เฉินซิงเยียนเอนตัวพิงแผ่นอกของอันจื่อเฮ่าและสงบอารมณ์ของเธอลง “แล้วเมื่อไหร่… เราถึงจะทำได้ล่ะ”
“ฉันไม่แน่ใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้” พูดจบ อันจื่อเฮ่าก็ตบหลังของอันจื่อเฮ่าเบาๆ เป็นสัญญาณให้เธอลุกขึ้น “ฉันจะไปอาบน้ำหน่อย…”
“กลั้นไว้แบบนี้จะโอเคจริงเหรอ” อันจื่อเฮ่าหัวเราะพลางมองอีกฝ่ายที่กำลังงุ่นง่าน
“เพราะอย่างนั้นเธอถึงควรเลิกยั่วฉันสักที” อันจื่อเฮ่ากล่าวงก่อนจะรีบตรงเข้าไปในห้องน้ำและใช้น้ำเย็นล้างตัว กระนั้นเขาก็ฝันถึงการได้สัมผัสร่างกายอันนุ่มลื่นของเฉินซิงเยียนเหมือนอย่างที่เขาทำเมื่อครู่ ความรู้สึกนั้นช่างมอมเมาเสียจนเขาแทบจะควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่
อาจเป็นเพราะการประสบกับความสุ่มเสี่ยงในความสัมพันธ์ เฉินซิงเยียนจึงพลันรู้สึกอ่อนไหวในการใช้ชีวิตมาก
คืนนั้น ขณะที่อันจื่อเฮ่าเอนตัวลงบนเตียงพร้อมจะเข้านอน เฉินซิงเยียนกลับปรากฏตัวที่ประตูโดยกอดหมอนของเธอเอาไว้ “คืนนี้ฉันขอนอนด้วยคนได้ไหม”
อันจื่อเฮ่าอึ้งเล็กน้อย ในขณะที่เขากำลังจะตอบนั้น เฉินซิงเยียนรีบพูดเสริมขึ้น “ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรไม่คิด”
อันจื่อเฮ่าจ้องมองเฉินซิงเยียนอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเขาก็ไม่อาจปฏิเสธเธอได้ “ฉันหวังว่าเธอจะไม่เสียใจทีหลังนะ” พูดจบ เขาก็ขยับตัวอย่างงุ่มง่ามและเสนอที่นอนอีกครึ่งเตียงให้เธอ
เฉินซิงเยียนกระโดดขึ้นมาบนเตียงและโถมตัวเข้าหาอ้อมแขนของอันจื่อเฮ่า ความรู้สึกที่เสียไปกลังคืนกลับมาทำให้เธอสัญญากับตัวเองว่าเธอจะไม่ทะเลาะกับอันจื่อเฮ่าอีกแล้ว
อันจื่อเฮ่าบรรจงลูบไปบนเรือนผมของเฉินซิงเยียน ในเวลานั้น ทั้งสองเพียงแค่สัมผัสถึงความรักที่มีต่อกันและกันโดยไม่มีความปรารถนาอื่นใดเจือปน ขณะที่ทั้งสองกอดกันและกันไว้แน่น พวกเขาค่อยๆ ผล็อยหลับไปอย่างช้าๆ …
…
เช้าวันต่อมาก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น ถังหนิงโทรหาอันจื่อเฮ่าขณะที่เธอกำลังให้นมเด็กๆ “สงบสติอารมณ์เด็กคนนั้นได้หรือยัง”
“อื้อ” อันจื่อเฮ่ากล่าวพลางมองหญิงสาวที่ยังหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“คุณนอนด้วยกันงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” อันจื่อเฮ่าอธิบาย “ผมไม่ได้…”
ได้ยินดังนั้น ถังหนิงก็หัวเราะออกมา “ฉันไม่เคยคิดว่าคุณจะเป็นคนหัวโบราณแบบนี้ ฉันพนันว่าเฉินซิงเยียนต้องการกินคุณทั้งตัวแล้วแน่ๆ”
“เธอยังเด็กอยู่นะ…”
“ฉันแค่โทรมาแสดงความเป็นห่วงเฉยๆ คุณกลับไปนอนได้แล้ว” ถังหนิงกล่าวอย่างมีนัย หลังจากเธอวางสายโทรศัพท์ ร่างสูงกำยำก็พลันปรากฏตัวขึ้นและโอบกอดเธอจากด้านหลัง
“หมู่นี้คุณโทรศัพท์ตอนที่ผมไม่อยู่บ่อยๆ เหรอครับ” โม่ถิงโอบกอดทั้งแม่และลูกเอาไว้พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกอันทรงเสน่ห์ที่แฝงไปด้วยความอันตราย
“มันเป็นเรื่องมีความหมายนะคะ แกล้งทำเป็นว่าคุณไม่รู้เรื่องของอันจื่อเฮ่ากับเฉินซิงเยียนแล้วกัน” ถังหนิงยิ้ม “คุณไม่ได้หึงใช่ไหม”
“จากนี้ไปเวลาคุณมาให้นมเด็กๆ เรียกผมให้มาด้วยนะ ถ้าผมอุ้มไว้คนหนึ่ง คุณจะได้ไม่ลำบากเกินไป”
“เรื่องนั้นคุณช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ อีกอย่างไห่รุ่ยเองก็ยุ่งมากอยู่แล้ว ฉันไม่อยากให้คุณนอนไม่พอ” หลังให้นมถังถังเสร็จแล้ว ถังหนิงวางเด็กน้อยลงและหันไปเอาแขนโอบรอบเอวของโม่ถิง “ฉันจัดการได้ แค่มีคุณอยู่ใกล้ๆ ฉันก็รู้สึกสบายใจพอแล้ว ฉันแค่ต้องตื่นเช้าขึ้นอีกหน่อยเท่านั้นเอง”
“ผมเป็นผู้ชายนะ คุณกลัวว่าผมจะนอนไม่พองั้นเหรอ” โม่ถิงอุ้มถังหนิงไว้ในอ้อมแขนและพาเธอออกจากห้องเลี้ยงเด็ก “อีกอย่าง ผมเป็นสามีของคุณแล้วก็เป็นพ่อของลูกๆ เราด้วย การดูแลคุณเป็นความรับผิดชอบสำคัญที่สุดของผม”
ถังหนิงไม่พูดอะไรขณะที่เธอโน้มตัวแนบชิดลำคอของโม่ถิง
“ไม่ต้องห่วง คุณไปถ่ายโฆษณาเถอะ ต่อให้คุณไม่อยู่บ้าน ผมก็ยังดูเจ้าสองแสบได้เป็นอย่างดี”
ถังหนิงไม่เคยรู้สึกกังขาในเรื่องนี้ โม่ถิงได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดูแลเด็กๆ ไปแล้ว แค่สองแสบยื่นแขนออกมาเขาก็รู้แล้วว่าเด็กๆ ต้องการอะไร
“ตกลงค่ะ มีคุณอยู่ฉันก็วางใจ”
ดังนั้นในเช้าวันต่อมา ฟังอวี้จึงถูกเรียกมาที่ห้องประธาน เพราะโม่ถิงมีสองสามเรื่องต้องสั่งการ
“ฉันจะไม่เข้าออฟฟิศตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้นายเป็นคนดูแลได้เลย”
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณถังหนิงงั้นเหรอครับ”
โม่ถิงชำเลืองตามองอีกฝ่ายและตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ฉันจะอยู่บ้านดูแลพวกเด็กๆ …”
ฟังอวี้อยากจะหัวเราะออกมาแต่เขากลัวเกินกว่าจะทำเช่นนั้น เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นโม่ถิงลาหยุด อย่าว่าแต่การอยู่บ้านเพื่อดูแลเด็กๆ เลย นั่นเป็นหน้าที่ที่พี่เลี้ยงควรจะเป็นคนทำ แต่ทั้งถังหนิงและโม่ถิงมักจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอทั้งที่ทั้งคู่ก็ยุ่งแบบสุดๆ ไม่แปลกใจที่ทุกคนในออฟฟิศจะเริ่มตั้งฉายาให้เขาว่า ‘ปะป๊าถิง’
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลเรื่องต่างๆ ให้เอง”
แน่นอนว่าเมื่อเป็นเรื่องของการเป็นพ่อ ฟังอวี้ต้องยอมแพ้ให้กับโม่ถิง เพราะเขาเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในช่วงวัยเด็กส่วนใหญ่ของฟังเย่ว์
แม้หลายสิ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อมีฮั่วจิงจิงอยู่ข้างๆ แต่เวลาเหล่านั้นได้ล่วงเลยไปแล้วและไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก
“ส่วนเรื่องคุณถังหนิง ผมควรจ้างผู้ช่วยให้เธอสักคนไหมครับ” ฟังอวี้ถามอย่างพินิจพิจารณา เขาคิดไว้แล้วว่าหากโม่ถิงอยู่บ้าน นั่นหมายความว่าถังหนิงต้องออกไปทำงาน
“ลู่เช่อจะคอยอยู่เป็นเพื่อนถังหนิง ตอนนี้ฉันไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น”
“รับทราบครับ”
ในที่สุดถังหนิงก็กำลังจะกลับมาทำงาน แม้วงการนี้จะไม่ได้ขาดแคลนคนดัง แต่การได้เห็นถังหนิงฟันฝ่าสร้างเส้นทางให้ตัวเองในวงการก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่เป็นเห็น เธอเป็นนักแสดงหญิงที่หาได้ยากและไม่ควรปล่อยให้ไร้ประโยชน์ ต่อให้เป็นความต้องการของโม่ถิง คนอื่นก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
ถังหนิงกำลังถ่ายทำโฆษณา…
เป็นเวลานานแล้วนับตั้งแต่ถังหนิงมีผลงานล่าสุดออกมา ครั้งนี้เธอกำลังจะได้ใช้ความสามารถต่างๆ ของเธอในการชนะใจคนทั้งวงการบันเทิง
…
ในขณะเดียวกัน หลังจากลุงอวิ๋นและป้าอวิ๋นจากไปแล้ว อันจื่อเฮ่าคิดว่าในที่สุดเขาก็ได้รับความสงบสุขเสีย แต่กลับกันเมื่อน้องชายของอวิ๋นซินได้มาหาเขาถึงที่
“นายมาทำอะไรที่นี่” อันจื่อเฮ่ายืนพิงทางเข้าบ้านโดยไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปภายในบ้านของเขา
“พ่อกับแม่บอกฉันว่านายไม่คิดจะดูแลพวกเขาอีกแล้ว” น้องชายของอวิ๋นซินมองหน้าอันจื่อเฮ่าแบบไม่เชื่อสายตา “อะไรกัน ตอนนี้นายได้ของเล่นใหม่แล้วเลยตัดสินใจจะลืมพี่สาวฉันหรือไง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ มาดูแลครึ่งๆ กลางๆ แล้วทิ้งไปง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง นายคิดจะให้ฉันทำอะไรกันแน่ ฉันเพิ่งจะแต่งงานมาได้พักเดียว นายคิดจะให้ฉันแบกรับความรับผิดชอบของคนทั้งบ้านได้ยังไง”
“นายไม่มีแขนขาหรือไง นายไม่ควรมาถามฉันเรื่องความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวนายเองนะ” อันจื่อเฮ่าตอบอย่างหนักแน่น
“ไม่มีทาง ทำไมนายถึงได้ใจดำขนาดนี้!” น้องชายของอวิ๋นซินพูดถากถางก่อนที่เขาจะสอดส่ายสายตามองผ่านช่องระหว่างประตู “ฉันได้ยินมาว่าตอนแรกนายวางแผนจะยกอะพาร์ตเมนต์นี้ให้พ่อแม่ฉัน แต่นายก็กลับคำพูด ฉันไม่เคยเจอใครปลิ้นปล้อนเท่านายมาก่อน…”
“บอกมาว่านายต้องการอะไร หยุดพูดไร้สาระสักที”
“ถ้านายยกอะพาร์ตเมนต์นี้ให้ฉัน ฉันจะไม่มาสร้างปัญหาอะไรอีก” น้องชายของอวิ๋นซินกล่าว “ไม่งั้นฉันจะมาที่นี่ทุกวันแล้วทักทายกับแฟนใหม่นายสักหน่อย”
ดูเหมือนเขาจะไม่รู้เลยว่าเฉินซิงเยียนได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก
ดังนั้นเมื่อเฉินซิงเยียนเปิดประตูออกมาและพบแขกของพวกเธอ น้องชายของอวิ๋นซินเริ่มผิวปากใส่เธอ “ไม่เลวนี่หว่า น่ารักดีนี่…”
เฉินซิงเยียนโกรธพลางเอ่ยถามอันจื่อเฮ่า “หมอนี่ใคร”
“น้องชายของอวิ๋นซิน…”
“ฉันต่อยมันได้ไหม”