ในคืนนั้นมันเป็นแผนของเขาจริง แต่พอหลังจากเกิดเรื่องเขาก็เสียใจเล็กน้อย ครั้งแรกของมู่เวยเวยน่าจะเป็นของเขาถึงจะถูก!ทำไมเขาถึงได้ยอมให้คนอื่นง่ายๆกันนะ!
แต่ว่าพอคิดไปคิดมา ผู้ชายในคืนนั้นไม่ใช่คนที่เขาจะต่อกรได้ นั่นมันหนานกงเฮ่าเชียวนะ!
ลู่จื่อหางไม่ได้ปิดบังแล้วพูดไปตามตรงว่า ” วันนั้นคนที่นัดกับฉันไว้คือคุณหนานกงเฮ่า แต่ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ ฉันไม่สามารถปฏิเสธลูกชายคนเล็กของตระกูลหนานกงได้……”
คำไร้สาระข้างหลังพวกนั้นมู่เวยเวยไมได้อยากฟัง ในสมองของเธอคิดเพียงชื่อ ” หนานกงเฮ่า ” สามคำนี้เท่านั้น ในใจรู้สึกเจ็บราวกับว่าโดนมีดปักเข้ากลางใจ และมีเลือดสดสดไหลออกมา
ที่แท้ก็คือหนานกงเฮ่า! เพราะอะไร? ทำไมเขาถึงต้องทำเรื่องแบบนี้?
มู่เวยเวยคิดถึงคำสารภาพรักของหนานกงเฮ่าในครั้งนั้น และก็เรื่องที่เขาช่วยเหลือเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนั้นเธอก็คิดว่าทำไมมันถึงเป็นเรื่องบังเอิญมากขนาดนี้ ที่แท้ทั้งหมดนี้เขาวางแผนไว้หมดแล้ว!
มู่เวยเวยรู้สึกผิดหวังมาก เธอทำใจที่จะยอมรับความจริงนี้ได้ยากมาก ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นคนอื่นเธอก็จะไม่เจ็บใจมากขนาดนี้ แต่ว่ากลับเป็นคนที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนอย่างหนานกงเฮ่า!
เขาทำแบบนี้ได้ยังไง? เขาเห็นเธอเป็นตัวอะไร? เป็นสิ่งของที่จ่ายเงินซื้อมาเล่นๆงั้นหรอ? เขาดูถูกเธอแบบนี้ได้ยังไงกัน? เขาไม่คิดบ้างหรอว่าถ้าเธอรู้ความจริงเธอจะเสียใจมากแค่ไหน!
ลู่จื่อหางรู้สึกได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของมู่เวยเวย สีหน้าของเธอแสดงออกชัดเจนมาก พอคิดได้เขาก็เข้าไปใกล้ๆเธอแล้วทำเป็นเห็นอกเห็นใจจากนั้นก็เข้าไปกอดเอวเธอแล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน ” เวยเวย เธอเป็นอะไรไป? ”
เธอหยุดความคิดพวกนั้นทันทีแล้วรู้สึกได้ถึงการกระทำของเขา มู่เวยเวยทำหน้านิ่ง เธอยื่นมือจะเอามือเขาออกจากเอวเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาเตรียมการไว้หมดแล้ว พอร่างกายออกแรงเคลื่อนไหว มู่เวยเวยก็ถูกเขากดให้นอนลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
มู่เวยเวยรู้สึกรำคาญ ร่างกายก็ดิ้นรนอย่างแรง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า ” ลู่จื่อหาง! นี่นายจะทำอะไร! ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ! ”
ลู่จื่อหางกลับทำเป็นไม่ได้ยิน เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อของมู่เวยเวย สัมผัสได้ถึงผิวอันเนียนนุ่มของเธอ เวลานั้นเขามุ่งมั่นมาก เขายิ่งพยายามที่จะเอาชนะใจเธอให้ได้
มู่เวยเวยดิ้นสุดชีวิต แต่ว่าร่างกายถูกเขาทับไว้แน่นมาก ดิ้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ด่าออกมาอย่างเหลืออด ” นายไสหัวออกไปนะ!ลู่จื่อหาง นายยังมีศักดิ์ศรีอยู่รึป่าว? ถ้านายยังไม่ยอมหยุด ฉันจะตะโกนให้คนมาช่วยแล้วนะ! ”
เผชิญกับคำขู่ของเธอ ลู่จื่อหางเสียอารมณ์นิดๆ แต่ว่าก็ทำเป็นไม่สนใจ เขาเอนร่างครึ่งตัวของเขาลงไปสูดดมกลิ่นเลม่อนบนเรือนร่างของเธอ แล้วอดไม่ได้ที่จะชมว่า ” เวยเวย ฉันพึ่งรู้ว่าเธอสวยขนาดนี้……”
มู่เวยเวยกัดฟันแน่น เพื่อที่จะทำให้เขาหยุด มู่เวยเวยพูดขู่อีกว่า ” ลู่จื่อหางถ้านายกล้าแตะต้องตัวฉันกลับไปฉันจะบอกให้เย่ฉ่าวเฉินฆ่านายสะ นายเชื่อมั้ย! ”
ประโยคนี้มันใช้ได้ผล ลู่จื่อหางสั่นไปทั้งตัว
แต่ว่ามู่เวยเวยยังไม่ทันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลู่จื่อหางก็ยกยิ้มมุมปากและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ว่า ” ถ้าฉันได้เธอแล้วถึงแม้ว่าเธอจะเอาไปฟ้องเย่ฉ่าวเฉินแล้วเขาจะมาจัดการฉัน แต่ว่าเขาก็ต้องรังเกียจเธอมาแน่ๆ!เพราะยังไงก็ถือได้ว่าเธอสวมเขาให้เขา!”
” นาย! ลู่จื่อหาง! นายมันเลว! ” มู่เวยเวยจ้องหน้าเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธ
ลู่จื่อหางหัวเราะอย่างสะใจ เขาใช้มือขวาจับแขนมู่เวยเวยให้ยกขึ้นด้านบน แล้วใช้มือซ้ายปลดกระดุมเสื้อของมู่เวยเวย
มองหน้าที่น่ารังเกียจของเขา มู่เวยเวยอดกลั้นสุดฤทธิ์ที่จะไม่อ้วกออกมา เธอพยายามสงบสติอารมณ์ แล้วเธอก็คิดได้ว่าขาของเธอขยับได้นี่นา เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และยกขาขึ้นเตะไปที่ตรงนั้นของเขา
เปิดการโจมตี!
เพราะว่าหลายครั้งที่เธอแพ้อย่างลาบคาบต่อหน้าเย่ฉ่าวเฉิน แต่ครั้งนี้มู่เวยเวยใช้กำลังแรงสุดฤทธิ์ แทบจะอยากกำจัดสิ่งนั้นที่ทำแต่เรื่องน่ารังเกียจของเขา
แน่นอนว่ามันได้ผล ลู่จื่อหางสูดหายใจเข้าสุดแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในตาแทบจะมีไฟระเบิดออกมา แล้วตะโกนออกมาว่า ” มู่เวยเวย เธอจะฆ่าฉันรึไง!ลงมือหนักขนาดนี้! ”
มู่เวยเวยใช้โอกาสนี้ผลักเขาออกโดยไม่มองเขาเลยแม้แต่นิด และวิ่งตรงไปที่ประตูในตอนที่เธอกำลังจะเปิดประตู แต่กลับมีคนเปิดประตูเข้ามาจากด้านนอกสะก่อน
เมื่อมู่อี้เหยาปรากฏตัวที่หน้าประตู คนในห้องทั้งสองคนตกใจมาก
มู่เวยเวยรู้สึกรังเกียจ แต่ลู่จื่อหางรู้สึกกังวล
เมื่อมู่อี้เหยาเห็นเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายของมู่เวยเวย ก็มีอารมณ์โกรธขึ้นมาทันที แล้วตะโกนออกมาอย่างเสียงแหลมปรี๊ด ” พวกคุณทำอะไรกัน? มู่เวยเวย ยัยคนชั้นต่ำทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? ”
มองไปที่มู่อี้เหยาที่อารมณ์ร้าย มู่เวยเวยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที แล้วแสยะยิ้มแล้วตะคอกใส่เธอว่า ” เรื่องนี้เธอต้องถามผู้ชายของเธอดู! ”
พอมู่เวยเวยพูดแบบนี้ มู่อี้เหยาก็สังเกตเห็นท่าทีของลู่จื่อหานที่ลุกลี้ลุกลน แล้วใช้น้ำเสียงโกรธมากถามขึ้นว่า ” ลู่จื่อหาง ทางที่ดีนายเตรียมคำอธิบายดีๆไว้ ไม่งั้นฉันจะให้พ่อฉันถลกหนังของนาย! ”
ลู่จื่อหางกังวลมาก และไม่สงสัยในคำพูดของเธอเลย เพราะว่าดูจากการที่มู่จางรุ่ยทะนุถนอมเธอแล้ว เขาต้องตกระกำลำบากแน่ๆ
ลู่จื่อหางทุบหน้าอกแล้วพูดอย่างประหม่าว่า ” อี้เหยา เธอฟังฉันอธิบายนะ มู่เวยเวยมาหาฉันกะทันหันเธอบอกว่าเธออารมณ์ไม่ดีให้ฉันปลอบเธอหน่อย แน่นอนว่าฉันก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง แต่รับรองว่าฉันไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อเธอแน่นอน! ”
พอฟังลู่จื่อหานพูดเสร็จ มู่เวยเวยโมโหมาก แต่ก่อนทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าลู่จื่อหางต่ำช้ามากขนาดนี้ ตอนนี้พอมีสถานการณ์แบบนี้ก็ยังดึงเธอลงน้ำไปด้วยอีก!
มู่เวยเวย เธอตาบอดใช่มั้ย? ไม่งั้นทำไมผู้ชายรอบตัวเธอถึงเป็นแบบนี้กันหมด!
ทั้งเย่ฉ่าวเฉิน ลู่จื่อหาง แล้วก็หนานกงเฮ่าอีกคน……
“เพี๊ยะ – – ! ”
มู่อี้เหยาเชื่อคำพูดลู่จื่อหางอย่างไม่ลังเล แล้วตบไปที่หน้ามู่เวยเวยไปหนึ่งที แล้วด่าเธออย่ารุนแรง ” มู่เวยเวย ยัยผู้หญิงชั้นต่ำ! ครอบงำเย่ฉ่าวเฉินยังไม่พอหรือไง ยังจะมายั่วลู่จื่อหางอีก? ”
มู่เวยเวยจ้องเธออย่างเย็นชา แล้วตบเธอคืนไปหนึ่งที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด ” มู่อี้เหยา คำพูดหมาๆของลู่จื่อหางเธอก็ยังจะไปเชื่อ ฉันว่าสมองของเธอนี่โดนลาเตะไปแล้วมั้ง? ฉันมีเย่ฉ่าวเฉินอยู่แล้ว ยังจะต้องการเศษขยะอย่างลู่จื่อหางอีกทำไม? ”
เผชิญกับคำพูดแบบนั้น ใจของลู่จื่อหานจุกแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า ” มู่เวยเวย ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ ตอนนั้นฉันน่าจะตาบอด ในเมื่อเธอดูถูกฉันมากขนาดนี้แล้วจะมาบ้านฉันอีกทำไม! ”
เดิมทีคำพูดของมู่เวยเวยทำให้มู่อี้เหยาเริ่มระแคะระคายแล้ว แต่ว่าพอฟังลู่จื่อหางพูดแบบนี้แล้ว ก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า ” มู่เวยเวย เธอยังมีอะไรจะพูดอีกมั้ย? ”
เผชิญหน้ากับชายก็ชั่วหญิงก็เลวคู่นี้แล้ว มู่เวยเวยรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เธอเลยเดินตรงไปทางประตู ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บหนังหัวแล้วก็เห็นใบหน้าบ้าคลั่งของมู่อี้เหยา
มู่อี้เหยาดึงผมมู่เวยเวยไว้แน่น แทบจะอยากถลกมันลงมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา ” ในเมื่อมีหน้ามาแล้ว คิดว่าจะได้กลับไปง่ายๆงั้นหรอ! ”
มู่เวยเวยทำหน้านิ่ง แล้วเดินไปเข้าไปดึงผมมู่อี้เหยาไว้ และรู้สึกโกรธมาก มองเธอที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแล้วพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน ” ทำไม? ดึงผมคนอื่นแล้วสะใจมากงั้นหรอ? งั้นฉันขอลองดูหน่อยนะ! ”
มู่อี้เหยารู้สึกโกรธแค้นมาก อยากจะเดินเข้าไปกรีดหน้าของเธอ รู้สึกหนังหัวจะถูกเธอถลกออกมาแล้ว จู่ๆเธอก็คิดขึ้นได้แล้วตะโกนบอกคนในห้องอย่างลู่จื่อหางว่า ” ยังจะนิ่งอยู่ทำไมอีก? ไม่เห็นหรอว่าฉันโดนรังแก? รีบมาช่วยฉันเดี๋ยวนี้! ”
ลู่จื่อหางลังเลเล็กน้อย แต่ว่าด้วยแรงกดดันจากมู่อี้เหยาเขาจึงเดินไปที่ทั้งสองคนอยู่
เมื่อเห็นว่าลู่จื่อหางเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มู่เวยเวยก็คิดขึ้นได้ในใจ เธอจะปล่อยให้ลู่จื่อหางเข้ามาไม่ได้ถ้าหากว่าทั้งสองร่วมมือกันทำร้ายเธอ วันนี้เธอน่าจะไม่มีชีวิตรอดออกจากห้องนี้แน่ๆ!
มู่เวยเวยตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่รู้ว่าได้แรงกล้ามาจากไหน กระชากมู่อี้เหยาถอยไปข้างหลังอย่างแรง เจ็บจนมู่อีเหยาน้ำตาร่วง ในตอนนี้เอง เธอเห็นแจกันดอกไม้บนโต๊ะหนังสือจึงหยิบมันโยนลงกับพื้นจนได้ยินเสียงตกแตก
ลู่จื่อหางสะดุ้งตกใจ และเกิดความลังเลเล็กน้อย
มู่เวยเวยใช้โอกาสนี้ก้มลงไปเก็บเศษแจกันขึ้นมาแล้วเล็งไปที่คอของมู่อี้เหยาแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโหดๆว่า “อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันปาดคอเธอแน่! ”
มู่อี้เหยาลุกลี้ลุกลน เธอไม่คาดคิดถึงความเปลี่ยนไปของมู่เวยเวย ตั้งแต่แต่งงานกับเย่ฉ่าวเฉินเธอเปลี่ยนไปมากมาก!
ก่อนหน้านี้ มู่เวยเวยได้แต่อดทน ไม่ว่าเธอจะทำกับเธอยังไงเธอก็ทำได้แค่เพียงแค่อดทน แต่ว่าตอนนี้เธอกล้าที่จะฆ่าเธอ!
พระเจ้า ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปได้น่ากลัวขนาดนี้!
เผชิญหน้ากับมู่เวยเวยที่ดูแปลกไปมาก ลู่จื่อหางไม่กล้าขยับแม้แต่น้อยเขาสงบสติอารมณ์แล้วพูดเตือนเธอว่า ” เวยเวย เธออย่าทำแบบนี้ เธอทำแบบนี้จะทำให้อี้เหยาตกใจได้ อย่างน้อยเธอก็เป็นลูกพี่ลูกน้องเธอนะ ”
พอได้ยินคำพูดของลู่จื่อหาง มู่เวยเวยแสยะยิ้มแล้วพูดอย่างเย้ยหยันว่า ” ลูกพี่ลูกน้อง? ฉันไม่ยักจะจำได้ว่าฉันมีลูกพี่ลูกน้อง? ในเมื่อพวกคุณทำให้ฉันโกรธก่อน ก็อย่ามาโทษฉันว่าไม่นับญาติพี่น้องล่ะ! ”
มู่อี้เหยาตกใจมาก ความเก่งกล้าทะนงตัวของเธอได้สลายหายไปนานแล้ว เธอน้ำตาไหลรินแล้วพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว ” พี่สาวเมื่อกี้มันเป็นความผิดของฉันเอง คุณ คุณอย่าถือสาฉันเลยนะ ฉันสำนึกผิดแล้ว……”
เผชิญหน้ากับคนที่สำนึกผิดทั้งสองคนนี้ มู่เวยเวยไม่ได้รู้สึกดีใจสักนิด และเธอก็รู้ได้ทันทีว่าจุดประสงค์ของทั้งสองคนคืออะไร เธอกดเศษแจกันโดยใช้แรงมากขึ้น เจ็บจนมู่อี้เหยาร้องไห้ออกมาเสียงดัง
” ลู่จื่อหาง อย่ามาทำเจ้าเล่ห์กับฉัน ทางที่ดีนายยืนอยู่กับที่ ไม่งั้นถ้าฉันพลาดพลั้งมือไป ตัดโดนเส้นเลือดใหญ่ของอี้เหยาสุดที่รักของนายขึ้นมาแล้วมันจะเป็นเรื่องใหญ่! ”
พอได้ยินคำพูดของเธอลู่จื่อหางสะดุ้งตกใจ และทำได้เพียงหยุดอยู่นิ่งๆต่อไปและไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
มู่เวยเวยเบื่อแล้วที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ เธอลากมู่อี้เหยาไปทางประตูแล้วผลักมู่อี้เหยาสุดแรงจากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของมู่อี้เหยาถูกลู่จื่อหางรับไว้ได้ ด้วยความที่เธอถูกตามใจมาโดยตลอดใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจแล้วตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า ” นายไปจับตัวเธอมาให้ได้!รีบไป!ไม่งั้นฉันจะให้พ่อฉันจัดการกับนาย! ”
พอลู่จื่อหางได้ยินคำสั่งของเธอ ก็รู้สึกไม่พอใจ นี่เธอเห็นเขาเป็นการ์ดคุ้มครองของบ้านเธอหรือยังไง! ถึงได้ให้เขาไปตามตัวคนให้เธอ?
แต่ว่าพอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ไม่มีทางเลือก จากนั้นก็ลุกขึ้นออกไปตามหาเธอทันที
มู่อี้เหยามองไปที่เศษแจกันพวกนั้นเธอรู้สึกแค้นใจมาก เธอกัดฟันพูดว่า ” มู่เวยเวย รอให้ฉันจับตัวเธอได้เมื่อไหร่ รอดูได้เลยว่าฉันจะจัดการกับหน้าเธอยังไง! ”
มู่เวยเวยวิ่งตรงไปที่ข้างถนน ทันใดนั้นก็เห็นลู่จื่อหางไล่ตามมา เธอจึงเข้าไปหลบที่พุ่มไม้ข้างถนน
ลู่จื่อหางมองไปที่มู่เวยเวยอย่างไร้ร่องรอย เขาอุทานคำหยาบออกมาแล้วหันหลังขึ้นบ้านไปอีกครั้ง
เมื่อมู่เวยเวยแน่ใจว่าเขาออกไปแล้ว เธอก็รีบโบกแท็กชี่แล้วออกจากที่นั่นทันที
จนกระทั่งนั่งอยู่ลงบนรถ ใจของมู่เวยเวยก็ยังคงไม่สามารถสงบลงได้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเธอ ถ้าหากเธอไม่รู้ตัวก่อนสุดท้ายคนที่ซวยก็คงจะเป็นเธอ!
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเย่ฉ่าวเฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเอาแต่ทำร้ายเธอ เธอก็คงไม่เรียนรู้ได้เร็วขนาดนี้หรอก
มู่เวยเวยยกยิ้มมุมปาก แต่ว่าในใจเธอก็ยังคงไม่สามารถสงบได้
โชคชะตาช่างไม่ยุติธรรมกับเธอ มันยิ่งอยู่ยิ่งโหดร้ายกับเธอมากขึ้น เธอได้เรียนรู้และเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกมากับการโดนกลั่นแกล้งทั้งกายและใจ!
” คุณผู้หญิงครับ นี่คุณจะไปไหนครับ? ” คนขับรถที่นั่งในตำแหน่งคนขับถามขึ้น
มู่เวยเวยครุ่นคิดสักพักแล้วพูดขึ้นว่า ” คฤหาสน์เจียงหนานลี่ตู ”
” โอเค ”
มู่เวยเวยมองดูบรรยากาศนอกหน้าต่าง ใจเธอกลับเต้นรัวๆ. มันถึงเวลาที่ต้องคุยกับหนานกงเฮ่าแล้ว
ตอนที่หนานกงเฮ่ารับสายของมู่เวยเวย เขาตื่นเต้นมาก ยังเหลืออีกสองสามวันกว่าจะถึงวันที่พวกเขาตกลงกันไว้ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่ามู่เวยเวยจะติดต่อมาหาเขาก่อน ทำให้เขาค่อนข้างตกใจแต่ก็แฝงด้วยความดีใจ
ไม่ว่าจะยังไง เวยเวยติดต่อเขามาก่อนมันก็เป็นข่าวดีสำหรับตัวเขา
ในตอนนี้เอง ตู้เหิงแจ้งมาว่า มู่เวยเวยมารอที่ห้องรับแขกแล้ว หนานกงเฮ่าหยิบเสื้อมาใส่ให้เรียบร้อยแล้วเดินลงบันไดไปชั้นล่าง
เมื่อเห็นผู้หญิงที่ตัวเองคิดถึงอยู่ตลอดเวลานั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขก ก็รู้สึกดีใจมากๆ
” เวยเวย คุณมาแล้วหรอ ”
มู่เวยเวยหันไปมองใบหน้าอันหล่อเหล่าของหนานกงเฮ่า ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองรึป่าว เธอรู้สึกว่าเขาผอมไปเมื่อเทียบกับแต่ก่อน แต่ว่าก็คิดขึ้นได้ เขาจะอ้วนหรือผอมแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ?
มู่เวยเวยพยายามอดทนไว้ มู่เวยเวยถามเขานิ่งๆด้วยน้ำเสียงเย็นชา ” ที่วันนี้ฉันมาหาคุณ ฉันเพียงอย่างแน่ใจเรื่องหนึ่ง ”
มองใบหน้าเธอที่ดูตั้งใจมาก หัวใจของหนานกงเฮ่ารู้สึกแน่นๆรู้สึกจุกอยู่ที่อก แต่กลับแสดงออกมาอย่างนิ่งสงบ จิบกาแฟด้วยสีหน้าสบายๆแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า ” เธอถามมาเถอะ ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันรู้ ฉันจะตอบเธอแน่นอน ”
มู่เวยเวยพยักหน้า แล้วถามออกไปตรงๆว่า ” ในคืนนั้น ผู้ชายที่อยู่กับฉันที่ห้อง 1026 ในโรงแรม CK ใช่คุณรึป่าว? ”