พอฟังที่เธอพูดจบ ตู้เฉี่ยวเยี่ยนก็เข้าใจทันที แล้วพูดขึ้นกับทั้งสองคนว่า ” เอาแบบนี้มั้ย พวกคุณลองเปลี่ยนป้ายทะเบียนดูนะ และฉันจะแก้ไขการลงทะเบียนให้ในภายหลัง แบบนี้ก็น่าจะโอเคแล้ว ”
พอทั้งสองได้ฟังอย่านั้นก็ไม่ได้คัดค้านอะไร มู่เวยเวยเดินตามตู้เฉี่ยวเยี่ยนไปที่ห้องอัลตราซาวด์ B
พอทำการอัลตราซาวด์เสร็จแล้ว มู่เวยเวยก็กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ เพราะว่าต้องรอผลอัลตราซาวด์สองถึงสามวัน ดังนั้นตู้เฉี่ยวเยี่ยนจึงได้บอกกับเธอว่าเมื่อถึงเวลาแล้วเธอจะโทรบอกเธอในภายหลัง
เมื่อกลับถึงวิลล่าตระกูลเย่แล้ว มู่เวยเวยก็หยิบงานออกแบบออกมาสร้างสรรค์ต่อ เธออยากออกแบบผลงานให้ได้เยอะๆเพื่อที่จะได้หาเงินมาคืนเย่ฉ่าวเฉินได้ไวไว เขาจะได้ไม่เอาเรื่องนี้ออกมาขู่เธออีก
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จู่ๆเธอก็รู้สึกเวียนหัว เปลือกตาหนักๆ ร่างกายก็เย็นอีกทั้งยังมีเหงื่อออกอีก รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดจนทำให้เธออยากจะอ้วก
เธอวางดินสอลง แล้วเทน้ำให้ตัวเองดื่มไปหนึ่งแก้ว เธอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นนอนลงพักผ่อนบนเตียงแปบหนึ่ง แต่มันไม่แป๊บเธอหลับสนิทไปเลย
เธอหลับไปนานเท่าไหร่ เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว มู่เวยเวยตกใจและรีบเงยหน้าดูนาฬิกาเธอพบว่าใกล้จะได้เวลาเข้างานแล้วอีกเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เธอรีบลุกขึ้นแล้วแต่งตัวโดยเร็วที่สุด เธอรีบไปขึ้นรถแล้วตรงไปที่บริษัท ตอนที่เธอนั่งอยู่บนรถเวลาเข้างานเธอเหลือไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว
มู่เวยเวยแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เย่ฮวางมีระบบจัดการกับพนักงานในบริษัทที่มาสายที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก ตามข้อตกลงแล้ว ถ้าหากว่าในหนึ่งเดือนมาสายสามครั้งติดต่อกันจะมีจดหมายประกาศวิจารณ์ในที่สาธารณะโดยตรง
ถ้าให้อิงตามผู้จัดการของบริษัทเย่ฮวางแล้วตัวเขาเองยังไม่มีวินัยในด้านนี้เลย ถึงแม้ว่าจะมีกฎที่เคร่งขนาดไหนก็คงจะเป็นไปได้ยากที่มันจะใช้ได้ผล
หลังจากที่มู่เวยเวยได้รับแจ้งเธอก็มาถึงห้องประชุมภายในสิบนาที มู่เวยเวยรีบเตรียมเอกสารที่จำเป็นแล้วเดินเข้าห้องประชุมไปทันที
ผู้ดำเนินการการประชุมอย่างเห่อเหม่ยหลิงในตอนนี้เธอนั่งอยู่แถวหน้าสุด เธอกวาดสายตามองผู้คนรอบๆด้วยสายตานิ่งๆ จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างสุขุมนิ่งลึกตามปกติว่า ” ฉันอยากจะบอกว่า ช่วงนี้ทุกคนทำงานหนักกันมาก ”
เห่อเหม่ยหลิงพึ่งจะพูดจบ ในห้องประชุมก็มีเสียงปรบมือดังกึกก้อง
เห่อเหม่ยหลิงยกมือขึ้นแล้วพูดต่อว่า “บริษัทพึ่งจะได้รับโครงการมา ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องทำงานร่วมกันระหว่างเย่ฮวางและเฟิงซ่าน บริษัทเฟิงซ่านเป็นบริษัทนิตยสารแฟชั่นที่มีชื่อเสียงมากในเมืองนี้ สำหรับเอกสารรายละเอียดต่างๆของบริษัท อีกสักครู่จะให้เลขาเย่แจกให้กับพวกคุณ ”
“บริษัทเฟิงซ่านมีการร่วมงานกับบริษัทของเรามาโดยตลอด ปีนี้ก็เช่นเดียวกับที่ผ่านมา ต้องเลือกนักออกแบบเสื้อผ้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากนั้นก็จะได้ไปร่วมสัมภาษณ์กับบริษัทเฟิงซ่านในนิตยสาร” งดงามอย่างธรรมชาติ “ที่จะออกในเดือนหน้า ฉันหวังว่าทุกคนจะพยายามให้ดีที่สุดที่จะคว้าโอกาสนี้มาเป็นของแผนกเรา
ต้องบอกเลยว่า เห่อเหม่ยหลิงเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำเลยจริงๆ แม้ว่าคำพูดที่เธอพูดจะถากถางแต่ว่ามันก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี
เธอรู้ว่าจะให้กำลังใจทุกคนยังไง ถึงแม้ว่าปกติเธอจะดูจริงจังกับทุกคนมาก แต่ว่าเธอไม่เคยที่จะตัดสินความสามารถของใคร เธอพูดให้กำลังใจพูดชื่นชมทุกคนในแบบของเธออยู่ตลอด เลยทำให้พนักงานทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ทุกครั้ง
พอประชุมเสร็จเรียบร้อย มู่เวยเวยก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานจากนั้นก็เปิดดูเอกสารที่ได้มาที่เกี่ยวกับบริษัทเฟิงซ่าน เธอได้ทำความเข้าใจอย่างละเอียด นิตยสารแฟชั่นของบริษัทเฟิงซ่านมีอิทธิพลต่อผู้คนในเมืองA เป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าโชคดีพอที่จะได้อยู่ในหน้าสัมภาษณ์มันก็เป็นผลดีมากที่จะได้ก้าวหน้าในอนาคต
มู่เวยเวยตัดสินใจแล้วว่าครั้งนี้เธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะคว้าโอกาสที่หายากแบบนี้ให้ได้
นอกจากจะทำตามอุดมคติของตัวเองแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเฟิงซ่านเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงอย่างมากในต่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ปารีสประเทศฝรั่งเศสและมีสาขากระจ่ายอยู่ทั่วโลก
มู่เวยเวยกำลังคิดว่าถ้าเธอได้อยู่ในหน้าคอลัมน์ของนิตยสารเฟิงซ่าน แล้วพี่ชายของเธอมาเห็นเข้าโดยบังเอิญเขาอาจจะติดต่อมาหาเธอก็เป็นได้……
ด้วยสองเหตุผลนี้มู่เวยเวยก็ตั้งใจมากในการออกแบบ เพราะว่างานออกแบบในครั้งนี้หัวข้อคือฟรีสไตล์เพื่อให้นักออกแบบได้โชว์ฝีมืออย่างเต็มที่เพื่อแสดงถึงศักยภาพของตัวเองอย่างแท้จริง
มู่เวยเวยครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็หยิบดินสอขึ้นแล้วเริ่มลงมือออกแบบ เธอนึกถึงหัวข้อมากมาย เช่น โรแมนติก รักษาสิ่งแวดล้อมลงมือปฏิบัติจริง……ความคิดหลากหลายมากแต่เธอกลับเลือกหัวข้อในการออกแบบไม่ได้
ในการที่จะออกแบบงานแฟชั่นต้องมีหัวข้อตรีมก่อนถึงจะเริ่มออกแบบได้
ทำงานเพลินจนถึงเวลาอาหารกลางวัน มู่เวยเวยเห็นเพื่อนร่วมงานเริ่มโทรสั่งอาหารกัน เธอก็เปิดคอมแล้วค้นหาเมนูอาหารต่างๆบนอินเทอร์เน็ต เธอคิดอยู่นานมาก สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจสั่งบะหมี่เสฉวนที่ราคาสมน้ำสมเนื้อ
ในขณะที่รออาหารมาส่งอยู่ เธอก็ยังคงคิดหัวข้อในการออกแบบครั้งนี้ ในตอนนี้เอง เธอก็ได้กลิ่นคาวของอาหารทะเล เธอขมวดคิ้วแล้วรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอีกครั้ง
มู่เวยเวยหันไปมองก็เห็นว่าเฉียวซินโยววางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะ เธอค่อยๆเปิดกล่องออก ข้างในเป็นปูจากทะเลหยางเฉิงที่ทั้งห้าตัวจัดเรียงมาอย่างสวยงาม
มองไปที่เธอที่กำลังแกะเปลือกกุ้งอย่างชำนาญแล้วกินอย่างอร่อย ทำให้มู่เวยเวยอยากอ้วกมากขึ้นกว่าเดิม เธอรีบเดินไปเข้าห้องน้ำทันที
เฉียวซินโยวจ้องมู่เวยเวยที่สีหน้าไม่ค่อยดีก็ยิ้มอย่างไม่ใยดี วันนั้นเธอบังเอิญได้ยินฉินหม่าพูดว่ามู่เวยเวยได้ดื่มซุปทะเลไปแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี ตอนนั้นเธอคิดว่ามู่เวยเวยแพ้อาหารทะเล
เธอกินปูเสร็จด้วยเวลาอันรวดเร็วจากนั้นก็หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากให้เรียบร้อย เฉียวซินโยวก็รีบตรงไปที่ห้องน้ำ วันนี้เธอตั้งใจสั่งอาหารทะเลมา คิดไม่ถึงเลยว่าอาการของเธอจะชัดขนาดนี้ เธออยากรู้มากว่าจริงๆแล้วมันเพราะสาเหตุอะไรกันแน่
พอมาถึงที่ห้องน้ำก็เห็นมู่เวยเวยที่กำลังอาเจียนอยู่ตรงอ่าง เฉียวซินโยวตกใจ ในใจของเธอวูบวาบ หรือว่าเธอ……
มู่เวยเวยอาเจียนอยู่พักหนึ่ง คิดว่าคงอาเจียนอะไรไม่ออกแล้วล่ะ เธอเปิดก๊อกน้ำจากนั้นก็บ้วนปาก จากนั้นก็มองตัวเองที่ใบหน้าซีดเซียวมากในกระจก และทำให้ตัวเองรู้สึกสดชื่นแล้วเดินออกไป
หลังจากที่อาเจียนไป หลังจากที่อาหารส่งมาแล้ว เธอก็ไม่ความรู้สึกอยากอาหารเลย เธอพยายามฝืนตัวเองกินไปสองคำ แต่สุดท้ายก็อาเจียนออกมาอีก
ช่วงพักกลางวันกำลังจะสิ้นสุดแล้ว มู่เวยเวยทำให้ตัวเองสดชื่นแล้วทำงานต่อ เมื่อกี้เธอดื่มน้ำอุ่นๆไปรู้สึกดีขึ้นมากมากแล้ว เธอทุ่มเทพลังกายและใจให้กับงานออกแบบทั้งหมด
ในขณะนี้เองโทรศัพท์ตั้งโต๊ะก็ดังขึ้น มู่เวยเวยรับโทรศัพท์แล้วพูดอย่างมืออาชีพ ” สวัสดีค่ะ แผนกการออกแบบเสื้อผ้าบริษัทเย่ฮวางค่ะ ”
ปลายสายมีเสียงเห่อเหม่ยหลิงดังขึ้น ” เวยเวย มาที่ห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้”
” ได้ค่ะ ”
มู่เวยเวยลุกขึ้นแล้วตรงไปที่ห้องทำงานเห่อเหม่ยหลิง เคาะประตูตามความเคยชิน พอได้ยินเสียงตอบรับแล้วจึงค่อยๆเปิดประตูเข้าไป
เห่อเหม่ยหลิงกำลังแก้เอกสารอยู่ พอได้เสียงฝีเท้าจึงเงยหน้าขึ้นมองและพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” เวยเวย เธอคิดยังไงกับการประชุมเมื่อเช้า? ”
มู่เวยเวยอึ้งแล้วดึงสติให้กลับมาจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “. ฉันจะพยายามสร้างสรรค์งานให้ดีที่สุดเพื่องานในครั้งนี้! ”
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ เห่อเหม่ยหลิงก็พยักหน้าเบาๆแล้วพูดขึ้นว่า ” เมื่อปีที่แล้วคอลัมน์นี้ตกไปอยู่ที่มือของกลุ่มหลี่เจี๋ยน่า ฉันหวังว่าปีนี้กลุ่มของเราจะคว้ามันมาให้ได้ ”
เธอตอบอย่างมั่นใจมาก ทำให้มู่เวยเวยรู้สึกกดดันมากมาก แต่ว่าก็ทำให้มู่เวยเวยมีกำลังใจมากขึ้นแล้วพูดว่า ” ผู้จัดการเห่อ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ค่ะ ”
” ถ้างั้นก็ดี ” เห่อเหม่ยหลิงพูดขึ้นว่า ” ฉันดูใบหน้าเธอดูแย่มาก เธอไม่สบายตรงไหนรึป่าว? ”
พอได้ยินว่าเธอถามแบบนี้ หัวใจของมู่เวยเวยก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีแล้วเธอก็กล่าวอย่างซาบซึ้งว่า ” ฉันไม่เป็นอะไรมาก ก็แค่ท้องไส้ปั่นป่วนนิดหน่อย เดี๋ยวกลับไปกินยาก็น่าจะดีขึ้นค่ะ ”
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ เห่อเหม่ยหลิงก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ แล้วพูดขึ้นว่า ” ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนในทุกวันด้วยนะ ”
” ขอบคุณค่ะผู้จัดการที่เป็นห่วง ฉันทำได้ค่ะ ”
” งั้นก็ดี เธอออกไปได้แล้ว ”
” โอเค ”
……
เฉียวซินโยวรู้สึกเบื่อๆ ในมือที่ถือเอกสารรายละเอียดของบริษัทเฟิงซ่านอยู่เธอก็โยนทิ้งไปข้างๆ
สำหรับคอลัมน์สัมภาษณ์นิตยสารครั้งนี้เธอไม่ได้สนใจเลยสักนิด เป้าหมายของเธอคือการได้แต่งงานกับเย่ฉ่าวเฉิน ขอแค่เธอได้เป็นคุณผู้หญิงแห่งตระกูลเย่แล้ว เธอก็จะได้เป็นนายหญิงของบริษัทเย่ฮวาง!
ก็แค่ดีไซเนอร์ธรรมดา จะมาอยู่ในสายตาเธอได้ยังไง? ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำคือหาวิธีที่จะไล่มู่เวยเวยให้ออกไป แล้วได้ใจเย่ฉ่าวเฉินมาครอบครอง นี่ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่เธอต้องทำ!
ในตอนนี้เอง เธอก็ได้ยินเสียงเรียกเข้า แต่ไม่ใช่โทรศัพท์ของเธอ เธอมองตามไปที่เสียงโทรศัพท์ เสียงดังมาจากโทรศัพท์บนโต๊ะของมู่เวยเวย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เฉียวซินโยวมองไปที่สำนักงาน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วมองไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก ครุ่นคิดสักพัก และเธอก็กดรับในที่สุด
” ฮัลโหล? คุณคือคุณมู่เวยเวยหรือเปล่าคะ? ” ปลายสายเป็นเสียงที่คมเข้มของผู้ชาย
เฉียวซินโยวทำหน้าครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า ” ใช่คะ ไม่ทราบว่าคุณคือใครคะ? ”
ปลายสายพูดขึ้นอีกครั้ง ” สวัสดีครับ ผมคือคุณหมอซวนที่โรงพยาบาลใจกลางเมืองนะครับ เมื่อวานที่คุณมาอัลตราซาวด์กับคุณหมอตู้คุณยังจำได้ใช่มั้ยครับ? ”
พอเขาพูดจบ เฉียวซินโยวขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ” ฉันจำได้ ”
” ดีเลยครับ ” คุณหมอซวนเงียบไปชั่วขณะแล้วพูดขึ้นว่า ” มันเป็นแบบนี้นะครับ จากผลอัลตราซาวด์ของคุณ ทำให้แน่ใจว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ได้สองเดือนกว่าแล้ว ยินดีด้วยนะครับ! ”
พอคุณหมอซวนพูดจบ เฉียวซินโยวตกใจมาก ราวกับโดนก้อนหินก้อนใหญ่ตกลงมาทับ ทำให้เธอแทบจะขาดใจตาย!
มู่เวยเวยท้องแล้ว!นี่เธอท้องงั้นหรอ!
” คุณมู่ คุณฟังอยู่รึป่าวครับ……”
เฉียวซินโยวพยายามข่มความรู้สึกที่ตื่นตระหนกไว้ แล้วพูดขึ้นว่า ” ฉันรู้แล้ว ขอบคุณมากนะคะที่โทรมาบอก ”
” ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ ”
” โอเค ”
เธอวางายแต่โดยดี ใจของเธอพังทลาย ในหัวคิดถึงแต่เรื่องที่คุณหมอพูด เธอทั้งเศร้าทั้งโกรธ
เธอก้มมองไปที่โทรศัพท์ แล้วเธอก็คิดขึ้นได้ จากนั้นก็เปิดประวัติการโทร แล้วลบประวัติล่าสุดออก
มู่เวยเวยกลับมาที่โต๊ะทำงาน เธอไม่รู้สึกผิดสังเกตเลยแม้แต่น้อย เธอออกแบบงานต่อ แต่เธอรู้สึกเหมือนมีคนจ้องเธออยู่ เธอค่อยๆหันไปดู แล้วบังเอิญเห็นเฉียวซินโยวที่กำลังจ้องเธออยู่พอดี
มู่เวยเวยทำหน้าเย็นชา แล้วหันกลับมาที่เดิม มองข้ามเธอโดยไม่ได้สนใจอะไร
ตรงกันข้ามกับเฉียวซินโยวที่รู้สึกกลัวอยู่ในใจลึกลึก เธอกลัวว่าเพราะว่าการมาของ ” เด็ก ” คนนี้ จะส่งผลกระทบต่อการกระทำของเย่ฉ่าวเฉินที่มีต่อเธอ!
ถ้าเย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเธอท้องแล้วไม่ยอมหย่ากับมู่เวยเวยจะทำยังไงดี?
ถ้าเด็กคนนี้เกิดมาบนโลกใบนี้แล้วการกระทำของเย่ฉ่าวเฉินที่มีต่อเธอเปลี่ยนไป และถ้าถูกแย่งชิงไปจะทำยังไงดี?
ถ้าหากว่า……
เฉียวซินโยวคิดอย่างซับซ้อน เธอคิดอะไรต่างๆนานาเยอะมาก ทุกสิ่งอย่างที่มันเกี่ยวข้องกับเธอ
ถึงแม้ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับมู่เวยเวย แต่ว่าเมื่อเด็กคนนี้เกิดมา เพื่อเห็นแก่เด็กเขาก็จะยอมใจอ่อนให้กับมู่เวยเวย!
เด็กคนนี้เป็นข้อต่อรองของมู่เวยเวยได้ ถ้าเธอใช้ประโยชน์จากเด็กคนนี้แก้แค้นเธอ ถ้างั้นทุกสิ่งที่เธอพยายามทำมาตลอดครั้งปีมันก็เปล่าประโยชน์นะสิ!
ดังนั้น เธอจะไม่ยอมให้เด็กคนนี้ได้เกิดมาเด็ดขาด ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไร ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรเธอก็ยอม!
……
ห้องทำงานท่านประธาน
เย่ฉ่าวเฉินมองดูแผนงานในมือเขาโดยมีความยาวประมาณราวๆสิบบรรทัด เขาดูรายละเอียดต่างๆและอาจจะแก้ไขหรือคอมเม้นจุดต่างๆ ในตอนนี้เอง มีเสียงคนเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นสองที
เย่ฉ่าวเฉินหยุดเขียนแล้วใช้น้ำเสียงเย็นชา ” เชิญเข้ามาได้ ”
ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เห็นจางเห่อเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานเขาแล้วพูดขึ้นอย่างนอบน้อม ” คุณชาย ”
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า แล้วหมุนด้ามปากกาเล่นอย่างเบื่อๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า ” มีเรื่องอะไร? ”
จางเห่อพูดว่า ” ผมได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว ผลอัลตราซาวด์ของคุณหนูออกมาแล้วตามที่คุณหมอซุนบอก คุณหนูตั้งครรภ์ครับ ”
เมื่อได้ยินคำว่า ” ตั้งครรภ์ “เย่ฉ่าวเฉินยืนขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วกำมือไว้แน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแล้วพูดขึ้นอย่างคลุมเครือ ” นายบอกว่าเธอท้องงั้นหรอ ”
จางเห่อไม่รู้จะทำจะทำตัวอย่างไร จึงไม่กล้าท้าทายอารมณ์ของเขาแล้วพูดไปตามตรงอีกครั้งว่า ” ใช่ครับ ”
เย่ฉ่าวเฉินสูดลมหายใจเข้าแล้วถามขึ้นว่า ” เธอท้องได้นานเท่าไหร่แล้ว”
” คุณหมอบอกว่าสองเดือนแล้วครับ ”
สองเดือน!
เย่ฉ่าวเฉินทำหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ” ฉันรู้แล้ว นายไปบอกเลขาหลิวให้ไปบอกมู่เวยเวยว่าให้มาเจอฉันที่ห้องทำงาน! ”
จางเห่อพอได้ยินคำสั่งของเขาก็พยักหน้าทันทีแล้วพูดว่า ” ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ”
จนถึงตอนที่จางเห่อออกไปแล้ว เย่ฉ่าวเฉินถึงปล่อยความกดดันออกมา บรรยากาศในห้องทำงานอึมครึมมากราวกับว่าจะได้ยินเสียงระเบิดที่แหลมคมกลางอากาศ เป็นที่น่าตกใจมาก