เย่ฉ่าวเฉินทำตามคำแนะนำของคุณหมอหานทีละขั้นตอน หลังจากที่ทำซ้ำไปหลายรอบ ก็เห็นมู่เวยเวยที่ตอนแรกไม่ได้สติอยู่ก็สำลักน้ำแต่ก็ยังคงไม่ได้สติเหมือนเดิม
หลังจากได้ยินสิ่งที่เย่ฉ่าวเฉินรายงาน คุณหมอหานก็โล่งอกไปที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหลืออด ” คุณมู่แต่งงานกับนาย ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกนายฆ่าตายแน่ๆ ทำไมนายถึงไม่รู้จักรักษาเลย?เธอมีคุณค่ามาก – – ”
คุณหมอหานอยากจะแสดงความไม่พอใจออกมาให้หมด แต่ว่ายังไม่ทันพูดจบ ก็ได้เสียง “ตูด ตูด ตูด – – ” ดังขึ้นจากโทรศัพท์
คุณหมอหานรู้สึกหดหู่ใจมาก เพราะโดนฝ่ายตรงข้ามตัดสายอย่างไร้ความปรานี……
เย่ฉ่าวเฉินเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง จากที่ได้ยินจากโทรศัพท์เมื่อกี้แล้วตอนนี้มู่เวยเวยพ้นขีดอันตรายชั่วคราวแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้รู้สึกโล่งใจแต่กลับเป็นกังวลมากกว่าเดิม
ตั้งแต่เย่ฉ่าวเฉินเกิดมาและใช้ชีวิตมาได้ขนาดนี้เขาพึ่งจะเคยเจอผู้หญิงที่ทำให้เขาปวดหัวได้มากขนาดนี้ ไม่เพียงแค่ร้ายกาจอีกทั้งยังเล่ห์เหลี่ยมมากอีกด้วย ท้าทายความอดทนที่มีขีดจำกัดของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็คงหายไปจากโลกนี้ตั้งนานแล้ว แต่ว่าเธอยังไม่รู้จักสำนึกบุญคุณอีก ตอนนี้ยังจะมาท้องลูกของคนอื่นอีก!
มู่เวยเวย เธอคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าเธอจริงๆสินะ! เธอทำเรื่องที่เหยียดหยามศักดิ์ศรีฉันมากขนาดนี้แล้วถึงฉันจะไม่ฆ่าเธอ แต่เธอก็อย่าหวังว่าจะมีความสุข!
เย่ฉ่าวเฉินหันหลังแล้วเดินกลับไปที่ห้องทำงาน แล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาจางเห่ออีกครั้ง ” จางเห่อ ตอนนี้นายไปจัดการเรื่องหนึ่งให้ฉันที”
……
” คุณเฉียว คุณมาหาประธานเย่หรอ? ”
ได้ยินเสียงนิ่งๆของผู้หญิงดังมาจากข้างหลังทำให้เฉียวซินโยวที่ยืนอยู่หน้าห้องทำงานของเย่ฉ่าวเฉินสะดุ้งตกใจ เธอหันหลังไปยิ้มเพื่อปกปิดความอึดอัดใจแล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน ” เลขาหลิว ประธานเย่อยู่ที่ห้องทำงานรึป่าว? ”
สีหน้าท่าทางของเลขาหลิวนิ่งสงบแล้วพูดขึ้นว่า ” อยู่ค่ะ ฉันกำลังจะเอาสัญญาที่เซ็นเรียบร้อยแล้วเข้าไปให้ประธานเย่พอดีเลยค่ะ ”
เฉียวซินโยวเหลือบไปมองเอกสารสีฟ้าในมือเธอจากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “งั้นเธอก็รีบเอาเข้าไปให้ประธานเย่เถอะ ฉันนึกได้ว่ามีเรื่องที่ต้องทำ ฉันขอตัวก่อนล่ะ ”
เลขาหลิวพยักหน้า แล้วเคาะประตูห้องท่านประธาน พอได้ยินเสียงตอบรับแล้วจึงค่อยๆเปิดประตูเข้าไป
เฉียวซินโยวลูบหน้าอกแล้วรู้สึกโล่งอกไปที หันหลังแล้วเดินไปที่ลิฟต์ ทันใดนั้น ลิฟต์ก็เปิดออกแล้วเธอก็ได้เจอกับผู้ชายรูปหล่อที่สวมชุดขาวเดินออกมาอย่างรีบร้อน
เฉียวซินโยวก้าวขาไปที่ลิฟต์ วินาทีที่ลิฟต์กำลังจะปิดเธอเห็นคุณหมอเดินไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน
เมื่อมองไปที่เลขชั้นที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาที่อยู่ในลิฟต์ เฉียวซินโยวหัวเราะอย่างสะใจ จากการเฝ้ามองจากด้านนอกก็รู้ได้ว่าสถานการณ์ด้านในดุเดือดมาก ถึงขั้นต้องเชิญคุณหมอมา มู่เวยเวยครั้งนี้เธอน่าจะแย่แล้วจริงๆ!
เหอะเหอะ เรื่องนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งน่าสนใจ……
……
คุณหมอหานตรงไปที่ห้องรับรอง มองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของมู่เวยเวยก็รู้สึกสงสารมากแล้วรีบเดินไปตรวจอาการเธอทันที
หลังจากที่ใช้ออกซิเจนแล้ว ใบหน้าของมู่เวยเวยก็แดงมีชีวิตชีวาขึ้นมาก คุณหมอหานดูอาการจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็เก็บกล่องยาแล้วเดินออกไปทันที
กลับไปถึงห้องทำงานก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินกำลังตรวจดูเอกสารอยู่ คุณหมอหานไม่ได้พูดอะไรจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปเลยทันที
ยังไงมันก็เป็นเรื่องของสามีภรรยาเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่ง ทำได้เพียงภาวนาให้คุณมู่มีความสุข
พอคุณหมอหานออกไปแล้วเย่ฉ่าวเฉินก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองไปที่ห้องรับรองสักพักหนึ่งจากนั้นก็ละสายตาไปอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ มู่เวยเวยก็ค่อยๆรู้สึกตัวแล้วลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือและค่อยๆได้สติกลับคืนมา
เธอจำได้ว่าเธอมาหาเย่ฉ่าวเฉิน แล้วพวกเขาก็ทะเลาะกัน หลังจากนั้นเขาก็กดเธอลงในน้ำแล้วก็หมดสติไป……
มู่เวยเวยค่อยๆลุกมานั่งแล้วถอดเครื่องช่วยหายใจออก และดึงสายน้ำเกลือในมือออกโดยที่ไม่สนใจเลือดที่กำลังออกที่มือเธอเลยแม้แต่น้อย
มู่เวยเวยลุกลงจากเตียงแล้วรู้สึกว่าฝ่าเท้าเธอเบาๆหวิวๆ เธอกระแทกเข้ากับกำแพงจากนั้นก็ค่อยๆเดินออกจากห้องไป
ในห้องทำงานไม่มีใครเลย สงสัยว่าเย่ฉ่าวเฉินคงจะไปประชุมแล้ว มู่เวยเวยรู้สึกโล่งอกไปทีเธอหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ตรงโซฟาแล้วเดินไปที่ลิฟต์แล้วลงลิฟต์ไป
ตอนนี้เธอจะต้องไปทำการยืนยันเรื่องหนึ่งก่อน ก็คือเรื่องที่เธอตั้งครรภ์หรือไม่
โรงพยาบาลใจกลางเมือง
มู่เวยเวยตรงไปที่แผนกสูตินารีเวท ครั้งนี้ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่ตู้เฉี่ยวเยี่ยน แต่เป็นหญิงวัยกลางคนหนึ่ง มู่เวยเวยเดาว่าเธอจะเป็นคนที่คุณหมอตู้เคยพูดถึง คุณหมอซุนนั่นเอง
” สวัสดีค่ะ คุณใช่คุณหมอซุนรึป่าวคะ? ” มู่เวยเวยเดินไปตรงหน้าเขาแล้วถามขึ้นอย่างอ่อนโยน
หญิงวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองมู่เวยเวยแล้วพูดขึ้นว่า ” ใช่ค่ะ คุณมาตรวจสุขภาพหรอคะ ลองบอกอาการเบื้องต้นให้ฉันก่อนได้ค่ะ?”
มู่เวยเวยส่ายหัวแล้วพูดว่า ” คุณหมอซุน เมื่อสองวันก่อนฉันมาทำอัลตราซาวด์ไว้ ตอนนั้นตรวจกับคุณหมอตู้ ฉันมารอผลยืนยันอัลตราซาวด์ค่ะ ”
คุณหมอซุนมองหน้าเธอแล้วอดไม่ได้ที่จะถามว่า ” ผลยืนยันอัลตราซาวด์ได้แจ้งผ่านช่องทางติดต่อที่ให้ไว้แล้วไปแล้วนะคะ ไม่ทราบว่ามีคำถามอื่นๆอีกรึป่าวคะ? ”
มู่เวยเวยอึ้งไปชั่วขณะและมีความสงสัยผุดขึ้นในใจ แต่เธอก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้นนิ่งๆว่า “ตอนนั้นเพื่อนของฉันเป็นคนรับสาย เธอนึกว่าเป็นสายที่โทรมาก่อกวนเลยไม่ได้ตั้งใจฟัง คุณช่วยหาผลอัลตราซาวด์ให้ฉันอีกรอบได้มั้ยคะ? ”
พอฟังคำอธิบายของเธอจบคุณหมอซุนก็พูดขึ้นว่า ” ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ถ้างั้นคุณช่วยบอกวันเวลาที่คุณมาตรวจและหมายเลขทะเบียนของคุณ เดี๋ยวฉันจะตรวจสอบให้ค่ะ ”
มู่เวยเวยพยักหน้าแล้วบอกทุกอย่างไปอย่างอ่อนโยน ” รบกวนด้วยนะคะ ”
คุณหมอซุนหาเจอข้อมูลในแฟ้มเอกสารอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้นว่า ” หมายเลข 32 มู่เวยเวย แน่ใจใช่ไหมคะ? ”
” ใช่ค่ะ ”
คุณหมอซุนดูผลตรวจในแฟ้มเอกสารแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างอบอุ่น ” ยินดีด้วยนะคะ จากผลอัลตราซาวด์พบว่าคุณท้องได้สองเดือนกว่าแล้วค่ะ! ”
มู่เวยเวยรู้สึกยากที่จะยอมรับ ไม่ได้เป็นเพราะเด็กคนนี้ และไม่ใช่เพราะเย่ฉ่าวเฉิน แต่เป็นเพราะเธอไม่รู้จริงๆว่าพ่อของเด็กคนนี้คือใคร!
ถ้าหากพูดว่าสองเดือนกว่าจริงๆก็มีแค่คนเดียวที่พอจะเป็นไปได้ พ่อของเด็กคนนี้ก็ต้องเป็นผู้ชายในคืนนั้น แต่ว่าเขาเป็นใครกันแน่ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ตอนนี้เธอไม่รู้อะไรเลย
คุณหมอซุนเห็นปฏิกิริยาของมู่เวยเวยทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมาก และได้พูดให้คำแนะนำตามหน้าที่ว่า ” เห็นว่าคุณท้องตอนยังอายุน้อยขนาดนี้ต้องลำบากมากแน่ๆ ฉันขอแนะนำคุณสองสามอย่างนะคะ อย่ากินอาหารดิบ เย็น……”
พอได้ยินคำแนะนำของคุณหมอซุน คำพูดที่มู่เวยเวยอยากจะพูดเธอก็ทำได้เพียงหักห้ามใจไว้ เธอไม่อยากทำลายความหวังดีของคุณหมอซุนและในขณะเดียวกัน เธอก็ไม่กล้าพูดคำเลวร้ายพวกนั้นออกมา ”
เดิมทีเธออยากจะพูดว่า ถ้าเธออยากทำแท้งเด็กคนนี้ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่……
มู่เวยเวยเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยความมึนงง เธอเดินอยู่บนถนนตามลำพัง เผชิญกับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา แต่เธอรู้สึกได้เพียงแค่ความหนาวเย็นและความหนาวสั่น
การมาของเด็กคนนี้ ทำให้เธอคิดไปถึงคืนที่น่าอับอายคืนนั้น
ในคืนนั้นเองที่เธอโดนคนแปลกหน้าขโมยครั้งแรกของเธอไป และก็เป็นการหักหลังแฟนเก่าอย่างลู่จื่อหาง!
ผู้ชายที่เอาแต่แต่งคำพูดสวยหรูมาหลอกเธอ บอกว่ารักเธอ แคร์เธอ จะดูแลเธอไปตลอดชีวิต แต่เธอเห็นเขากำลังมีอะไรกับมู่อี้เหยาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องเธอกับตา!
นึกถึงคำพูดของลู่จื่อหาง มู่เวยเวยก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง เธอนั่งอ้วกข้างถนน อ้วกอยู่ดีดีน้ำตาก็ไหลรินออกมาด้วย
ไม่รู้ว่าเพราะพระเจ้ารับรู้ถึงความเจ็บปวดของเธอรึป่าว จู่ๆฝนก็ตกลงมาทั่วฟ้า เม็ดฝนเย็นๆกระทบลงบนหัวเธออย่างรวดเร็ว ฝนตกลงมาผสมกับน้ำตาของเธอเปียกชุ่มไปทั้งตัว ยิ่งทำให้รู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก
น่าขำจริงๆ คืนนั้นเธอวางแผนว่าจะให้ครั้งแรกกับเขา แต่ว่าเขากลับวางแผนทำลายเธออย่างไม่ใยดี!
เมื่อนึกถึงลู่จื่อหาง มู่เวยเวยก็คิดถึงเรื่องที่ลู่จื่อหางวางแผนทำลายเธอ เขาบอกกับมู่อี้เหยาว่า เขาเป็นคนส่งเธอให้กับคนบ้านหนานกงเฮ่า คนนั้นอาจจะเป็นคนที่หนานกงเฮ่ารู้จักดีก็เป็นได้? ”
พอคิดได้แบบนี้ มู่เวยเวยก็รีบเรียกรถแท็กซี่แล้วมุ่งหน้าไปที่บ้านของลู่จื่อหาง เธอต้องการที่จะไปถามให้ชัดเจนว่าผู้ชายในคืนนั้นเป็นใครกันแน่!
รถแท็กชี่ขับมาถึงหมู่บ้านลู่จื่อหางอย่างรวดเร็ว มู่เวยเวยจ่ายค่ารถ แล้วเดินตรงไปที่บ้านของลู่จื่อหางแล้วเคาะประตูโดยไม่ลังเล
แต่ก่อนเธอมาที่นี่บ่อยมาก ทุกวันหยุดเธอจะมาทำอาหาร ซักผ้าให้กับลู่จื่อหาง เธอพยายามเป็นแฟนที่ดีให้ได้มากที่สุด
พอตอนนี้คิดย้อนกลับไป ตอนนั้นที่ลู่จื่อหางไม่ปฏิเสธไม่ได้เป็นเพราะความรัก เขาน่าจะเห็นเธอเป็นแม่บ้านมากกว่า? แม่บ้านที่ทั้งทำงานหนักและไม่ต้องการค่าตอบแทน!
” ใคร? ใช่อี้เหยาสุดที่รักรึป่าว? ” ในห้องมีเสียงตอบจากลู่จื่อหางแล้วประตูก็ค่อยๆเปิดออก
สีหน้าของลู่จื่อหางไม่อยากจะเชื่อ แล้วพูดแย่งกล้าๆกลัวๆ ” เวยเวย เธอมาได้ยังไง? ”
มู่เวยเวยทำหน้าเย็นชาและใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ” ฉันมาเพื่อถามคำถามเดียวเท่านั้น ”
ลู่จื่อหางฟังจบก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาเห็นว่ามู่เวยเวยเปียกไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าเธอหนาวหรือเป็นอะไร เธอสั่นไปหมด
ลู่จื่อหางยื่นมือออกมากะจะดึงให้เธอเข้าบ้าน แต่โดนมู่เวยเวยปัดออกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ และพูดด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจ ” อย่างแตะต้องตัวฉัน! ”
สกปรกมาก!
คำนี้มู่เวยเวยไม่ได้พูดออกจากปาก เธอนึกถึงเรื่องที่จะมาสืบเรื่องนั้นก็เลยไม่อยากทำให้เขาโมโห
เผชิญกับการตอบสนองแบบนี้ของเธอ ลู่จื่อหางรู้สึกปวดใจและเปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าที่เย็นชาอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้นว่า ” เวยเวย ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้? ตั้งแต่ได้เป็นคุณผู้หญิงแห่งตระกูลเย่นิสัยก็เปลี่ยนไปเยอะมาก! ”
เผชิญกับการเย้ยหยันของเขา มู่เวยวยรู้สึกปวดใจ แต่เธอก็พยายามข่มเอาไว้ แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน ” ฉันไม่ได้อยากจะมารบกวนคุณ ฉันแค่อยากถามว่าคืนนั้น – – ”
ไม่รอให้มู่เวยเวยพูดจบ ลู่จื่อหางก็ยื่นมือดึงเธอให้เข้ามาในบ้าน แล้วโยนผ้าขนหนูสีขาวให้เธอหนึ่งผืนแล้วพูดขึ้นว่า ” เช็ดผมให้แห้งก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่สบาย ”
เมื่อเผชิญหน้ากับเขาที่เอาใจใส่มากขนาดนี้ ในใจของมู่เวยเวยก็รู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อย เธอเอาผ้าขนหนูวางไว้ข้างๆและเหลือบไปมองแวบหนึ่ง
ตอนนี้ทั้งห้องเต็มไปด้วยสไตล์ของมู่อี้เหยา ไม่ว่าจะเป็นวอลเปเปอร์สีชมพู หรือจะเป็นโซฟาสีส้มนี่ ล้วนแต่เป็นที่มู่อี้เหยาชอบทั้งนั้น
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าตอนแรกที่เธอจัดวางทุกอย่างในห้องนี้ตามความชอบของเขาแต่มาวันนี้ห้องของเขากลับจัดวางทุกอย่างตามความชอบของมู่อี้เหยา มันเห็นได้ชัดเจนว่าความรักของเขาที่มีต่อมู่อี้เหยาไม่น้อยไปกว่าความรักที่เธอมีให้เขาในตอนแรกเลย
มาถึงที่นี่ก็ทำให้ต้องนึกถึงบางอย่างอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ว่ามู่เวยเวยในตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันแปลกไป ไม่ได้เป็นเพราะเวลาที่ผ่านไปแต่เพียงอย่างเดียว แต่เธอมั่นใจว่าในตอนนี้เธอไม่รู้สึกอะไรกับเขาอีกแล้ว
เมื่อมองไปที่ท่าทางของเธอ ลู่จื่อหางก็ยิ้มอย่างได้ใจเขาคิดว่ามู่เวยเวยน่าจะมีเรื่องไม่สบายใจจึงถามขึ้นว่า ” เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินดีกับเธอมั้ย?”
พอได้ยินคำถามของเขา มู่เวยเวยหัวเราะในใจ เขาจะดีกับเธอหรือไม่ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาถามแบบนี้?
มู่เวยเวยพูดด้วยสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงที่นิ่งๆว่า ” ก็โอเค ”
เมื่อเห็นท่าทีของเธอที่ไม่สะทกสะท้านเลย ลู่จื่อหานกำมัดแน่น เขามั่นใจว่าในใจของเขาไม่ใช่ไม่แคร์เธอ ทุกครั้งที่อี้เหยาไม่อยู่ เขามักจะคิดถึงเธออยู่ตลอด
ตอนแรกที่เขาเลือกมู่อี้เหยา ไม่ใช่เพียงแค่เขาหลงใหลในร่างกายของมู่อี้เหยาเท่านั้น แต่เป็นเพราะว่าชาติกำเนิดของมู่อี้เหยาด้วย
ตอนนี้บริษัทมู่ซื่ออยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของพ่อของมู่อี้เหยา เธอให้เขาได้มากกว่ามู่เวยเวย ไม่ใช่แค่ตำแหน่งภรรยาเท่านั้นเขาจึงต้องรวบหัวรวบหางเธอ เพราะมันจะเป็นประโยชน์กับอนาคตเขามากๆ!
จุดที่มู่อี้เหยาไม่สามารถเทียบกับเธอได้ก็คงจะเป็นความอ่อนโยนและความดีของเธอ จนถึงตอนนี้มู่อี้เหยายังไม่เคยทำอาหารให้เขาเลยสักมื้อและไม่เคยซักผ้าให้เขาเลยสักครั้ง แต่ทั้งหมดนี้มู่เวยเวยทำให้เขาแล้วทั้งนั้น
แต่ว่าถ้าให้เขาเลือกใหม่อีกครั้ง เขาก็จะเลือกแบบเดิม เพราะสิ่งที่มู่อี้เหยาให้เขาได้มันเยอะมากๆ แต่สิ่งที่มู่เวยเวยให้เขาได้มันน้อยนิด
มู่เวยเวยไม่อยากอยู่ที่นี่นานเลยถามไปตามตรงว่า ” ฉันอยากรู้ว่าคนที่ซื้อตัวฉันในคืนนั้นเป็นใครกันแน่? ”
สีหน้าของลู่จื่อหางตกใจ แล้วถามต่อว่า ” เธอถามคนที่ซื้อเธองั้นหรอ?”
มู่เวยเวยพยักหน้า