วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 746 อะไรที่เป็นของหนิงของฉัน ใครก็มาขโมยไปไม่ได้ทั้งนั้น

“บางครั้งเราก็จำเป็นต้องเสียเวลารอบทดีๆ และฉันไม่กลัวถ้าจะต้องรอ” ถังหนิงกล่าวก่อนจะผลักบทละครกลับไปหาอันจื่อเฮ่า “ขอโทษนะ จื่อเฮ่า”

 

 

อันจื่อเฮ่าอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา “แบบนี้ก็สมกับเป็นคุณดีนะ สมกับเป็นถังหนิงที่ผมรู้จัก ไม่เป็นไรหรอก ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ”

 

 

“ละครเรื่องนี้มีโอกาสดังเป็นพลุแตก แต่… ฉันรู้สึกว่าแค่การถ่ายทำอย่างดีมันยังไม่พอ ตัวเนื้อเรื่องเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ผลงานคลาสสิกชิ้นเอกจะถูกรังสรรค์ได้ก็ต่อเมื่อความละเอียดอ่อนอย่างมีศิลป์ของนักเขียนได้รับการยกย่องเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความโด่งดังเพียงชั่วคราวและถูกลืมเลือนหลังจากนั้น”

 

 

ถังหนิงเข้าใจสิ่งนี้ดียิ่งกว่าใครทั้งนั้น!

 

 

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋อวี๋ได้ก็รับข่าวเรื่องที่ถังหนิงปฏิเสธบทของตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้ไป๋อวี๋ค่อนข้างสับสน สำหรับในประเทศจีน ทีมสร้างอย่างเรื่อง ‘ชายาหนิง’ นั้นถูกจัดว่าน่าจับตามองและมีแววจะได้รับความนิยม แต่ถังหนิงก็ยังปฏิเสธ หรือเป็นเพราะบทในฐานะนางเอกของเธอถูกฉกไป เมื่อคิดเช่นนั้นริมฝีปากไป๋อวี๋เริ่มเผยรอยยิ้มอันเย็นชา

 

 

การฉกชิงมันเป็นเรื่องปกติในวงการบันเทิงไม่ใช่หรือไง ทำไมถังหนิงถึงได้คิดเล็กคิดน้อยนัก

 

 

ไป๋อวี๋อยากรู้สิ่งที่ถังหนิงคิดอยู่ในหัวจริงๆ  สมองผู้หญิงคนนั้นทำจากถั่วกวนหรือไงกัน

 

 

แต่กระนั้น ไม่ว่าถังหนิงจะมีเหตุผลอะไรถึงได้เลือกที่จะปฏิเสธบทของ ‘ชายาหนิง’ ไป๋อวี๋ก็ได้สร้างประเด็นร้อนให้ทุกคนได้ถกเถียงกัน

 

 

ดังนั้นพาดหัวข่าวเช่นนี้จึงได้เริ่มปรากฏขึ้น

 

 

‘ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ไป๋อวี๋ กลับคืนวงการ บทนางเอกของถังหนิงถูกฉกไปแล้ว!’

 

 

‘‘ชายาหนิง’ ประกาศเปลี่ยนตัวในนาทีสุดท้ายให้ไป๋อวี๋ได้บท ถังหนิงชวดบทนางเอก’

 

 

บทความทุกรูปแบบแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวไฟป่า แต่ทุกบทความล้วนมีนัยเดียวกันคือเดิมทีถังหนิงเป็นผู้ได้รับเลือกให้เล่นบทนางเอกของเรื่อง ‘ชายาหนิง’ แต่กลับถูกแทนที่โดยไป๋อวี๋ ทุกคนต่างพยายามคาดเดาเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เนื่องจากถังหนิงเพิ่งจะคลอดลูก ทุกคนจึงทึกทักไปเองว่าอาจเป็นเพราะร่างกายของถังหนิงยังไม่กลับคืนมาโดยสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋อวี๋เป็นผู้มีชื่อเสียงระดับโลกจึงไม่อาจมองข้ามได้ เช่นเดียวกับความสามารถในการแสดงของเธอที่ได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ทีมผู้จัดจะเลือกไป๋อวี๋แทนที่จะเลือกถังหนิงเพราะไป๋อวี๋มีภาษีดีกว่า

 

 

[ถังหนิงเป็นคนที่ขโมยบทของคนอื่นมาตลอด พอตอนนี้โดนคนอื่นแยกบทไปบ้าง ทำเอาฉันรู้สึกสะใจแบบแปลกๆ แฮะ]

 

 

[ถ้าพูดเรื่องประสบการณ์แล้วละก็ ถังหนิงยังตามหลังไป๋อวี๋อีกไกล เป็นธรรมดาที่ผู้จัดเลือกจะเปลี่ยนคน]

 

 

[เมื่อก่อนไป๋อวี๋เป็นสาวในฝันของฉันเลยนะ ไม่นึกเลยว่าจะกลับมาแสดงอีก ฉันละตั้งตารอดูเลย!]

 

 

[ไป๋อวี๋เล่นบทละครคลาสสิกมาเยอะ ฉันนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าตอนนั้นถังหนิงทำอะไรอยู่]

 

 

แน่นอนว่าบรรดาแฟนคลับของถังหนิงออกมาตอบโต้

 

 

[อะไรที่เป็นของถังหนิงของฉัน ใครก็มาขโมยไปไม่ได้ทั้งนั้น ยกเว้นแต่ถังหนิงจะตั้งใจยกให้เอง]

 

 

[อย่าทำเหมือนไป๋อวี๋สูงส่งเกินเอื้อมไปหน่อยเลย ถ้าพูดถึงเรื่องการแสดง ถังหนิงของเราไม่มีทางแพ้หรอก]

 

 

[พวกเธอชมไป๋อวี๋ไปได้ยังไงกัน บทที่เคยเล่นเมื่อก่อนก็มีแต่บททื่อๆ เป็นตัวละครไร้สมองทั้งนั้น มันน่าภูมิใจตรงไหนกัน]

 

 

[ร่างกายถังหนิงของเราไม่มีอะไรผิดปกติสักหน่อย แล้วลูกๆ ของเธอก็ไม่เกี่ยวอะไรด้วยทั้งนั้น]

 

 

เมื่อดูจากความดุเดือดระหว่างแฟนคลับของทั้งสองฝ่าย เห็นได้ชัดว่า ‘ชายาหนิง’ ได้กลายเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมไปแล้ว

 

 

กระนั้น ในเวลาเช่นนี้ ถังหนิงไม่อาจออกมาพูดแก้ต่างอะไรให้ตัวเองได้ หากเธอออกมาพูดว่าเธอถูกแทนที่ นั่นจะหมายความว่าเธอไม่ดีเท่าไป๋อวี๋ แต่ถ้าเธอบอกทุกคนว่าเธอเป็นคนปฏิเสทบทดังกล่าวและละครได้รับความนิยม ผู้คนจะพูดว่าเธอแหกหน้าตัวเองและโง่ที่ไม่ยอมรับบทที่สามารถช่วยให้เธอก้าวหน้าได้

 

 

ดังนั้นเธอจึงไม่อาจออกมาพูดอะไรได้

 

 

แน่นอนว่าเธอมีข้ออ้างอีกข้อหนึ่งที่สามารถใช้ได้ โดยเธอสามารถพูดได้ว่าเธอจำเป็นต้องดูแลลูกๆ แต่เธอไม่อาจใช้เด็กน้อยเป็นโล่ได้ ความจริงก็คือความจริง เธออาจนิ่งเงียบต่อไปได้แต่เธอจะไม่มีวันทำอะไรที่ล้ำเส้นขีดจำกัดของตัวเอง

 

 

แม้แต่หลงเจี่ยซึ่งกำลังตั้งท้องยังอดเป็นกังวลไม่ได้ “ดูจากวิธีที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาหาเรื่องคุณสิคะ ตั้งใจมาขโมยบทคุณเลยไม่ใช่เหรอ แล้วคุณก็ยกให้ง่ายๆ เนี่ยนะคะ”

 

 

“เปล่า ฉันแค่ไม่ชอบบทนั่นเท่านั้น พวกเขาเปลี่ยนแปลงบทมากเกินไป” ถังหนิงตอบ หากบทยังคงเหมือนเดิม เธอจะไม่มีวันยอมยกเลิกง่ายๆ แน่

 

 

“แล้วคุณคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ สถานการณ์ด้านคุณตอนนี้ดูกระอักกระอ่วนน่าดูนะคะ แถมทุกคนก็พากันคิดไปต่างๆ นานา”

 

 

“ฉันจะแค่รอ…” หากไม่มีบทดีๆ เข้ามา สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงแค่รอเท่านั้น

 

 

“เธอไม่เคยเห็นใครมีกึ๋นพอจะมากลั่นแกล้งเธอเลยนะ”

 

 

ว่าแต่ กลั่นแกล้งเนี่ยนะ ถังหนิงไม่ได้มองว่านี่เป็นการถูกกลั่นแกล้ง ที่จริงเธอต่างหากที่กำลังกลั่นแกล้งไป๋อวี๋

 

 

เพราะถึงยังไงเธอก็มีลูกๆ เป็นพลัง

 

 

ขณะเดียวกัน ถังหนิงอาจจะแค่ปฏิเสธบท แต่โม่ถิงกลับทำตามขั้นตอนอันไร้ปรานีของไห่รุ่ยและทำการฟ้องร้องทีมผู้จัด ข้อแรก ตอนที่พวกเขาเซ็นสัญญากับถังหนิง พวกเขาตกลงให้เธอเล่นบทนางเอก แต่กลับมีนางเอกคนที่สองปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ข้อที่สอง ทีมผู้จัดตกลงว่าบทจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่กลับมีการแก้ไขบทมากมาย ซึ่งนี่ถือเป็นการละเมินสัญญาโดยสิ้นเชิง

 

 

แต่แน่นอนว่า ‘ชายาหนิง’ มีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง ในเมื่อไห่รุ่ยระบุเรื่องค่าเสียหาย พวกเขาก็แค่จ่ายเงินเหล่านั้นเท่านั้น

 

 

แต่ทีมผู้จัดของ ‘ชายาหนิง’ กลับออกมาพูดว่าพวกเขาจะไม่พิจารณาถังหนิงมาเล่นบทอะไรของพวกเขาในอนาคตอีกเลย

 

 

ในเมื่อสถานการณ์เลยเถิดไปไกลถึงขนาดนี้ และผู้กำกับเฉินเฟิ่งเองก็เป็นชายที่มีความซื่อตรง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งผู้กำกับหลักโดยมีอันจื่อเฮ่าออกมาด้วย นั้นหมายความว่าการถ่ายทำทั้งหมดจะต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง

 

 

ท้ายที่สุด ผู้กำกับเฉินเฟิ่งก็ออกมาพูดสิ่งที่ไห่รุ่ยไม่อาจพูดได้ “ในฐานะผู้กำกับหลักของ ‘ชายาหนิง’ มีหลายสิ่งที่ผมอยากจะพูด อย่างแรก ก่อนที่ ‘ชายาหนิง’ จะเริ่มถ่ายทำ ถังหนิงได้เซ็นสัญญาในบทนางเอกผ่านการสื่อสารของผู้ช่วยผู้กำกับของเรา… จนกระทั้งการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น อย่างที่สอง ทันทีที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น สิ่งแรกที่ถังหนิงเป็นกังวลไม่ใช่เรื่องนักแสดงที่เธอต้องแสดงด้วย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงต่างหาก เพราะเธอรู้สึกว่า ‘ชายาหนิง’ ได้สูญเสียคุณสมบัติแรกเริ่มของมันไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไม่ร่วมงานกับละครเรื่องนี้อีกต่อไป ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการแชร์บทนางเอกเลยแม้แต่น้อย

 

 

“ถังหนิงเป็นนักแสดงที่มีคุณวุฒิ ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธที่จะร่วมแสดงในละครเรื่องนี้ และในฐานะผู้กำกับที่มีคุณวุฒิ ผมก็จะถอนตัวออกจากละครเรื่องนี้เช่นกัน”

 

 

คำแถลงการณ์นี้ได้สร้างกระแสขึ้นมาทันที

 

 

บัดนี้ผู้คนได้รับรู้เหตุผลแท้จริงที่เป็นสาเหตุให้ถังหนิงปฏิเสธที่จะร่วมงานกับละครเรื่องนี้ ว่าเป็นเพราะบทละครได้สูญเสียคุณสมบัติแรกเริ่มไปแล้ว

 

 

ทำให้นอกจากคำพูดของผู้กำกับเฉินจะฉีกหน้าทีมผู้จัดของ ‘ชายาหนิง’ แล้ว มันยังทำให้บรรดาแฟนคลับของไป๋อวี๋ต้องอับอายอีกด้วย

 

 

ถังหนิงไม่ได้ต้องการบทนี้ เธอเป็นคนโยนมันทิ้ง แต่ดาราในดวงใจของพวกเขากลับคว้ามันไว้ราวกับอัญมณีมีค่าแถมยังโอ้อวดไปทั่ว

 

 

แน่นอนว่าละครเลือกนี้จะต้องดังแน่ แต่ไม่ได้หมายความว่าละครที่ดังจะเป็นละครที่ดี…

 

 

[ถังหนิงพิถีพิถันเรื่องการเลือกบทอยู่แล้ว แถมยังมีประธานโม่อยู่ข้างๆ แบบนี้ เธอจะต้องเลือกรับแต่บทดีๆ เท่านั้น ดูอย่างหนังที่เธอเคยเล่นเมื่อก่อนสิ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอเป็นนักแสดงที่จริงจังแค่ไหน ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ทั้งนั้น]

 

 

[ฉันหวังว่าถังหนิงจะรับบทในละครเรื่องอื่นเพื่อมาแข่งกับ ‘ชายาหนิง’ นะ! ต้องน่าสนใจมากแน่!]

 

 

[แต่ถังหนิงจะไปหาบทดีๆ ที่มีโปรดักชันใหญ่ๆ อย่าง ‘ชายาหนิง’ ได้จากไหนล่ะ เป็นไปไม่ได้หรอก!]

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset