ตอนที่35 ยืนยันความสัมพันธ์ของการเป็นคู่สามีภรรยา
เห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของเธอ ธัชชัยก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะเขินอาย
“ช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับธัชชัยเป็นยังไงกันบ้าง? เขาไม่ได้รังแกคุณใช่ไหม?” ธัชชัยถามในนามของวรพล
“ไม่ค่ะ ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาก็ไม่เลวนะคะ” ใต้จิตสำนึกของวัจสาก็ยังปกป้องภาพลักษณ์ของผู้ชายคนนั้นอยู่ รู้อยู่เต็มอกว่าเขาคอยรังแกเธอเสมอมา แต่เธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องปกป้องผู้ชายคนนั้นด้วย
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว ได้ยินมาว่าคุณขวางหม้อน้ำซุปแทนเขา จึงทำให้หลังของคุณถูกน้ำร้อนลวกจนบาดเจ็บอย่างนี้ใช่ไหม?” ธัชชัยถาม ในเวลาเดียวกันก็ถามขึ้นมาอย่างจริงจังว่า “ฉันขอดูแผลที่หลังคุณหน่อยสิ”
วัจสามองดูด้านหน้ายังมีคนขับรถกำลังขับรถอยู่ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เธอก็พลันเกิดความรู้สึกทั้งเขินอายและโกรธเคือง “จริงๆ แล้ว… ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ อีกอย่างป้าอ้อยก็บอกแล้วว่ามันไม่เป็นแผลเป็น คุณวางใจได้”
“ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองจะวางใจได้อย่างไรล่ะ?” จริงๆ แล้วธัชชัยถามป้าอ้อยนานแล้ว แผ่นหลังของวัจสาใกล้จะหายดีเป็นปกติแล้ว ทว่าตอนนี้เขาอยากจะดูซิว่าผู้หญิงคนนี้คู่ควรกับการได้รับความช่วยเหลือหรือไม่ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือต่อหน้าของพี่ใหญ่เธอจะโอนอ่อนผ่อนตามเหมือนกระต่ายน้อยตัวหนึ่งหรือไม่ ต่อหน้าของเขาเธอเป็นเหมือนแมวป่าตัวหนึ่ง บางครั้งเธอถึงขั้นจะใช้เล็บแหลมคมข่วนเขาด้วยซ้ำ
เพราะอย่างนี้ธัชชัยยอมรับเลยว่ามันทำให้เขาไม่สบายใจ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเขาเป็นสามีของเธอ
คุณชายรองท่านนี้ลืมสิ้นหมดแล้ว เป็นเขาเองที่ไม่ยอมพูดความจริงออกมา ตอนนี้จะมาตำหนิวัจสาผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรไรเลยได้อย่างไร?
“คุณพลคะ… ไม่จำเป็นต้องดูจริงๆ ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว….” วัจสามองคนขับรถที่อยู่ข้างหน้าด้วยความกระดากใจ ด้านข้างยังมีพ่อบ้านภูษิตนั่งอยู่อีกด้วย นี่จะไม่ทำให้คนกระดากใจไปหน่อยหรือ?
สายตาของธัชชัยฉายแววลึกซึ้งขึ้นมาพร้อมพูดว่า “ฉันเป็นสามีของเธอ ทำไมจะดูไม่ได้? ก็เป็นเพราะว่าห่วงเธอก็เท่านั้น”
ผ้าม่านข้างหน้าถูกปิดลงโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่รู้ว่าเป็นธัชชัยหรือพ่อบ้านภูษิตที่บอกให้คนขับรถปิดผ้าม่านลง แต่ทำอย่างนี้มันน่าอายคนเกินไปแล้ว แม้แต่คนข้างนอกก็รู้ว่าพวกเกิดเรื่องอะไรขึ้น
วัจสาไม่มีคำจะพูดแล้วจริงๆ นิสัยใจคอทำไมโผงผางเหมือนกับธัชชัยราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเช่นนี้ จะให้เธอทำอย่างไรถึงจะดี จะให้เขาดูก็ขวยเขินเหลือเกิน ไม่ให้เขาดูเขาก็โกรธอีก
ในตอนที่วัจสากำลังเกิดอาการตัวสั่น ธัชชัยก็พลันไอขึ้นมาสองที เธอตกใจรีบเข้าไปลูบหลังของเขาทันทีแล้วพูดว่า “สา..สามี ทำไมคุณถึงได้ไอขึ้นมาอีกล่ะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ครั้งที่แล้ววัจสาได้ฟังอาการป่วยของวรพลจากป้าอ้อย เหมือนกับว่าจะอาหารหนักพอสมควรต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา แต่ว่าอาการของเขาในวันนี้ไม่เหมือนกับคนป่วยเลยแม้แต่น้อย วันนี้ในตอนที่วัจสานวดใหล่ให้กับเขา ก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อและผิวหนังเรียบเนียน รูปร่างดูสุขภาพดีไม่น้อย
ดูท่าทางอย่างนี้แล้ว อาการป่วยของวรพลเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทำให้คนอื่นกังวลใจยิ่งนัก
“ยังตายไม่ได้หรอก เป็นเพราะคุณ” ธัชชัยมองด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง และถือโอกาสโอบเธอเข้ามากอด ร่างกายที่อ่อนนุ่มของวัจสาก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของธัชชัย แลนั่งอยู่บนที่มีเรี่ยวแรงของเขา“วรพล… สามี… แบบนี้จะไปกดทัพบาดแผลของคุณได้นะ… รีบปล่อยฉันลงไปเถอะ” วัจสาคิดไม่ถึงว่าจะถูกธัชชัยทำตัวสนิทสนมขนาดนี้จึงตกใจไม่น้อย เธอยังไม่เคยชินกับเหตุการณ์แบบนี้เธอพยายามจะขยับลุกขึ้นไปนั่งที่เดิม แต่ธัชชัยพูดขึ้นมาหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “อย่าขยับ ให้ฉันกอดอยู่อย่างนี้เงียบๆ สักครู่”แต่ธัชชัยจริงๆ แล้วไม่ได้คิดจะทำอะไรเกินเลยกับเธอ เพียงแค่อยากโอบกอดเธอเบาๆ เอาศีรษะเข้าไปใกล้เส้นผมของเธอ ได้กลิ่นหอมของต้นหญ้าชนิดหนึ่งที่อยู่บนตัวของวัจสา ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้สภาพจิตใจที่ขึงตึงของธัชชัยก็ผ่อนคลายมากขึ้นวัจสาไม่ได้มองวรพล เพียงฟังเสียงหัวใจของเขาเท่านั้น ดูมีพลังและแข็งแรง เต้นเป็นจังหวะ หัวใจของเขายังสามารถเต้นได้เป็นปกติ นี่ก็ถือว่าดีที่สุดแล้วพ่อบ้านภูษิตเหมือนกับมองออกถึงความรักของหนุ่มสาวคู่นี้ จึงบอกให้คนขับรถขับช้าไปเป็นพิเศษ ผ่านไปเป็นเวลานาน เพิ่งจะมาถึงบ้านตระกูลศรีทอง แต่ว่าพอวรพลมาถึงแล้วก็รีบเข้าไปในห้องรักษาตัวทันทีวัจสาไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เจอเขาตอนไหนอีก ดังนั้นเธอจึงมีเรื่องคาใจบางเรื่อง เธอรีบจับมือที่เต็มไปด้วยแผลเป็นข้างนั้น และขอร้องอ้อนวอนเขาว่า “… สามี ฉันขอเข้าไปดูแลคุณจะได้หรือไม่? ฉันจะเรียนทุกสิ่งทุกอย่างกับคุณหมอภาคิน ฉันจะไม่เกะกะหรือเป็นอุปสรรคต่อการรักษาของคุณ”ในขณะที่ธัชชัยถูกมืออันอ่อนนุ่มของเธอกุมเอาไว้ หัวใจดวงนั้นก็พลันเต้นระรัวเหมือนกับว่าจะทะลุออกมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผู้หญิงคนนี้อาลัยอาวรณ์พี่ใหญ่อย่างนั้นเหรอ?อันที่จริงแล้วมันคือความอาลัยอาวรณ์ในตอนที่เขายังปกติอยู่เขาคนนั้นดูแลเอาใจใส่เธออย่างอ่อนโยน อีกอย่างวันนี้ได้ยังสามารถหลีกเลี่ยงผู้ที่บ้าคลั่งคนนั้นได้ด้วย นั้นก็คือเขาเอง ธัชชัย เพียงแต่ว่าวัจสาไม่รู้รู้เลยว่าภายใต้ใบหน้าของผู้ชายนั้นก็คือเขาเองสายตาที่เปล่งประกายของวัจสา มองธัชชัยด้วยสายตาที่น่าสงสารสายตาของธัชชัยก็ยิ่งลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เธออยากจะอยู่กับวรพลขนาดนี้เชียวหรือ? เธอชอบวรพลจริงๆ หรือว่าแค่แกล้งทำมันออกมา หรือแค่อยากจะเสาะหาเบาะแสอะไร? ถ้าอย่างนั้นการแสเงของเธอก็เยี่ยมยอดแล้ว“ลัยอาวรณ์ฉันเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ดี คืนนี้ฉันจะกลับเป็นเพื่อนเธอ” ธัชชัยพูดเสียงแหบแห้งแฝงความชั่วร้าย ถึงแม้ว่าจะแหบแห้งแต่มันก็แฝงไปด้วยความหมายบางอย่างเอาไว้ทว่าวัจสาได้ยินอย่างนั้นแล้วใบหน้าก็พลันร้อยผะผ่าวขึ้นมาทันที เธอไม่ได้หมายความเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย รีบอธิบายว่า “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น! วรพล คุณก็รู้ ฉันแค่อยากทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีก็เท่านั้น ฉันเป็นภรรยาของคุณแต่กลับช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย มันทำให้ฉันรู้สึกท้อใจไม่น้อยเลย ไม่รู้ว่าตัวเองมีประโยชน์อะไร อีกอย่างพ่อบ้านภูษิตและป้าอ้อยก็เริ่มชราลง และสุดท้ายคุณก็ต้องมีครอบครัวแนของตัวเอง พลคะ ฉันอยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งที่ตัวฉันสามารถทำได้และหากสิ่งไหนที่ฉันไม่สามารถทำได้ฉันก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถ” ธัชชัยได้ยินดังนั้นก็พลันตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดด้วยความจริงใจเช่นนี้ มองน้ำตาที่นองเต็มใบหน้าของเธอ ธัชชัยรู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นระรัว แต่ว่าปากเธอพูดคำว่าวรพลเต็มปากเต็มคำ มันทำให้เขาไม่สบายใจจนยากที่จะอธิบายออกมาได้ชั่วขณะนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นลึกล้ำแล้วพูดว่า “อยากจะดูแลฉันก็พอแล้ว”พอเขาพูดประโยคนี้ วัจสาก็ดีใจมาก แต่ว่าประโยคถัดไปนี้จะทำให้เธอตกใจจนเหี่ยวเฉาตายเลยก็เป็นได้“ก่อนอื่นเลยเธอต้องเป็นภรรยาของฉันจริงๆ ก่อน ตอนที่เราแต่งงานกันเกือบจะขั้นตอนสุดท้ายที่พวกเรายังไม่ได้ทำ? ถ้าอย่างนั้นก็มาพิสูจน์ความสัมพันธ์ของการเป็นคู่สามีภรรยากันเถอะ ถึงตอนนั้นฉันรับประกันเลยว่าคุณหมอภาคินจะไม่ขัดขวางเธอเข้าไปในห้องรักษาตัว เธอคิดว่ายังไง?”ธัชชัยมุมปากยกยิ้ม รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย มองดูวัจสาที่หัวใจเต้นระรัว ทำไมวรพลคนที่อยู่ตรงหน้านี้ถึงได้ทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนธัชชัยกำลังพูดอยู่?คนแบบนี้ไม่มีทางใช่วรพล เขาควรจะเป็นผู้ชายที่สุภาพมีมารยาทและอ่อนโยนกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?แต่ว่าเนื้อหาที่ในคำพูดของเขามันทำให้วัจสาปากซีดขาวขึ้นมาทันทีการที่จะมาทำเรื่องอย่างว่ากับวรพล ผู้ชายที่ใบหน้าไม่เหมือนเมื่อก่อนคนนี้ เธอยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลย และก็ยังรู้สึกว่ามันเร็วไปด้วย ระหว่างคนสองคนยังไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรต่อกัน แล้วจะสามารถเข้าพิธีแต่งงานเป็นคู่สามีภรรยากันตามใจชอบได้อย่างไร ถึงแม้ว่าวรพลจะเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เธอก็คงไม่สามารถยอมได้ง่ายๆถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าวันนี้ยังไงก็ต้องมาถึงวัจสาสภาพจิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดทั้งวัน เธอไม่รู้เลยว่าคืนนี้จะเป็นยังไงกันแน่แม้แต่ป้าอ้อยก็ไม่ได้ขอให้เธอช่วยหยิบเศษจานเล็กๆ ที่เธอทำมันแตกหมด“คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรรึเปล่า? แผลที่หลังของคุณยังปวดอยู่เหรอ?” ป้าอ้อยถามอย่างกังวลใจ พร้องกับเก็บกวาดขยะที่กองอยู่บนพื้น“ไม่ค่ะ ฉันดีขึ้นเยอะมากแล้ว แต่ว่า…” วัจสาพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ก็พูดไม่ออกแล้ว“แต่ว่าอะไรคะ?” ป้าอ้อยถามอย่างไม่เข้าใจวัจสาลากป้าอ้อยมาข้างๆ ห้องพักแขก “ป้าอ้อยคะ อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”ถึงแม้ป้าอ้อยจะสงสัย แต่ก็ยังทำตามคำขอของเธอ พยักหน้าแล้วพูดว่า “คุณผู้หญิงอยากพูดอะไรคะ?”“ป้าอ้อย ป้าเคยมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนั้นไหมคะ? แบบว่า…ระหว่างสามีกับภรรยา….”ป้าอ้อยได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที หรือว่าคุณชายรองกับคุณผู้หญิงกำลังเตรียมที่จะใช้ชีวิตสามีภรรยากันแล้ว? เป็นอย่างนี้ก็ดีสิ เธอก็รีบยิ้มแย้มแล้วพูดว่า “คุณผู้หญิง เรื่องอย่างนี้มันต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ถ้าหากว่าอยู่ในอ้อมกอดของคุณผู้ชายแล้ว เดี๋ยวก็ไหลไปตามน้ำเองนั้นแหละค่ะ”วัจสาหน้าดำคล้ำ ความเข้าใจของป้าอ้อยผิดไปแล้วกระมัง?เธอถอนหายใจเบาๆ ดูท่าแล้วถ้าพูดต่อไปคงไม่มีประโยชน์ ยิ่งพูกก็ยิ่งเหลวไหลเกินไปแล้ว“ไม่มีอะไรแล้วล่ะป้าอ้อน ป้าออกไปก่อนเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”ป้าอ้อยยิ้มแย้ม ตั้งแต่รู้ข่าวนี้ หน้าตายิ้มแย้มพูดว่า “ได้ค่ะ คุณจะได้คิดด้วยตัวเองสักหน่อย”แต่ว่าคิดไปคิดมาก็หนีไม่พ้นฝ่ามือของคุณชายรอง หากเขาอยากได้อะไรมีเหรอที่จะไม่ได้วัจสาใช้เวลาทั้งบ่ายครุ่นคิดหาข้ออ้าง แต่ก็ยังคิดหาข้ออ้างเลี่ยงวรพลไม่ออก จนถึงตอนเย็น วัจสาอาบน้ำใส่ชุดน้อยปกติเช่นทุกวันเรือนร่างอ้อนแอ้นอรชรชวนมองยิ่งนัก ที่ที่ควรใหญ่ก็ใหญ่ ที่ที่ควรเล็กก็เล็ก เรียกได้ว่าเป็นรูปร่างที่งดงามสมบรูณ์มาก เธอนั่งจับนิ้วมือตัวเองอยู่บนเตียงนอนด้วยความเคร่งเครียดพอคิดว่าวรพลจะมาคืนนี้ ทั้งร่างกายของเธอก็เหมือนกับเป็นคันธนู ราวกับว่าเรื่องอะไรก็ทำให้เธอตื่นตกใจได้เวลานี้ โคมไฟที่ห้อยอยู่บนเพดานก็กระพริบ ทำให้เสียสายตามาก วัจสาตกใจใจมากจนเกือบจะตะโกนออกมาแล้วตรงประตูปรากฏเงาร่างสูงใหญ่ “ไม่ต้องกลัว ฉันเอง ” เสียงแหบแห้งนั้นเป็นเสียงของผู้ชาย มักทำให้ใจคนสั่นไหวเสมอ…”วัจสาได้ยินแล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นวรพล เธอถูเสื้อผ้าไปมาด้วยความตื่นเต้น “ทำไม ทำไมไฟถึงดับ?”เงาร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ๆ เธอแล้วพูดว่า “ฉันบอกให้พ่อบ้านภูษิตปิดเอง ฉันกลัวว่าเธอจะกลัวรูปร่างของฉัน ดังนั้นปิดไฟจึงดีที่สุด”ความจริงแล้วเป็นเพราะว่าธัชชัยไม่อยากจะเอาเนื้อหนังที่ปลอมเป็นวรพลมาทำเรื่องนี้ด้วย ไม่สะดวกเอาซะเลย อีกทั้งยังไม่รู้สึกอะไรอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงให้พ่อบ้านภูษิตปิดไฟเอาไว้ ตัวเองก็เอาเครื่องดัดเสียงมาด้วย แบบนี้ผู้หญิงคนนี้ก็มองไม่เห็นหน้าเขาแล้วในขณะที่พูดอยู่ ธัชชัยก็เดินไปถึงตรงหน้าของวัจสาแล้ว รูปร่างสูงโปร่งช่างเหมือนกับผู้ชายบางคน วัจสาตื่นเต้นจนคิดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงพูดเบาๆ ว่า “ฉันไม่กลัวคุณหรอกค่ะ ให้พ่อบ้านภูษิตเปิดไฟเถอะค่ะ ไม่มีแสงสว่างอย่างนี้… ฉันกลัวมากกว่าค่ะ…”ธัชชัยอ้าแขนไปโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด กลิ่นหอมจางๆ บนร่างกายของเธอที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จมาเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวของหญิงสาวหน้าท้องของเขาก็อบอุ่นขึ้นมา ตั้งหน้าตั้งตารอคอยกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ไหวแล้ว