ถังหนิงไม่ได้เปิดโปงเรื่องของทั้งคู่ เธอเพียงแค่ยิ้ม ต่อให้อันจื่อเฮ่าสามารถซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้แต่ แต่เฉินซิงเยียนทำไม่ได้
“ตอนนี้เด็กๆ ก็คลอดออกมาแล้ว คุณจะกลับมาถ่ายหนังไหม” อันจื่อเฮ่าเริ่มคิดถึงอนาคตของถังหนิงไว้ล่วงหน้า “การแสดงของคุณยอดเยี่ยม คุณจะทิ้งมันไว้แบบนั้นไม่ได้นะ ทีมงานของ ‘ชายาหนิง’ กำลังรอคุณอยู่”
แววตาถังหนิงเปลี่ยนเป็นอ่อนโอนขณะที่เธอมองดูเฉินซิงเยียนอุ้มหนึ่งในลูกชายของเธอ “ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังเถอะนะ ตอนนี้เจ้าตัวแสบสองคนนี้ยังออกหาจากฉันไม่ได้”
“คุณยังไม่ได้วางแผนจะประกาศเรื่องนี้งั้นเหรอ”
“ฉันจะปล่อยให้เรื่องของซ่งซินเป็นหัวข้อข่าวตอนนี้ไปก่อน”
สายตาอันจื่อเฮ่าแฝงความคิดบางอย่างขณะที่เขามองไปที่ถังหนิง เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องร้ายต่างๆ ในวงการบันเทิงที่ถังหนิงได้ประสบจะทำให้เธอไม่สะทกสะท้าน แต่ในความเป็นจิงเธอก็ยังคงมีเปลวไฟแห่งความหลงใหลในการแสดงอยู่
กระนั้น ในตอนนี้ คนทั้งประเทศกำลังจับตามองชะตากรรมของซ่งซิน คนดังที่ก่อคดีอาชญากรรม เรื่องราวน่าตื่นเต้นนี้ไม่ใช่อะไรที่จะจางหายไปได้ง่ายๆ …
เมื่อถึงตอนที่โม่ถิงเดินทางกลับมาถึงบ้านในตอนค่ำ เฉินซิงเยียนและอันจื่อเฮ่าได้กลับไปแล้ว โม่ถิงกอดถังหนิงเป็นสิ่งแรกก่อนจะเดินตรงไปดูลูกทั้งสอง…
“ผมบอกให้ลู่เช่อติดต่อคนสองสามคน พวกเขาจะ ‘ดูแลซ่งซินเป็นอย่างดี’ ”
“ชีวิตที่เหลือในคุกของเธอฟังดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นะ…” ถังหนิงหัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยนพลางส่ายศีรษะไปมา
ตลอดชีวิตงั้นเหรอ จะเป็นแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อซ่งซินเอาชีวิตรอดอยู่ได้นานขนาดนั้นเท่านั้นแหละ!
แน่นอนว่าดม่ถิงไม่ได้พูดในสิ่งที่เขากำลังคิดออกมา กระนั้นการพูดถึงซ่งซินทำให้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและดำมืด
…
ขณะเดียวกัน หลังอันจื่อเฮ่าพาเฉินซิงเยียนกลับมายังอะพาร์ตเมนต์ของเขาแล้ว เขาได้ขับรถออกไปข้างนอกอีก
เฉินซิงเยียนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะมุ่งหน้าไปไหน เธอเพียงแต่เข้าไปอาบน้ำและรอการกลับมาของอีกฝ่ายอยู่ที่โซฟาอย่างใจเย็น แต่ในขณะนั้น อันจื่อเฮ่าได้เดินทางมายังย่านเมืองเก่าและเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งอย่างคุ้นเคย
พ่อของอวิ๋นซินโทรหาเขาว่าแม่ของอวิ๋นซินล้มป่วย นับตั้งแต่การตายของอวิ๋นซิน อันจื่อเฮ่าได้เข้ามาเป็นคนดูแลพ่อแม่ของเธอ แม้เขาจะไม่ได้เข้ามาเยี่ยมทั้งสองบ่อยนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่มีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้น เขาจะเข้ามาดูแลด้วยตัวเอง
“จื่อเฮ่า ป้าอวิ๋นของเจ้าไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจแล้วหมอก็แนะนำว่าเธอควรจะไปรับการรักษาที่ต่างประเทศ ฉันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เราควรทำยังไงดี”
“คุณลุง อย่าเพิ่งวิตกไปเลยครับ ให้ผมดูคุณป้าก่อนนะ” อันจื่อเฮ่ากล่าวก่อนจะผลักประตูเข้าไปยังห้องนอนของป้าอวิ๋น เมื่อเขาได้เห็นหญิงชรากำลังนอนอยู่บนเตียง เขาเดินตรงเข้าไปหาเธอและเอ่ยถาม “คุณป้า เป็นยังไงบ้าง”
“จื่อเฮ่า… มาแล้วเหรอ” ป้าอวิ๋นดูทรุดโทรมและลมหายใจของเธอช่างอ่อนแรง แต่เธอยังคงสามารถคว้ามือของอันจื่อเฮ่าเอาไว้ได้ “จื่อเฮ่า ป้าเจ็บจริงๆ อย่าทิ้งพวกเราไปเลยนะ… อย่าแต่งงานใหม่แล้วลืมอวิ๋นซินของพวกเรานะ”
“คุณป้า ต่อให้ผมแต่งงานใหม่ ผมก็จะยังดูแลคุณลุงคุณป้าแทนอวิ๋นซิน” อันจื่อเฮ่าตอบอย่างใจเย็น
“ไม่ได้!” ป้าอวิ่นพลันคำรามออกมา “เธอเป็นของอวิ๋นซิน เธอจะแต่งงานกับใครหน้าไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าเธอเจอผู้หญิงคนอื่น ป้าคงอยู่ต่อไปอีกไม่ได้!”
อันจื่อเฮ่าพูดอะไรไม่ออก
ลุงอวิ๋นยืนอยู่เบื้องหลังคนทั้งสอง เมื่อเห็นอันจื่อเฮ่าค่อนข้างผิดหวัง เขารีบเข้าไปปลอบโยนภรรยาของตัวเองทันที “เขาไม่แต่งหรอกนะ จื่อเฮ่าจะไม่มีวันลืมอวิ๋นซิน”
อันจื่อเฮ่าไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว หลังไปเยี่ยมคนทั้งสอง เขากระโดดขึ้นรถและขับออกจากย่านนั้น หลังจากกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ของตัวเอง เขาไม่เล่าอะไรให้เฉินซิงเยียนฟังเลยแม้แต่คำเดียว
อวิ๋นซินก็คืออวิ๋นซิน เธอเป็นอดีตไปแล้ว เขาตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับพ่อแม่ของอวิ๋นซิน ดูเหมือนพวกเขาจะกลัวว่าเขาจะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่เพราะพวกเขาเอาแต่พึ่งพาอันจื่อเฮ่ามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แต่… ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องแต่งงานใหม่ไม่ใช่เหรอ
“ทำไมเธอยังไม่นอนอีก” อันจื่อเฮ่าถามเมื่อเห็นเฉินซิงเยียนนั่งคุดคู้อยู่ที่โซฟา เขาเดินตรงไปและปิดโทรทัศน์ “พรุ่งนี้เธอมีคิวแน่นนะ อย่าดื้อสิ ไปนอนซะ”
“แต่…”
อันจื่อเฮ่าไม่พูดอะไรอีกขณะที่เดินตรงไปยังห้องทำงาน
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขารู้สึกผิดหวังแม้เขาจะรู้ดีว่าพ่อแม่ของอวิ๋นซินไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขาก็ตามที…
เฉินซิงเยียนแอบเข้าไปในห้องทำงานและนั่งลงบนตักของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ “ไปนอนกับฉันไหม”
“ฉันยังมีเรื่องต้องทำ”
“นายไม่มีอะไรต้องทำสักหน่อย!” เฉินซิงเยียนจับโกหกเขา
“ฟังฉันนอน ไปนอนซะ”
“มีอะไรทำให้นายหงุดหงิดสินะ” เฉินซิงเยียนพูดหลางเขย่าคอของอันจื่อเฮ่า “ฉันได้ยินคำถามที่พี่หนิงถามนายวันนี้ ทำไมนายถึงไม่ยอมรับมันล่ะ”
“ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวไปต่อกรกับโม่ถิง” อันจื่อเฮ่ากล่าวพลางจ้องตาของเฉินซิงเยียน อีกทั้งเขายังต้องแก้ปัญหาเรื่องพ่อแม่ของอวิ๋นซินด้วย
“ทำไมเขาถึงมีสิทธิ์มาตัดสินเรื่องสำคัญในชีวิตของฉันล่ะ” เฉินซิงเยียนพูดถากถาง “ฉันจะแต่งงานกับใครก็ได้ที่ฉันต้องการ…”
ได้ยินคำว่า ‘แต่งงาน’ อันจื่อเฮ่ากลับหัวเราะออกมาอย่างฉับพลันพลางประคองแก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวและถาม “เธอยังไม่เข้าใจฉันจริงๆ เลยด้วยซ้ำ เธอรู้ได้ยังไงว่าเธอจะไม่เสียใจทีหลัง”
“นายจะทำให้ฉันเสียใจหรือไงล่ะ”
“ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดให้เธอมีความสุข” อันจื่อเฮ่าตอบพลางอุ้มเฉินซิงเยียนไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินออกจากห้องทำงานไปยังห้องนอน “ตอนนี้เธอจะไปนอนได้หรือยัง”
เฉินซิงเยียนจดจ้องไปที่อันจื่อเฮ่าอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่พูดอะไร ท้ายที่สุดเธอพยักหน้าและหลับตาลงก่อนจะหลับไป แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้คืนนี้เธอรู้สึกกระวนกระวายนิดหน่อย
เธอสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับอันจื่อเฮ่า เมื่อใครบางคนรักคนคนหนึ่งอย่างลึกซึ่ง พวกมักจะกลายเป็นคนเซนซิทีฟและหวาดระแวงเสมอ อันจื่อเฮ่าเป็นรักแรกของเธอ ดังนั้นเธอจึงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับความสัมพันธ์และไม่เกรงกลัวสิ่งใด แต่สำหรับอันจื่อเฮ่าล่ะ
ท้ายที่สุด อันจื่อเฮ่าใช้เวลาทั้งคืนคิดตริตรองอยู่ในห้องทำงาน ก่อนพบเฉินซิงเยียน เขาไม่เคยนึกภาพว่าตัวเองจะตกหลุมรักใครได้อีก ดังนั้นเขาจึงไม่เคยจัดการกับพ่อแม่ของอวิ๋นซินอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้เขารู้สึกผิดที่เขาไม่ได้จัดการเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ดูเหมือนเขาจำเป็นต้องอธิบายให้ผู้อาวุโสทั้งสองเข้าใจว่าเขาเป็นห่วงคนทั้งสองเพราะความรักที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมีให้กับลูกสาวของทั้งสอง แต่เขาไม่ได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น!
เช่นเดียวกับเหตุผลที่เขาไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์กับถังหนิงล่ะ นั่นเป็นเพราะก่อนที่จะเขาแก้ปัญหานี้ เขาไม่รู้ว่าจะสามารถรับประกันความสุขของเฉินซิงเยียนได้อย่างไร
โม่ถิงคุ้นเคยกับการรักและเอาใจใส่ภรรยาของตัวเอง เขาจะไม่มีวันยอมให้อันจื่อเฮ่าทำอะไรที่เป็นปัญหาซึ่งอาจทำร้ายเฉินซิงเยียนอนาคต
…
หลายวันหลังจากนั้น ในที่สุดศาลก็ตัดสินคดีของซ่งซิน เพราะการที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนมากมาย ศาลจึงได้ประกาศคำตัดสินสู่สาธารณะเพื่อให้คนทั้งประเทศได้เห็นคำพิพากษาสุดท้ายของเธอ
คุกเป็นสถานที่ที่ทุกข์ทรมานกว่าที่ซ่งซินเคยจินตนาการถึง ใช้ช่วงเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ ซ่งซินดูหมดหนทางและอ่อนแรงอย่างมาก เธอได้เปลี่ยนแปลงไปจากคนที่ครั้งหนึ่งเคยหยิ่งยโสโดยสิ้นเชิง
ในขณะที่ต้วนจิ่งหงดูไม่สะทกสะท้าน
ท้ายที่สุด ซ่งซินถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกยี่สิบปีในข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเจตนา…
ยี่สิบปี…
เมื่อได้ยินตัวเลขดังกล่าว ซ่งซินก็ทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นและเริ่มส่งเสียงอ้อนวอน…
“ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะ! ฉันไม่อยากติดคุก! ฉันไม่อยากเข้าไปอยู่ในคุก!”
ทว่าการได้เห็นเธอเป็นเช่นนั้นกลับทำให้คนส่วนใหญ่คิดถึงคำสามคำ สมน้ำหน้า!