” ฉ่าวเหยียน ” อย่างน้อยฉันก็เป็นเพื่อนของพี่ชายคุณ ทำไมคุณถึงได้พูดจาแบบนี้กับฉัน? ” เฉียวซินโยวโกรธมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอพยายามอดทนอดกลั้น มันไม่ง่ายเลยที่จะเห็นมู่เวยเวยในสภาพที่ใกล้จะตาย แต่เขากลับโผล่ออกมาปั่นป่วนอีก
เย่ฉ่าวเหยียนมองเธอด้วยสายตาที่ดูถูก ” เฉียวซินโยว ฉันจะพูดจายังไงต้องให้เธอสอนด้วยหรอ? ”
” ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น……”
เดิมทีเย่ฉ่าวเฉินเริ่มรู้สึกคล้อยตามคำพูดของเย่ฉ่าวเหยียนแล้ว แต่คำว่าชีวิตส่วนตัวของเฉียวซินโยวจุดประกายความโกรธของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เอามู่เวยเวยมาเกี่ยวกับเรื่องมู่เทียนเย่ แต่เรื่องที่เธอไม่ภักดีกับเขา เขาก็ไม่มีทางที่จะให้อภัยเธอได้
” พอได้แล้ว พวกคุณสองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว ”
เย่ฉ่าวเฉินพึ่งพูดจบไป คุณหมอหานก็วิ่งเข้ามา และพูดพึมพำในปากว่า ” ฉันรู้แล้ว ฉันรู้แล้ว ฉันก็ไม่อยากจะพูดนะ คุณชายเย่จำนวนครั้งในวันนี้ที่ฉันช่วยชีวิตคุณนายเย่เนี่ย จำนวนมันเยอะกว่าหลายปีที่ฉันเป็นหมอประจำตระกูลเย่อีก คุณช่วยอย่า……หืม ทำแผลเสร็จแล้ว?
คุณหมอหานเดินเข้าไปหามู่เวยเวย แล้วเช็คดูอย่างละเอียดพร้อมกับพูดว่า ” เทคนิคใช้ได้ ใครเป็นคนทำ? ”
” ฉ่าวเหยียน ” เย่ฉ่าวเฉินชินกับการจู้จี้ของเขาแล้วและไม่ได้มีการตอบสนองอะไนมากนัก
คุณหมอหานหันไปมองเย่ฉ่าวเหยียน พร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นมาพูดว่า ” คุณชายเหยียนถ้าสนใจลองเรียนแพทย์ได้นะ ฉันจะแนะนำเอง ”
เย่ฉ่าวเฉินเบะปาก ” ไม่สนใจ ”
คุณหมอหานหัวเราะ และเริ่มตรวจเช็คมู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินที่อิงอยู่ข้างโต๊ะ ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
ทำไมไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ทำร้ายเธอ พอหลังจากเกิดเรื่องก็ทั้งกังวลและหวาดกลัว กลัวว่าเธอจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว
นี่ตัวเองเป็นอะไรกันแน่?
” ความดันโลหิตต่ำมาก มันเกิดจากการเสียเลือดมาก แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ฉันจะจ่ายยาบำรุงเลือดให้ ช่วงนี้ก็ใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษหน่อย ให้กิน อินทผลัม ลำไย แครอท มากๆหน่อย ” เดิมทีอยากจะเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดบนร่างกายมู่เวยเวยสักหน่อย แต่ว่าจะประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วเย่ฉ่าวเฉินต้องเป็นบ้าขึ้นมาแน่ๆ จึงพูดว่า ” เดี๋ยวบอกให้ฉินหม่ามาเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดบนร่างกายให้เธอด้วยนะ แต่ว่าที่ต้องะวังคืออย่าให้เธอเป็นไข้เด็ดขาด ”
” รู้แล้ว แล้วคุณไม่รักษาบาดแผลแล้วหรอ? ” เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างเย็นชา
” ต้องรักษาสิ คุณไม่เห็นหรอว่าฉันกำลังเตรียมยาอยู่? ” คุณหมอหานพูดอย่างโกรธๆ
เย่ฉ่าวเฉินทนดูท่าทีแบบนี้ของเขาไม่ไหว ” เห้ย! นี่คุณไม่อยากได้เงินเดือนแล้วใช่มั้ย ”
คุณหมอหานเหลือบไปมองเขาแวบหนึ่ง ” คุณก็ทำได้แค่เอาเรื่องเงินเดือนมาขู่ฉัน ”
……
นอกคฤหาสน์ พอจางเห่อได้รับคำสั่งแล้วก็ไปสืบสวนทันที คนของเย่ฉ่าวเหยียนหายไปอย่างเงียบๆ
สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าเบาะแสนี้จะจริงหรือเท็จ ขอเพียงแค่มีเบาะแส ยังไงก็จะไม่พลาดเด็ดขาด
ในห้องครัว ซุปไก่ยังคงเกลือกกลิ้งอยู่ บะหมี่ครึ่งหนึ่งแขวนอยู่บนแผง ในจานมีผักกาดกวางตุ้งสีเขียว เดิมทีมันเป็นงานวันเกิดที่สุดแสนจะธรรมดา แต่กลับมีของขวัญที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนทำลายบรรยากาศไปหมด
มู่เวยเวยฟื้นขึ้นมาในตอบค่ำๆ มองดูพระอาทิตย์ตกดินนอกหน้าต่าง ในใจก็เต็มไปด้วยความอ้างว้าง
เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าของขวัญชิ้นนี้จะมาจากพี่ชายเธอ อย่างน้อยมันก็ยืนยันได้ว่า เขายังมีชีวิตอยู่ เขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
แต่สัญชาตญานบอกกับเธอว่า ไม่ควรที่จะเชื่อ ข้างในมันต้องมีกลลวงอะไรแน่ๆ
ลังเลอยู่สักพัก มู่เวยเวยก็ลุกจากเตียงลงไปชั้นล่าง เธอยังไม่ได้กินบะหมี่ที่เชื่อกันว่าจะทำให้อายุยืนยาว
” พอฉินหม่าเห็นเธอก็รีบเข้ามาพยุงเธอ พร้องพูดขึ้นว่า ” คุณหนู ลุกขึ้นมาทำไมคะ? คุณหมอสั่งว่าคุณต้องพักผ่อนมากๆ ฉันทำโจ๊กอินทผลัมไว้ให้คุณบำรุงเลือด ”
” ของคุณค่ะฉินหม่า ” มู่เวยเวยเดินเข้าไปในห้องครัวด้วยความวิงเวียน ” ฉินหม่า ฉันอยากกินบะหมี่อายุยืน เดิมทีอยากจะทำด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยจะมี รบกวนคุณช่วยทำให้ฉันชามหนึ่งนะคะ ”
” ได้ ฉันจะทำให้เดี๋ยวนี้ค่ะ วัตถุดิบตอนเช้าฉันเก็บไว้ทั้งหมดเลย ท่านนั่งรอในห้องอาหารสักครู่ จะรีบไปทำมาเดี๋ยวนี้ ”
หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมา มู่เวยเวยหิวจะตายอยู่แล้ว พอฉินหม่ายกบะหมี่มาวางไว้ตรงหน้า เธอก็รีบกินทันที
โอ๊ย -ร้อนมากเลย –
” คุณกินช้าๆหน่อย ไม่มีใครแย่งคุณกินหรอค่ะ ” ฉินหม่าที่เห็นว่าเธอร้อนจนต้องแลบลิ้นออกมา ก็บอกเธออย่างยิ้มแย้ม
” ฉินหม่า ฝีมือของคุณนี่สุดยอดกว่าเชฟสะอีก ” มู่เวยเวยกินบะหมี่เข้ามาหนึ่งคำแล้วพูดชมฉินหม่า
ฉินหม่ายิ้มจนตาเป็นแปะยิ้มอยู่แล้ว ” ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ”
ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เฉียวซินโยวก็เดินเข้ามาอย่างสง่า
” โห กินบะหมี่อายุยืนหรอ ” ใบหน้าของเฉียวซินโยวมีรอยยิ้มสะใจปรากฏอยู่ แล้วนั่งลงตรงข้ามเธอ ” มู่เวยเวย คงคิดไม่ถึงสินะว่าจะได้ฉลองงานวันเกิดของตัวเองที่น่าเศร้าแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่มีคนอวยพร อีกทั้งยังเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ช่างน่าสงสารจริงๆ ”
มู่เวยเวยก้มหน้าก้มตากินบะหมี่โดยไม่ตอบเธอ สิ่งที่ดูถูกคนมากที่สุดก็คือการเพิกเฉยนั่นแหละ
” ฉินหม่า บะหมี่ยังมีอยู่มั้ย ฉันอยากจะกินอีกชามหนึ่ง ” มู่เวยเวยถามฉินหม่า
” เวยเวย บะหมี่อายุยืนกินแค่ชามเดียวก็พอแล้ว ถ้าคุณยังหิวอยู่ โจ๊กกำลังจะเสร็จแล้ว ”
” อ้อ ได้ ถ้างั้นฉันกินโจ๊กก็ได้ ” มู่เวยเวยพูดจบ ก็ยกชามขึ้นซดซุปในชามจนเกลี้ยงเลย
เฉียวซินโยวมองเธออย่างเย็นชา และพูดประชดประชันว่า ” บะหมี่อายุยืนที่ถูกกินเข้าไป ฉันดูดูแล้วที่เธอกินเนี่ยมันไม่น่าใช่บะหมี่อายุยืนนะ น่าจะเป็นบะหมี่อายุสั้นมากกว่า อีกไม่กี่วันก็น่าจะได้ไปเจอยมทูตแล้วล่ะ ”
มู่เวยเวยอยากตบเธอมาก แต่เธอก็อดกลั้นไว้ได้ และตรงเข้าไปที่ห้องครัวพูดว่า ” ฉินหม่า ฉันไปเดินเล่นในสวนดอกไม้สักหน่อย ถ้าโจ๊กเสร็จแล้วก็เรียกฉันนะ ”
” ได้เลยๆ ”
มู่เวยเวยลุกขึนแล้วเดินไปที่สวนดอกไม้ เฉียวซินโยวมองตามหลังมู่เวยเวย แล้วกัดฟันแน่น มู่เวยเวย มันแค่พึ่งจะเริ่มเองเธอก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดสะแล้ว ฉันจะรอดูว่าเธอจะรับมือยังไงต่อไป
……
ตอนกลางคืน ณ ห้องหนังสือชั้นสาม
จางเห่อยืนกุมมือ สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเคร่งขรึมมาก
” ไม่พบร่องรอยอะไรเลยงั้นหรอ? ” เขาถาม
” ใช่ครับ พัสดุชิ้นนั้นเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะส่งเองกับมือโดยไม่ได้ผ่านบริษัทขนส่ง พวกเราได้ตรวจดูกล้องวงจรปิดแล้ว พนักงานส่งของได้ใส่หมวกปิดหน้าปิดตาไว้ พวกเราตามมันไปถึงย่านใจกลางเมืองแล้วเขาก็หายตัวไป ”
เย่ฉ่าวเฉินเคาะโต๊ะแล้วพูดขึ้นอย่างครุ่นคิด ” ส่งคนไปอยู่รอบตัวมู่เวยเวยให้มากขึ้น ถ้าฝ่ายตรงข้ามเป็นมู่เทียนเย่จริงๆ เขาคงไม่ถอดใจง่ายๆหรอก ”
” คุณชาย คุณอยากจะล่อเสือออกจากถ้ำหรอ? ” จางเห่อเข้าใจความหมายของเย่ฉ่าวเฉิน
เย่ฉ่าวเฉินแสยะยิ้ม ” ขอแค่มู่เวยเวยยังอยู่ในมือฉัน ฉันก็ไม่เชื่อว่ามู่เทียนเย่จะไม่แสดงตัว ช่วงนี้มู่เวยเวยจะไปไหนก็ไม่ต้องสนใจเธอ ปล่อยให้เธอไปแค่คอยติดตามให้ดีก็พอ ”
” ครับ รับทราบครับ ”
……
เพราะว่าได้รับบาดเจ็บ มู่เวยเวยพักผ่อนอยู่ที่บ้านสองวัน แผลก็ค่อยๆหายดีเป็นปกติ
” คุณหมอหาน แผลตรงนี้……จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรือไม่? ” มู่เวยเวยแตะผ้าก๊อซ แผลอยู่ตรงคอพอดี มันจะน่ากว่าขนาดไหนกัน
คุณหมอหานพูดปลอบเธอว่า ” คุณไม่ต้องกังวล ครั้งที่แล้วที่คุณได้รับบาดเจ็บคุณใช้ยาของผมซึ่งไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เลยสักนิด ครั้งนี้ฉันจะเอายานั้นให้คุณอีกหน่อย แล้วใช้ระยะเวลาทานานหน่อยรับรองว่าไม่เป็นรอยแผลเป็นแน่นอน ”
มู่เวยเวยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ” ของคุณค่ะคุณหมอหาน ”
คุณมอหานเหลือบไปมองข้างนอกแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นเบาๆว่า ” คุณมู่ ต่อไปคุณก็อย่าอ่อนแออีกนะ ถ้าเย่ฉ่าวเฉินจะทำร้ายคุณอีกคุณก็สู้กลับไปเลย ถ้าคุณยังไม่รู้จกสู้อีก ผมเกรงว่าครั้งหน้า……”
” คุณหมาหาน ขอบคุณมากที่เป็นห่วง ครั้งต่อไปฉันจะจำไว้นะ ” มู่เวยเวยรีบพูดขัดจังหวะเขา เธอไม่อยากให้เขาต้องเดือดร้อน ถ้าเย่ฉ่าวเฉินได้ยินเข้า ไม่รู้ว่าเขาจะใช้อะไรมาเล่นงานเขา
คุณหมอหานเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อ ถอนหายใจแล้วพูดว่า ” ถึงยังไงร่างกายก็เป็นของตัวเอง ไม่ต้องทรมานขนาดนี้ก็ได้ ”
” อือ ” มู่เวยเวยยิ้มให้เขาแล้วส่งเขาออกไป
กลางคืนวันนี้มู่เวยเวยปิดไฟกำลังจะนอน ” ติ้งตึง ” เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น เปิดออกดู เป็นเบอร์ที่เธอไม่รู้จัก ข้างในเขียนประโยคหนึ่งไว้และยังมีรูปอีกหนึ่งรูป
เวยเวย เธออยู่ตระกูลเย่เป็นไงบ้าง? ฉันคือพี่ชาย
มู่เวยเวยรีบลุกขึ้นนั่ง เพราะว่าออกแรงมากไป ทำให้บาดแผลที่คอเจ็บเล็กน้อย
เปิดดูรูปภาพนั้น เป็นเงาหลังของคนคนหนึ่ง สวมเสื้อหนังสีดำ กางเกงขากว้างสีดำและรองเท้าบูทมาร์ติน ร่างสูงใหญ่ กำยำยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แสงแดดส่องลงที่ไหล่ ทั้งตัวมีออร่าเปล่งประกาย
นี่คือ……พี่ชาย?
ดวงตาของมู่เวยเวยมีน้ำใสใสไหลออกมา เหมือนพี่ชายมากจริงๆ
ขยายรูปให้ใหญ่ขึ้นแล้วใหญ่ขึ้นอีก มู่เวยเวยรู้สึกสงสัยภายในใจ ไหลของพี่ชายเหมือว่าจะกว้างกว่าคนในรูปนี้หน่อยนะ เพราะว่าเขาออกกำลังกายตลอด รูปร่าง
มีแต่กล้ามเนื้อที่แข็งแรงมาก ถึงแม้ว่ามองดูภายนอกจะดูผอม แต่ถ้าถอดเสื้อมีแต่กล้ามเนื้อ แต่ว่าถ้าเทียบกับผู้ชายคนอื่นๆ ไหล่ของเขาจะหนากว่าผู้ชายส่วนใหญ่
แต่ว่าผู้ชายคนนี้……
ไหล่แคบไปหน่อย
หรือจะเป็นตัวปลอม เหมือนกับหมีพูห์นั้นที่เย่ฉ่าวเฉินโยนทิ้งไป
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วครุ่นคิดสักพัก มู่เวยเวยพิมพ์ไปว่า: พี่ชาย? ใช่พี่จริงๆใช่ไหม? กดส่ง
ข้อความส่งกลับมาเร็วมาก
เป็นพี่แน่นอน พี่เป็นห่วงเธอมากนะ รู้มาว่าเธออยู่บ้านตระกูลเย่เลยติดต่อเธอได้
มู่เวยเวยจ้องโทรศัพท์เป็นเวลานานมาก ถ้าอยากรู้ว่าเขาใช่พี่ชายรึป่าว ก็แค่ฟังเสียงเขาก็ฟังออกแล้ว และเธอก็กดโทรออกทันที ไม่คาดคิดเลยว่าปลายสายจะกดวางเร็วขนาดนี้
จากนั้นก็มีข้อความส่งมา
สาวน้อย ตอนนี้พี่ไม่สะดวกรับโทรศัพท์
มู่เวยเวยยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น เขาส่งข้อความได้แต่กลับรับโทรศัพท์ไม่ได้? มันเป็นเรื่องน่าแปลกมาก เพื่อทดสอบเขามู่เวยเวยยังคงส่งข้อความต่อไป
โอเคค่ะพี่ชาย ช่วงที่ผ่านมาพี่ไปไหนมา? ทำไมถึงหายตัวไป? ฉันเป็นห่วงพี่มาก
ฉันไปหลบซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศมาพักหนึ่ง วางใจได้ ตอนนี้พี่สบายดี
พอมู่เวยเวยเห็นคำว่า ” หลบซ่อน ” ก็หัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว คนอย่างพี่ชายที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน จะใช้คำนี้ได้ยังไง? ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วมู่เทียนเย่คนนี้คือตัวปลอม
แต่ว่าเธอเองก็อยากรู้มาก ใครกันที่ปลอมตัวเป็นพี่ชาย ยังไงก็ตามน้ำไปละกัน รอดูว่เขาจะกล้าออกมาเจอเธอรึป่าว
พี่ชาย ฉันคิดถึงพี่มาก ฉันขอเจอพี่ได้ไหม?
หลังจากส่งข้อความไปแล้ว ผ่านไปหลายนาทีมากกว่าฝ่ายตรงข้ามจะส่งกลับมา
โอเค พี่ก็อยากเจอเธอเหมือนกัน แต่ว่าพี่ไม่ได้อยู่เมือง A อีกสองสามวันถ้าพี่ไปถึงเมือง A แล้วพี่จะติดต่อน้องไปนะ
ได้ค่ะพี่ชาย พี่ระวังตัวด้วยนะคะ
ฉันรู้แล้ว เธออยู่บ้านตระกูลเย่ก็ระวังตัวด้วยนะ เย่ฉ่าวเฉินไม่ใช่คนดีอะไร
มู่เวยเวยหัวเราะชอบใจ : อืออือ บายค่ะพี่ชาย
บาย
นอนอยู่บนเตียง มู่เวยเวยมองไปที่บทสนทนาของพวกเขา ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เปิดไปที่การบันทึกการโทร เบอร์ที่พึ่งจะโทรออกไปเมื่อสักครู่กลับมีคำว่าหมายเลขบริการลูกค้าของผู้ให้บริการเสมือน
แสดงว่า เบอร์โทรศัพท์ของฝ่ายตรงข้ามซื้อจากในเน็ต
เตรียมการมาดีมาก ไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่าซื้อมาจากร้านไหน
……
คืนที่หลับสนิท
วันรุ่งขึ้น ณ ห้องอาหาร
ตั้งแต่เกิดเรื่องหลังงานวันเกิดในคืนนั้น มู่เวยเวยก็ไม่ได้พูดกับเย่ฉ่าวเฉินเลยสักคำ เธอหวังว่าเย่ฉ่าวเฉินจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ทำเหมือนว่าเธอไม่มีตัวตน แต่ว่าเย่ฉ่าวเฉินดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดี ตอนกินข้าวก็เอาแต่เขี่ยไปเขี่ยมา เอาแต่บอกว่าเมนูนี้ใส่เกลือมากไป เมนูนั้นใส่น้ำตาลมากไป ทำให้ฉินหม่าตัวสั่นไปหมด และบ่อยครั้งที่แอบไปเช็ดน้ำตาในครัว
มู่เวยเวยกินข้าวเสร็จ ก็พูดกับเขาเป็นคำแรกในหลายวันที่ผ่านมาว่า ” แผลฉันหายดีแล้ว วันนี้จะไปทำงาน ”
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบไปมองเธอแวบหนึ่ง แผลที่คอเธอมันเห็นชัดเจนมาก แล้วพูดอย่างอารมณ์เสีย ” อย่าลืมใส่ผ้าพันคอด้วยล่ะ ”
มู่เวยเวยวางตะเกียบลงแล้วหัวเราะแห้ง ” ท่านประธานเย่ก็กลัวคนอื่นจะนินมาเหมือนกันหรอ? ”
ถึงยังไงแผลของมู่เวยเวยมันก็อยู่ตรงจดที่พิเศษ จำทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไว้
” ถ้าเธอยังอยากอยู่บริษัทต่อไป ก็อย่ามาท้าทายความอดทนของฉัน เพราะว่าฉันไล่เธอออกได้ตลอดเวลา ”
มู่เวยเวยผลักเก้าอี้ออกแล้วมองไปที่เขา จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า ” โอเค คุณพูดถูกเสมอ ”
……
อากาศหนาวเย็น พันผ้าพันคอก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกอะไร แต่ว่าถ้าตอนอยู่ในห้องทำงานแล้วใส่ตลอดทั้งวัน เพท่อนร่วมงานคนอื่นอาจจะคิดมากได้
ในเวลาพัก ลีน่าเดินบิดเอวตรงมาที่โต๊ะของมู่เวยเวย มองไปที่ผ้าพันคอของเธอถามอย่างยิ้มแย้มว่า ” มู่เวยเวย ผ้าพันคอของเธอซื้อที่ไหน? เป็นรุ่นใหม่ของปีนี้หรอ? ”
มู่เวยเวยส่ายหัว ” ไม่ใช่ ซื้อช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว ”
” แค่ดูก็รู้ว่าของแท้ ” ลีน่าพูดอย่างอิจฉา ” แต่ว่าเธอใส่ทั้งวันแบบนี้ไม่ร้อนหรอ? ”
” ไม่ร้อน! ไม่ร้อนเลยสักนิด เมื่อวานก่อนฉันไม่ค่อยสบายไงเลยรู้สึกหนาวๆ ” มู่เวยเวยหาข้ออ้างพูดขึ้นมั่วๆ
ลีน่าหัวเราะด้วยท่าทีที่รู้ใจ ” ฉันคิดว่าต้องมีบางอย่างอยู่ใต้ผ้าพันคอแน่เลย ”
มู่เวยเวยกระพริบตา เธอจับไปที่ผ้าพันคอแล้วพูดว่า ” จะมีอะไรได้ไงล่ะ เธอคิดมากไปแล้ว ”
” ฮ่าฮ่า คุณกังวลอะไร? ก็แค่โดนท่านประธานเย่……ไม่ใช่หรอ ไม่เห็นต้องปกปิดเลย ทุกคนก็ล้วนแต่เคยผ่านมาแล้วเข้าใจดี ” พอลีน่าพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า ดังก้องไปทั่ว
มู่เวยเวยอึดอัดมาก แต่ก็ไม่สามารถปฎิเสธได้ ได้แต่จำใจให้พวกเธอเข้าใจผิดไปแบบนั้น
แต่ว่า ถ้าหากพวกเขารู้ว่านี่คือรอยแผลเป็น พวกเขาจะมีท่าทียังไงกันนะ
” ลีน่า! “มู่เวยเวยแกล้งๆตะคอก
ลีน่ารีบพูดขึ้นว่า ” โอเคๆ ดูเธอหน้าแดงไปหมด อ่อนหัดจริงๆเลย ไปแล้วนะ! ”
มู่เวยเวยรู้สึกโล่งอกไปที
ในเวลาพักกลางวัน มู่เวยเวย เสี่ยงจางและลีน่าออกไปกินข้าวด้วยกัน เธอรู้สึกว่าเหมือนมีคนเดินตามตลอดเวลาแต่พอหันไปมองก็ไม่เห็นใคร
” เวยเวย เธอหันไปมองอะไรบ่อยๆ? ” เสี่ยวจางถาม
มู่เวยเวยส่ายหัว ” ไม่มีอะไร คงเป็นเพราะสองสามวันนี้ไม่ค่อยสบายเลยคิดมากไปเอง ”
ลีน่าจับแขนเธอแล้วพูดว่า ” เวยเวย ฉันบอกเธอเรื่องหนึ่ง เธอต้องระวังไว้นะ ”
” เรื่องอะไร? ”
” ก็เมื่อครั้งก่อนที่ท่าประธานเย่เชิญทุกคนกินข้าว เธอดื่มคนเหมาท่าประธานเลยส่งเธอกลับบ้าน เฉียวซินโยวพูดกลางวงเหล้ามาประโยคหนึ่ง
มู่เวยเวยเริ่มสนใจ ” พูดว่าอะไร? ”
” เธอบอกว่า เธอจะแย่งท่าประธานเย่ไปให้ได้ และหลายวันมานี้ที่เธอไม่อยู่ ฉันเห็นเธอออกไปอยู่บ่อยๆ ไม่รู้ว่าไปที่ห้องทำงานท่านประธานเย่รึป่าว ”
เสี่ยวจางพูดต่ออีกว่า ” ใช่ ผู้หญิงคนนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่ามีแผน เวยเวยเธอเป็นคนดีมากไปยังจะนับเพื่อนกับคนแบบนี้อีก ผู้ชายดีดีอย่างท่าประธานเย่เธอต้องจับให้อยู่หมัดนะ ไม่งั้นเธอต้องร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ ”
มู่เวยเวยฝืนยิ้ม ในใจก็คิดว่าขอให้เฉียวซินโยวรีบแย่งเย่ฉ่าวเฉินไปสักที เธอไม่อยากจับเขาให้อยู่หมัดเลยสักนิด
” อือ ขอบคุณพวกเธอนะ ฉันจะระวังให้มากๆ ” มู่เวยเวยพูดอย่างเกรงใจ
เสี่ยวจางกับลีน่ามองหน้ากัน จุดประสงค์ในการกินข้าวมื้อนี้สำเร็จแล้ว เธอทั้งสองแค่อยากกระชับความสัมพันธ์กับมู่เวยเวย
มู่เวยเวยมีความสามารถ อีกทั้งยังมีเย่ฉ่าวเฉินเป็นที่พึ่ง ตำแหน่งต่างๆก็เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เป็นมิตรกับเธอไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร
…….
เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป
จางเห่อรายงานการเดินทางตลอดทั้งวันของมู่เวยเวย ตอนกลางวันออกไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงาน ซื้อเสื้อผ้าจากห้างแถวนั้น หลังเลิกงานแวะซื้อเค้ก นอกจากนี้ก็ไม่ได้ไปเจอใครอีก
” ติดตามต่อไป ”
” ครับ คุณชาย ”
ในตอนนี้เอง มีเสียงคนเคาะประตู
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว เวลานี้ทุกคนต่างเลิกงานกันหมดแล้ว ยังมีใครอยู่อีก?
ส่งสัญญาณให้จางเห่อไปเปิดประตู เฉียวซินโยวยืนอยู่ข้างนอกในมือเธออาหารกล่องจากโรงแรม
” ฉ่าวเฉิน……ท่าประธานเย่อยู่รึป่าว? ” เฉียวซินโยวถาม
จางเห่อหันไปมองเย่ฉ่าวเฉิน เขาพยักหน้า จางเห่อจึงหลีกทางให้เฉียวซินโยวเดินเข้ามา
” เธอมาทำอะไร? ” น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินนิ่งมาก ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ความสนใจที่เธอมีต่อผู้หญิงคนนี้มันได้หายไปหมดแล้ว ก็มีแค่เรื่องคืนนั้นที่ยังค้ำจุนความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่
เฉียวซินโยวยกอาหารที่อยู่ในมือขึ้นแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า ” ฉันเห็นว่าไฟห้องทำงานคุณยังสว่างอยู่ คิดว่าคุณคงยังไม่ได้กินข้าว เลยไปซื้ออาหารที่คุณชอบจากโรงแรมมาให้”
” อือ ขอบคุณมากนะ วางไว้บนโต๊ะเถอะ ” เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่ตรงหน้าต่าง โดยข้างหลังเขาเป็นบรรยากาศค่ำคืนที่มืดมน แต่เขาเป็นเหมือนเสือที่อยู่ท่ามกลางความมืด เงียบสงบจนน่ากลัว ”
เฉียวซินโยวไม่พอใจ ” ฉ่าวเฉิน อาหารพวกนี้ต้องกินตอนร้อนๆ ถ้าเย็นจะไม่ดีต่อกระเพาะของคุณ ”
” รู้แล้ว ฉันยังมีเรื่องงานที่ต้องจัดการ เธอออกไปก่อน ”
ท่าทีของเย่ฉ่าวเฉินไม่เปลี่ยนไปเลย แค่ตอบเขายังมีทีท่าว่าไม่อยากตอบ
เฉียวซินโยวมองเขาอยู่นาน แล้วพูดขึ้นว่า ” โอเค ” จากนั้นก็วางอาหารไว้บนโต๊ะแล้วหันหลังเดินออกไป
เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้เยือกเย็นไร้ความรู้สึก แต่เธอไม่คิดเลยว่าเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองเธอหน่อยเขาก็ไม่เต็มใจทำ ความอ่อนโยนของเมื่อก่อนราวกับว่ามันไม่เคยเกินขึ้นเลย
สำนักงานใหญ่เงียบลงอีกครั้ง จางเห่อรู้สึกว่าตัวเองควรออกไปได้แล้ว ” คุณชาย ท่าทานอาหารไปก่อน ผมไปก่อนนะครับ ”
” เดี๋ยว ” เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่บรรยากาศของเมือง A หันหลังให้กับเขาพร้อมกับพูดว่า ” เอาอาหารพวกนั้นไปด้วย ”
จางเห่อมองหน้าเจ้านาย แล้วค่อยๆเดินไปเอาอาหารที่เฉียวซินโยวพึ่งวางลงแล้วเดินออกไป
ถ้าดูแล้วคุณชายน่าจะไม่สนใจอะไรในตัวเฉียวซินโยวแล้ว อาหารที่เขาเอามาให้ยังไม่กินเลย ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ แต่ว่าคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว เขาเป็นคนที่แต่งงานแล้ว การกระทำแบบนี้ถูกต้องที่สุดแล้ว
บรรยากาศข้างนอกยิ่งมืดเท่าไหร่ แสงสว่างก็ส่องจ้ามากขึ้นเท่านั้น
มีดวงดาวอยู่มากมาย เย่ฉ่าวเฉินกำลังคิดว่า จะมีดาวที่คู่ควรกับมู่เทียนเย่อยู่ในนี้ใช่มั้ย
เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ครั้งนี้เขาจะปรากฏตัวหรือไม่?
……
พอกลับไปถึงคฤหาสน์ ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว คุฯอาหวังมารอรับเขาอยู่หน้าประตู ” คุณชาย ท่านหิวไหมครับ ผมให้ฉินหม่าเก็บอาหารไว้ให้ท่านแล้ว ”
” ไม่ต้อง ฉันกินมาแล้ว ” เย่ฉ่าวเฉินยื่นเสื้อโค้ชให้เขา ขึ้นไปที่ชั้นสอง เดินไปหยุดที่หน้าห้องตัวเอง จากนั้นก็เดินไปห้องข้างๆและเปิดประตูออก
ข้างในมืดมากมีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างอ่อนๆผ่านเข้ามา
นั่งลงบนโซฟา เย่ฉ่าวเฉินจุดบุหรี่แล้วมองไปที่หญิงสาวที่กำลังหลับอยู่ ใจก็ค่อยๆนิ่งสงบ
เขาต้องเกลียดผู้หญิงที่ไม่ภักดีคนนี้ไม่ใช่หรอ?
แต่ว่าทำไม่เขาถึงโกรธเวลาที่เธอทำหน้าเคร่งขรึมและเมินใส่เขา?
เห็นเธอยิ้มให้กับคนอื่น ก็ยิ่งรู้สึกโกรธขึ้นไปอีก?
ควันบุหรี่ฟุ้งไปทั่วห้อง มู่เวยเวยได้กลิ่นจึงไปออกมา แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นว่ามีคนนั่งอยู่บนโซฟา เธอสะดุ้งตกใจ ตื่นจากฝันแล้วถอยหลังไปที่ขอบเตียง น้ำเสียงเปลี่ยนไป
” คุณเป็นใคร? ”
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้พูดอะไร แต่ไปจากบุหรี่เขาค่อนข้างสว่าง มู่เวยเวยจึงเห็นหน้าเขา เธอถอนหายใจแล้วพูดว่า ” เย่ฉ่าวเฉิน ดึกขนาดนี้ทำตัวลับๆล่อๆเหมือนผีสนุกมากรึไง? ”
เย่ฉ่าวเฉินดับไฟบุหรี่ แล้วไม่ได้พูดอะไร ก็เริ่มถอดเสื้อผ้า เข็มขัด กางเกง……
” คุณ……เย่ฉ่าวเฉิน คุณ……” มู่เวยเวยโกรธจนอยากจะกัดเขา ผู้ชายคนนี้ไร้ยางอายจริงๆ! ไม่ได้ทำเพียงไม่กี่วัน แผลของเธอก็พึ่งจะดีขึ้น เขาก็เริ่มทรมานเธออีกแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินขึ้นเตียงแล้วกอดเอวเธอให้มาอยู่ในอ้อมแขนเขา กระซิบบอกว่า ” นอน! ”
นอนบ้าอะไรล่ะ คุณกอดฉันไว้แบบนี้นอนหลับก็แปลกแล้ว!
” เย่ฉ่าวเฉิน คุณปล่อยฉัน คุณทำแบบนี้ฉันไม่สบายตัว ” มู่เวยเวยสะบัดแขนของเขาออก
” เธอไม่สบายตัว แต่ฉันสบาย ”
มู่เวยเวยมองบน เธอรู้อยู่แล้ว ว่าผู้ชายคนนี้เป็นปีศาจ
” เย่ฉ่าวเฉิน นี่คุณจะทำอะไรกันแน่เนี่ย? ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้ว่าพี่ชายฉันอยู่ไหน ถึงแม้ว่าคุณจะกดดันฉันแบบนี้ฉันก็ไม่รู้อยู่ดี ”
เดิมทีเขาแค่อยากจะนอนเฉยๆ แต่ว่าเธอนอนดิ้นไปทางซ้ายทีทางขวาที ทำให้เขามีอารมณ์ขึ้นมาทันที เขาพลิกตัวกดทับร่างของเธอเอาไว้ ” เรื่องของมู่เทียนเย่ช่างมันเถอะ วันนี้ฉันขอจัดการเธอก่อน ”
” คุณ……อู้ว……เย่ฉ่าวเฉิน คุณทำไมเป็นคนที่ไม่มีหลักการอะไรเลย? ”
“หลักการอะไร? ” เย่ฉ่าวเฉินพูดเสียงแหบผ่านผ้าฝ้ายนุ่มๆ หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ
” ก็แบบว่า……คุณเกลียดฉันขนาดนี้……ทำไมถึงทำกับฉัน……คุณทำมันลง…..”
” เพราะว่า เธอก็เป็นเครื่องมือที่ฉันระบายอารมณ์เท่านั้น ”
ใช่ เป็นแบบนี้แหละ นอกจากเหตุนี้ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลย เพื่อยืนยันความคิดนี้ เย่ฉ่าวเฉินทำรุนแรงมากขึ้น……
” อือ…..เย่ฉ่าวเฉินคุณอย่ามากัดคอฉัน……คุณมันสัตว์ร้าย! ”
ไม่ได้แตะเธอมาหลายวัน เย่ฉ่าวเฉินตื่นเต้นทั้งคืน เอาไปครั้งหนึ่งก็เอาอีกครั้ง มู่เวยเวยทนไม่ได้ต่อความรุนแรงของเขา โดดลงจากเตียงกำลังจะตรงไปที่ห้องน้ำแล้วล็อกประตูไว้แต่กลับถูกเขาคว้าเอวไว้แล้วโยนเธอลงบนเตียง……
ในท้ายที่สุด มู่เวยเวยเหนื่อยมาไม่มีแม้แต่แรงที่จะยกนิ้ว เธอจึงต้องปล่อยตามใจเขา
……
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เย่ฉ่าวเหยียนรอที่ห้องรับแขกนานมาก มองนาฬิกากำลังจะแปดโยงแล้ว แต่เย่ฉ่าวเฉินยังไม่ลงมาอีก จึงพูดกับพ่อบ้านหวังว่า ” คุณอาหวัง ช่วยไปตามพี่ชายฉันมาหน่อย รอเขาลงมากินข้างอยู่ ”
พ่อบ้านหวังยิ้มเจื่อน ” คือว่า…..คุณชายรอง เมื่อวานคุณชายกลับมาตอนกลางคืนแล้วเข้าไปที่ห้องคุณผู้หญิง…..”
” โอ้…..”
สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินกลับมาเป็นปกติ มองไปที่เฉียวซินโยวที่มีท่าทีตกใจ เขาก็ยิ้มออกทันที
เหมือนกับว่า จะมีเรื่องเด็ดๆเกิดขึ้นในไม่ช้า
ในบ่ายวันนั้น มู่เวยเวยทำงานอยู่ที่บริษัทก็มีเสียง ” ติ้งตึง ” ดังขึ้นจากโทรศัพท์ พอหยิบขึ้นมาดู ก็เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักนั่น
มู่เวยเวยมองไปรอบๆด้วยความกังวล พอแน่ใจว่าไม่มีคนสนใจ ก็เปิดข้อความดู
สาวน้อย พี่อยู่เมือง A แล้ว
มู่เวยเวยหัวใจเต้นเร็ว แล้วรีบพิมพ์ตอบไปว่า: พี่ชาย พวกเราจะเจอกันเมื่อไหร่ ที่ไหน?
คืนนี้หนึ่งทุ่มที่คาเฟ่ซ่างเต่า
อือ ฉันจะไปตรงเวลา พี่ชายต้องรอฉันนะ
โอเค ระวังตัวด้วย
หลังจากนั้นมู่เวยเวยก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำงาน เอาแต่คิดว่าถ้าเจอหน้ากันแล้ว เป็นพี่ชายจริงๆ เธอต้องดีใจมากแน่ๆ แต่ว่าถ้าไม่ใช่พี่ชายล่ะ เธอจะรับมือยังไงดี?
เพื่อความปลอดภัย มู่เวยเวยเปิดลิ้นชักออกแล้วหยิบกรรไกรใส่กระเป๋าไว้
เวลาได้ล่วงเลยไปอย่างช้าๆ ในที่สุดก็ห้าโมงเย็นแล้ว มู่เวยเวยหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากบริษัท ไม่ได้สังเกตเห็นคนข้างๆอย่างเฉียวซินโยวที่หน้าตายิ้มแย้ม
มู่เวยเวยพึ่งจะขึ้นรถแท็กซี่ ก็มีรถสีดำขับตามหลังมา หลังรถคันสีดำ ก็มีรถคันสีเงินตามมาข้างหลังด้วย
” คุณชาย ตอนนี้ผมตามคุณผู้หญิงไปอยู่ เหมือนกับว่าเธอจะไปพบใครสักคน เธอกำลังนั่งแท็กซี่มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกของเมือง “จางเห่อรายงานตำแหน่งของมู่เวยเวยผ่านมือถือ
” โอเค จับตาดูให้ดี ”
” รับทราบครับ คุณชาย ”
เป็นช่วงเวลาที่รถติด บริษัทเย่ฮวางก็พึ่งจะเลิกงาน รถแท็กซี่ขับไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหยุดรถติดสะแล้ว
” พี่คนขับค่ะ รถจะติดนานเท่าไหร่คะ? ” มู่เวยเวยถามขึ้นอย่างรีบร้อน ผ่านไปยี่สิบนาทีแล้ว รถยังไม่ขยับสักนิดเลย
คนขับรถชินแล้วกับสถานการณ์แบบนี้ พูดออกมาอย่างเฉื่อยชาว่า ” ข้างหน้าซ่อมถนน อันนี้น่าจะต้องรออีกประมาณยี่สิบนาที ”
” นานมากเลย แต่ว่าฉันมีเรื่องด่วน ”
” ถึงจะรีบขนาดไหน แต่ถนนไปไม่ได้ฉันก็ไม่มีวิธี? ” คนขับเห็นท่าทีของเธอที่ดูรีบร้อนจริงๆ และไม่อยากให้เธอลำบากใจ จึงพูดว่า ” ถ้าเธอรอไม่ไหวจริงๆ เธอลงรถตรงนี้ แล้วเดินตรงไปข้างหน้าจะมีรถไฟฟ้าใต้ดิน เธอนั่งรถไปไฟฟ้าใต้ดินไปน่าจะเร็วกว่า ”
พอมู่เวยเวยฟังแบบนี้ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที รีบหยิบเงินออกจากกระเป๋าแล้วให้เกินไปยี่สิบ ” พี่ชาย ขอโทษจริงๆนะ ทำให้คุณต้องมารถติด ถ้าอย่างนั้นฉันขอลงตรงนี้นะ ”
คนขับรับเงินมาแล้วไม่ได้พูดอะไรขากนั้นปลดล็อกประตู
มู่เวยเวยรีบตรงไปที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดมามีคนตามมา
มาถึงคาเฟ่ซ่างเต่าตอนหกโมงครึ่ง มู่เวยเวยหาตำแหน่งที่ติดกับหน้าต่างแล้วนั่งลง ตรงนี้ไม่เพียงแต่เห็นเหตุการณ์ข้างนอก อีกทั้งยังเห็นคนที่เดินเข้ามาอย่างชัดเจน
พนักงานยกเครื่องดื่มที่เธอสั่งมาเสริฟ์ที่โต๊ะ มู่เวยเวยคิดถึงครั้งนั้นที่เฉียวซินโยวปลอมตัวมา ตอนนั้นเธอก็นั่งรออยู่ที่คาเฟ่แบบนี้
เวลาใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว หัวใจของมู่เวยเวยเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เธอจ้องไปที่ทางเข้าคาเฟ่โดยไม่กระพริบตา กลัวว่าจะละสายตาคนๆนึงไป
เวลาหนึ่งทุ่มตรง เสียงกระดิ่งของร้านดังขึ้น มู่เวยเวยใจเต้นแรงมาก และมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาแต่ว่า…..ไม่ใช่พี่ชาย ไม่เหมือนเลยสักนิด ผู้ชายคนนี้สวมแว่นอยู่ มู่เวยเวยมองเขา เขานั่งลงที่โต๊ะหนึ่งแล้วยิ้มกับเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ไม่ใช่พี่ชาย
มู่เวยเวยผิดหวังเล็กน้อย หรือว่ารถติด?
ผ่านไปสองสามนาที ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้งเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวมีสไตล์มากเดินเข้ามา……
เมื่อเวลาผ่านไป มู่เวยเวยรู้สึกยิ่งผิดหวังมากขึ้น ในตอนนี้ เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนทีเข้ามาจะเป็นพี่ชายเธอจริงๆ
เวลานัดได้ล่วงเลยมาแล้วครึ่งชั่วโมง มู่เวยเวยลังเลว่าควรจะส่งข้อความไปถามสักหน่อยไหม พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก็มีข้อความเข้าพอดี
สาวน้อย พี่ไปไม่ได้แล้ว พี่สังเกตเห็นว่ามีคนของเย่ฉ่าวเฉินที่รอบตัวน้อง พี่ปรากฏตัวไม่ได้
พอมู่เวยเวยได้เห็นประโยคนี้ ก็รีบเงยหน้ามองไปข้างนอก ข้างนอกมีคนพลุกพล่าน จราจรก็ติดขัด เธอนั่งตรงนี้มาครึ่งชั่วโมงก็ไม่ได้เห็นคนแปลกหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยนิสัยที่เด็ดขาดของพี่ชายแล้ว รู้ว่าเธอกำลังรอเขาอยู่จะเป็นเพราะกลังคนของเย่ฉ่าวเฉินแล้วไม่มาเจอเธอได้ยังไง เขากลัวแค่ว่าจะทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย
หลังจากคิดไตร่ตรองดีแล้ว มู่เวยเวยส่งข้อความให้ฝ่ายตรงข้ามว่า: พี่ชาย ฉันเพียงแค่อยากเจอหน้าพี่ ถ้าพี่ไม่สะดวกมาที่คาเฟ่ พี่ช่วงเดินผ่านธนาคารที่อยู่ตรงข้ามหน่อยได้ไหม ถ้าแบบนี้ฉันก็ได้เห็นหน้าพี่แล้ว
ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามตอบกลับมาเร็วมาก: ไม่ได้ ฉันเห็นคนของเย่ฉ่าวเฉินสองสามคนเดินอยู่รอบๆร้านกาแฟ พี่กับเย่ฉ่าวเฉินมีเรื่องบาดหมางกันอยู่ แค่พี่ปรากฏตัวพวกเขาต้องจับตัวพี่ไปแน่ๆ ขอโทษด้วยนะน้องสาว ครั้งนี้พี่ไปเจอเธอไม่ได้จริงๆ น้องกลับไปก่อนเถอะ ไว้ครั้งหน้ามีสถานที่ที่ดีกว่านี้แล้วพี่จะติดต่อไป
มู่เวยเวยวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ที่มันอะไรกัน นี่มันไม่ใช่นิสัยของพี่ชายเลย
แต่ก็ไม่อยากละทิ้งความพยายาม มู่เวยเวยกดโทรออก แต่กลับมีเสียงพูดกลับมาว่า ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่าเรียกไม่สามารถให้บริการได้ในขณะนี้……
เหอะเหอะ ไวดีนี่
ถอนหายใจเบาๆ มู่เวยเวยเอนตัวลงบนโซฟาและมองออกไปข้างนอกที่เต็มไปด้วยแสงสี ดื่มกาแฟจนหมด ก็ลุกขึ้นกลับตระกูลเย่
คนยังอยู่บนถนน ที่ข่าวได้แจ้งไปยังเย่ฉ่าวเฉินแล้ว
” มู่เทียนเย่ไม่ได้ปรากฏตัวตัว คุณผู้หญิงดื่มกาแฟไปแก้วหนึ่งแล้วเดินออกไปเลย ดูแล้วเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย ” จางเห่อกล่าว
” รู้แล้ว ”
คนอีกกลุ่มหนึ่งก็ส่งข่าวให้กับเย่ฉ่าวเหยียน
ในตอนนั้น เย่ฉ่าวเฉินกำลังเดินเล่นในสวนอยู่ พูดเพียงแค่ ” อือ ” จากนั้นก็วางสายไป เฉียวซินโยวโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้มายืนอยู่ข้างเขา
” คุณชายเหยียน ตอนนี้พอจะมีอารมณ์คุยกันหน่อยไหม? ” น้ำเสัยงของเฉียวซินโยวดูสูงส่งและพูดอย่างภาคภูมิใจ
เย่ฉ่าวเหยียนขมวดคิ้วแล้วยิ้ม ” ได้สิ ถึงยังไงเดินเล่นคนเดียวก็เบื่อๆ ”
” ถ้าอย่างงั้น ฉ่าวเฉียน ตอนนี้มีอารมณ์จะมาทำข้อตกลงกับฉันไหม? ” เฉียวซินโยวถามขึ้น
คุณชายเหยียนไม่ตกหลุมพลางเธอ และพูดไปตามตรงว่า ” ถึงแม้ว่ามู่เวยเวยจะรู้การเคลื่อนไหวของมู่เทียนเย่ ถึงจากความสัมพันธ์ของเธอกับมู่เวยเวย เธอจะได้รับข่าวสารมาจากจากมู่เวยเวยได้ยังไง? ”
” เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่งหรอก ฉันมีวิธีของฉัน ” เฉียวซินโยวพูดอย่างพอใจ
เย่ฉ่าวเฉินเงียบไม่ได้พูดอะไร เขาสงสัยในตัวมู่เทียนเย่มากขึ้น
เฉียวซินกำลังอยากจะทำข้อตกลงกับเธอ มู่เทียนเย่ก็ปรากฏตัว จากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันบังเอิญเกินไป เขาจึงยิ่งสงสัย
” ถ้าหากว่าเธอรู้การเคลื่อนไหวของมู่เทียนเย่แล้วทำให้ฉันเห็นเขากับตาได้ ฉันก็จะยอมให้เธอเป็นพี่สะใภ้คนใหม่ของฉัน ” เย่ฉ่าวเหยียนพูดขึ้นอย่างจริงจัง
” ฉ่าวเหยียน คุณยังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็อยากเจอมู่เทียนเย่ ถ้าคุณเปลี่ยนใจฉันจะทำยังไง? ” เฉียวซินโยวไม่ได้โง่
เย่ฉ่าวเฉินยักไหล่และพูดว่า ” ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ถ้าเธอไม่เชื่อ ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง เธอก็คงต้องหาคนทำข้อตกลงนี้ใหม่ ”
เฉียวซินโยวกัดฟัน ไอ้สุนักจิ้งจอก เจ้าเล่ห์จริงๆ อยากได้หมาป่าด้วยมือเปล่า แต่ว่าในตอนนี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงเชื่อใจเขา
” โอเค หวังว่าคุณจะจำคำที่คุณพูดวันนี้ได้ ”
” ไม่ผิดสัญญาแน่นอน ” เย่ฉ่าวเหยียนพูดอย่างยิ้มแย้ม