงโทษคนในครอบครัวของตัวเอง ในเมื่อคุณรอให้ผมโทรหาตำรวจไม่ไหว ผมก็จะสนองให้ตามนั้น”
หลังพูดจบ โม่ถิงก็โทรหาตำรวจ แต่ในขณะที่ตำรวจรับสาย ชายชรารีบความโทรศัพท์ไปจากมืออีกฝ่ายและกดวางสายทันที “อย่าทำอะไรหุนหันสิ”
โม่ถิงมองดูชายชราด้วยรอยยิ้มขบขัน เขาไม่พูดอะไรและไม่ได้โกรธด้วย
กระนั้น ผู้อาวุโสซ่งก็ยังสัมผัสได้ถึงท่าทีราวราชันของโม่ถิง
“แกต้องการอะไร”