[ใช่ๆ การที่ต้วนจิ่งหงออกมาเรียกร้องความยุติธรรมแสดงให้เห็นว่าเธอเตรียมใจเจอสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอมีจิตวิญญาณแห่งการเสียสละจริงๆ ฉันหวังว่าซ่งซินจะไม่ถูกปล่อยให้ลอยนวลหรอกนะ]
[เป็นไปได้ว่าต้วนจิ่งหงแค่อยากแก้แค้นซ่งซินก็ได้นะ ใครจะไปรู้ เขาบอกกันว่าไม่มีหลักฐานอะไรเลยไม่ใช่เหรอ]
…
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้สนับสนุนข้างของตัวเองมากมายและคนเหล่านั้นต่างตัดสินเรื่งในครั้งนี้ในแบบที่ตนเองต้องการไว้แล้ว
ต้วนจิ่งหงยืนกรานกว่าซ่งซินมีความผิด แต่ตำรวจไม่สามารถหาหลักฐานอะไรพบ
หากเธอต้องการให้ซ่งซินชดใช้สิ่งทีได้ทำลงไป… นั่นอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากทีเดียว
ไม่แปลกใจที่เมื่อทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดนี้ ซ่งซินก็ยังคงเผชิญหน้ากับสถานการณ์ด้วยท่าทีหยิ่งผยอง…
หลังได้จริงผลลัพธ์จากการเข้ามอบตัวของต้วนจิ่งหง ถังหนิงขอให้เหล่าบอดีการ์ดพาตัวต้วนจิ่งหงกลับมาที่ไฮแอทรีเจนซี่ หลังนั้นหลังจากที่ถังหนิงกล่อมลูกชายทั้งสองของเธอเข้านอนแล้ว เธอเดินมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อพบต้วนจิ่งหงทันที
“ฉันรู้ผลแล้วล่ะ…”
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าการเอาผิดผู้หญิงคนนั้นจะยากขนาดนี้” ต้วนจิ่งหงกล่าวพร้อมเสียงสะอื้น “ถ้ากฎหมายไม่สามารถหาหลักฐานอะไรมาเอาผิดผู้หญิงคนนั้นได้ ไม่เท่ากับว่าการเสียสละของฉันต้องสูญเปล่าอย่างนั้นเหรอ ถ้าครั้งนี้ฉันทำไม่สำเร็จ ในอนาคตก็ไม่มีใครสามารถต่อกรอะไรกับมันได้อีก”
“อาจไม่เป็นแบบนั้นก็ได้!” ถังหนิงส่งสัญญาณให้ต้วนจิ่งหงนั่งลงพลางส่งกระดาษทิชชู่ให้และปล่อยให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์ลง “เมื่อก่อนซ่งซินเคยทำร้ายใครหรือเปล่า”
“ตอนเป็นนักเรียน เพื่อให้ตัวเองได้รางวัลที่หนึ่ง มันจงใจทำร้ายคู่แข่งก่อนวันมอบรางวัลเพื่อให้คนพวกนั้นมาร่วมงานไม่ได้ อีกฝ่ายรู้ว่ามันทำอะไรไว้ แต่มันใช้เส้นสายของที่บ้านจัดการปัญหา แต่ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี!”
“ผิดแล้ว! หลังจากที่เธอพูดถึงเรื่องนี้ครั้งแรก โม่ถิงได้สั่งให้ลู่เช่อเริ่มสืบเรื่องนี้ เดิมทีเราไม่เจออะไรแต่หลังจากเห็นท่าทีของซ่งซิน อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้สึกแย่กับสิ่งที่ได้เห็น ดังนั้นพวกเขาถึงได้เป็นฝ่ายติดต่อพวกเรามา คนคนนั้นบอกเราว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของซ่งซินและพวกเขามีพยาน!”
“จริงเหรอ” หัวใจต้วนจิ่งหงสัมผัสได้ถึงประกายแสงแห่งความหวัง
“เธอจะรู้เองหลังจากเธอพบกับคนพวกนั้น”
ถ้าพวกเขาสามารถเปิดโปงเรื่องนี้ได้ ไม่ว่าซ่งซินหรือผู้อาวุโสซ่งก็ไม่อาจหลุดรอดจากเงื้อมมือของกฎหมายไปได้แน่
แน่นอนว่าผู้อาวุโสซ่งไม่ทันได้ตระหนักเลยว่า ด้วยปัญหามากมายที่ซ่งซินเป็นผู้ก่อจะส่งผลถึงงานของเขาด้วย เพราะยังไงการสอบสวนจะต้องเกี่ยวข้องกับเขาด้วยเช่นกัน
…
หลังการเข้ามอบตัวของต้วนจิ่งหง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อาจหาข้อมูลอะไรได้เลย ดังนั้นเรื่องนี้จึงยิ่งทำให้อารมณ์ของซ่งซินร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม
ส่งผลให้ซ่งซินออกมาอ้างว่าไห่รุ่ยต้องการพลิกสถานการณ์และทำให้สื่อลืมเรื่องการบาดเจ็บของคุณปู่ของเธอโดยการจ้างให้ต้วนจิ่งหงออกมาแสดงละคร ในเมื่อไม่มีหลักฐานๆ จึงมีหลายคนที่เชื่อคำพูดของซ่งซิน แน่นอนว่าโลกนั้นช่างกว้างใหญ่และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ผู้คนไม่เคยเห็นไห่รุ่ยติดหล่มแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนไห่รุ่ยจะไม่มีทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้เสียแล้ว
ต่อหน้าสื่อและประชาชน คำพูดของซ่งซินฟังดูน่าเชื่อถือและเธอเล่นบทผู้เสียหายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ในครั้งนี้…
… อยู่ๆ ตำรวจได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุ
แม้ซ่งซินจะหวั่นวิตก แต่เธอเชื่อมั่นว่าคำขู่ที่เธอพูดกับลุงเฉินจะได้ผลและมีประสิทธิภาพ
ขณะที่เจ้าหน้าที่เดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ซ่งซินได้เดินตามหลังเข้าไปอย่างกระชั้นชิดและพยายามกดดันลุงเฉินด้วยสายตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“คุณคือลุงเฉินใช่ไหมครับ ช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ยังไง”
ลุงเฉินลุกขึ้นนั่งและชำเลืองตาไปที่ซ่งซิน
จากนั้นเขาจึงตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ครับ ผมจำได้…”
“ลุงเฉินยังรู้สึกไม่ค่อยดีนัก อย่ารบกวนเวลาเขามากเลยนะคะ”
“พูดมาได้เลยครับ”
“ที่จริงอุบัติเหตุในครั้งนี้มันไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่เห็นภายนอก มันเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น…” ลุงเฉินชี้ไปที่ซ่งซิน “… เธอเข้ามารบกวนการขับรถของผมแล้วทำให้ผมขับรถชน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับไห่รุ่ย ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น!”
ลุงเฉินพูดจบ สีหน้าซ่งซินก็เปลี่ยนไป “ลุงเฉิน กล้าดียังไงมาพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าตำรวจแบบนี้”
“ผมแน่ใจว่าการ์ดบันทึกข้อมูลในรถของผมจะแสดงให้คุณตำรวจเห็นได้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันไร้สาระหรือเปล่า” ลุงเฉินคำราม “ผมทำงานให้ตระกูลซ่งมานานหลายปี แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณหนูใหญ่จะน่ารังเกียจถึงขนาดสั่งให้ผมปิดบังความจริงแบบนี้!”
“เป็นไปไม่ได้! กล้องหน้ารถไม่มีทางเก็บภาพอะไรที่แกกำลังพูดได้หรอก!”
“รถของตระกูลซ่งได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ด้วย ผู้อาวุโสซ่งอยู่ในตำแหน่งที่ทรงอำนาจ ดังนั้นท่านจึงกังวลเรื่องการถูกข่มขู่และถูกคนอื่นหลอกใช้เสมอ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของซ่งซินซีดเผือด
“เป็นไปไม่ได้ แกโกหก!”
“เฉินเหลียงคนนี้ขับรถมาตลอดชีวิตและเป็นคนที่ปฏิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอด ผมจะไม่ปิดบังอะไรตำรวจทั้งนั้นและไม่มีทางใส่ร้ายคุณเช่นกัน จิตใต้สำนึกของคุณอาจจะยอมให้คุณทำแบบนั้น แต่ของผมไม่
หัวหน้าทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจหันกลับไปพูดกับเพื่อนร่วมงานของเขา “อย่าลืมไปสืบดูกล้องในรถด้วย”
เมื่อเห็นว่าตำรวจกำลังลงมือสืบสวน ซ่งซินรีบวิ่งไปคว้าพวกเขาไว้ทันที “อย่าไปนะ พวกคุณไปไม่ได้!”
เหล่าเจ้าหน้าที่มองดูเธอด้วยท่าทีขบขัน ดูเหมือนพวกเขาไม่จำเป็นต้องไปดูกล้องในรถก็รู้ความจริงแล้ว
ซ่งซินถูกผลักลงไปกองกับพื้น เธอพลันรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเพราะเธอตระหนักได้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้วที่เธอจะขัดขวางไม่ให้ความจริงถูกเปิดเผย
อีกไม่นานทั้งปักกิ่งจะรู้ว่าเธอถูกคนขับรถของบ้านตัวเองแหกหน้า
[หน้าด้านจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจจะโยนความผิดให้ไห่รุ่ย โชคดีที่คนขับรถคนนั้นเป็นคนดี!]
[เธอก่ออุบัติเหตุด้วยตัวเอง แล้วยังพยายามใส่ร้ายไห่รุ่ยอีก ฉันไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่านี้มาก่อนเลย]
[ฉันเริ่มเชื่อสิ่งที่ต้วนจิ่งหงพูดแล้วสิ แค่ดูจากอุบัติเหตุนี่ก็รู้แล้วว่าซ่งซินเป็นคนยังไง]
[ฉันก็เชื่อต้วนจิ่งหงเหมือนกัน!]
ขณะเดียวกัน ในที่สุดไห่รุ่ยก็ออกมาพูด พวกเขามีบางสิ่งจะประกาศในวันพรุ่งนี้!
ดูเหมือนพวกเขาจะกำลังเปิดศึกครั้งสุดท้ายกับซ่งซิน
การที่ไห่รุ่ยกำลังจะออกมาเคลื่อนไหวนั้นหมายความว่าเรื่องนี้กำลังจะถึงจุดไคลแมกซ์และจุดจบกำลังใกล้เข้ามาแล้ว