“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจ เธอลืมไปแล้วหรือว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งสองต่างเป็นผู้มีบุญคุณต่อกัน”
มู่เวยเวยไม่เข้าใจ ตากลมๆของเธอถ่างโตขึ้นพร้อมกับถามด้วยความสงสัยว่า“บุญคุณ?หมายความว่าไง?”
เย่ฉ่าวเหยียนจ้องมองที่ดวงตาอันเป็นประกายระยิบระยับของเธอ แม้ว่าผ่านเรื่องราวมาตั้งมากมายไม่น่าเชื่อว่าดวงตาของเธอมันยังคงใสสะอาดอยู่เช่นเดิม ชั่งดีจริงๆ!
และอดใจไม่ได้ที่จะแกล้งเธอ เย่ฉ่าวเหยียนเงยหน้าขึ้นและลูบไปที่หัวของเธอพร้อมกับพูดว่า“เธอเคยช่วยชีวิตฉันไว้ครั้งหนึ่ง และฉันก็เคยช่วยชีวิตของเธอไว้เช่นกัน ดังนั้นแล้วเราก็ต่างเป็นผู้มีพระคุณของกันและกัน ฉะนั้นเลิกพูดว่าขอบคุณได้แล้ว มันดูห่างเหินยังไงไม่รู้”
มู่เวยเวยถูกเขาลูบหัวจนผมยุ่งเหยิง เธอหัวเราะราวกับเด็กและพูดกลับไปว่า“หยุดเล่นผมฉันได้แล้ว มันจัดทรงยากนะรู้ไหม”
“เอาล่ะ ถ้าคุณไม่เป็นไรแล้ว งั้นก็ทำธุระของคุณต่อไปเถอะ ผมจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
“อือ บายบาย”
เย่ฉ่าวเหยียนที่เดินออกไปได้ไม่กี่เมตรหันกลับมาถาม“คุณอยากกินอะไรไหม?เดี๋ยวผมจะซื้อกลับมาฝาก”
มู่เวยเวยที่ไม่ต้องการสร้างความลำบากให้เขา โบกมือขึ้นพร้อมกับพูดว่า“ไม่ต้อง ไม่ต้อง คฤหาสน์นี้มีทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องซื้ออะไรกลับมาให้ฉันหรอก”
เย่ฉ่าวเหยียนดูออกว่าเธอกังวลเรื่องอะไรและไม่ต้องการบังคับเธอ เขาหันหลังกลับและเดินจากไป
เธอชั่งเป็นหญิงที่มีจิตใจงดงามแถมยังรู้กาละเทศะแต่ดันได้มาแต่งงานกับพี่ชายของเขา เย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า
……
เย่ฮวางกรุ๊ป
ทันทีที่ข่าวดังถูกเปิดเผยออกมา เลขาหลิวร้อนรนเข้ามาที่ห้องทำงานของเย่ฉ่าวเฉินและหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาวางตรงหน้าเขา
เย่ฉ่าวเฉินอ่านมันอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม บทความในตอนต้นเขาไม่ได้ให้สำคัญกับมันเท่าไร่ แต่เมื่อเห็นคำว่า“เมียน้อย*”สองพยางค์หนังตาของเขาถึงกับเต้นไม่หยุด
“ประธานเย่ ต้องการให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์จัดการปัญหานี้อย่างเร่งด่วนไหม?”
เย่ฉ่าวเฉินหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาฉีกเป็นแผ่นๆและโยนมันไปข้างๆของถังขยะ พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยสายตาที่เย็นชาว่า“ข่าวไร้สาระแบบนี้มันมีค่าพอที่จะให้ฝ่ายประสาสัมพันธ์จัดการอย่างนั้นหรือ?ผ่านไปสองวันคนเขาก็ลืมกันแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้อง”
“ถึงจะพูดแบบนี้ก็ตาม แต่……”
เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“แต่ว่าอะไร?”
“ประธานเย่ ตอนนี้ภายในบริษัทคนพูดถึงเรื่องนี้กระจายไปทั่วบริษัทแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันกลัวว่ามันจะทำลายถึงชื่อเสียงของท่าน”
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะด้วยท่าทีที่เย็นชา“ฉันว่าพวกเขาคงจะว่างมาก ประกาศจากห้องท่านประธานว่าด้วยกำหนดการเพิ่มยอดขายรายเดือนของบริษัทเดือนนี้เพิ่มขึ้นห้าเปอร์เซ็นจากเดิม นอกจากนั้นห้ามมิให้พนังงานทั้งหมดพูดถึงเรื่องนี้เป็นอันขาด ถ้าหากพบเห็นหักเงินโบนัสประจำปีทั้งหมดได้ทันที!”
“ทราบค่ะท่านประธาน ฉันจะรีบไปจัดการ”
เลขาหลิวเดินไปถึงหน้าประตู เย่ฉ่าวเฉินเรียกให้เธอหยุดและสั่งต่อว่า“คุณไปแจ้งเฉียวซินโยวให้ทราบว่า ต่อไปนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ห้ามมิให้เธอมาที่ห้องประธานเป็นอันขาด”
“ค่ะ ฉันจะรีบไปแจ้งเธอทันที”
รูปภาพพวกนี้ทำไมถึงได้ไปอยู่ในมือของนักข่าวได้?หรือว่าเป็นฝีมือของเฉียวซินโยว?
เป็นไปไม่ได้ เธอเป็นแค่พนังงานฝึกหัดเล็กๆจะมีคนช่วยเธอทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไง
เขาอยู่เมืองAมีศัตรูมากมาย ทุกคนที่เป็นคู่แข่งล้วนแต่สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้
“จางเห่อ ไปตรวจสอบดูว่าใครที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้”เย่ฉ่าวเฉินพูดสั่งงานผ่านโทรศัพท์
“ครับนาย”
……
แผนกออกแบบ。
เฉียวซินโยวนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับแววตาที่สงบเสงี่ยม สายตาของผู้คนจับจ้องมองมาที่เธอ แววตาที่อิจฉาตาร้อนอีกทั้งเพื่อนแผนกต่างๆที่วิ่งกรูเข้ามาดูแฟนสาวที่อยู่ในข่าวลือ
“เฉียวซินโยว ข่าวที่อยู่ในอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นความจริงใช่ไหม?”เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งกล่าว
เฉียวซินโยวยิ้มอย่างอ่อนโยน“อย่าไปฟังพวกนักข่าวเขียนข่าวมั่วๆเลย ประธานเย่หรือจะมาชอบฉันได้ยังไงกัน?”
“เธอไม่ต้องมาปฏิเสธหรอก ฉันเห็นเธอออกมาจากรถของท่านประธานหลายครั้งแล้ว หรือว่าอันที่จริงเธอพักอยู่ที่บ้านของท่านประธานแล้ว”เพื่อนร่วมงานหญิงพูดด้วยน้ำเสียงที่แขวะเธอเล็กน้อย
เฉียวซินโยวหน้าแดง“อันที่จริงแล้ว เป็นเพราะว่าฉันกับมู่เวยเวยเราเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอให้ฉันไปพักที่บ้านท่านประธานเป็นเวลาชั่วคราว”
“อ้อ……”ตอนนี้ทุกคนก็รู้เรื่องแล้ว。
มู่เวยเวยคือภรรยาของประธานเย่ แต่ทำไมถึงได้ให้ผู้หญิงเข้าอื่นไปอยู่ในบ้านได้?นั่นอาจเป็นเพราะประธานเย่เป็นคนอนุญาตให้เธอเข้าไปอยู่เองก็ได้
ขนตางอนยาวของเฉียวซินโยวที่กระพริบขึ้นลง เก็บซ่อนแววตาแห่งความดีใจของเธอไว้
“ติ๊งต๊อง——ติ๊งต๊อง——”
เสียงแจ้งเตือนของQQดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อนร่วมงานต่างคนต่างก้มดูโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ของตัวเอง จากนั้นก็รีบออกจากสถานที่ที่มีการรวมตัวกันภายในไม่กี่วินาที แผนกออกแบบกลับมาเงียบสงบดังเดิม
ถกเถียงเรื่องส่วนตัวของหัวหน้า เทียบได้กับเงินโบนัสประจำปีอย่างนั้นหรอ?อันที่จริงทุกคนควรทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของบริษัท ไม่ใช่ทำเพื่ออยากจะรู้เรื่องส่วนตัวของหัวหน้า
เฉียวซินโยวเห็นข้อความที่ประกาศในกลุ่มQQของบริษัท ทำให้เธอถึงกับมึนงงและตกใจ
เย่ฉ่าวเฉินหมายความว่ายังไง?
ห้ามพนักงานถกเถียงเรื่องนี้!
เขาคิดที่จะไม่สนใจเรื่องนี้?หรือถ้าเขาไม่รู้สึกกับความกดดันที่สังคมพูดถึงเรื่องนี้ เป็นเช่นนั้นแล้วฉันเองคงไม่มีวันที่ชนะ?
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น เลขาหลิวเดินเข้ามาที่แผนกออกแบบ
“เฉียวซินโยว เธอออกมานี่หน่อย”
พนักงานคนอื่นๆทำทีเหมือนตั้งใจจดจ่อกับงานของตัวเอง ทั้งที่หู“ผึ่ง”ขึ้นมา และอดใจไม่ไหวอยากที่จะตามออกไปฟังทั้งสองว่าพูดอะไรกัน
“ท่านประธานให้ฉันมาแจ้งเธอให้ทราบว่า ถ้าไม่มีธุระเรื่องงาน ต่อไปก็ไม่ต้องไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน”เลขาหลิวพูดด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ้งอารมณ์
เฉียวซินโยวกำมือแน่นพร้อมกับมองจ้องไปที่เลขาหลิวสักพักและถามขึ้นว่า“คำพูดพวกนี้เขาเป็นพูด?”
“แน่นอนว่าเขาเป็นคนพูด”เลขาเหลิวแจ้งความจำนงของท่านประธานเสร็จ ก่อนที่จะหันหลังกลับไปยังพูดอีกประโยค“คุณเฉียว ในฐานะเลขาของท่านประธานฉันอยากจะขอเตือนคุณสักนิด คำพูดของท่านประธานถ้าได้พูดออกมาแล้วมันยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ คุณเฉียว ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันต้องทำงานลำบากขึ้นและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะไม่ก่อเรื่องใดๆที่ทำให้ท่านต้องลำบากใจ”
ตรงทางเดิน “ตึกตึก”เสียงรองเท้าส้นสูงของเลขาหลิวที่มีเสียงดังฟังชัด ที่เฉียวซินโยวฟังแล้วรู้สึกแสบแก้วหู ดูเหมือนว่าตัวเองจะทายถูก เย่ฉ่าวเฉินเลือกที่จะใช้ความนิ่งมาจัดการเรื่องนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนำรูปภาพพวกนี้ออกมาได้ ยังไม่ทันได้ผลตามที่เอาคาดไว้ จะปล่อยมันเลยตามเลยได้อย่างไรกัน?
เฉียวซินโยวกลับถึงห้องทำงาน นั่งคิดทบทวนอยู่บนเก้วอี้สักพัก แล้วหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความให้หนานกงเฮ่า
ห้องน้ำของบริษัทยังคงเสมือนว่าเป็นสถานที่ทำงานของผู้หญิง เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับใช้กระจายหรือแลกเปลี่ยนข่าวสารต่างๆ
“เฮ้ เธอคิดว่าเฉียวซินโยวคนนั้นเป็นเมียเก็บประธานเย่หรือเปล่า”พนักงานหญิงล้างมือพลางถามเพื่อนร่วมงานอีกคน
“ฉันคิดว่าดูไม่เหมือน!”เพื่อนร่วมงานที่กำลังเติมหน้าพูดขึ้น
“ทำไมล่ะ?จากที่ได้ฟังพนักงานแผนกออกแบบพูดกันว่าไม่กี่วันที่แล้วเฉียวซินโยวคนนั้นมีปากเสียงกับภรรยาของท่านประธานอย่างเปิดเผย ถ้าไม่ใช่เมียเก็บ เธอจะเอาความกล้ามาจากไหนกัน?”
“เสียงกระซิบ แม้ว่าข่าวจะเป็นความจริง ฉันคิดว่าคนที่ชื่อเฉียวคนนั้น หล่อนต้องการเอาตัวเองเขาแลกแน่ๆ เธอพึ่งมาทำงานบริษัทได้ไม่นาน ไม่รู้หรอกว่าประธานเย่เป็นคนยังไง เขาค่อนข้างมีทีท่าเย็นชากับผู้หญิง ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงสวยๆหลายคนต้องการที่จะอ่อยประธาน สุดท้ายล้วนแต่โดนท่านด่าเปิงจนร้องไม่ออก นับประสาอะไรกับผู้หญิงหน้าแบบธรรมดาแบบคนชื่อเฉียวอะไรนั่น หน้าแบบนั้นในบริษัทจัดได้ว่าก็อยู่ระดับกลางๆ คิดว่าคนอย่างประธานเย่จะให้ความสำคัญ?”พูดมาถึงประโยคนี้เพื่อนร่วมงานถึงกลับหัวเราะกันคิกคักพร้อมกับลดเสียงให้เบาลงและพูดว่า“ไม่แน่ว่าคนที่ชื่อเฉียวอะไรนั่นคงอยากเลื่อนตำแหน่งขึ้นละมั่ง”
“แล้วคิดว่าจะเลื่อนได้ไหม?”
“เลื่อนกับผีหนะสิ!ถ้าหน้าแบบนั้นเลื่อนได้ ต้องรอนานแค่ไหนถึงจะถึงคิวของหล่อนล่ะ?คิดว่าในบริษัทเรามีนังจิ้งจอกอยู่ไม่รู้เท่าไหร่ที่คอยจ้องจะจับท่านประธานอยู่?ดูไปก่อนว่าหล่อนจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นได้หรือเปล่า ถ้าหากว่าหล่อนทำได้ล่ะก็ ฉันจะเลี้ยงอาหารพี่ในภัตคารอาหารที่แพงที่สุดในเมือง A”
ทันได้นั้นเองมีเสียง“ปัง”ของประตูของห้องน้ำดังขึ้น พนักงานหญิงทั้งสองต่างมองหน้ากันและรนลานวิ่งออกจากห้องน้ำไป
เฉียวซินโยวออกมาจากห้องน้ำ โกรธจนหน้าเขียวไปหมด ตอนเธอยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเธอเป็นเหมือนดาวประจำโรงเรียน แต่มาวันนี้ถูกผู้หญิงสองคนพูดหัวเราะเยาะเธอ และยังพูดอีกว่าหน้าตาของเธออยู่ในระดับกลาง พวกเธอสองคนตาบอดไปแล้วหรือยังไง?
เมื่อคนอื่นพูดแบบนี้แล้ว ยิ่งทำให้เธอต้องการที่จะแย่งชิงเอาเย่ฉ่าวเฉินไป แล้วถึงตอนนั้นมาดูกันสิว่าพวกเธอจะว่ายังไง!
ที่หน้าประตูบริษัทเย่ฮวางหลังเลิกงาน
เย่ฉ่าวเฉินที่กำลังเดินพ้นประตูออกไป ก็ถูกหยุดไว้ด้วยด้วยบรรดานักข่าวกว่าสิบสำนัก พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่กี่คนที่อยู่ณบริเวณนั้นก็ห้ามไม่อยู่
“ประธานเย่ ได้ยินว่าคุณเลี้ยงเมียเก็บที่เป็นนักศึกษาไว้พร้อมทั้งให้ที่อยู่ เรื่องนี้คุณจะตอบว่ายังไง?”
“ประธานเย่ ได้ข่าวว่าคุณกับคุณเฉียวเคยคบกันมาก่อน อย่างนั้นขออนุญาตถามว่าคุณนายเย่ก็เป็นมือที่สามอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
“ประธานเย่ ได้ยินมาว่าคุณกับภรรยามีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะดี นั่นเป็นเพราะว่าคุณเฉียวอย่างนั้นหรือเปล่า?หรือเป็นเพราะการแต่งงานเชิงธุรกิจ”
เย่ฉ่าวเฉินที่ได้รับการป้องกันโดยพนักงานรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางนักข่าวที่พยายามจะรุมล้อมเข้ามา แต่ทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ เขาถึงกับต้องหยุดเดินพร้อมกับหันกลับไปมองนักข่าวหญิงที่ถามคำถาม เสียงที่ดังอึกทึกเวลานั้นกลับเงียบสงบลงทันที
“ผมและภรรยาของผมเรายังคงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อก่อกัน และเธอก็ไม่ใช่มือที่สาม ผมหวังว่าพวกคุณจะพยายามไม่พูดให้เธอในทางเสียหาย”
เมื่อฟังเขาพูดจบ บรรดาเหล่านักข่าวต่างตกตะลึงกันไปถ้วนหน้า จากนั้นก็ถามต่อไปว่า
“ประธานเย่ แล้วคุณเฉียวล่ะ?”
“ใช่ใช่ เกี่ยวกับเรื่องของคุณเฉียวคุณมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร
“มีคุณเฉียวเข้ามาเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในเรื่องครอบครัวของคุณ หรือว่าคุณจะไม่รับผิดชอบเรื่องนี้เลย?”
เย่ฉ่าวเฉินเดินขึ้นรถโดยไม่หันกลับมาตอบคำถาม ทิ้งให้นักข่าวที่รุมล้อมเขาอยู่นั้นถามคำถามเก้อ
จากนั้นไม่กี่นาที ในอินเตอร์เน็ตก็ลงข่าวใหม่เรื่อง:เย่ฉ่าวเฉินตอบปัดเลี้ยงเมียเก็บ:ความสัมพันธ์กับภรรยายังคังแน่นแฟ้นดี
“คึกๆ ฮ่าฮ่าฮ่า……”มู่เวยเวยที่กำลังทานแอปเปิลทันที่เธอเลื่อนมาเห็นข่าวอดขำไม่ได้ เธอแทบจะสำลักเอาแอปเปิลออกมา
ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นดี?
คำพูดซี้ซั้วพวกนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากเย่ฉ่าวเฉิน
แต่ว่าการที่พูดว่าตัวเธอไม่ใช่มือที่สาม ทำให้มู่เวยเวยมีท่าทีที่ยอมรับเขามากขึ้น
……
ตอนหัวค่ำ เมื่อเฉียวซินโยวกลับถึงคฤหาสน์ เห็นเย่ฉ่าวเฉินกำลังนั่งคุยกับเย่ฉ่าวเหยียนอยู่ที่ห้องรับแขกมีทีท่าที่สงบนิ่ง ดูเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
真的很想知道他是怎么想的,又不能让他怀疑到自己身上,只能采用以退为进的办法了。
เธออยากรู้จริงๆว่าเขาคิดยังไง แต่ก็ไม่สามารถทำตัวให้เขาสงสัยในตัวเธอได้ ทำได้เพียงแค่เลือกวิธีการที่ไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเธอมาก
“ฉ่าวเฉิน ฉันได้ยินมาว่าตอนเลิกงานคุณถูกนักข่าวรุมกันไว้ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”เฉียวซินโยวถามด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วง
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเธอพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า“ฉันไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะถูกเปิดเผยออกไป”เฉียวซินโยวที่นั่งบนโซฟามีสีหน้าทุกข์ใจ“ฉ่าวเฉิน ฉันไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ ถ้าหากคุณรู้สึกว่าการที่ฉันทำงานในบริษัทเป็นผลไม่ดีต่อคุณแล้วล่ะก็ พรุ่งนี้ฉันจะส่งจดหมายลาออก”
เย่ฉ่าวเฉินนั่งเงียบ ในใจของเขาคลายความสงสัยในตัวเธอลง น้ำเสียงก็ดูอ่อนโยนขึ้น“ไม่ต้อง ความจริงแล้วมันก็เป็นแค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าเธอลาออกมันก็ยิ่งจะทำให้คนอื่นจับจ้องเรื่องนี้มากขึ้น
มือที่ว่างบนขาของเฉียวซินโยวกำแน่นขึ้น ในตอนที่เขาพูดว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง?เธอไม่เชื่อหรอกว่าเพียงคำพูดง่ายๆไม่กี่คำจะทำลายแผนการที่เธอวางไว้ตลอดระยะเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาลงได้?เขาลืมไปแล้วหรือว่ามีหลายต่อหลายครั้งที่เกือบจะเข้าได้เข้าเข็มกัน?ถึงตอนนี้เขากลับพูดว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง?
“เอาล่ะ งั้นช่วงนี้ฉันจะแยกกันไปทำงานกับคุณ เพื่อป้องกันไม่ให้นักข่าวถ่ายรูปได้”เฉียวซินโยวพูดขึ้นด้วยความถ่อมตน
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้ารับ เขาชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือที่มีความทันสมัยและหรูหราพร้อมหันกลับไปถามเย่ฉ่าวเหยียน“นายคิดว่ารุ่นนี้เป็นอย่างไร?”
เย่ฉ่าวเหยียนมองกลับมาและตอบกลับว่า“ดูดีกว่าเรือนเมื่อกี้อีก”
“โอเค งั้นพรุ่งนี้ฉันซื้อเป็นของให้ขวัญนาย”
เย่ฉ่าวเหยียนรีบร้อนกุมที่มือของเขาพร้อมกับหยิบนิตยสารขึ้นมาดูและพูดว่า“นายจะซื้อให้ฉันจริงๆหรอ แล้วทำไมไม่รีบบอกกันล่ะ รอแปปนึ่งให้ฉันเลือกเรือนที่แพงกว่านี้ก่อน”
เย่ฉ่าวฉินหัวเราะพลางส่ายหัว “นายลืมไปแล้วหรอ?อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดนายแล้ว”
“วันเกิดฉัน?”เย่ฉ่าวเหยียนขมวดคิ้วของเขาชั่วขณะ“ใช่แล้ว ฉันเกือบจะลืมมันไปแล้ว พี่ชาย แต่ก่อนนายไม่เคยจำวันเกิดของฉันได้”
“แต่ก่อนฉันไม่เคยสนใจนายเลย แต่จากนี้ไปฉันจะฉลองวันเกิดเป็นเพื่อนนายทุกปี”
ในใจของเย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น พี่ชายของเขาดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ……
เฉียวซินโยวมองสองพี่มองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน และรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินในสถานที่นี้ ยิ่งทำให้ในใจของเธอเกิดความอึดอัดมากขึ้น
“คุณชาย*ทานข้าวได้แล้วค่ะ”แม่บ้านฉินเดินเข้ามาเรียก
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงห้องอาหาร โต๊ะอาหารที่มีลักษณะเรียวยาว เย่ฉ่าวเฉินนั่งที่หัวโต๊ะ เย่ฉ่าวเหยียนนั่งอยู่ทางด้านขวามือ เฉียวซินโยวนั่งเก้าอี้ตัวแรกทางด้านซ้ายมือเหมือนปกติ เมื่อก่อนเย่ฉ่าวเฉินก็ไม่รู้สึกว่ามีผิดปกติอะไร แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันดูขัดตาเล็กน้อย เขาหันกลับไปถามแม่บ้านฉินว่า“มู่เวยเวยล่ะ?ทำไมไม่ลงมาทานอาหาร?”
“สองสามวันที่ผ่านมาอาหารของคุณหนูล้วนแต่ถูกส่งไปที่ห้องของเธอ”แม่บ้านฉินอธิบาย
เย่ฉ่าวเฉินบิดคิ้ว“ฉันรู้สึกว่าเท้าของเธอมันเกือบจะหายดีแล้ว ไปเรียกเธอให้ลงมาทานอาหาร”
“ค่ะ——”
มู่เวยเวยเดินกระเผลกๆมาถึงห้องอาหาร พร้อมกับเห็นสายตาของทั้งสามคนมองมาที่เธอ เธอนั่งตรงข้ามกับเย่ฉ่าวเฉิน
“เธอนั่งซะไกลเลย จะเอื้อมถึงหรอ?”เขาถามขึ้นทันทีพร้อมกับสีหน้าไร้ซึ้งเยื้อใย
มู่เวยเวยรู้ว่าการลงมาที่นี่คงจะไม่มีเรื่องดีเป็นแน่“มือฉันยาว ฉันเอื้อมถึง”
เย่ฉ่าวเหยียนหัวเราะเยาะเธอพร้อมกับยืนขึ้นและพูดว่า“พี่สะใภ้ คุณมานั่งตรงที่ผมนี่ มือผมมันยาวกว่าคุณ”
มู่เวยเวยเห็นว่าคนที่นั้งตรงข้ามเธอไม่มีความเห็นใด เธอจึงเปลี่ยนที่นั่งกับเย่ฉ่าวเหยียน แม่บ้านฉินที่ยืนอยู่ทางด้านข้างเห็นดังนั้นแล้วจึงพยายามจัดเรียงอาหารไปทางเย่ฉ่าวเหยียน
เฉียวฉินโยวนั่งด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจมาก หากไม่ใช่พราะว่าเธอสามารถควบคุมอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยมแล้วล่ะก็ คิดว่าตะเกียบในมือเธอคงถูกเธอหักหมดเป็นแน่
บรรยกาศเงียบสงัดบนโต๊ะอาหาร นอกจากเสียงตะเกียบที่กระทบกับจานชามอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงของพูดของใคร
เย่ฉ่าวหยียนไม่สนใจที่มองเย่ฉ่าวฉินและเฉียวซินโยวเลยแม้แต่น้อย แสร้งถามโดยไม่ตั้งใจว่า“พี่ชาย ตอนนี้เรื่องของนายกับเฉียวซินโยวที่มันว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต นายคิดที่จะจัดการมันยังไง?”
เย่ฉ่าวเฉินชะลอตะเกียบ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปกติว่า“นิ่งไว้ เรื่องแบบนี้ถ้ายิ่งตอบโต้ พวกนักข่าวยิ่งจะพยายามประโคมข่าว ฉันจะให้โอกาสพวกเขาทำอย่างนั้นได้อย่างไรกันล่ะ”
“อ้อ……”เย่ฉ่าวเหยียนคีบรากบัวจากจานที่อยู่หน้าของเฉียวซินโยวและพูดต่อไปว่า“ฉันกลับคิดว่าเรื่องนี้เหมือนมีคนที่อยากทำให้นายกับพี่สะใภ้แตกหักกัน นายทำไมไม่ลองตรวจสอบดูสักหน่อย ว่าใครเป็นคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง”
นิ้วมือของเฉียวซินโยวค่อยๆรวบกำเข้ามา สายตาจ้องที่รากบัวที่อยู่ตรงหน้า และแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง
“ฉันให้คนไปตรวจสอบแล้ว”เย่ฉ่าวเฉินพูดจบพร้อมด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา“อย่าให้ฉันตรวจรู้นะว่ามันเป็นใคร ฉันจะไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่!”
“ใช่!”เย่ฉ่าวเหยียนพูดสนับสนุนขึ้น“คิดว่าตระกูลเย่ของพวกเราจะถูกรังแกง่ายๆอย่างนั้นหรอ……พี่สะใภ้ เธอไม่ทานอาหารหน่อยหรอ เอาแต่มองคุณเฉียวอยู่ได้?”
มู่เวยเวยหัวเราะขึ้นอย่างซื่อซื่อ“ฉันกำลังคิดว่าพี่ชายของคุณจะจัดการยังไง ในเมื่อคุณเฉียวก็เป็นเมียเก็บมาตั้งนาน ผลประโยชน์ต่างๆก็ยังไม่มีสักอย่าง มันดูไม่แฟร์สำหรับเธอ คุณดูสิ หน้าของเธอขาวสีดไปหมดแล้ว”
อยากประกาศให้คนรู้กันทั่วๆว่า เป็นผีมือของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า แต่เป็นเพราะต้องการไปจากเย่ฉ่าวเฉิน เธอจึงทำได้เพียงแค่ต้องอดทน
“มู่เวยเวย!”เย่ฉ่าวเฉินตวาดขึ้นด้วยน้ำสียงที่โมโห“อาหารพวกนี้มันปิดปากกเธอไม่ได้ใช่ไหม?”
มู่เวยเวยตกใจจนไหล่ชะลูดลงพร้อมกับก้มหน้าทานอาหาร
เชอะ!ฉันเถียงไม่สู้คุณ!
เฉียวซินโยวไม่รู้ว่าจะโกรธที่มู่เวยเวยแขวะเธอหรือโกรธที่เย่ฉ่าวเฉินมีท่าทีที่เย็นชาใส่ น้ำตาเธอไหลซึมออกมา“ตึง”เสียงของที่หล่นลงบนโต๊ะอาหาร。
เย่ฉ่าวเฉินมองเธอที่กำลังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ดึงกระดาษออกมาส่งให้เธอ“ไม่ต้องร้องแล้ว แต่ไหนแต่ไรคำพูดของเวยเวยก็เป็นแบบนี้ เธอไม่ต้องไปใส่ใจหรอก”
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นแล้ว เฉียวซินโยวก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
ไม่ว่ายังไง คำพูดที่ออกมาจากปากของเย่ฉ่าวเฉินล้วนแล้วแต่เข้าข้างมู่เวยเวย เพียงแต่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
“ฉันอิ่มแล้ว จะออกไปเดินเล่นสักหน่อย”เย่ฉ่าวเหยียนพูดขึ้นพลางโยนตะเกียบลง เพราะไม่อยากเห็นเฉียวซินโยวที่เสแสร้งทำเป็นถ่อมตนแบบนี้
มู่เวยเวยก็อยากจะออกไปเดินเล่น แต่เท้าของเธอไม่เป็นใจ จึงพูดขึ้นว่า“ฉันจะขึ้นไปข้างบนแล้ว”และเดินจากโต๊ะอาหารไป
……
มู่เวยเวยสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ขณะที่เย่ฉ่าวเฉินยังคงหลับสนิทอยู่ เธอบิดขี้เกียจไปมาบนที่นอนพร้อมกับหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เจ็ดโมงครึ่ง
เธอวางโทรศัพท์ลงและกำลังเตรียมตัวจะลุกจากที่นอน สักพักหนึ่ง มีข้อความอัตโนมัติส่งเข้ามาในโทรศัพท์?
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง มู่เวยเวยกดเลือกดูข่าวใหม่ที่ถูกส่งมาทางโทรศัพท์แบบโดยอัตโนมัติ
เธออ่านออกเสียงโดยไม่ทันระวัง“รายงาน:ซุบซิบกันว่าแฟนของเย่ฉ่าวเฉินตอนนี้ได้เข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเย่แล้ว เมื่อเย็นวานนี้นักข่าวไปแอบสุ่มอยู่นอกบ้านตระกูลเย่ และได้บังเอิญเห็นสาวสวยที่ชื่อเฉียวเดินเข้าไปในบ้านตระกูลเย่ คนเฝ้าประตูก็ไม่มีทีท่าจะกันไว้แต่กลับให้ความเคารพและเปิดประตูให้ จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงคืนนักข่าวก็ไม่พบว่าคุณเฉียวจะออกมาจากบ้าน และมีรายงานอีกว่าคุณเฉียวนั้นอันที่จริงเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเย่ตั้งนานแล้ว นั่นหมายความว่าอย่างไร……”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ถูกคนแย่งไป ไม่รู้ว่าเย่ฉ่าวเฉินตื่นขึ้นมาตอนไหน เขานั่งหลังพิงกับหัวเตียงพร้อมกับขมวดคิ้วดูข่าวในโทรศัพท์
“มันหมายความว่าอย่างไร ให้ฉันดูให้จบก่อน”มู่เวยเวยให้ความสนใจในข้อความถัดไปที่อยู่ทางด้านล่าง พร้อมยื่นมือออกไปเพื่อที่จะแย่งเอาโทรศัพท์ของเธอคืนมา
เย่ฉ่าวเฉินลงไปที่ชั้นล่างด้วยทีท่าที่สบายใจ เฉียวซินโยวไม่อยู่ ส่วนเย่ฉ่าวเหยียนกำลังออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายอยู่ในสวน
หนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ที่พึ่งถูกส่งมาวางอยู่ข้างแก้วชาอย่างเห็นได้ชัด เย่ฉ่าวเฉินหยิบมันขึ้นมาอ่านสักพักและโยนมันลงไปในถังขยะ ที่มายังไม่ชัดเจนแต่ก็ยังเห็น“ข่าวซุบซิบเรื่องแฟนสาว”ไม่กี่คำพวกนี้
พ่อบ้านหวังมองเห็นเขาที่กำลังเดินลงมา พร้อมกับรีบร้อนเดินขึ้นไปบอกว่า“คุณชาย*ประตูด้านหน้าของคฤหาสน์เต็มไปด้วยกองทัพนักข่าว ไม่ว่าจะไล่ยังไงก็ไม่ไป”
“เฉียวซินโยวล่ะ?”
“ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว”พ่อบ้านหวังพูดพลางมองเย่ฉ่าวเฉินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาและพูดขึ้นว่า“คุณชาย*ไม่ต้อง วันนี้ไม่ต้องไปทำงานแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา“กับอีแค่นักข่าวไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าเขาอยากที่จะรอก็ให้รอต่อไปเถอะ แต่ถ้าบุกเข้ามาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือแล้วล่ะก็ จะไม่เกรงใจแถมยังจะปล่อยหมาให้ออกมาไล่กัดอีก”
“แต่……ถ้าหากว่ามันทำร้ายคนบาดเจ็บจะว่ายังไง……”
“ฉันไม่แจ้งความข้อหาบุกรุกก็ดีเท่าไหร่แล้ว คิดว่าจะมารังควานเย่ฉ่าวเฉินคนนี้ได้ง่ายๆงั้นหรอ?”
“ครับ ทราบแล้ว”
ก่อนขึ้นรถเขามองไปที่พ่อบ้านหวังอีกครั้ง“บอกมู่เวยเวยด้วยว่า ถ้าไม่มีธุระก็ไม่ต้องออกไปข้างนอก”
“ครับ คุณชาย*”
รถของเย่ฉ่าวเฉินค่อยๆขับเคลื่อนไปที่ประตู นักข่าวนับสิบจำได้ว่าเป็นรถของเขา ทันใดนั้นก็เข้ามารุมล้อมหยุดรถเอาไว้ คนขับรถมีทีท่าไม่มันใจ“คุณชาย*ทำอย่างไรดีครับ?”
“เรื่องแค่นี้ยังจะให้ฉันสอนอีกหรอ?ต้องขับแบบไหนก็ทำแบบนั้นล่ะ”เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความเย็นชา เขาไม่เชื่อหรอกว่าพวกนักข่าวพวกนี้ต้องการเงินแต่ไม่ต้องการชีวิต
คนขับรับคำสั่งเหยียบไปที่คันเร่งรถ“บรึ้น”รถวิ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว พวกนักข่าวเห็นทีท่าไม่ดีก็รีบวิ่งออกห่างรถ มีไม่กี่คนที่ใจกล้ายอมที่จะยื่นอยู่กลางถนนไม่หนี แต่พอเห็นรถวิ่งใกล้เข้ามาถึงตรงหน้าอย่างไม่ลดความเร็วก็เกิดกลัวและรีบวิ่งหนีตายกันออกไป
ข่าวซุบซิบยิ่งดุเดือดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มีข่าวใหม่ถูกขุดออกมา——
“สาวสวยนามว่าเฉียวเข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์ตระกลูเย่แล้ว”
“เย่ฮวางกรุ๊ปโดยเย่ฉ่าวฉินและคุณนายมู่เว่ยเวยสมรสล่ม”
“มู่เวยเวยและหญิงปริศนาที่เป็นศรัตรูหัวใจมีความสนิทสนมกัน มาดูกันว่าใครจะสวยกว่าใคร”
นอกจากข่าวที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในข่าวยังมีการวิเคาระห์ความเหมาะสมของทั้งสองคนว่า เฉียวซินโยวเหมาะสมที่จะนั่งตำแหน่งภรรยาของประธานเย่
เห็นข่าวที่ประโคมแบบนี้มู่เวยเวยจะร้องก็ไม่ออกจะไม่ขำก็ขำไม่ได้ ในใจคิดว่าเฉียวซินโยวพยายามทำทุกอย่างเพื่อต้องการพื้นที่ยืนในสังคมอย่างนั้นหรอ
……
ห้องของประธานบริหารเย่ฮวางกรุ๊ป
ตลอดทั้งวันโทรศัพท์ของเย่ฉ่าวเฉินถูกคนโทรมาก่อกวน บ้างก็โทรมาทำทีสอบถามเรื่องส่วนตัว บ้างก็โทรมาด่าและหัวเราะเยาะเขาอย่างซึ่งๆหน้า แม้ว่าเขาต้องการทำใจที่จะทำงานอย่างสงบและไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ว่าเรื่องนี้มันทำให้เขาตัดสินใจไม่ได้
“จางเห่อ ตรวจเจอหรือยังว่ามันเป็นใคร?”เย่ฉ่าเฉินถามด้วยความโมโห
“นายครับ ทางนั้นซ่อนตัวได้ดีมาก ตอนนี้ยังทำการตรวจสอบอยู่”
เย่ฉ่าวเฉินโมโหจนเกือบจะขว้างโทรศัพท์ที่อยู่ในมือทิ้ง ทันใดนั้นเลขาหลิวก็เคาะประตูและเดินเข้ามาพร้อมกับวางบัตรเชิญลงบนโต๊ะทำงานของเขา
“ท่านประธานเย่ วันพรุ่งนี้จะมีงานเปิดตัวศูนย์กลางค้ากวางหยู่ หวังว่าท่านจะเข้าร่วมงานนี้และนี่คือบัตรเชิญ”
“ไม่ไป!คุณจัดหาของขวัญส่งไปแทนให้ผมที”เย่ฉ่าวเฉินที่กำลังหงุดหงิดพูด
“ได้ค่ะ ฉันทราบแล้ว”
ห้องประธานเงียบลงชั่วครู่ เย่ฉ่าวเฉินที่นั่งบนเก้าอี้โชฟาสงบสติอารมณ์ได้พักหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดหนึ่งวิ่งเข้ามาในหัวและต่อสายโทรศัพท์ทันที“เลขาหลิว บอกกวางหยู่ว่าพิธีเปิดศูนย์การค้าของวันพรุ่งนี้ ฉันจะไม่ไปสายแน่นอน”
“ตกลงค่ะท่านประธาน”
เขาไม่เพียงแต่ต้องการที่จะไปร่วมงานแต่ยังจะพามู่เวยเวยไปด้วย
ตอนเย็นเมื่อกลับถึงคฤหาสน์ เย่ฉ่าวเฉินหยิบเอาของขวัญอันหรูหราทิ้งลงตรงหน้าของมู่เวยเวยและพูดว่า“พรุ่งนี้สวมชุดนี้และไปร่วมงานกับฉันหน่อย”
มูเวยเวยรู้สึกงงงง พร้อมกับเอานิ้วชี้ที่ตัวเองและพูดว่า“ฉัน?”
“ใช่ เธอไง”
“แต่ว่า……ทำไมต้องพาฉันไปด้วยล่ะ?”ของมู่เวยเวยยังคิดไม่ออกว่าทำไม
เย่ฉ่าวเฉินโมโหและดีดไปที่คางของเธอ“ฉันก็ไม่อยากจะพาเธอไปนักหรอก แต่ใครใช้ให้เธอมาเป็นภรรยาของฉันล่ะ”
“อ้อ……แต่ว่าเท้าของฉันมันยังไม่หายดี คุณไม่กลัวว่าฉันจะทำให้คุณขายหน้าหรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินแกะกล่องของขวัญออกมา“ชุดนี้เป็นชุดกระโปรงยาว มันยาวพอที่จะปิดเท้าของเธอได้ ถึงตอนนั้นฉันจะช่วยพยุงเธออีกแรง ถ้าค่อยๆเดินคนอื่นก็ดูไม่ออกหรอก”
“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องไปจริงๆสินะ?”มู่เวยเวยยังคิดที่จะถอนตัว ช่วงหลายวันมานี้เธออยู่แต่ในบ้าน ตอนนี้ชินกับชีวิตแบบนี้แล้ว
“เธอเลือกที่จะไม่ไปก็ได้ แต่ว่า” เย่ฉ่าวเฉินขู่เธอ “ฉันคิดว่าเธออาจทนไม่ไหวกับการลงโทษของฉัน”
มู่เวยเวยรีบดึงมือของเขาไว้ “ไป ฉันไป”
เมื่อมีทางเลือกบางครั้งก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้ตัวลำบาก
เย่ฉ่าวเฉินปล่อยมือเธอ แต่ก็ไม่ได้เดินจากไป เขากลับนั่งลงบนโชฟาและใช้คางชี้ไปที่กล่องของขวัญพร้อมกับพูดด้วยความเฉยชาว่า“ลองสวมดูสิ”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ถ้าคุณเป็นคนเลือก ต้องใส่ได้แน่นอน”มู่เวยเวยพูดเอาใจเขา
ตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น มู่เวยเวยสวมชุดใหม่ที่เขามอบให้เป็นของขวัญ ยื่นหน้าบูดหน้าเบี้ยวอยู่หน้ากระจก
ชุดปาดไหล่ชุดนั้นที่ลองเมื่อคืนยังมีผ้าปิดชิ้นหนึ่ง แต่ว่าของขวัญชุดนี้โชว์ทั้งเนินอก กระดูกไหปลาร้าและต้นคอที่แสนจะรับไม่ได้
เย่ฉ่าวเฉินคนบ้านั่น บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ากัดคอก็ยังกัด ครั้งนี้เป็นไงล่ะ ถึงจะโบกแป้งหนาๆ มันก็ปิดไม่มิดนี้ไม่ใช่ว่าต้องการให้คนอื่นหัวเราะเยาะฉันหรือไง?
“เธอแต่งตัวเสร็จหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”เย่ฉ่าวเฉินเดินดุ่มๆเข้ามายังห้องลองเสื้อ เห็นเธอที่กำลังยืนโมโหอยู่ ไม่ถามสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น“ยืนเหม่ออะไรอยู่ได้?”
มู่เวยเวยหันมาพร้อมกับชี้ให้เห็นรอยช้ำที่อยู่บนต้นคอและไหปลาร้าของเธอ พร้อมกับโมโหใส่เขา“คุณทำฉันเป็นแบบนี้ฉันจะมีหน้าออกไปพบคนอื่นได้ยังไง?เย่ฉ่าวเฉิน เมื่อคืนนี้คุณตั้งใจทำให้เป็นแบบนี้ใช่ไหม”
เย่ฉ่าวเฉินใช้สายตามองแล้วมองอีก ผิวหน้าอกที่ขาวราวกับหิมะและรอยช้ำด้านบนที่ดูคล้ายกับดอกเหมย ใช่……มันโป๊เกินไป
เขาหันหลับกลับไปหาของในตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็เหยิบเอาเสื้อโค้ทกันลมสีชมพูออกมา“ใส่ทับด้านนอกซะ”
“นี่……มันไม่ร้อนเกินไปหรอ”
เย่ฉ่าวเฉินถลึงตาใส่เธอ“กลัวร้อนหรือกว่าโป๊ เลือกเอาสักอย่าง”
มู่เวยเวยรีบสวมเสื้อโค้ท เป็นการให้คำตอบ ทั้งตบแป้งสตอเบอรี่กลบรอยช้ำอีกหลายๆรอบแต่ก็ยังมองเห็นอยู่ จึงทำได้เพียงแค่ปลอบใจตัวเอง
“เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”
เย่ฉ่าวเฉินอุ้มเธอขึ้น จากนั้นเดินก้าวใหญ่ลงไปชั้นล่าง
“ฉันเดินเองได้”
“ถ้าหากออกเดินทางตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องโดนตัวเธอแบบนี้หรอก
……
ศูนย์การค้ากวางหยู่เป็นสถานที่ก่อสร้างแห่งใหม่ของเมือง A ที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิง ความสวยงาม อาหารและแหล่งรวมของการช็อปปิ้งไว้ในที่เดียวกัน
“ในที่สุดท่านประธานเย่ก็มาถึงแล้ว นึกว่าคุณจะไม่มาเป็นเกียรติร่วมงานซะแล้ว”ชายรูปร่างอ้วนท้วนวัยกลางคนเดินเข้ามาด้วยความกระตือรือร้นจับมือทักทายเย่ฉ่าวเฉิน
“วันสำคัญของประธานเสี่ยวจะไม่มาได้ยังไง?ขอให้ธุระกิจเจริญรุ่งเรือง”เมื่อเย่ฉ่าวเฉินพูดจบผู้ช่วยที่อยู่ทางด้านหลังส่งของขวัญให้กับมือผู้ช่วยของประธานเสี่ยว
ฮ่าฮ่าฮ่า ประธานเสี่ยวหัวเราะขึ้นสองสามที ไขมันที่อยู่บริเวณหน้าท้องสั่นไหวไปมา สายตามองไปที่มู่เวยเวยพร้อมกับถามด้วยความสงสัยว่า“ท่านนี้คือใคร?”
“ภรรยาของผม มู่เวยเวย”เย่ฉ่าวเฉินแนะนำ“เวยเวย นี่คือท่านประธานเสี่ยว ประธานของกวางหยู่”
มู่เวยเวยยื่นมือเล็กๆของเธอ ออกไปจับกับมือของประธานเสี่ยว“สวัสดีค่ะท่านประธานเสี่ยว”
“สวัสดี สวัสดี”ประธานเสี่ยวปล่อยมือของเธอ พร้อมชมเชยว่า“ประธานเย่ ท่านก็นี้คือคุณเฉียวที่เป็นภรรยาของคุณ ?ไม่น่าล่ะเก็บซะมิดชิดเลย ก็สวยขนาดนี้ ”
“ประธานเสี่ยวเกรงใจไปแล้ว เวยเวยหรือจะสู้คุณนายเสี่ยวภรรยาของคุณได้?”
“เหอะเหอะเหอะ……เช่นกันเช่นกัน……”
สองฝ่ายเกรงใจกันอยู่สักพัก ประธานเสี่ยวก็ถูกคนเชิญไปบนเวที มู่เวยเว่ยที่กำลังตื่นตาไปกับความหรูหราของศูนย์การค้าแห้งนี้ ทันใดนั้นแขนของเธอก็ถูกคนที่ยื่นอยู่ด้านข้างดึงไว้ พอเธอก้มหน้าลงดูก็เห็นสายตาของเย่ฉ่าวเฉินจ้องมองเธออยู่ด้วยท่าทางที่เย็นชา
งานจบลงแล้ว เย่ฉ่าวเฉินปฏิเสธการเชิญไปร่วมทานอาหารของประธานเสี่ยว โดยให้เหตุผลว่าบริษัทยังมีธุระสำคัญที่ต้องกลับไปจัดการ ประธานเสี่ยวก็ไม่บังคับให้เขาอยู่ เพราะการที่เย่ฉ่าวเฉินสามารถให้เกียรติมาร่วมงานก็ถือว่าดีมากแล้ว
แขนของเย่ฉ่าวเฉินที่ประคองมู่เวยเวย ทั้งสองเค่อยๆเดินไปทางด้านหน้า ใครจะรู้ว่าพึ่งก้าวขาออกจากประตูหมุนของศูนย์การค้า ไม่รู้ว่านักข่าวมาจากไหนกรูกันเข้ามา ยื่นไมโครโฟน ถ่ายรูป เสียงกดชัตเตอร็และแสงแฟลชจากกล้องนับสิบๆตัวกระหน่ำสาดไปที่เขาทั้งสอง
เย่ฉ่าวเฉินดึงมู่เวยเวยหมุนตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของเขา
“ประธานเย่ วันนี้คุณและคุณนายเย่ออกมาร่วมงานเปิดศูนย์การค้าเพื่อที่จะแสดงจุดยืนของพวกคุณใช่ไหม?”
“ประธานเย่ คุณกำลังเตรียมที่จะเลิกกับคุณเฉียวหรือเปล่า?”
มู่เวยเวยที่ถูกปกป้องโดยเย่ฉ่าวเฉินได้สติกลับมา อันที่จริงแล้วการที่เขาพาเธอมาออกงานแบบนี้ เพื่อทำให้ทุกคนทราบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของพวกเขา“ยังคงแน่นแฟ้น”!
แต่ว่า เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ควรจะไหลไปตามน้ำ?
พนักงานรักษาความปลอดภัยสองสามคนรีบเข้ามาสลายกองทัพนักข่าว แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
พวกนักข่าวเห็นเย่ฉ่าวเฉินไม่พูดไม่จา จึงรีบหันไปทางมู่เวยเวย……
“คุณนายเย่ เรื่องที่สามีของคุณกับคุณเฉียวคบกับคุณทราบเรื่องไหม?”
“คุณนายเย่ ประธานเย่กับคุณเฉียวตอนนี้ไปถึงไหนกันแล้ว?”
“คุณนายเย่ ได้ยินมาว่าคุณเฉียวรู้จักกับสามีคุณก่อนคุณซะอีก คุณเป็นมือที่สามของพวกเขาใช่หรือไม่?คุณจะยอมหย่ากับประธานเย่ไหม?”