วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 138 คำพูดของเสี่ยวจื่อ

หลังจากที่เฉียวซินโยวกลับไป เงาของใครสักคนกำลังเดินก้มหน้าลงมา ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรง เย่ฉ่าวเหยียนยืน

มองเธออยู่ ก่อนจะเดินเข้าไป

“คุณกลับมาแล้ว”เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้ม

มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมอง เย่ฉ่าวเหยียนยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ เรือนร่างราวกับเทพบุตรมาจุติ

“ฉ่าวเหยียน” มู่เวยเวยทักทายเขา

“วันนี้ทำไมกลับมาดึก? งานยุ่งเหรอ?” เย่ฉ่าวเหยียนถามออกไปอย่างนั้นมู่เวยเวยพยักหน้าตอบรับ “มีนัดไปดื่มกาแฟ สรุปถูกปล่อยให้รอเก้อ”

เย่ฉ่าวเหยียนรู้ว่าคนนั้นคือใคร เพียงแค่คาดไม่ถึงว่าเธอจะพูดออกมา

“คนสำคัญ?ดูเหมือนคุณจะไม่มีความสุข”

มู่เวยเวยฝืนยิ้มออกมา ตอบกลับแบบคลุมเครือ “ก็ดีนะคะ สำคัญไหมก็สำคัญ ถ้าไม่สำคัญก็เหมือนกับเป็นคนแปลกหน้า”

เย่ฉ่าวเหยียนทำไม่รู้ไม่ชี้ “อ๋อ” ไม่เซ้าซี้เรื่องนี้อีก “ผมดูท่าทางคุณเหนื่อยมาก รีบไปพักผ่อนเถอะครับ”

“อืม” มู่เวยเวยเดินเข้าไปในคฤหาสน์สองสามก้าวก็ต้องหยุด หันกลับมาพูด “ฉ่าวเหยียน

เรื่องครั้งที่แล้ว ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณสักที”

“เกรงใจอะไรกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคุณช่วยผม ผมช่วยคุณ ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว”

เย่ฉ่าวเหยียนเดินเล่นต่อ คำพูดจบลงใต้ความมืดนั้น

จากที่เธออึดอัดใจมานานรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา ควรหรือไม่ควร….ที่จะคุยเรื่องนั้นกับเขา? หรือว่าเขาจะไม่เหมือนเดิมไม่ได้ รออีกสักพักก่อน รอให้ฝั่งตรงข้ามรั่วไหลมามากกว่านี้ รอให้มั่นใจกว่านี้ ค่อยพูดกับเขา

……

การเซ็นสัญญาระหว่างเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปกับนิตยสารแฟชั่นอยู่ในขั้นตอน

ดำเนินงาน มู่เวยเวยได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับหัวข้อนี้ ทางนิตยสารนัดถ่ายภาพในวันนี้ตอนบ่าย ถือโอกาสนี้สัมภาษณ์เลย

สาวน้อยยิ้มตาหยีพูดว่า “คุณมู่ คุณไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ พวกเรามาสัมภาษณ์ ไม่ใช่สถานที่ละครหรือว่าสถานีวิทยุ” การตอบคำถามไม่ได้เคร่งเครียดขนาดนั้นค่ะ ถ้าเกิดว่ามีปัญหาอะไร ตอนบ่ายทางเราจะแจ้งให้ทราบค่ะ

มู่เวยเวยคลายความตื่นเต้นลง แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง ” ถ้าปกติเป็นคำถามอย่างไร ใจฉันมีความกังวล”

สาวน้อยกำลังใช้ความคิด “อืม….ประมาณว่ามีความสนใจการออกแบบตั้งแต่เมื่อไหร่ เคยมีอะไรที่สนใจบ้าง

ความคาดหวังที่อยากให้เป็นจริงมีอะไรบ้าง เป็นสิ่งที่คุณตอบได้แน่นอน ไม่ต้องกังวลค่ะ”

“อ๋อ ….ขอบคุณค่ะ”

ตอนบ่าย เห่อเหม่ยหลิงพามู่เวยเวยไปที่ห้องถ่ายรูปของนิตยาสารแฟชั่น ดูจากหน้าและรูปร่างของเธอ ช่าง

แต่งหน้ากับสไตล์ลิสคุยกันเสร็จก็ลงมือทันที ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงผู้หญิงมีภูมิฐานคนหนึ่งพาผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตา

สดใสงามพริ้งเข้ามายืนอยู่ด้านหน้าแสงไฟ ยืนตรงข้ามช่างถ่ายภาพที่ไม่คุ้นเคย มู่เวยเวยรู้สึกเกร็ง ช่างถ่ายภาพ

ให้หมุนอยู่หลายรอบ แขนและขาของเธอแข็งทื่อเหมือนทุบปูนปลาสเตอร์

“คนสวย เธอไม่เคยถ่ายรูปเหรอ? ทำไมเกร็งอย่างนั้น?” ช่างถ่ายภาพเหมือนเหนื่อยหน่าย

มู่เวยเวยรู้ว่าตัวเองทำได้ไม่ดี รีบพูดขอโทษ “ขอโทษค่ะๆ ฉันไม่เคยถ่ายแบบนี้…”

”หลายคนที่ไม่เคยถ่าย ตอนนี้เธอต้องทำเหมือนตัวเองเป็นนางแบบ เธอก็คิดว่าเธอเป็นนักออกแบบ ตอนนี้ตรง

หน้าเธอมีแบบหนึ่งชิ้น เธออยากออกแบบชุดมาแบบไหน ไม่ต้องสนใจกล้องฉัน”

ได้ฟังคำอธิบายของช่างถ่ายภาพ มู่เวยเวยผ่อนคลายลงมาก เริ่มทำตัวสบายอยู่ในสภาวะที่ดี

“ดี…ถูกต้อง….อย่างนั้นเลย…….ดีมาก…OK เปลี่ยนชุดถัดไป……”

สองสามชั่วโมงต่อจากนั้น รูปภาพทั้งหมดถ่ายเสร็จเรียบร้อย มู่เวยเวยมองผู้หญิงที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ เกิดอาการตาค้าง

นี่….นี่คือตัวเองเหรอ? สวยเกินไปแล้ว

“มู่เวยเวย ถอดเครื่องประดับออกแล้ว พวกเรามาสัมภาษณ์” ผู้หญิงตัวสูงใส่แว่นเดินมาพูด ในมือของเธอถือเครื่องบันทึกเสียงกับโน๊ตบุ๊คอยู่

เป็นคำเดียวกับที่สาวน้อยคนนั้นพูด คำถามที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ชอบการเป็นนักออกแบบตั้งแต่เมื่อไหร่ ? เคยมีเรื่องราวที่รู้สึกว่าประทับใจไหม? สิ่งที่คาดหวังอยากให้เป็นจริงมีอะไรเป็นต้น มู่เวยเวยตั้งใจพูดประสบการณ์

ของตัวเอง แต่หลักแหลมมองข้ามเรื่องครอบครัว

“ฉันเคยเห็นผลงานการออกแบบของคุณ แท้ที่จริงมีแรงบันดาลใจมาก แต่คุณเป็นเพียงนักศึกษา ทำไมถึงมีความปารถนาที่แข็งแกร่ง อยากมีโอกาสที่จะมีชื่อเสียง?”

คำถามของผู้สัมภาษณ์หลักแหลมมาก ทิ่มแทงใจมู่เวยเวยสักพักหนึ่ง เธอนึกถึงภาพนั้นจ้องมองที่สายตาเธอแล้วพูด ” ฉันมีญาติที่หายไปค่ะ ฉันตามหาเขาไม่เจอ ฉันคิดว่าถ้าหากฉันสามารถไปยืนในจุดที่สูงขึ้น เขาอาจจะหาฉันเจอและกลับมาหาฉัน”

ผู้สัมภาษณ์แปลกใจกับการตอบคำถามของเธอ มองเธอสักพักหนึ่ง พูดว่า”ฉันจะนำบทสัมภาษณ์นี้ตีพิมพ์ในนิตยสารค่ะ หวังว่าญาติของคุณจะได้อ่าน”

มู่เวยเวยแสบจมูกเล็กน้อย พูดเสียงเบา “ขอบคุณค่ะ”

เธอตบที่บ่าของมู่เวยเวยเบาๆ พูดว่า “ก่อนที่ฉันจะมาสัมภาษณ์ ฉันหาข้อมูลของคุณมาแล้วค่ะ ฉันนับถือความจริงใจในการตอบคำถามของคุณมากค่ะ หวังว่าครั้งหน้าพวกเราจะได้ร่วมงานกันอีกนะคะ”

“อืม ตกลงค่ะ”

………

พาร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับคฤหาสน์ อาบน้ำเสร็จและนอนบนเตียง หลับตาลงยังไม่ได้ทันได้ฝันถึงอะไร ได้ยิน

เสียง “อา——”ดังขึ้นมา มู่เวยเวยตกใจตัวสั่น รีบลุกขึ้นจากเตียงออกไปดู มีหลายคนรวมถึงเย่ฉ่าวเฉินรีบเดินตามทางเดินเพื่อไปดู ฝั่งนั้นคือห้องนอนของเฉียวซินโยว

ผู้หญิงคนนี้มีลวดลายอะไรอีก?

เหนื่อยที่จะสนใจ ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว มู่เวยเวยกลับหลังหันไปนอนต่อ เธออยากหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ แต่ทว่าไม่เข้าใจ ถ้าหากไปก็เข้าทางของเธอ หลังจากนั้นไม่กี่นาที พ่อบ้านหวังเคาะประตู

“คุณหนู คุณชายเชิญคุณให้ไปพบครับ”

มู่เวยเวยรู้ว่าไม่ใช่เรื่องดี ใครจะไปรู้ว่าเฉียวซินโยวคิดทำอะไรกับเธออีก “คุณบอกเขา ฉันนอนแล้ว”

“อย่างนั้น….คุณหนู คุณชายพูดว่า ถ้าคุณไม่ไป เขาจะมาเชิญคุณด้วยตัวเอง …”พ่อบ้านหวังกล่าวอย่างรีบร้อน

“คุณหนู คุณไปเถอะนะ อย่าแข็งข้อกับคุณชายเลย”

มู่เวยเวยลุกขึ้นด้วยความหงุดหงิด “คุณอาหวัง ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จจะตามไป”

“คุณหนู คุณรีบหน่อยนะครับ คุณชายอารมณ์ไม่ดี”

“รู้แล้วๆ”

มู่เวยเวยเปลี่ยนชุดเป็นกระโปรงอย่างฉับไว เพิ่งจะสระผมไปยังไม่แห้งเท่าไหร่ ด้านหลังคล้ายกับน้ำตก สวมรองเท้าแตะเปิดประตูออกไป คุณอาหวังรอหน้าประตูห้อง “คุณหนู รีบไปเถอะครับ ช้ากว่านี้เกรงว่าคุณชายจะโมโห

ใส่คุณ”

“เชอะ คุณอาหวัง สรุปเกิดอะไรขึ้นคะ!”

“อาก็ไม่แน่ใจ เหมือนว่าคอมพิวเตอร์ของเฉียวซินโยวจะปรากฎสิ่งที่น่ากลัว”สิ่งที่ปรากฎในคอมพิวเตอร์นั้นเกี่ยว

อะไรกับเธอ?

เมื่อเข้ามาในห้องของเฉียวซินโยว เธอนั่งร้องไห้ที่โซฟา เย่ฉ่าวเฉินมองที่คอมพิวเตอร์ ตาแข็งกระด้าง เย่ฉ่าวเหยียนพิงผนังอยู่ มองเห็นเธอเข้ามาไม่พูดอะไรแล้วหัวเราะเธอ

“ตามฉันมามีอะไร ?” มู่เวยเวยถามอย่างเย็นชา

เย่ฉ่าวเฉินหันมาจ้องตาเขม็ง กัดฟันกรอดเรียกเธอ “เธอมานี่”

มู่เวยเวยชั่งใจ เดินเข้าไปหาเขา “ว่าอย่างไร?”

เย่ฉ่าวเฉินจับที่ผมของเธอ สั่งให้มองที่คอมพิวเตอร์ “เธอดูด้วยตัวเธอเอง นี่คือไร?”

เย่ฉ่าวเหยียนเห็นการกระทำของเขา มือเคลื่อนไหวเล็กน้อยค่อยๆกำแน่นอย่างเชื่องช้า ใบหน้าไร้ความรู้สึก

เพราะว่าใกล้เกินไป มู่เวยเวยมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนจมกองเลือด ผู้หญิงคนนี้ผมยาว แขนขาถูกมัดไว้กับเตียง เลือดเริ่มไหลจากข้อมือกับหัวเข่า หน้าขาวซีด ปากเต็มไปด้วยเลือด สายตาอ้างว้างมองไปด้านหน้า

คล้ายกับมองเธออยู่

ที่แปลกคือเป็นหน้าของเฉียวซินโยว

หนังศีรษะมู่เวยเวยออกอาการชา อยากจะอาเจียนออกมา ถามเขา”ก็ไม่ใช่แค่รูปเคลื่อนไหวเหรอ? เกี่ยวอะไรกับฉัน?”

เย่ฉ่าวเฉินดึงผมของเธอ เอาหน้าของเธอออก ใช้เม้าส์ลากคำพูดออกมา “เธอดูเองว่าเกี่ยวข้องกับเธอไหม?”

มู่เวยเวยหลีกเลี่ยงจากการที่เขาจะดึงผม เธอจับผมทั้งหมดรวบไว้ที่มือแล้วเข้าไปอ่าน

เฉียวซินโยว ฉันจะบอกเธอ รีบไสหัวออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลเย่ อย่ามาให้มู่เวยเวยเห็นหน้าอีก และห้ามทำ

เรื่องไม่ดีกับมู่เวยเวยอีก ถ้าไม่อย่างนั้น ผู้หญิงในรูปจะเป็นเธอ ฉันพูดจริงทำจริง

ผู้ส่งคือ มู่เทียนเย่

“ว้าว——” มู่เวยเวยหัวเราะออกมา “เข้าใจอะไรผิดไปไหม พี่ชายของฉันเป็นคนโง่?” จะส่งemailแบบนี้มาให้เธอ

เหรอ?

“มู่เวยเวย! “เย่ฉ่าวเฉินพูดเสียงดังตัดบทเธอ “เธอ….”

ตอนนี้ กลิ่นของมะนาวรสชาติจืดๆลอยเข้ามาที่จมูกเขา ทำให้เขานึกถึงความทรงจำ เย่ฉ่าวเฉินชะงักงันอยู่กับที่

แววตาคู่สีฟ้าจ้องเขม็งใส่เธอ ในใจภาวนาตัดขาด “ไม่ใช่เธอ ไม่ใช่เธอ”

มู่เวยเวยจ้องมองท่าทีของเขา “ฉันทำไมเหรอ?หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไป?” อ้อ ข้างบนเขียนว่ามู่เทียนเย่ก็เป็นหลักฐานว่าเขาส่ง?

เพราะว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ใบหน้าเธอขาวเนียนเหมือนผิวเด็ก คำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้เย่ฉ่าวเฉินละสายตาไม่ได้เลย

มู่เวยเวยเห็นเขาเงียบไป คิดว่าเขากำลังฟังที่เธอพูดอยู่ พูดต่อ “เย่ฉ่าวเฉิน ถ้าคุณคิดว่าข้อความนี้พี่ชายฉันเป็นคนส่ง คุณเอาที่อยู่IPด้านบนนั้นไปตรวจสอบ คุณเรียกฉันมาถามเพื่ออะไร? “ฉันยืนยันคำเดิม ไม่รู้!

“มู่เวยเวย นอกจากมู่เทียนเย่แล้ว ใครจะทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้? ” เย่ฉ่าวเฉินตื่นจากภวังค์ จ้องมองที่เธอ

“เหอะๆ คุณรู้สึกว่าไร้สาระใช่ไหม ถ้าเขามีเวลาขนาดนี้ควรที่จะคิดวิธีมาเจอฉันดีกว่า?”

“มู่เวยเวย เธออย่าดีใจเกินไป ไม่ช้าหรือเร็วฉันจะเอามู่เทียนเย่ออกมาให้ได้ ให้เธอได้เห็นกับตาตัวเองว่าเขาจะตายยังไง!”

“ได้!ถ้าอย่างนั้นคุณตาหาเขาให้เจอ หาเจอแล้วรบกวนช่วยบอกฉันด้วย ฉันไม่ได้เจอเขานานมากแล้ว มีเรื่องอยากจะถามเขา” มู่เวยเวยพูดจบ สะบัดผมก้าวอย่างรวดเร็วออกจากห้องนอนเฉียวซินโยว

เย่ฉ่าวเหยียนก็ไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม ได้เดินตามเธอออกมาจากห้องนั้น

“ยังปวดศีรษะอยู่ไหม? “เขาถาม

มู่เวยเวยนวดคลึงที่ศีรษะ พูดด้วยความโมโห “จะไม่เจ็บได้อย่างไร?เย่ฉ่าวเฉินเหมือนคนบ้า!” เอ่อ….ขอโทษค่ะ ฉันลืมไปว่าไม่ใช่พี่ชายคุณ”

เย่ฉ่าวเหยียนปากกระตุกขึ้นพูด “ไม่เป็นไรครับ ผมก็รู้สึกว่าเขาทำอย่างนั้นกับผู้หญิงไม่ดีเลย”

มู่เวยเวยถอนหายใจ “ฉันชินแล้วค่ะ แต่ว่าเรื่องคืนนี้ความจริง…..ช่างเถอะ” ฉันไปพักผ่อนก่อนนะคะ

“อืม ฝันดี”

……..

ภายในห้องของเฉียวซินโยว เย่ฉ่าวเฉินลบภาพนั้นออกจากคอมพิวเตอร์ เห็นเธอร้องไห้สะอึกสะอื้น อดใจไม่ได้ เดินไปโต๊ะที่อยู่ข้างเธอ หยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้เธอ “หยุดร้องไห้นะ เรื่องนี้ผมจะให้จางเห่อตรวจสอบอีกครั้ง”

เฉียวซินโยวเอียงศีรษะไปหาเขา จับแน่นที่เอวร้องไห้หนักขึ้น “ฉ่าวเฉิน ฉันกลัวมากค่ะ”

“กลัวอะไร?” เย่ฉ่าวเฉินใจอ่อนยวบ ตบที่บ่าเธอเบาๆ “มู่เทียนเย่ยังไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเลย เขาทำอะไรคุณไม่ได้หรอก”

เฉียวซินโยวจับที่เอวเขาแน่นขึ้น พาร่างกายเข้าแนบชิดเขา “ฉ่าวเฉิน คุณอย่าทำเป็นไม่สนใจฉันนะคะ ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนทำเรื่องไม่ดี แต่ช่วงนี้คุณไม่สนใจฉัน ฉันเสียใจจะตายอยู่แล้ว” พอพูดว่าเสียใจน้ำตาของผู้หญิงก็ไหลออกมาไม่กี่นาทีก็เปื้อนที่เสื้อเชิ้ตของเขา

“คุณ…..” จากที่เย่ฉ่าวเฉินใจแข็ง พอเห็นน้ำตาเธอก็เริ่มใจอ่อนอยู่ไม่น้อยและเพิ่มขึ้นจากที่เมื่อกี้เห็นในมิตรไมตรีของเธอ เขาพูดเสียงเย็นชาว่า “ต่อไปคุณก็ระงับอารมณ์”

เฉียวซินโยวพยักหน้าเหมือนรับรู้ “อืมอืม ต่อไปนี้ฉันจะเชื่อฟังคุณ จะไม่ทำเรื่องอย่างนั้นอีก”

เย่ฉ่าวเฉินผละออกจากเธอ “พอแล้ว เลิกร้องไห้ได้แล้ว ผมยังมีเรื่องต้องทำ คุณรีบนอนนะ”

เฉียวซินโยวจับที่ปลายเสื้อเขา ไม่อยากให้เขาไป “ตอนนี้ฉัน….ไม่กล้านอน แค่หลับตาลงก็เห็นภาพนั้น”

“นอนไม่หลับก็ฟังเพลง ผมต้องไปแล้ว” เย่ฉ่าวเฉินดึงมือเธอออกและเดินจากไป

เฉียวซินโยวหันหลังมองตามแผ่นหลังของเขา ใบหน้ายิ้มอย่างผู้ชนะ ไม่คิดเลยว่า วันนี้จะยังได้รับโชค นึกไม่ถึงว่าเย่ฉ่าวเฉินจะกลับมาใส่ใจอีก ถ้าอย่างนั้น เพียงแค่เธอพยายามใกล้ชิดก็สามารถนำหัวใจของเขากลับมาอยู่ในมือเธอได้อีกครั้ง

ฝั่งนี้ มู่เวยเวยนั่งบนเตียงหวนกลับมาคิดเรื่องที่เกิดขึ้น

จะเป็นไปได้อย่างไรที่พี่ชายเขาจะมาก่อกวนเฉียวซินโยว ทั้งหมดนี้ไม่ใช่นิสัยของเขา ถ้าจะหาก็ต้องเป็นเย่ฉ่าวเฉิน เดิมทีคนแบบเฉียวซินโยวพี่ชายเขาไม่สนใจหรอก

คนที่อยู่เบื้องหลัง….

กำลังนึกคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นประตูได้เปิดออก เสียงเดินที่คุ้นหู เป็นเย่ฉ่าวเฉิน

“คุณมาทำอะไร?” ไม่ต้องปลอบคนสวยของคุณเข้านอนเหรอ?

เย่ฉ่าวเฉินเดินไปพร้อมกับถอดเสื้อผ้า ก่อนจะถึงเตียงร่างก็เปลือยแล้ว เมื้อกี้เธอทำให้เขามีอารมณ์เร่าร้อนใน

ความรัก เพราะฉะนั้นอดทนไม่ไหวจนต้องออกมาจากเฉียวซินโยว มาหาเธอเพื่อระบายอารมณ์

“เธอดูฉันเป็นอย่างนี้ แล้วคิดว่าจะทำอะไร?”

“เย่ฉ่าวเฉิน….ไม่กี่นาทีที่ผ่านมาคุณต้องการชีวิตฉัน ถัดมาไม่กี่นาทีจะมาขึ้นเตียงกับฉัน….สมองคุณผิดปกติเหรอ ….อย่ามะแตะต้องเสื้อผ้าฉันนะ…….”

บนเตียง เย่ฉ่าวเฉินเป็นต่อมาตลอด มู่เวยเวยขัดขืนเขาอย่างไรสุดท้ายก็ถูกเขาเขมือบกินทีละนิด หลังจากนั้นก็เหมือนกับการปลอกไข่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รับประทานหมดเกลี้ยง

……..

สองวันถัดมา เฉียวซินโยวก็ถูกคุกคามจากเรื่องน่ากลัวอีก เรื่องนี้ทำให้มู่เวยเวยเชื่อสนิทใจว่าไม่ใช่มู่เทียนเย่ทำมันคือเรื่องโกหก

เรื่องเกิดขึ้นช่วงหัวค่ำ เลิกงานแล้วกลับบ้าน มู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉิน เย่ฉ่าวเหยียน ขณะที่กำลังนั่งรับประทาน

อาหารอยู่ พ่อบ้านหวังวิ่งลุกลี้ลุกลนเข้ามา “คุณชาย เกิดเรื่องแล้ว คุณรีบออกมาดูเถิด”

ทั้งสามคนวางตะเกียบพร้อมกันแล้ววิ่งออกมาดู มองเห็นเฉียวซินโยวที่ชะงักงันอยู่

“ฉ่าวเฉิน——” เสียงเธอสั่นอย่างน่าสงสาร

เย่ฉ่าวเฉินก้าวยาวๆไปที่เธอ ในสายตาเกิดความสงสัยและโมโห “คุณเป็นอะไร?ใครทำร้ายคุณ?”

เฉียวซินโยวแนบชิดเขา ร้องไห้พูด”ฉ่าวเฉิน พวกเขาน่ากลัวมาก”

“คุณอย่าเพิ่งร้องไห้ สรุปเกิดอะไรขึ้น?คุณพูดช้าๆ”

มู่เวยเวยมองผู้หญิงคนนี้ด้วยความเย็นชา ความรู้สึกและไหวพริบทำให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้หาเรื่องให้เธออีกแล้ว

เฉียวซินโยวจุกในลำคอสักพัก ก่อนพูดว่า “หลังจากที่เลิกงาน ฉันไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อเชิ้ตให้คุณ ในระหว่างทางที่กลับมา ถูกผู้ชายหลายคนใช้มีดข่มขู่ไปในที่มืด พวกเขาทำร้ายฉันทั้งยังฉีกเสื้อผ้าที่ฉันซื้อให้คุณ”

” ลักษณะอย่างไร คุณจำได้ไหม?”

เฉียวซินโยวร้องไห้และพยักหน้า “ท้องฟ้ามืดแล้ว ฉันมองไม่ชัด แต่เขาพูดว่า….”

“พูดว่าอย่างไร?”

เฉียวซินโยวมองมาทางมู่เวยเวย ใจเต้นแรง มืดมน ที่แท้ แผนการร้ายได้เริ่มต้นแล้ว

“พวกเขาพูดว่า…ฉันต้องรีบย้ายออกจากคฤหาสน์ตระกูลเย่ อย่ามาก่อกวนมู่เวยเวย ถ้าไม่อย่างนั้นครั้งหน้าจะฆ่าให้ตาย และยังพูด……”

“ยังพูดว่าอย่างไรอีก?” เย่ฉ่าวเฉินโกรธกำหมัดแน่น ราวกับว่าจะฆ่าใคร

“ยังพูด ลูกพี่ของพวกเขาไม่กลัวคุณ รอที่จะให้คุณไปเจอและยังจะไม่มีทางให้คุณรอดไปได้!”

“สารเลว” เย่ฉ่าวเฉินกำหมัดแน่นต่อยไปที่พื้น เฉียวซินโยวตกใจได้แต่หลบ “คุณเจอคนของมู่เทียนเย่ที่ไหน?”

“ที่ป้ายรถเมล์ ทางกลับมาคฤหาสน์”

“จางเห่อ! ” เย่ฉ่าวเฉินร้องคำราม

“คุณชาย”

“ไป!” ตามหาพวกขยะมาให้ฉัน และเจ้านายพวกเขามู่เทียนเย่ ครั้งนี้นำกลับมาให้หมด ฉันจะทำลายพวกเขาแน่!

“ครับ”

เย่ฉ่าวเฉินประคองเฉียวซินโยวเข้าไปด้านใน ผ่านมาที่มู่เวยเวยแล้วหยุด พูดกระทบใส่เธอ”ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามออกจากบ้านตระกูลเย่แม้แต่ครึ่งก้าว มู่เทียนเย่อยากให้เขาไปพบ ดูว่าเขายังจะต้องการน้องสาวคนนี้ไหม”

มู่เวยเวยมองเขานิ่งไม่ได้พูดอะไร สมองเริ่มชัดเจนแล้ว

ก่อนหน้าสถานการณ์แบบนี้เธอโดนมาหลายรอบแล้ว ก่อนหน้าเฉียวซินโยวตกตึก อีกครั้งก็กินยานอนหลับ

ตอนนี้เพื่อจะพูดถึงมู่เทียนเย่ทำแม้กระทั่งหาคนมาทำร้ายตัวเอง เฉียวซินโยว เธอพยายามมากจริงๆ!

ตอนนี้เธอยิ่งมั่นใจ เรื่องของมู่เทียนเย่ต้องเป็นเรื่องโกหก

ถ้าหากพี่ชายเธอกลับมา เขาต้องบุกมาที่คฤหาสน์ตระกูลเย่พาเธอออกไป ไม่ก็ลักลอบมาพาเธอออกจากที่นี่

เขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แล้วให้ถูกจับได้หรอก

ลองคิดดู มู่เทียนเย่กลัวเย่ฉ่าวเฉินถึงเลือกที่จะหลบหน้าหนีไป เขาจะทำเรื่องแจ่มแจ้งชัดเจนกับเฉียวซินโยวได้อย่างไร และยังทิ้งร่องรอยหลักฐานให้เย่ฉ่าวเฉินตามหาเขา ? มันขัดแย้งกันเกินไปนะ

เพราะฉะนั้น ตอนนี้มีแค่ผลลัพธ์เดียว ตั้งแต่ศีรษะถึงรูขุมขนมู่เทียนเย่คนนั้นเป็นตัวปลอม เป็นการวางแผนของเฉียวซินโยว ถ้าเกิดว่าเดาไม่ผิดต้องมีหนานกงเฮ่ารู้เห็นด้วย เฉียวซินโยวเป็นแค่นักศึกษา คิดอะไรรอบคอบขนาดนี้และยังทำเรื่องมากมายขนาดนี้ไม่ได้

เธออยากใช้การปรากฏตัวของพี่ชายเธอทำอะไรกันแน่ ?เพื่อที่จะทำให้เย่ฉ่าวเฉินเกลียดเธอมากขึ้น? เหตุผลนี้ก็ไม่เลวนะ

และยังจะเพิ่มมากขึ้นอีก นั่นก็คือเย่ฉ่าวเหยียนจะได้ออกห่างจากเธอ เพราะเย่ฉ่าวเหยียนกับมู่เทียนเย่มีความ

แค้นต่อกันที่ยังไม่ได้สะสาง

เฉียวซินโยว เธอทำเพื่อที่จะให้ฉันถูกไล่ออกจากคฤหาสน์ตระกูลเย่ สิ้นเปลืองแรงกายแรงใจจริงๆ

หมอหานรีบเดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ ไม่พูดคุยอะไรแล้วรีบเดินตรงมาที่ห้องของมู่เวยเวย พ่อบ้านหวัง

จับที่แขนของเขา “อ้าว หมอหานของผม ครั้งนี้ไม่ใช่คุณหนู แต่เป็นอีกคนครับ”

หมอหานแปลกใจสักพัก “ฮ่าๆ เปลี่ยนคนใหม่แล้วเหรอ?”

“คำนี้ห้ามพูดต่อหน้าเด็กเด็ดขาดนะครับ คุณเคยเจอแล้ว คุณเฉียวซินโยว” พ่อบ้านหวังรีบพาหมอหวางเดิน

ไปห้องของเฉียวซินโยว

หมอหวางตอบ “อ้อ” ไม่ใช่มู่เวยเวยก็ดีแล้ว

เฉียวซินโยวอยู่ในอ้อมกอดของเย่ฉ่าวเฉิน เสียงสะอึกสะอื้น เขาปลอบเฉียวซินโยว ในสมองก็คิดว่าจะทำ

อย่างไรถึงจะจับตัวมู่เทียนเย่ได้

“คุณชาย หมอหานมาถึงแล้ว”

เย่ฉ่าวเฉินผละออกจากเฉียวซินโยว พูดเสียงเยือกเย็น “ให้เขาเข้ามา”

พ่อบ้านหวังทำหน้าที่ผายมือเชิญ หมอหานถือกระเป๋ายาเดินเข้าไป เย่ฉ่าวเฉินลุกจากโซฟาเดินไปอีกทาง

“ช่วยตรวจดูแผลและทำแผลให้เธอหน่อยครับ”

หมอหานมองเฉียวซินโยวแวบหนึ่ง สีหน้าไม่ค่อยดี บอกให้เธอเคลื่อนไหวแขนและขา น่าจะไม่บาดเจ็บถึงเส้นเอ็นกับกระดูก ทำความสะอาดแผลด้านนอกเสร็จ หมอหานลุกขึ้นยืน เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วขึ้น “เสร็จแล้วเหรอ?”

“ยังไม่เสร็จครับ” หมอหานตั้งใจพูดขึ้น

“อย่างนั้นก็ทำต่อสิ”

หมอหานมองเขานิ่ง พูดเสียงเคร่งขรึม “ผมอยากดูว่าร่างกายของเธอบาดเจ็บหรือไม่ จำเป็นต้องถอดเสื้อครับ”

เย่ฉ่าวเฉินชะงักงันสักพัก พูดกับเฉียวซินโยวว่า”ถอดเสื้อออกสิ ให้หมอหานตรวจดูสักหน่อย”

เฉียวซินโยวมีอาการลังเล พูดติดอ่าง”ฉันไม่ได้มีอาการปวด…….ไม่ตรวจได้ไหม….”

“ไม่ได้ครับ” หมอหานรีบปฏิเสธ “ผมต้องการตรวจดูว่าเส้นเอ็นกับกระดูกของคุณมีปัญหาไหม บนร่างกายมีอาการช้ำในไหม การถูกทำร้ายแบบนี้ง่ายต่อการที่ทำอวัยวะภายในบาดเจ็บ”

“ซินโยว ฟังที่หมอแนะนำ” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความห่วงใย

หมอหานกำลังวิเคราะห์ในใจ จำได้ว่าครั้งก่อนมาตรวจให้มู่เวยเวย เขาเพียงแค่แตะร่างกายเย่ฉ่าวเฉินก็ส่งเสียงดังหูแทบจะหนวกแล้ว มีบางจุดที่เย่ฉ่าวเฉินตรวจดูเอง นั่นเป็นความต้องการที่ชัดเจนมาก

พอเป็นคุณเฉียวซินโยวคนนี้ เย่ฉ่าวเฉินให้ความร่วมมือดีมาก ดูเหมือนว่า ในใจของเขาเฉียวซินโยวเทียบไม่ได้ครึ่งหนึ่งของมู่เวยเวยเลย

เพียงแต่เย่ฉ่าวเฉินยังไม่รู้ใจตัวเองเท่านั้น

“ฉ่าวเฉิน…….ฉัน……ฉัน……..”

หมอหานดูออกว่าเธอลังเลใจอะไร จึงโกรธมาก เพราะว่านี่เป็นเพียงการซักถามตามที่เขาเรียนมา

เขาพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “คุณผู้หญิงครับ ผมเคยเห็นร่างกายมาหลายคนมากกว่าที่คุณคิด ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ในสายตาของผมก็เป็นแค่รูปธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรที่แตกต่าง”

พอพูดถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเฉียวซินโยวยังไม่ยอมให้ตรวจอีกคงถูกเย่ฉ่าวเฉินสงสัย กัดฟันใส่ทั้งสองคนเพื่อไปถอดเสื้อผ้า ร่างกายเหลือเพียงชุดชั้นใน

เธอเป็นแค่ผู้หญิง ถึงจะมีมารยาจิตใจร้ายกาจ แต่ก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าผู้ชายถึงสองคน ใบหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบ

หมอหานสีหน้าเรียบเฉย ร่างกายเธอมีรอยแผลไม่มาก นอกจากแผ่นหลังจะมีรอยสองจุดชัดเจนที่อื่นก็ไม่ได้มีจุดบกพร่องแล้ว ถ้าพูดตามหลักปกติแผลของคนที่ถูกทำร้ายมา แผ่นหลังมีรอยแค่เล็กน้อย เหมือนจะแปลกๆอยู่

“รู้สึกไม่สบายท้องไหมครับ?เช่น ปวด แน่น หรือว่ามีความรู้สึกที่อยากจะอาเจียน” หมอหานถาม

เฉียวซินโยวตอบอย่างมั่นใจว่า”ไม่มี”

หมอหานพยักหน้า “โอเค ถ้าอย่างนั้นใส่เสื้อผ้าได้แล้วครับ”

“เธอเป็นอย่างไรบ้าง?” เย่ฉ่าวเฉินถาม

หมอหานที่ก้มหน้าจัดยาอยู่ พูดว่า” คุณผู้หญิงท่านนี้บาดเจ็บภายนอก ดูเหมือนจะน่ากลัว แต่ไม่ได้บาดเจ็บถึงเส้นเอ็นกับกระดูกไม่ได้มีปัญหาอะไรมากครับ”

พูดจบหมอหานได้หยิบยาออกมาสองกระปุก พูดว่า”ยานี้เป็นยาประคบใช้ภายนอก กระจายเลือดสลายคั่ง ทุกวัน วันละหนึ่งครั้งตอนเช้าและตอนเย็น และยานี้คือยารับประทาน หลักสำคัญคือกลัวเกิดการติดเชื้อ ก็รับประทาน

ตอนและตอนเย็นวันละหนึ่งเม็ดเหมือนกัน ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งอาบน้ำ ถ้าเกิดว่าทนไม่ไหวสามารถใช้ผ้าชุบน้ำร้อนเช็ดได้ และอาหารก็เป็นรสจืด ใบหน้าที่ยังบวมอยู่ ใช้ไข่ต้มประคบสักพักครับ”

เย่ฉ่าวเฉินมองเขาที่กำลังเก็บของอยู่ ขมวดคิ้ว”ง่ายๆแค่นี้นะเหรอ?”

หมอหานรู้สึกหงุดหงิด เงยหน้ามองเขา?”แน่นอนครับ ถ้าพวกคุณไม่วางใจ สามารถไปตรวจให้ละเอียดที่โรงพยาบาลได้ “แค่แผลบาดเจ็บภายนอกยังสงสัยในฝีมือการรักษาของเขา? เกินไปแล้ว

“โอเคแล้ว อย่ามองผมด้วยสายตาอย่างนั้น ผมเชื่อในฝีมือการรักษาของคุณ ” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างไม่เต็มใจ มีหมอที่ไหนจะปฏิบัติกับญาติคนไข้เช่นนี้

หมอหานถือกระเป๋ายาเตรียมตัวกลับ เดินไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุด เดิมทีอยากบอกเขาในเรื่องที่สงสัย แต่คิดว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัวเขา ตัวเองก็ไม่ต้องพูดเยอะ

“ยังมีอะไร?” เย่ฉ่าวเฉินมองเขาที่กำลังลังเล ถามขึ้น

“ไม่มีครับ ผมขอตัวก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรโทรหาผมได้เลย”

ภายในห้องเหลือเพียงสองคน เฉียวซินโยวทำให้เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่าทุกข์ระทม น้ำตาไหลพูด”ฉ่าวเฉิน คุณช่วยทายาให้ฉันได้ไหมคะ? ฉันเจ็บมือมาก”

เย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอเป็นผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บ ในใจเกิดความอ่อนไหว หยิบขวดยาที่หมอหานให้ไว้มาพูดว่า “โอเคๆ อย่าร้องไห้เลยนะ ผมจะช่วยคุณทายา”

“อืมๆ ฉันไม่ร้องแล้ว ” เฉียวซินโยวรีบเช็ดน้ำตา และยิ้มออกมาแต่ว่าพอขยับที่มุมปากก็รู้สึกว่าเจ็บ

ถ้ารู้ว่าเจ็บอย่างนี้จะบอกให้คนพวกนั้นลงมือให้เบากว่านี้

เย่ฉ่าวเฉินเอายาไปใส่บริเวณที่เป็นแผลของเธอ หลังจากนั้นใช้มือจับเล็กน้อย สักพักเย็นและอีกสักพักร้อนเวลานี้ เฉียวซินโยวไม่มีกระจิตกระใจนึกถึงรอยแผล สายตาของเธอมองแค่เพียงใบหน้าเย่ฉ่าวเฉิน ผู้ชายคนนี้เวลาที่ตั้งใจจะไม่ให้หลงรักเขาได้อย่างไร เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบ ดวงตาที่มุ่งมั่น และยังมีริมฝีปากที่เม้มเพียงเล็กน้อย ทั้งหมดนี้ในใจของเธอคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายอย่างนี้ต้องเป็นของเธอ มู่เวยเวยผู้หญิงจืดชืดแบบนั้นไม่เหมาะสมกับเขา

หลังจากทำแผลที่แขนเสร็จเรียบร้อย โทรศัพท์มือถือของเย่ฉ่าวเฉินดังขึ้น เขาวางยาลงและหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือ รับสายนั้น

“พูด…….อืม…….ได้…………ฉันเข้าใจแล้ว”

หลังจากรับสายเสร็จ เย่ฉ่าวเฉินพูดกับเฉียวซินโยว “ผมมีธุระต้องไปจัดการ แผลที่บริเวณขาคุณจัดการนะ ถ้าหากว่าจับไม่ถึง ก็เรียกแม่บ้านฉินมาช่วย ”

ถึงแม้เฉียวซินโยวไม่อยากให้เขาไป แต่ก็รู้ว่าเธอรั้งเขาไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงแกล้งพูดว่า ” ฉันเข้าใจแล้วค่ะ คุณไปทำธุระของคุณเถอะ ”

……………

ห้องหนังสือชั้นสาม

ที่เท้าของจางเห่อมีเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ฉีกขาดไม่มีชิ้นดีหล่นอยู่ ป้ายราคายังติดอยู่ “คุณชาย ผมไปตรวจสอบมาแล้ว ที่คุณเฉียวซินโยวพูดเป็นความจริง พวกเราพบชุดนี้ห่างจากคฤหาสน์ไปหนึ่งพันกว่าเมตร ” บนพื้นมีร่องรอยของคนจำนวนมากเหยียบย่ำ ผมตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ถนนเส้นนั้นทุกตัว ช่วงเวลาหกโมงเย็น มีผู้ชายห้าคนอยู่ตรงจุดเกิดเหตุ แต่ตรงจุดที่คุณเฉียวซินโยวถูกทำร้ายห่างออกไป กล้องวงจรปิดส่องไม่ถึง หลังจากนั้นผู้ชายห้าคนก็หายจากบริเวณกล้องวงจรปิด ตอนนี้พวกผมกำลังตามหาพวกเขาทุกหนทุกแห่งครับ”

เย่ฉ่าวเฉินกำหมัดแน่น ใบหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความโกรธแค้น”ห่างจากคฤหาสน์ออกไปหนึ่งพันกว่าเมตรหรอ? มู่เทียนเย่มาเหยียบถึงถิ่นเขา พวกนายยังไม่รู้? ฉันเลี้ยงพวกนายไว้ทำอะไร?”

จางเห่อก้มศีรษะลง “ขอโทษครับคุณชาย ครั้งนี้เป็นความผิดของพวกผมเอง”

“ถ้าหากครั้งนี้ยังจับไม่ได้ พวกนายคงรู้ผลที่จะตามมา”

จางเห่อก้มหน้ารับทราบอย่างเย็นชา “ครับ”

“ไสหัวไป!”

จางเห่อเดินออกมา เช็ดเหงื่อที่หน้าประตู

นอกจากปีนั้นที่คุณชายรองหายตัวไป นานมากแล้วที่คุณชายไม่แสดงอารมณ์รุงแรงอย่างนี้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้คุณชายโกรธมาก แต่ทว่าห้าคนนั้นได้หายไปพร้อมกับความมืดแล้ว เมืองAใหญ่ขนาดนี้จะไปหาที่ไหนถึงจะเจอ?

……..

ตอนกลางคืน มู่เวยเวยยังไม่เข้านอน หนึ่งคือเธอยังไม่ง่วงและสองเธอกลัวเย่ฉ่าวเฉินเข้ามาระบายอารมณ์ อย่างไรเสียเฉียวซินโยวลงมือทำเรื่องเช่นนี้ลากเธอเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เย่ฉ่าวเฉินจะปล่อยเธอไปง่ายๆได้อย่างไร ?

แต่ที่แปลกก็คือ ดึกถึงขนาดนี้แล้ว หน้าประตูยังไม่มีแม้แต่เสียง

หรือว่า วันนี้เย่ฉ่าวเฉินถูกเฉียวซินโยวรั้งไว้ได้แล้ว? อย่างนี้เธอยอมรับในตัวผู้หญิงคนนี้จริงๆ ร่างกายมีแต่บาดแผลก็ไม่เจ็บปวดอีก

พลิกตัวมาเพื่อจะนอน เงาที่อยู่ตรงหน้าต่างก็พุ่งเข้ามา มู่เวยเวยตกใจจนแทบหยุดหายใจ

“เสี่ยวจื่อ!” มู่เวยเวยลุกจากเตียง พูดเสียงต่ำใส่เงามืด “ทำไมคุณเป็นอย่างนี้อีกแล้ว!”

เสี่ยวจื่อลอยมาอยู่ด้านหน้าเธอ ถอนหายใจยาว “เห้อ——”

มู่เวยเวยไม่เคยเห็นเขามีอารมณ์อ่อนแอเช่นนี้ ถามด้วยความห่วงใย “คุณเป็นอะไร?ทำไมถอนหายใจอย่างนั้น?”

เสี่ยวจื่อนั่งข้างเตียงของเธอ พูดด้วยความคับแค้นใจ” ช่วงนี้ฉันเจอเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจ”

มู่เวยเวยนั่งชันขาทั้งสองข้างขึ้น คางอยู่ที่หัวเข่า ยิ้มออกมาเบาๆพูด “เทพเจ้าอย่างพวกคุณยังมีเรื่องให้

หงุดหงิดใจ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว ” เสี่ยวจื่อหันกลับมามองเธอแวบหนึ่ง “มนุษย์มีเรื่องหงุดหงิดของมนุษย์ เทพเจ้ามีเรื่องหงุดหงิดของเทพเจ้า”

มู่เวยเวยรู้สึกสนใจอยากรู้ ” รีบพูดเร็ว เรื่องหงุดหงิดใจของคุณคืออะไร?”

เสี่ยวจื่อนิ่งเงียบสักพัก พูดเบาๆว่า”ช่วงนี้ฉันได้เจอกับคนที่เป็นศัตรูกันมานานหลายปี เขาเก่งมาก ฉันกำลังคิดว่าจะจัดการอย่างไรกับเขา แต่ฉันก็กลัว……”

กลัวอะไร เขาก็ไม่ได้พูดออกมา เพียงแค่เงยศีรษะมองมาที่มู่เวยเวยนิ่ง ดวงตาคู่สีม่วงที่อยู่ในความมืดสว่างโชติช่วงชวนน่าหลงไหล………

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset