วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 121 เกิดเรื่อง เฉียวซินโยวเผยกับดัก

เย่ฉ่าวเฉินบีบคางมู่เวยเวยอย่างเย็นชา เขามองใบหน้าซีดขาวของเธอ พร้อมพ่นคำพูดร้ายๆออกมา “ไม่ต้องมาทำมารยาต่อหน้าผม วันนี้คุณหนีไม่รอดแน่”

พูดจบเขาก็ขึ้นคร่อมเธอ และกดจูบลงบนริมฝีปากเธออย่างรุนแรง….

มู่เวยเวยขมวดคิ้วมุ่น พยายามใช้แรงทั้งหมดผลักเขาออกไป

ตอนนี้ขาของเธอขยับไม่สะดวกแล้ว ถ้าเขาขึ้นมาทั้งตัว เธอต้องไม่มีทางขัดขืนแน่

“เย่ฉ่าวเฉิน อย่า….”

มู่เวยเวยจำต้องอ่อนลง เพราะวันนี้เธอใส่กระโปรง ถ้าเขาจะทำอะไรเธอก็ทำได้ง่ายมาก หลังจากพิจารณาดูแล้ว มูเวยเวยคิดว่าไม่แข็งข้อจะดีกว่า

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเมื่อกี้เขาหูฝาดไป เมื่อกี้น้ำเสียงเธออ่อนโยนมาก ต่างกับท่าทีแข็งขึงในตอนปกติโดยสิ้นเชิง

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาเกิดความเมตตาแต่อย่างไร

เขาทำอย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน….

มู่เวยเวยสูดหายใจตื่นๆ พลางมองกระโปรงที่ถูกเขาทำให้ยับยู่ยี่จนไม่เป็นทรง เธอขมวดคิ้วมุ่น โกรธแทบตาย และพูดออกมาเสียงแข็ง “ทำไมคุณใจจืดใจดำแบบนี้ คุณ….อื้อ พระเจ้า”

เย่ฉ่าวเฉินแสยะยิ้ม คำพูดเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณสวมเขาให้ผม คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ผมยังแตะต้องคุณอยู่….”

ใครอยากให้คุณแตะกัน

มู่เวยเวยไม่ยอมเช่นกัน เธอโต้เขากลับอย่างเย็นชา “ในเมื่อไม่อยากแตะ แล้วคุณจะมายุ่งกับฉันทำไม ฉันไปขอให้คุณแตะฉันรึไง”

เขามีเหตุผลบ้างมั้ย คิดว่าเธอตั้งตารอเขาทุกวันรึไง เอาอะไรมามั่นใจ

เย่ฉ่าวเฉินแต่งตัวมองเธอช้าๆ พร้อมพูดอย่างเหยียดๆ “มู่เวยเวยอย่าลืมนะว่าผมใช้เงินซื้อคุณมา ประโยชน์อย่างเดียวของคุณก็คือร่างกาย ไม่งั้นผมจะซื้อคุณมาเป็นสัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่นรึไง”

เขาว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่นเลยหรอ ปากเสียไม่มีใครเกิน

มู่เวยเวยกรอกตามองขาของเธอที่ยังอ้าอยู่ และพูดอย่างไม่สงบ “ทำเสร็จแล้วก็ออกไปได้แล้ว”

เมื่อฟังจบเย่ฉ่าวเฉินก็กอดมองเธอจากข้างบน และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มู่เวยเวยอย่ามาออกคำสั่งกับผม ใครอนุญาตให้คุณเถียง คุณไม่มีสิทธิ์”

มู่เวยเวยยิ้มเยาะ จ้องเขาอย่างเย็นชา ก่อนตอบด้วยความดูถูก “สิทธิ์คำพูดของฉันต้องให้ใครมาอนุญาตด้วยหรอ ฉันไม่มีสิทธิ์จะพูดเลยหรอ ทำไมคุณมันน่ารังเกียจอย่างนี้”

มู่เวยเวยเวยไม่อาจควบคุมอารมณ์ไว้ได้อีก จึงตะคอกโกรธๆออกมาเสียงดัง

“เรื่องนี้คุณน่าจะรู้ตัวเองตั้งนานแล้ว….ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องเถียง ไม่ต้องยั่วโมโห คุณจำไว้ให้ขึ้นใจ…คุณเป็นแค่ของเล่นของผม”

“หึหึ…” มู่เวยเวยหัวเราะแห้งๆ และแสยะยิ้มอย่างน่ารังเกียจ เธอมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ สูดลมหายใจเข้าลึกๆถามอย่างเย็นชา “งั้นคุณอนุญาตให้ฉันทำอะไรได้บ้าง อยากให้ฉันทำยังไง”

เย่ฉ่าวเฉินยกยิ้มอย่างเย็นชา พลางตอบเสียงเย็นอย่่างเดิม “อนุญาตให้กิน นอน เข้าห้องน้ำ”

ฟังจบริมฝีปากมู่เวยเวยก็กระตุกเล็กน้อยพูด “คุณโง่หรอ” จากนั้นก็ถามต่อ “ล้อเล่นรึไง”

“คุณคิดว่าไงล่ะ”

เขาถามกลับอีก

มู่เวยเวยรู้สึกว่าตัวเองจะบ้าตายอยู่แล้ว เขาไม่ยุติธรรมเลยสักนิด มีสิทธิ์อะไรอนุญาตให้เธอกิน นอน เข้าห้องน้ำเท่านั้น เรื่องที่ห้ามมันเข้าตัวเธอทั้งหมด

ผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจ

“นี่ไม่ยุติธรรมเลย”

“แล้วยังไง อยู่ที่นี่ไม่มีคำว่ายุติธรรมอยู่แล้ว”

เขาถามกลับอีกครั้ง เหมือนเขาจะเสพติดการย้อนถามไปแล้ว

มู่เวยเวยอ้าปากพูดอย่างมีหลักการ “ในเมื่อไม่ยุติธรรม งั้นฉันจะไม่ทำตาม”

“ได้”

ตอนแรกมู่เวยเวยตั้งท่ารอเขาเถียง พร้อมกับทำให้เธออับอาย แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เขาจะยอมง่ายๆ ไม่คิดจะเถียงกลับแต่อย่างไร เขาคิดอย่างนั้นจริงๆหรอ

และก็ไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อเขาพูดต่อว่า “เมื่อไหร่ที่คุณเอาเงินหนึ่่งล้านมาคืนผมได้ คุณจะไปจากที่นี่ ผมก็ไม่ห้ามเลย”

ไร้สาระ

เธอจะมีเงินที่ไหนมาคืนเขาหนึ่งล้าน

เขาก็รู้ดี ยังมีหน้ามาตั้งเงื่อนไขแบบนี้อีก

เกลียด!

มู่เวยเวยเลือกหลับตาลง เธอรู้ซึ้งถึงความหน้าด้านของเขาแล้วจึงไม่อยากหาเรื่องให้ตัวเองอีก เธอพลิกตัวนอนตะแคง ก่อนจะนึกได้ว่ากระโปรงตัวเองสกปรกมาก จึงจำต้องลุกขึ้นมานั่งแทน

เมื่อเห็นเธอนิ่งลง เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่พูดอีก เขาใส่ชุดสูทท่อนบนเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไป ก่อนเดินออกจากห้อง เขาก็พูดขึ้นมาว่า “อยู่ห่างจากฉ่าวหยานไว้”

มู่เวยเวยเหยียดยิ้มมองประตูที่ปิดลง จากนั้นก็รีบถอดกระโปรงบนร่างออกโยนไว้ข้างเตียง ความรู้สึกเหนียวท่อนล่างทำให้เธอแทบอยากจะอ้วก

ตอนนี้เธออยากอาบน้ำมาก แต่เมื่อนึกได้ว่าบนขาตัวเองยังมีผ้าพันแผลอยู่ จึงต้องล้มเลิกความตั้งใจไป และหยิบทิชชู่ในกระเป๋ามาทำความสะอาดร่างกายอย่างละเอียดแทน จากนั้นก็นอนคลุมผ้าห่มอย่างมิดชิด

บรรยากาศยังอบอวลไปด้วยกลิ่นสวาท เธอรีบเอาผ้าคลุมหัว พยายามกำจัดกลิ่นของเขาที่อยู่ในอากาศออกไปให้หมด…

เพราะรู้สึกอึดอัดเกินไป มู่เวยเวยจึงโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม หันหน้าไปมองแก้วน้ำสะอาดที่เสี่ยวจื่อทิ้งไว้บนโต๊ะ

ก่อนหน้านั้นหนึ่งวิ เธอเพิ่งจะรู้สึกว่าโชคดีที่ได้รู้จักผู้ชายดีๆอย่างเสี่ยวจื่อ แต่หลังจากนั้นหนึ่งวิ เธอกลับโดนเย่ฉ่าวเฉินลากลงนรก

มู่เวยเวยค่อยๆก้าวลงจากเตียงไปยังโต๊ะหนังสือ หยิบน้ำแก้วนั้นขึ้นมามองหยดน้ำในนั้น ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแสบจมูก ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา

เธอคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงพี่ชาย ความอบอุ่น และภาพเก่าๆที่มีความสุขของเธอสมัยก่อนย้อนเข้ามาในหัว

เธอมักจะคิดอยู่เสมอว่าเพราะเมื่อก่อนเธอมีความสุขเกินไปรึเปล่า แม้แต่พระเจ้าก็เห็นว่ามันไม่ยุติธรรม ถึงได้ทำให้เธอเสียคนที่รักไป ทิ้งไว้ให้เธอเผชิญโลกอันโหดร้ายคนเดียว

แต่สิ่งที่เธอมั่นใจก็คือ ความสุขที่ผ่านไปนั้น เป็นสิ่งที่สั้นและสวยงามที่สุดในวัยเยาว์ และมันก็เป็นสิ่งที่เธอเฝ้าคิดถึงอยู่เสมอ…..

เย่ฉ่าวเฉินเดินออกจากห้องมู่เวยเวยเตรียมจะเดินลงไปที่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง ก็เห็นเย่ฉ่าวหยานกำลังคุยกับเฉียวซินโยวสนุกสนานอยู่ เมื่อเห็นน้องชายสามารถมีรอยยิ้มได้อีกครั้ง เย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกสุขใจมาก

“คุยอะไรกันสนุกเชียว” เย่ฉ่าวเฉินเดินไปหาทั้งสองคน และพูดอย่างอ่อนโยนมาก

เย่ฉ่าวหยานเหลือบมองเขา พลางตอบเสียงนุ่ม “ผมคุยเรื่องการเดินทางใหม่ที่น่าสนใจอยู่ พี่ไม่น่าจะสนใจ….”

พี่ชายของเขาสนใจแต่เรื่องงาน เรื่องไร้สาระแบบนี้เขาไม่มีทางอยากฟัง

เย่ฉ่าวเฉินกระตุกยิ้มพูดสบายๆ “ปกติพี่ยุ่งมากไม่ค่อยมีวันพักผ่อน ถ้ามีเรื่องอะไรน่าสนใจก็มาเล่าให้กันฟังบ้างสิ”

เย่ฉ่าวหยานอึ้ง ค่อยๆยกยิ้มพูด “ได้สิ”

หลายปีผ่านไป พี่ชายของเขาดูจะมีความรู้สึกขึ้นแล้ว

…..

“เฉียวซินโยว”

เสียงคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง ทำให้เฉียวซินโยวหยุดฝีเท้าลง เมื่อเธอหันไปมองก็เห็นใบหน้ามุ่งร้ายของลู่จื่อหาง

เฉียวซินโยวขมวดคิ้ว ถามเขาอย่างสงสัย “ลู่จื่อหางหรอ”

ลู่จื่อหางไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เขาเหยียดยิ้มหยัน และพูดอยากมีอะไรแอบแฝง “ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะยังจำผมได้อยู่ งั้นเรามาคิดบัญชีเก่ากันหน่อยดีมั้ย”

บัญชีเก่าหรอ

เฉียวซินโยวคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะจำเรื่องที่เธอกำจัดลู่จื่อหางได้ เธอจึงแสดงสีหน้าสุดจะทน พร้อมพูดอย่างเย็นชา “เงินหนึ่งแสนหยวนนั้นฉันคืนนายไปแล้วหนิ ฉันจำไม่ได้แล้วว่ายังมีอะไรติดค้างกันอีก”

เมื่อเห็นหน้าเย็นชาของเฉียวซินโยว ลู่จื่อหางก็ไม่ได้แปลกใจ เขายิ้มกว้างขึ้น พร้อมพูดอย่างสดใส “เมื่อก่อนผมไปพัวพันกับมูเวยเวยตามคำสั่งคุณ หลังจากนั้นผมก็โดนเย่ฉ่าวเฉินทำร้ายจนได้แผล เงินค่าโรงพยาบาลกับค่าทำขวัญ คุณจะชดใช้ให้ผมยังไง….”

เมื่อเห็นลู่จื่อหางขออย่างเปิดเผย เฉียวซินโยวก็รู้ทันทีว่าเขาคิดจะทำอะไร เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะหน้าด้านขนาดนี้

ทำงานก็ไม่สำเร็จ ตอนนี้ยังจะหน้าด้านมาขอค่ารักษาอีก น่ารังเกียจที่สุด

เฉียวซินโยวโกรธขึ้นมาทันที สีหน้าของเธอเย็นชาขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูก “ถ้าฉันจำไม่ผิด เรื่องที่ฉันสั่งให้ทำตอนนั้นคุณทำไม่สำเร็จหนิ แต่ฉันก็ยังทำตามสัญญาในตอนแรก จ่ายเงินห้าหมื่นที่เหลือให้คุณ”

ลู่จื่อหางยังคงไม่ไหวติง เขาพูดตอกกลับช้าๆว่า “คุณเฉียวซินโยว เพื่อจะให้แผนสำเร็จ ผมถึงกับยอมโดนหมัดของเย่ฉ่าวเฉิน ตอนนั้นคุณก็เห็น นี่ก็เรียกว่าเป็นการเจ็บจากการทำงานเหมือนกัน คุณคิดจะเบี้ยวรึไง”

เฉียวซินโยวหัวเราะเยาะออกมา และพูดอย่างดูถูก “ลู่จื่อหาง คนหน้าหนาอย่างคุณฉันเจอมาเยอะมาก ฉันจะบอกคุณให้นะ ฉันจะไม่ให้เงินคุณ และถ้าคุณยังกล้ามายุ่งกับฉันอีก ฉันจะทำให้คุณเสียใจไม่ลืมเลย”

“หึ” สายตาของลู่จื่อหางดำมืดขึ้น พร้อมกับส่องประกายเกลียดชังออกมา เขาพูดเสียงเย็น “ขู่ผมหรอ คิดว่าผมจะกลัวคุณรึไง ผมจะบอกคุณให้นะ ถ้าคุณไม่ชดใช้ ผมจะบอกเรื่องที่คุณให้ผมทำกับเย่ฉ่าวเฉิน”

เฉียวซินโยวตะลึง แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เธอตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณมีสิทธิ์อะไร คุณคิดว่าความสัมพันธ์ของคุณกับมู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินจะเชื่อคุณหรอ อย่าฝันไปหน่อยเลย”

ลู่จื่อหางอึ้ง รอยยิ้มของเขาค่อยๆดำดิ่งลง น้ำเสียงเย็นชาจนทำให้คนฟังสั่นสะท้าน “ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณจะให้เงินผมมั้ย”

“จะให้ฉันให้เงินคุณหรอ ฝันไปเถอะ”

ลู่จื่อหางยิ้มเย็นพูด “ดี งั้นผมจะไม่เกรงใจแล้ว”

ลู่จื่อหางพูดอย่างมีเลศนัยจนเฉียวซินโยวใจกระตุกขึ้นมา ยังไม่ทันที่เธอจะได้คิดเหตุผลออก ก็เห็นลู่จื่อหางเดินไปข้างหลังแล้ว เมื่อเธอเห็นเขาเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น ในใจก็เกิดหวาดกลัวขึ้นมา

ลู่จื่อหางเดินไปตรงหน้าของเย่ฉ่าวเฉิน ตอนนี้เธอจะห้ามก็ห้ามไม่ทันแล้ว จึงได้แต่ก่นด่าเขาในใจ พลางเดินไปทางนั้นทันที

เย่ฉ่าวเฉินมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชา ก่อนจะขมวดคิ้วถามเสียงเรียบ “คุณลู่มีอะไรรึเปล่า”

ลู่จื่อหางมองท่าทีของเฉียวซินโยวที่ดูจะไม่กลัว และยังมีสีหน้าไม่พอใจอยู่ เห็นอย่างนั้นเขาก็ใจเหี้ยมขึ้นมาทันที “ประธานเย่ ผมอยากรบกวนเวลาคุณสักหน่อย มีบางเรื่องที่คุณจะต้องรู้”

เย่ถามเฉินตอบอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าเย็นยะเยือกที่สุด “ขอโทษด้วย ผมต้องรีบไปประชุม ไม่มีเวลาคุยกับคุณ”

เมื่อเห็นว่าเย่ฉ่าวเฉินปฏิเสธ เฉียวซินโยวก็โล่งใจขึ้นมา และเมื่อเห็นลู่จื่อหางไม่สบอารมณื เธอก็พูดเสียงเย็น “คุณลู่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ อย่ามารบกวนเวลางานของพวกเรา”

เย่ฉ่าวเฉินเดินผ่านเขาออกไป

ลู่จื่อหางเห็นเขาปฏิเสธแล้วก็รู้ทันทีว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่มีทางฟังเขาพูดดีๆแน่ เขาจึงพูดเสียงดังขึ้น “ประธานเย่ยังจำเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหารอวี่เซวียนได้ไหม คุณไม่สงสัยหรอ ว่าที่จริง…..”

เขายังพูดไม่ทันจบก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินหันกลับมา แต่เขาดีใจได้ไม่ทันไรก็โดนเย่ฉ่าวเฉินชกเข้าเต็มๆ ลู่จื่อหางรู้สึกชาหน้า ก่อนจะล้มลงไปบนพื้นเพราะแรงมหาศาล

ใบหน้าเย่ฉ่าวเฉินเย็นชามาก เขาจ้องลงไปที่ลู่จื่อหาง และพูดอย่างดุดัน “อย่ามาลองดีกับความอดทนของฉัน จางเห่อเอาตัวลู่จื่อหางออกไป”

เมื่อจางเห่อที่อยู่ข้างๆได้ยินก็รีบสั่งให้บอดี้การ์ดมาหิ้วแขนลู่จื่อหางคนละข้าง และลากออกไปข้างนอก

ลู่จื่อหางพยายามจะสะบัดตัว แต่ก็ไม่เป็นผล เขารู้สึกว่าแขนเขาจะหักอยู่แล้ว เมื่อหันกลับไปเห็นสีหน้าดีใจของเฉียวซินโยว ใจเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมา จึงหันไปตะโกนใส่เย่ฉ่าวเฉิน “เย่ฉ่าวเฉิน เฉียวซินโยวจ้างผมไปก่อกวนมู่เวยเวย”

ประโยคนี้ของเขา ทำให้เย่ฉ่าวเฉินหยุดเดินในทันที เฉียวซินโยวที่อยู่ข้างๆตัวสั่นขึ้น รีบตะโกนอย่างร้อนรน “ลู่จื่อหางคุณอย่ามาพูดมั่วๆนะ”

ลู่จื่อหางเห็นมันได้ผล จึงตะโกนต่ออย่างมั่นใจมากขึ้น “เฉียวซินโยวใช้เงินหนึ่งแสนจ้างผม เธอให้ผมไปฟังอวี่เซวียน และยังให้ผมหาวิธีทำให้มู่เวยเวยออกไป จากนั้นก็ให้ผมข่มเหงเธอ แต่คุณดันมาทัน ผมเลยโดนคุณชก หึหึ….”

สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเข้มขึ้นมาก ทำให้ใจของเฉียวซินโยวสั่นผวาในทันที แต่เธอก็พยายามข่มความตื่นตระหนกในใจ และพูดว่า “ฉ่าวเฉิน ลู่จื่อหางพูดมั่วทั้งหมด คุณอย่าเชื่อเขาเด็ดขาด ตอนอยู่ที่โรงเรียนเขาก็มาตามตื้อฉันตลอด และฉันไม่สนใจเขา เขาก็เลย…..”

เฉียวซินโยวพูดด้วยท่าทางราวกับผู้หญิงตัวเล็กๆที่ถูกรังแก ทำให้ลู่จื่อหางได้แต่ด่าผู้หญิงสารเลวอยู่ไกลๆ

เย่ฉ่าวเฉินนิ่ง รีบแตะไหล่ของเธอ และพูดปลอบ “ผมเชื่อคุณ”

แค่ประโยคเดียวก็ทำให้เฉียวซินโยวเบาใจลงทันที เธอจ้องไปที่ลู่จื่อหางอย่างโกรธแค้น และแฝงไปด้วยคำก่นด่า

เย่ฉ่าวเฉินหันกลับไป ค่อยๆเดินไปตรงหน้าลู่จื่อหาง และพูดอย่างเย็นชา “สั่งสอนมัน”

หลังจากเย่ฉ่าวเฉินสั่ง บอดี้การ์ดที่จับตัวลู่จื่อหางอยู่ก็ปล่อย และรุมกระทืบเขาทันทีทั้งหน้าหลัง หมัดหนักๆที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีชกไปที่จุดที่เจ็บปวดที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นไม่หยุด เพราะบอดี้การ์ดได้รับการฝึกฝนอย่างดี เขาจึงไม่มีโอกาสหลบหนีได้ ทำได้แค่ทนยอมรับกับความเจ็บปวดไปถึงหัวใจ

เฉียวซินโยวขมวดคิ้วแน่น เมื่อได้เห็นลู่จื่อหางถูกรุมกระทืบอยู่ตรงหน้า เธอก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจ เธอได้เห็นด้านที่น่ากลัวของเย่ฉ่าวเฉินกับตาตัวเอง

เมื่อเห็นสายตาเย็นยะเยือกของเขาที่ไม่แม้แต่จะกระพริบ เฉียวซินโยวก็ได้แต่แอบคิดว่า ถ้าวันหนึ่งเขารู้เรื่องที่เธอทำทั้งหมด เขาจะทำยังไงกับเธอ…

เฉียวซินโยวไม่กล้าแม้แต่จะคิด ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ามันจะไม่มีวันนั้น แค่สมองคิดถึงวันที่มู่เวยเวยโดนลงโทษ ในใจของเธอก็เย็นชาขึ้นมาทันที

เธอจะต้องชนะ วันนั้นจะไม่มีวันมาถึง

“หยุด”

ตอนที่ลู่จื่อหางกำลังหายใจอย่างรวยริน เย่ฉ่าวเฉินก็สั่งให้หยุดเบาๆ จากนั้นก็ดูสภาพลู่จื่อหางที่สะบักสะบอมเหมือนหมาใกล้ตาย และพูดนิ่งๆ “ถ้าคราวหน้ายังกล้าพูดไร้สาระอีก ฉันจะตัดลิ้นแกซะ”

พูดจบเขาก็เดินไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะปรายตามอง

เขามองตามหลังเย่ฉ่าวเฉินไปต้องความโกรธแค้น และตะโกนอย่างเดือดจัด “เย่ฉ่าวเฉิน แกดูแลบริษัทใหญ่โต แต่กลับโดนผู้หญิงปั่นหัว น่าเจ็บใจจริงๆโว้ย”

เมื่อร่างของเย่ฉ่าวเฉินหายไปจากประตูบริษัท ลู่จื่อหางก็พยายามลุกขึ้น แต่กลับถูกแตะล้มลงบนพื้นอีกครั้ง

“ปั่ก”

ลู่จื่อหางเจ็บราวกับร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโกรธ แล้วก็เห็นเฉียวซินโยวยืนเท้าเอวจ้องลงมาที่เขาอยู่ พร้อมกับแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “ลู่จื่อหางตอนนี้คุณเหมือนหมาจนตรอกไม่มีผิด ฉันบอกคุณแล้วว่าถ้ายังไม่หยุดวุ่นวายกับฉัน คุณจบไม่สวยแน่”

ลู่จื่อหางยกมือขึ้นมาเช็ดเลือดมุมปาก พยายามลุกยืน และพูดเสียงเย็นชาเป็นอย่างมาก “ฉันรู้แล้วว่าเธอไร้ยางอายขนาดไหน แต่น่าเสียดายที่ฉันยังไม่ตาย….ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ฉันจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเธอให้ได้….”

เฉียวซินโยวไม่สนใจคำขู่ของเขาสักนิด ลู่จื่อหางในสายตาเธอตอนนี้ก้เหมือนคนใกล้ตาย อยู่ได้อีกแค่ไม่กี่วัน

เธอจึงพูดว่า “หรอ งั้นฉันจะรอดูนะ….”

“ฝากไว้ก่อนเถอะ”

เฉียวซินโยวมองเหยียดเขาอย่างรู้สึกสมเพชเวทนา จากนั้นก็หันกลับไปเข้าบริษัท

ลู่จื่อหางมองดูขาสั่นๆของตัวเองแล้วรู้สึกโกรธจนอยากเผาโลกนี้ให้กลายเป็นจุล

เย่ฉ่าวเฉิน เฉียวซินโยวฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันลู่จื่อหางจะฉีกพวกแกออกเป็นชิ้นๆเลย

…..

เฉียวซินโยวกลับมาที่บริษัทแล้วก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ แม้ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะแสดงออกว่าเชื่อเธอ แต่เธอก็ยังไม่สบายใจ เธอคิดๆดูแล้ว จึงตัดสินใจมาลองดูเชิงเขาอีกครั้ง

เมื่อมาถึงหน้าห้องเย่ฉ่าวเฉิน เธอก็แอบคิดแผนในใจอีกครั้ง จากนั้นจึงเคาะห้องเขา

“เข้ามา”

เมื่อได้รับอนุญาต เฉียวซินโยวก็ค่อยๆแง้มประตูมอง ก่อนจะเห็นเขาหันหลังให้เธออยู่ เธอจึงเดินเข้ามาทันที

“ฉ่าวเฉิน”

เสียงอ่อนโยนที่ดังมาจากข้างหลังขัดจังหวะความคิดของเย่ฉ่าวเฉิน เขาหันกลับมามองหน้าใส และถาม “มาทำไม”

เมื่อได้ฟังอย่างนั้น เฉียวซินโยวก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะไม่แสดงออกมา “ฉ่าวเฉิน คุณเชื่อคำพูดของลู่จื่อหางใช่มั้ย คิดว่าเรื่องนั้นฉันเป็นคนทำ”

เย่ฉ่าวเฉินนิ่งไปเล็กน้อย เขาตอบเสียงเรียบ “ทำไมถึงถามแบบนี้”

เขากำลังสงสัยเกี่ยวกับคำพูดของลู่จื่อหางอยู่ แต่เฉียวซินโยวในใจของเขากลับทั้งอ่อนโยนและใจดี ไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้นแน่”

แถมลู่จื่อหางยังเป็นแฟนเก่าของมู่เวยเวย และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลู่จื่อหางมายุ่งกับเขา ครั้งที่แล้วเขาก็เห็นกับตา เมื่อคิดว่าลู่จื่อหางลูบคมเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังมาท้าทายความอดทนของเขา ครั้งนี้เขาจึงต้องสั่งสอนให้รู้”

ถึงเขาจะไม่สนใจมู่เวยเวยเลย แต่เธอก็เป็นคนของเขา ลู่จื่อหางกล้ามาท้าทายศักดิ์ศรีของเขา เขาจึงไม่สามารถปล่อยให้เป็นไปตามที่มันต้องการได้

แต่สิ่งที่เขาสงสัยก็คือ ทำไมลู่จื่อหางต้องโยนขี้ให้เฉียวซินโยวด้วย หรือจะเป็นเหมือนที่ซินโยวบอก ลู่จื่อหางบาดหมางใจกับเธอมาก่อน

เฉียวซินโยวมองสีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินแล้วรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา แต่ก็ได้แต่ปั้นหน้าพูดว่า “ที่ลู่จื่อหางโยนขี้ให้ฉันอย่างนี้คงจะทำเพื่อมู่เวยเวย คุณไม่รู้ว่าเมื่อก่อนลู่จื่อหางดูแลเวยเวยดีขนาดไหน”

เย่ฉ่าวเฉินฟังเธอพูดต่อ

“ตอนที่เขารู้ว่าเวยเวยจะแต่งงานกับคุณ ทั้งคู่ทะเลาะกันใหญ่โตมาก แต่หลังจากนั้นลู่จื่อหางก็มาหาฉัน บอกว่าเขาอยาก….อยากให้ฉันเป็นแฟนกับเขา”

เฉียวซินโยวแอบมองปฏิกิริยาของเย่ฉ่าวเฉิน และพูดอย่างระมัดระวัง “จากนั้นฉันก็รู้ว่าเขาแค้นที่มู่เวยเวยหักหลังเขา เขาก็เลยแสดงความรักกับฉันเพื่อประชดเวยเวย แต่คิดไม่ถึงว่าเวยเวยจะแต่งงานกับคุณจริงๆ”

ระหว่างพูดประโยคนี้ ในใจของซินโยวก็มีแต่ความโกรธแค้น เธอแต่งเรื่องเองทั้งหมด แต่ตอนที่รู้ว่ามู่เวยเวยจะแต่งงานกับเย่ฉ่าวเฉิน เธอโกรธมากจริงๆ

เมื่อรู้ว่ามู่เวยเวยจะเปลี่ยนจากลูกเป็ดขี้เหร่ไปเป็นหงส์ ช่วงเวลานั้นเธอนอนไม่เคยหลับเลย เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่ามู่เวยเวยเลยสักนิด ความโชคดีนี้ต้องเป็นของเธอสิถึงจะถูก

ผู้หญิงที่คู่ควรกับเย่ฉ่าวเฉินคือเธอถึงจะถูก

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset