เฉียวซินโยวหลอกลวงประวัติครอบครัว ได้รับความเห็นใจจากเขา เข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลเย่ เธอมีจุดมุ่งหมายอะไร?หรือที่เธอเข้ามาใกล้ชิดเขาเพื่ออะไร….
ความจริงในอดีตทั้งหมดเริ่มถูกเปิดเผยออกมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายที่ละเอียดรอบคอบอย่างเย่ฉ่าวเฉิน เมื่อรู้ว่าตัวเขาเองถูกหลอก เขาไม่กระตือรือร้นที่จะไปถาม และมาคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาอีกครั้ง
ทบทวนครั้งนี้ เขามีเรื่องสงสัยอยู่ไม่น้อย
เฉียวซินโยวเหมือนรู้เวลาดี ทุกครั้งที่เธอมีปัญหากับมู่เวยเวย เขาก็บังเอิญมาเจอเสมอ หรือว่ามีการวางแผนคาดการณ์มาไว้แล้ว….
มู่เวยเวยไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร ถึงรู้เธอก็ไม่ดีใจ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะสงสัยเฉียวซินโยว แล้วเรื่องที่เขาเคยออกรับหน้าแทนเฉียวซินโยว เธอก็ไม่สามารถทำเหมือนเรื่องนั้นไม่เกิดขึ้น!
คุยกับมู่เวยเวยก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่ หรือว่าอาจจะเป็นเพราะว่าใจเขาเปลี่ยนไปแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึง เมื่อก่อนเขาไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของมู่เวยเวยเลย ตอนนี้เห็นชัดเจนกับความเฉยชาของเธอ เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเหมือนก้างปลาติดอยู่ที่คอ กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
ในเวลาเดียวกัน เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น เย่ฉ่าวเฉินหยิบโทรศัพท์ออกมา เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ในระหว่างที่เขาลังเลว่าจะรับหรือไม่รับ มู่เวยเวยก็จ่ายเงินออกไปแล้ว
“ฮัลโหล?”
เสียงของลู่จื่อหางจากปลายสายดังขึ้น เขาพูดว่า”ประธานเย่ ยังจำเรื่องครั้งก่อนที่เราคุยกันไหม?ตอนนี้ในมือผมมีข้อมูลใหม่ เพราะฉะนั้นผมเลยอยากจะทำข้อตกลงกับคุณ”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เย่ฉ่าวเฉินก็คงจะตัดสายเลย แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว พร้อมถามว่า “ข้อตกลงอะไร?”
มีเวลาก็ออกมาดื่มกันสักแก้วเถอะ ผมรู้ว่าคุณต้องสนใจแน่นอน…”
เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าเรียบเฉย ใช้นิ้วเคาะที่โต๊ะอาหาร อย่างใช้ความคิดพิจารณา
ด้านความอดทน ไม่มีใครชนะเย่ฉ่าวเฉิน รวมไปถึงลู่จื่อหาง
ทันใดนั้นลู่จื่อหางก็พูดอีกว่า”ประธานเย่ ผมหวังว่าคุณจะคิดดูดีๆ ครั้งก่อนคุณมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ผม ตอนนี้ผมก็ควรจะมอบกลับคืนให้คุณเหมือนกันถึงจะถูก…..”
พูดตอบกลับลู่จื่อหาง เย่ฉ่าวเฉินยกมุมปากขึ้น เหมือนเวลาผ่านไปนานมาก เขาถึงพูดว่า”ได้สิ เจอกันที่ไหน?”
“Shangri La cafe”
………
เดินไปที่หน้าประตูร้านกาแฟ หูได้ยินเสียงการแสดงเล่นไวโอลิน ในห้องนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของกาแฟ ทำให้จิตใจของคนเบิกบาน
เย่ฉ่าวเฉินมาถึงสถานที่นัดหมาย มองเห็นลู่จื่อหางสีหน้าอิดโรย หน้าตาเฉยนิ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา
ใบหน้าของลู่จื่อหางที่ปกคลุมไปด้วยความเกลียดชัง มุมปากกระตุกขึ้น กริยาที่แสดงออกถึงความเฉื่อยชาและไตร่ตรอง “ประธานเย่ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ”
เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ มองดูที่นาฬิกาข้อมือ พูดเสียงเข็ม”เวลาของผมมีค่า คุณลู่มีธุระอะไรก็พูดมา”
มองดูหน้าตาที่ดูไม่ได้ของเย่ฉ่าวเฉิน ลู่จื่อหางหมั่นไส้ เขาพยายามระงับความเกลียดชังที่เด่นชัดออกมายิ้มที่มุมปากที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ รวบรวมคำพูด”นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว”
พูดมาถึงตรงนั้น หลังจากนั้นก็ล้วงที่กระเป๋าหยิบแผ่นซีดีออกมา ยิ้มที่มุมปากอย่างเป็นต่อ พูดออกมาจากความรู้ภายใน”ประธานเย่ คุณยังจำคำพูดของคุณเมื่อครั้งที่แล้วไหม?ครั้งนี้ผมเอาหลักฐานมาด้วย ไม่รู้ว่าคุณสนใจที่จะอยากได้มันไปไหม?”
เย่ฉ่าวเฉินสงสัยในตัวลู่จื่อหาง ใบหน้าของเขาไม่แสดงความรู้สึกแม้แต่น้อย ไม่มีทางที่จะเล็ดลอดสายตาคู่สีฟ้าของเขาไปได้ มุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างเยือกเย็น พูดว่า”คุณลู่ คุณกำลังเจรจากับผมอยู่?”
แผนการถูกรู้ทัน ลู่จื่อหางก็ไม่ปกปิดอีกต่อไป รีบพูดบอกราคา”ห้าแสนหยวนผมก็จะแลกความลับนี้กับคุณ”
“อ๋อ? “เสียงสบถของเย่ฉ่าวเฉิน พูดแบบไร้ความรู้สึกว่า”หรือว่าคุณลู่รู้สึกว่า นอกจากคุณกับผมก็จะไม่มีใครรู้ความจริงเรื่องนี้? ผมเกลียดที่สุดคือการบีบบังคับ เรื่องนี้เหมือนว่าคุณจะยังไม่รู้”
เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างนุ่มนวลสบายๆแต่ลู่จื่อหางรู้สึกหลังแข็งทื่อ ควบคุมจิตใจไม่ได้ออกอาการสั่นไหว
พูดออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ”ประธานเย่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ต้องการบีบบังคับคุณ เพียงแค่เอาไปทุกอย่างก็จบแล้ว ถ้าคุณรู้สึกว่าแพงเกินไป พวกเราก็คุยกันได้”
เย่ฉ่าวเฉินมองเขาด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ลู่จื่อหางอยู่ไม่นิ่งกระวนกระวายเขาตอนนี้ไม่มีทางที่จะต่อกลอนกับเสือตัวนี้แล้ว ก่อนหน้านี้เขาหยาบคายเกินไป ถ้าหากเย่ฉ่าวเฉินแสดงอำนาจออกมา เขารับมือไม่ไหวแน่!
แต่ตอนนี้เขาไม่มีวิธีอื่นแล้ว ตั้งแต่ถูกตระกูลมู่ขับไล่ออกมา ชีวิตของเขาทุกข์ยากลำบากมาก เงินเดือนแค่นั้นไม่พอประทังชีวิตของเขาหรอก ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากวิธีนี้ถึงจะรู้ว่ามันอันตราย!
ลู่จื่อหางรู้สึกสิ้นหวัง ทันใดนั้นเห็นมือเย่ฉ่าวเฉินยื่นออกมา ลู่จื่อหางเหมือนหัวใจจะวาย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
หรือว่าเขาจะควักปืน….
เป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกหายใจลำบาก เพียงแค่บัตรเครดิตสีทองอยู่ตรงหน้าของเขา มองไปที่เย่ฉ่าวเฉินที่พูดเย็นชา “หนึ่งล้านหยวนผมจะแลกกับความลับนี้ของคุณ”
เย่ฉ่าวเฉินหยิบแผ่นซีดีให้จางเห่อ หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจท่าทางของลู่จื่อหาง ลุกออกจากที่นั่งและเดินออกไป
เย่ฉ่าวเฉินออกจากร้านกาแฟ มุ่งตรงไปที่บริษัท นั่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง แววตามองแผ่นซีดีที่อยู่ในมือ หลังจากนั้นก็เอามันใส่ที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ภาพนั้นชัดเจน มุมบนขวาเวลาชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย มองดูรูปนั้นที่กำลังจะเปิดออกมา ภาพหลังคล้ายกับห้องที่อยู่หน้าประตูห้องน้ำสาธารณะเพราะภาพนั้นเหมือนกับเคยเห็นเพียงแค่เห็นลักษณะของภาพ โดยรวมก็ไม่ได้ยินเสียงของคนเลย
ในภาพมองเห็นมู่เวยเวยเข้าไปในห้องน้ำ ตามด้วยผู้ชายอีกคน สายตามีเลศนัยล่อกแล่กตามเธอเข้าไป ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ใคร ก็คือลู่จื่อหาง!
ดูถึงตรงนี้ เย่ฉ่าวเฉินคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย เหตุการณ์นี้ถึงแม้จะไม่เห็นอย่างอื่น อย่างน้อยก็แสดงว่า ลู่จื่อหางตั้งใจจะตามมู่เวยเวย ใจลอยไปสักพัก
เย่ฉ่าวเฉินกลับมาดูฉากนั้นต่อ 5นาทีโดยประมาณ มู่เวยเวยมีอาการตกใจออกมาหน้าห้องน้ำ มีลู่จื่อหางตามมา มู่เวยเวยถูกลู่จื่อหางผลักไปใส่ผนัง ลู่จื่อหางไม่ยอมแพ้ มู่เวยเวยดิ้นรนสุดชีวิต!
มองเห็นฉากนั้นที่มู่เวยเวยร้องไห้ เสมือนไร้เรี่ยวแรงขัดขืนและโกรธเดือดดาลแบบนั้น ใจของเย่ฉ่าวเฉินเหมือนถูกคนฉีก รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ
ยังจำได้เย็นวันนั้น ภาพที่เขาบอกว่าเธอเป็นโสเภณี เธอปฏิเสธ เขายิ่งตำหนิเธอเพิ่มมากขึ้น ตอนแรกเริ่มเขาไม่ได้ใจเย็น แต่ตอนนี้ยังไม่เข้าใจ เขาในหัวใจเธอสุดท้ายแล้วอยู่ตำแหน่งไหน?
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนเขาไม่แม้แต่จะใส่ใจ ตัวเองทำให้มู่เวยเวยได้รับผลกระทบอะไร เขาก็จะหัวเราะเยาะเย้ยเธอ แต่ตอนนี้ไม่รู้เพราะอะไร เขาอยากรู้มากจริงๆ
ดูรูปต่อไป ก็ไม่มีอะไรอีก หลังจาก15นาทีต่อมา เย่ฉ่าวเฉินปรากฎตัวขึ้น สั่งสอนลู่จื่อหางแล้วพามู่เวยเวยออกไป เดิมทีคิดว่าวิดิโอจะจบเท่านี้ แต่เฉียวซินโยวก็ปรากฏขึ้น ไม่เพียงแค่ทำให้เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วขึ้น
วิดิโอนี้ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง เฉียวซินโยวมีปากเสียงกับลู่จื่อหาง เพราะว่าไม่มีเสียง จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน แต่ดูจากตรงนี้ก็ชัดแล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เฉียวซินโยวต้องมีส่วนรู้เห็น
มองดูการกระทำที่เกิดขึ้น เรื่องจริงก็เริ่มเปิดเผยออกมา!
ในภาพทั้งสองมีปากเสียงเสร็จ เฉียวซินโยวกลับออกมาถูกลู่จื่อหางดึงไว้ ทั้งสองทะเลาะกันต่อเล็กน้อย เฉียวซินโยวสุดทน หยิบสิ่งหนึ่งออกจากกระเป๋า เพื่อให้ลู่จื่อหางกลับไป
วีดิโอชัดเจนแล้ว ปึกนั้นแท้จริงแล้วเป็น
เงินสด! มองดูลู่จื่อหางนับแล้วนับอีก หลังจากนั้นเอาเงินเก็บและไปจากที่นั่น…..
วิดิโอจบที่ตรงนี้ ลู่จื่อหางยินยันแล้ว เฉียวซินโยวมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่มีทางปฏิเสธได้!
เย่ฉ่าวเฉินนึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ลู่จื่อหางบอกชัดเจนแล้วเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของเฉียวซินโยว เฉียวซินโยวสั่งเขามาก่อกวนมู่เวยเวย ได้รับปากว่าจะให้ค่าตอบแทนเขา ตอนนี้ดูเหมือนว่าความจริงจะแน่นอนแล้ว
แต่ว่าทำไมเฉียวซินโยวต้องให้เป็นลู่จื่อหางทำงานนี้?
ไม่นานเขาก็นึกออก ความสัมพันธ์ของลู่จื่อหางกับมู่เวยเวย ถ้าเทียบกับคนอื่นแล้วก็ง่ายต่อการลงมือ ระหว่างทั้งสองเหมือนมีความผูกพันธ์กัน เพียงแค่เขาปรากฎตัวทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่!
แต่ว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่เชื่อลู่จื่อหางทั้งหมด เขาสงสัยในวิดิโอนี้ หรือว่าลู่จื่อหางจะหาคนมาแก้ไขวิดิโอ แต่ว่าพอมาคิดดูอย่างละเอียดรอบคอบ เขาก็คลายความกังวลหมดแล้ว
เขาจำได้ว่าเย็นวันนั้น มู่เวยเวยออกจากห้องนั่งเล่น เป็นเฉียวซินโยวที่พยายามบอกเขาว่ามู่เวยเวยจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา พอมานึกรวมกันแล้ว เฉียวซินโยวต้องการเอาตัวเองมาพัวพันธ์ไม่มีทางเด็ดขาด!
เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าเย็นชา ทันใดนั้นเขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด เผามันให้ไหม้เงียบๆ เขาไม่ได้มีความปารถนาที่จะสูบ ตอนนี้รู้สึกว่าว้าวุ้นใจ คล้ายกับเขาตั้งใจจะทำเรื่องนี้มาตลอด เกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เขาไม่มีทางหลอกตัวเองแล้ว!
เฉียวซินโยวใช้กลอุบายหลอกเขา!
ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ เขาเย่ฉ่าวเฉินรู้ความจริงจากลู่จื่อหาง แท้จริงแล้วเขาถูกผู้หญิงหลอกอยู่!
……
ช่วงนี้เฉียวซินโยวรู้สึกว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอเป็นคนเฉียบแหลมความรู้สึกบอกว่าช่วงนี้เย่ฉ่าวเฉินเย็นชากับเธอ ทำงานยังแยกกันไปคันละคัน
เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไม่สามารถถามเขาต่อหน้าได้ แต่กลับเป็นมู่เวยเวยที่เขาให้นั่งไปด้วย เขาปฏิบัติกับมู่เวยเวยต่างจากเดิม เมื่อก่อนทั้งที่เมินเฉย
แต่เฉียวซินโยวบอกกับตัวเอง ทุกอย่างไม่เหมือนกับเมื่อก่อน…
เฉียวซินโยวไม่ใช่คนนั่งรอความตาย หลังจากคิดทบทวนเรื่องนี้ เธอคิดว่าการกระทำของเย่ฉ่าวเหยียน หรือได้รับผลกระทบจากการกระทำเย่ฉ่าวเหยียน อีกทั้งการกระทำของเย่ฉ่าวเหยียนที่มีต่อมู่เวยเวย ทำให้ส่งผลไปถึงเย่ฉ่าวเฉิน
นึกถึงความสัมพันธ์แบบนี้ขึ้นมาได้ เธอจะต้องชนะ เธอจะต้องรีบเข้าไปอยู่ในชีวิตเย่ฉ่าวเฉิน ลบเรื่องราวก่อนนั้นออกและคว้าหัวใจเขามาครอบครอง!
บางทีอาจจะมีเรื่องให้คิด เฉียวซินโยวรอให้ถึงเวลาอาหารกลางวันไม่ไหว ไม่กี่วันมานี้ ทุกครั้งที่ถึงเวลาอาหารกลางวัน เลขาหลิวบอกเธอทุกครั้งว่าเย่ฉ่าวเฉินไปงานเลี้ยงกลุ่มธุรกิจ เธอไม่มีวิธีการที่จะทำให้ได้รับประทานอาหารร่วมกับเขา
วันนี้เธอจะไม่รอให้ถึงพักกลางวัน เธอไปที่ห้องชงน้ำชา เพื่อชงกาแฟหนึ่งแก้ว ขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องทำงานผู้บริหาร ก่อนถึงหน้าสูดลมหายใจเข้าลึกเงยหน้าขึ้นก่อนจะเคาะประตู
“เชิญ”
เสียงของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ผ่านประตูออกมา เฉียวซินโยวรู้สึกดีใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไป
“ฉ่าวเฉิน ช่วงนี้คุณทำงานหนัก ฉันก็เลยชงกาแฟมาให้ อย่าลืมดื่มตอนร้อนๆนะคะ”
เฉียวซินโยวเก็บความตื่นเต้นภายในใจ เดินนวยนาดหยุดตรงหน้าเย่ฉ่าวเฉิน ได้กลิ่นอายของกาแฟร้อน วางไว้ด้านข้างมือเขา
เย่ฉ่าวเฉินละสายตาจากเอกสาร มองเห็นใบหน้ารูปไข่ที่สวยงาม เห็นเธอกระดากอาย ใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
เขามอบความจริงใจให้เธอ เธอกลับหน้าไว้หลังหลอกกับเขา ทำลายความเชื่อใจของเขา
ยังหลอกลวงปิดบังเรื่องครอบครัว เขาให้จางเห่อตรวจสอบแน่ชัดแล้ว ก่อนหน้าสองสามีภรรยามาบริษัทหาลูกสาว บังเอิญเจอเข้ากับมู่เวยเวย ได้รู้มาจากยามหน้าบริษัทว่าเขาเห็นกับตาตัวเอง เฉียวซินโยวมีการทะเลาะกับพ่อแม่นี่ก็ชัดเจนแล้ว เฉียวซินโยวรู้จักสองคนนั้นจริง และอีกอย่างจางเห่อตรวจสอบเจอทะเบียนบ้านเฉียวซินโยว ความจริงคือชนบท แต่มาทำเอกสารทะเบียนบ้านในเมือง ถ้าหากว่าไม่ตรวจสอบให้ละเอียดยากที่จะตรวจเจอ
ก่อนหน้าในสายตาเขาเฉียวซินโยวเป็นผู้หญิงจิตใจดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าความบริสุทธิ์นั้น จะไม่เหลือแล้ว มันเป็นเพียงหน้ากาก
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ นานจนเฉียวซินโยวจะยิ้มต่อไม่ไหว เขาถึงพูดขึ้นว่า “ขอบคุณครับ คุณลงไปได้แล้ว ”
ได้ยินชัดเจนว่าเขาพูดเชิงไล่ เฉียวซินโยวรู้สึกชาทั้งหัวใจ เธอหายใจเข้าลึกเพื่อทำสีหน้าให้ปกติ ถามออกมาเสียงสั่นเครือ “ฉ่าวเฉิน สรุปคุณเป็นอะไร?คุณไม่มีความสุข?”
เธอถามอย่างระมัดระวัง ด้วยน้ำเสียงที่ทุกข์ใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เย่ฉ่าวเฉินจะมาปลอบใจเธอ แต่ตอนนี้ สีหน้าของเขาเย็นชามาก แสงอาทิตย์สาดส่องมาที่เขา ลายเส้นเงามืดทำให้เขาดูน่าเคารพเกรงขาม
ในระหว่างที่พูด เฉียวซินโยวรวบรวมความกล้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าเขา ยืดแขนออกไปโอบรอบต้นคอเขา ด้วยความใกล้ชิด พูดออกมาด้วยความออดอ้อน”บอกฉันสิคะ ใครทำให้คุณไม่มีความสุข?อย่าทำเป็นไม่สนใจฉันแบนี้สิ….”
เย่ฉ่าวเฉินกำลังจะพูด ในเวลานั้น ด้านหน้าประตูห้องทำงานก็มีผู้หญิงตัวเล็กยืนอยู่ กำลังมองเห็นเหตุการณ์ด้านใน รีบกลับหลังหันเพื่ออกจากตรงนั้น
หางตาของเย่ฉ่าวเฉินเฉียบแหลมรู้ได้ถึงเงานั้น แววตาสีฟ้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น มือทั้งสองข้างของเฉียวซินโยวออก พูดเสียงเข็ม “มู่เวยเวย กลับมานี่”
มู่เวยเวยที่เดินออกไปในตอนแรก ได้ยินเสียงเรียกของเย่ฉ่าวเฉินก็ต้องกลับมา
สีหน้าเฉียวซินโยวที่มีความเกลียดชัง มู่เวยเวยทำเหมือนไม่เห็น เอาเอกสารหนึ่งชุดวางที่โต๊ะทำงานเย่ฉ่าวเฉิน พูดขึ้นว่า “ประธานเย่ นี่คือแผนงานของบริษัทเครื่องแต่งกายในกลุ่มSAค่ะ ผู้จัดการเหอให้ฉันเอามาให้แทนค่ะ กรุณาเซ็นชื่อด้วยค่ะ”
ในระหว่างที่มู่เวยเวยกำลังพูด บังเอิญสบสายตากับเย่ฉ่าวเฉิน เธอรีบหลบสายตา มองที่รองเท้าหนังของตัวเอง และพูดต่อ
ท่าทางของมู่เวยเวยอยู่ในสายตาของเย่ฉ่าวเฉินทั้งหมดมองการต่อต้านของเธอ เย่ฉ่าวเฉินเจ็บแปลบในใจ
“เงยหน้าขึ้นมา หรือว่าเวลาทำงาน อยู่ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานก้มหน้าคุยกับพวกเขาตลอด?”
เย่ฉ่าวเฉินพูดอยู่บนศีรษะของเธอ กดดันให้มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้น ไม่คิดอะไรมองไปที่เขา เธออยากจะพูดว่าเธอคุยกับคนอื่นเต็มใจเงยหน้าคุย เป็นแค่กับเขาคนเดียว และเวลาที่มีเฉียวซินโยว เธอยิ่งเต็มใจที่จะก้มหน้า
ไม่ใช่เพราะกลัว แต่พอเห็นหน้าพวกเขาสองคน เธอรู้สึกอยากจะอาเจียน!
แน่นอนว่าคำพุดนี้ไม่ได้พุดออกไป ในบริษัทนี้เย่ฉ่าวเฉินเป็นเจ้านายเธอ สิ่งที่เขาจะต้องพูดกับเจ้านายคือ “ประธานเย่ คุณพูดถูกต้องแล้วค่ะ ต่อไปฉันจะระวัง งั้นฉันขอตัวนะคะ รอคุณเซ็นเสร็จดิฉันจะกลับขึ้นมาเอา”
เย่ฉ่าวเฉินฟังเธอพุดจบ คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย พูดเหมือนไม่สนใจ “ทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก ปกติเธอเวลาทำงานก็เป็นแบบนี้? เวลาทำงานเอามาใช้สิ้นเปลืองเพราะการเดิน”
มู่เวยเวยกระตุกยิ้มที่มุมปาก ถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง ดูเหมือนว่าไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไรทำอะไร เขาก็มีคำพูดมาแย้งเธอ ในใจเธอเกิดความสงสัย คนสองคนไม่ใช่เข้ากันไม่ได้ แต่ธาตุทั้งห้าข่มกัน!
“ประธานเย่ ในคุณจะพูดแบบนี้ งั้นฉันจะรอคุณเซ็นเสร็จ ”
มู่เวยเวยไม่ตอบโต้ หลังจากพูดคำนี้แล้ว เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่หาเรื่องเธอแล้ว ก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ เพียงแต่ข้างกายยังเต็มไปด้วยความเจตนาร้ายอย่างแรง ถ้าหากสายตาสามารถฆ่าคนได้ อย่างนั้นเธออาจจะตกลงจากชั้นที่สิบแปดแล้ว……
เวลานาทีต่อวินาทีผ่านไป ภายในห้องเงียบสนิทถ้าเข็มเล็กหล่นเล็กก็ได้ยิน ความคิดภายในใจของแต่ละคนยิ่งจะชัดกว่านี้
เอกสารการทำธุรกิจสามฉบับ เขาใช้เวลาไปแล้ว 10นาที ไม่มีแม้แต่วี่แววจะเซ็น มู่เวยเวยรู้สึกหงุดหงิด ทันใดนั้นเธอพูดคำโบราณที่ออกมา สรุปว่านี่เธอโอเคไหม!
มู่เวยเวยหงุดหงิดมานานมากไม่ใช่วันแค่สองวัน ช่วงนี้รู้สึกว่าในใจเก็บสิ่งต่างๆที่พูดออกมาไม่ได้ สาเหตุมาจากความสัมพันธ์ที่เย่ฉ่าวเฉินจัดการไม่ได้สักที!
เมื่อก่อนเอกสารที่จะต้องส่งเซ็น เสี่ยวเหม่ยเลขาของผู้จัดการเหอเป็นคนจัดการ เธอรับหน้าที่แค่ออกแบบเสื้อผ้าและแก้แบบ แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ งานที่ต้องวิ่งเอกสารเป็นเธอที่ต้องทำ
ความจริงเธอเคยถามเสี่ยวเหม่ย เธอเพียงแค่บอกว่าประธานเย่แนะนำมา เนื่องจากเรื่องแบบนี้ก็ไม่ต้องใช้ความสามารถ
ยิ่งทำให้เธอรู้สึกกลุ้มใจเพิ่มมากขึ้น เอกสารไม่กี่ฉบับแต่ทำไมต้องมาให้เธอจัดการ ? เธอน่ะสิที่ไม่ใช่คนที่ใช้เวลางาน ใช้แรงกำลังสิ้นเปลืองและไม่ใช่เรื่องที่ข้างบนจัดการไม่ดีเข้าใจไหม?!
แต่ผ่านไปสักพักเธอก็คิดได้ หรือเย่ฉ่าวเฉินจะเปลี่ยนทิศทาง เริ่มต้นทรมานเธอด้วยวิธีใหม่!
เย่ฉ่าวเฉินตั้งใจดูเอกสาร ในที่สุดก็เซ็นแล้ว มู่เวยเวยไม่ง่ายเลยที่จะผ่อนคลายลงก็ได้ยินมู่ฉ่าวเฉินพูดว่า “คุณมู่ ช่วยชงกาแฟให้ผมหนึ่งแก้ว”
ฟังเขาพูดจบ มู่เวยเวยในใจรู้สึกเศร้าสลด เธอไม่เพียงแค่รับหน้าที่วิ่งส่งเอกสาร ทั้งยังถูกเขาเปลี่ยนหน้าที่เป็นเลขา !
“ประธานเย่ บนโต๊ะของคุณมีกาแฟวางอยู่หนึ่งแก้ว มู่เวยเวยกัดฟันพูด เพื่อที่จะให้เขานึกได้”
ใครจะไปรู้ว่าเย่ฉ่าวเฉินแวบเดียวก็ยังไม่มอง กาแฟแก้วนั้นเป็นกาแฟที่มาจากความรักไม่และไม่ได้สัมผัสถึงได้รู้สึกเศร้าโศกของคนข้างกายนั้น พูดออกมาทันใด”สงสัยในคำสั่งเจ้านาย คุณมู่รู้ไหมจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้?”
หลังจากได้ยินประธานเย่พูดเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ภายใจมู่เวยเวยไม่เต็มใจ สามารถทำได้เพียงกลับหลังหันไปชงกาแฟ
“รอสักครู่ค่ะ”
หันหลังพูดกับมาพูดกับเย่ฉ่าวเฉิน เวลานี้มู่เวยเวยรู้สึกไฟในใจเริ่มประทุ เขาสั่งเธอไปชงกาแฟ เธอก็วิ่งไปทำ สรุปเขาจะเอายังไงกับเธอ!
“ประธานเย่ คุณยังต้องการอะไรอีกไหมคะ?”มู่เวยเวยหายใจลึกพูดออกมา พยายามสงบใจที่จะระเบิดออกมา ถึงกลับหลังหันพร้อมสีหน้าไร้ความรู้สึกถาม
เย่ฉ่าวเฉินดูไม่ออกถึงความผิดปกติของเธอ เพียงแค่หยิบกาแฟที่อยู่ด้านข้างตัว ยิ้มออกมาอย่างบอกไม่ถูก พูดออกมาเสียงต่ำ “คุณมู่ ใช้แก้วเดิม ชงมาใหม่อีกรอบนะ”
ได้ยินที่เขาพูด มู่เวยเวยหยิบแก้วกาแฟมาอย่างไม่เต็มใจ ไม่ได้สังเกตเฉียวซินโยวจ้องเขม็งออกมาทางสายตา รีบหันหลังกลับไป เสียงเย่ฉ่าวเฉินพูดตามหลังมา
“ใช่แล้ว คุณมู่ ไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาลนะ”
“ทราบแล้วค่ะ”
มู่เวยเวยกลัดกลุ้มใจมากได้แต่ขยี้ผม พูดออกมาด้วยความโมโหเกลียดชัง
ตอนนี้เหมือนเธอจะเข้าใจความหมายของคำนี้ลึกซึ้งแล้ว คนที่ต่ำต้อยกว่า จำใจต้องก้มหัว!
นี่เป็นระบบทุนนิยมที่น่าเกลียด! !
หลังจากที่มู่เวยเวยออกไป ในห้องมีเพียงแค่เฉียวซินโยวกับเย่ฉ่าวเฉิน เย่ฉ่าวเฉินที่ตั้งใจทำงาน เฉียวซินโยวอดทนต่อไปไม่ไหว ถามออกไป”ฉ่าวเฉิน สรุปคุณเป็นอะไร? ทำไมถึงให้เวยเวยเอากาแฟฉันไปเททิ้ง!”
พอพูดถึงตรงนี้เฉียวซินโยวในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอก็ยังไม่มั่นใจ แต่เมื้อกี้เย่ฉ่าวเฉินให้มู่เวยเวยเอากาแฟของเธอไปเททิ้ง ชัดเจนกับการกระทำขนาดนี้ หรือว่ายังไม่สามารถเป็นหลักฐานเหรอ!
เธอรู้ เย่ฉ่าวเฉินกับเธอห่างไกลแล้ว แต่ความสัมพันธ์กับมู่เวยเวยยิ่งใกล้มากขึ้น
ถึงแม้ว่ามองภายนอก เย่ฉ่าวเฉินจะมองมู่เวยเวยแล้วไม่ค่อยถูกชะตา แต่ความรู้สึกเธอในใจเธอเฉียบแหลมแน่ชัดถึงความแต่งต่างนี้ ถ้าหากพูดถึงเมื่อก่อน เย่ฉ่าวเฉินเกลียดมู่เวยเวย พอเห็นเธอก็จะรู้สึกหงุดหงิด
เมื่อดูตอนนี้ เขาใช้วิธีการแบบนี้ เพื่อที่จะทำให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกันง่ายขึ้น!
สองคนอยู่ด้วยกัน เฉียวซินโยวมองเย่ฉ่าวเฉินที่กำลังจัดการกับเอกสารที่เลขาหลิวเอามาให้ เวลาที่เขาทำงานเดิมทีแค่1นาที เธอจำได้และยังทึ่งในความจำดีของเขาเลย!
แต่เมื้อกี้ เอกสารเพียงแค่สามชุด คาดไม่ถึงว่าเขาดูอยู่10นาทีก็ไม่หยุด! ต่อให้เป็นเธอที่อ่านยังไม่นานขนาดนั้นเลย!
สรุปเป็นเพราะสาเหตุอะไร ทำให้เกิดเหตุการณ์ในวันนี้?!
เฉียวซินโยวด้วยความหลักแหลมมีไหวพริบ ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน ทั้งทียังปกติดีอยู่ ไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องแบบนี้!
เย่ฉ่าวเฉินมองเธอสักพัก มองเธอเหมือนคนที่ยืนตากฝนน่าสงสารอย่างไรอย่างนั้น เย่ฉ่าวเฉินเปิดวิดิโอนั้น เลือกที่ลู่จื่อหางมอบมันให้กับเขาออกมา ทำให้เฉียวซินโยวเล็งเป้าเพื่อจะกดหยุดวีดิโอนั้น….