สีหน้าของหนานกงเฮ่าเริ่มเปลี่ยนสีทีละนิด มองเย่ฉ่าวเฉินอย่างไม่ละสายตา “ฉ่าวเฉิว พวกเราเป็นเพื่อนกันมากี่ปี ฉันไม่เคยของร้องอะไรนายเลย วันนี้ถือว่าฉันขอ ปล่อยฉันกับเวยเวยไปได้ไหม?”
เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันดังกรอด ทุบกำปั้นหนักๆลงที่หน้ารถ
เวยเวย เวยเวย เขาเรียกเธออย่างสนิทสนมรักใคร่ ทั้งยังเรียกต่อหน้าเขา
? เหอะๆ ในสายตาของคนอื่นเขาเย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนเป็นคนใจกว้างหรือว่าพูดจาดีตั้งแต่เมื่อไหร่?
“หนานกงเฮ่า นายคิดว่าฉันใจกว้างถึงขนาดให้ผู้ชายคนอื่นเอาหมวกสีเขียวมาใส่ให้เหรอ?นายไม่จำเป็นต้องคิดว่าฉันดีขนาดนั้น”
หนานกงเฮ่าสีหน้าเย็นชา “ฉ่าวเฉิน ในเมื่อนายไม่ได้ชอบเธอ ทำไมถึงไม่สนับสนุนพวกเรา?”
“ทำไม?”
เย่ฉ่าวเฉินมองเขานิ่ง “เพราะว่า เธอเป็นเหยื่อตกปลาของฉัน ถ้าฉันไม่มีเธอจะตกปลาอย่างมู่เทียนเย่ได้อย่างไร?”
หนานกงเฮ่าคาดไม่ถึง พูดออกไปว่า”มู่เทียนเย่ถูกนายฆ่าตายที่ชานเมืองหนานซานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“นายรู้ได้อย่างไรว่ามู่เทียนเย่ตายแล้ว?” เย่ฉ่าวเฉินรีบซักถาม นึกถึงช่วงเหตุการณ์ที่ผ่านมา หรือว่าจะเป็นเขากับเฉียวซินโยววางหมาก?
หนานกงเฮ่าไม่ได้พูดอะไร
“หนานกงเฮ่า ครั้งก่อนเกิดเรื่องที่ชานเมืองหนานซาน นายทำใช่ไหม? อย่างนั้นตัวปลอมก็คือนายจัดการหามา?” เย่ฉ่าวเฉินถามเสียงดัง เขาไม่อยากจะเชื่อ หนานกงเฮ่าเป็นเพื่อนของเขามาหลายปี ไม่นึกเลยว่าจะอำมหิตลงมือทำเรื่องนี้?
เรื่องมาถึงวันนี้แล้ว หนานกงเฮ่าก็ไม่อยากปิดปัง พูดกับเขาว่า “ใช่ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นฉันทำ”
“นาย…….” เย่ฉ่าวเฉินโมโหใช้เท้าเตะที่ก้อนหิน “มึงสารเลว! ฉันเป็นพี่น้องกันกับนายมากี่ปี เพื่อผู้หญิงคนเดียว นายถึงขั้นว่าคิดจะฆ่าฉัน?”
หนานกงเฮ่ามีสีหน้ารู้สึกผิด พูดออกมาเสียงเบาหวิว “ฉ่าวเฉิน ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ว่าฉันไม่มีเวยเวยไม่ได้”
“นายไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะทำเหมือนไม่รู้จักเพื่อนอย่างนาย ส่งตัวมู่เวยเวยมาให้ฉัน ฉันจะปล่อยนายไป” เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากเสียเวลาพูดกับเขา จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวของมู่เวยเวย เขากลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
“ไม่มีทาง ฉันพูดแล้วว่าไม่มีทางคืนเธอให้กับนาย” หนานกงเฮ่าพูดด้วยความเดือดดาล
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่าหนานกงเฮ่าจะทำให้เขาบ้าแล้ว และอีกอย่างเขาไม่อยากอดทนรออยู่อย่างนี้แล้ว พูดช้าๆแล้วเดินไปทางเขา “สิ่งที่นายขอมา ฉันไม่ตกลง สิ่งที่ฉันพูดไม่เพียงแค่ไม่ตอบตกลง พวกเราทำอย่างนี้ถึงพรุ่งนี้ก็ไม่มีผลอะไร เอาอย่างนี้สิ ฉันถอยหนึ่งก้าว นายปล่อยมู่เวยเวยออกมา ให้เธอเป็นคนเลือกเอง แบบนี้ตกลงไหม?”
มู่เวยเวยกำลังปีนถึงยอดเขาได้ยินเย่ฉ่าวเฉินพูดคำนั้น รู้สึกประหลาดใจ
ไม่ได้ เธอไม่สามารถทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก เธอวางแผนมานานมาก เธอรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าว่าเลือกเย่ฉ่าวเฉินตั้งแต่แรก ก็ไม่ใช่ว่าเหมือนใช้ไม้ไผ่ตักน้ำ ทุกอย่างที่วางแผนสูญเปล่า?
หนานกงเฮ่าพาเธอหนีไม่ได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นดีที่สุดเธอก็ไปเอง
มองเห็นคนสองคนกำลังตอบโต้กัน เฉียวซินโยวแอบหมอบอยู่ภายในรถใกล้บริเวณนั้น
“ได้สิ นายรอสักครู่ ดูว่าเธออยากจะเจอนายไหม” หนานกงเฮ่าแกล้งก้มศีรษะเดินไปที่รถเพื่อจะถามมู่เวยเวย ไม่ช้าไม่นาน เย่ฉ่าวเฉินฉวยโอกาสที่เขาไม่ทันระวังตัว ใช้ขาหนึ่งข้างถีบออกไปทำให้หนานกงเฮ่าไปกองอยู่ที่พื้น
“นายมันสารเลว” เย่ฉ่าวเฉินต่อยหนานกงเฮ่าที่นอนอยู่บนพื้น
หนานกงเฮ่าไม่ใช่คนยอมคน พลิกตัวกลับมาต่อยเย่ฉ่าวเฉินกลับ บนยอดเขาที่ไม่ราบเรียบก็เกิดการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น
เฉียวซินโยวเหลือบมองทันเวลา รีบเปิดประตูลงทางฝั่งข้างคนขับ มองเห็นมู่เวยเวยหมดสติ รู้สึกสะใจ เอาเธอลงมาจากรถ ห่างจากหน้าผาจุดอันตรายสองเมตร
“พวกคุณหยุดเดี๋ยวนี้!” เฉียวซินโยวตะคอกใส่เย่ฉ่าวเฉินกับหนานกงเฮ่า
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ เย่ฉ่าวเฉินให้ความสนใจหนึ่งวินาที เพียงแค่หนึ่งวินาที หนานกงเฮ่าต่อยเข้าที่หน้าอกเขา เย่ฉ่าวเฉินทรงตัวไม่อยู่อีกนิดหนึ่งก็จะล้มลง
ทั้งสองคนมองไปที่เฉียวซินโยว มือข้างหนึ่งของเธอกำลังประคองที่เอวของมู่เวยเวยที่เซไปเซมาอยู่ข้างเธอ แค่เพียงก้าวถอยหลังก้าวเดียวก็เป็นหน้าผา
“เฉียวซินโยว คุณอย่าตื่นตระหนก”
“เฉียวซินโยว ปล่อยตัวมู่เวยเวย!”
เย่ฉ่าวเฉินกับหนานกงเฮ่าพูดขึ้นด้วยความตกใจในเวลาเดียวกัน เย่ฉ่าวเหยียนวิ่งมา เมื่อกี้เขาเพียงแค่แอบมองดู ลืมเรื่องที่จะช่วยมู่เวยเวยไปสนิทเลย
“พวกคุณต่อยสิ ทำไมไม่ต่อยกันแล้ว?” เฉียวซินโยวยิ้มอย่างบ้าคลั่ง ลมที่อยู่บนยอดภูเขาทำให้เสื้อปลิวไหวขึ้น
ยังไม่ทันได้ตอบกลับเฉียวซินโยว เย่ฉ่าวเฉินดึงปกเสื้อของหนานกงเฮ่าขึ้น ถามด้วยความโกรธเดือดดาล “นายทำอะไรเธอ รอยแผลที่ต้นคอของเธอมาได้อย่างไร?”
หนานกงเฮ่ายิ้มร้าย”เธออยู่กับฉันมาตั้งนาน นายคิดว่าฉันทำอะไรกับเธอ?”
“นายนี่มัน……..”
“หุบปาก! พวกคุณหุบปากให้หมด ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะโยนเธอลงไปทำให้พวกคุณไม่ได้เห็นคนทรยศคนนี้อีก”พาร่างกายของมู่เวยเวยเอียงไปทางหน้าผาสูงชัน
“อย่า ——เฉียวซินโยว เธอใจเย็นก่อน” เย่ฉ่าวเฉินปล่อยมือจากปกเสื้อหนานกงเฮ่า ใจเต้นแรงเหมือนคนคลุ้มคลั่ง “เฉียวซินโยว คุณอยากได้อะไรผมให้คุณหมดทุกอย่าง ปล่อยมู่เวยเวยนะ”
เฉียวซินโยวหัวเราะออกมา ทำหน้าตาบิดเบี้ยวและน่าเกลียด “ฉันต้องการอะไรก็ได้หมดทุกอย่างจริงๆ?”
“แน่นอน เพียงแค่คุณปล่อยตัวมู่เวยเวย ผมสัญญาว่าทุกอย่าง ” เย่ฉ่าวเฉินก้าวเบาๆเพื่อเข้าประชิดเธอ อยากจะใช้เวลาที่เธอไม่ได้ระวังตัวช่วยมู่เวยเวย เพียงแค่ก้าวสองก้าวเฉียวซินโยวก็รู้ตัว
พูดเสียงดังขึ้น “หยุดอยู่ตรงนั้น เย่ฉ่าวเฉินถ้าคุณก้าวอีกก้าวหนึ่ง อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
พูดจบเฉียวซินโยวพามู่เวยเวยขยับเข้าไปใกล้หน้าผาอีก
หนานกงเฮ่ารีบร้อน “เฉียวซินโยว เธอมันผู้หญิงบ้า ถ้าหากมู่เวยเวยเป็นอะไรไป ฉันจะเป็นคนฝังศพเธอ”
เฉียวซินโยวยิ้มอย่างเหน็บแนมถากถาง สติสัมปัชญญะหายไปไหนหมดแล้ว “หนานกงเฮ่า คุณมันคนไร้ประโยชน์ คุณสัญญากับฉันว่าจะพาเธอหนีไป ตอนนี้ล่ะ?”
เย่ฉ่าวเฉินฟังถึงตรงนี้ในที่สุดก็เชื่อแล้วว่า เมื่อวานตอนเช้าที่เย่ฉ่าวเหยียนถามเธอที่
ห้องรับแขกที่แท้คือเรื่องจริง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหนานกงเฮ่ากับเฉียวซินโยวเป็นคน
วางแผน
สุดท้ายแล้วยังมีเรื่องอะไรที่เป็นจริงอีก?
“เฉียวซินโยว คุณพูดเถอะ คุณต้องการอะไร?” เย่ฉ่าวเฉินพูด ภายในใจรู้สึกแหลก
สลาย
“ง่ายมาก เพียงแค่คุณหย่ากับมู่เวยเวย แล้วคุณสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉัน ถ้าไม่อย่าง
นั้นฉันจะโยนเธอลงไป”เฉียวซินโยวตาขวาง “ฉ่าวเฉิน ฉันเหมาะสมที่จะเป็นผู้หญิง
ของคุณมากกว่าผู้หญิงทรยศคนนี้”
เย่ฉ่าวเฉินก่อนจะถามเธอออกมา เขาคิดไว้แล้วว่าผลจะออกมาอย่างนี้ เธอทำเรื่องมา
มากมาย ไม่ใช่ว่าเธออยากเป็นคุณนายของตระกูลเย่หรอกเหรอ?
แต่ว่า เขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับเธอ ถึงแม้ว่าต่อให้โกรธเกลียดมู่เวยเวยสักเท่าไหร่
เขาก็ไม่เคยคิดที่จะหย่ากับเธอ
“เย่ฉ่าวเฉิน นายกังวลใจลังเลอะไร? รีบสัญญากับเธอสิ” หนานกงเฮ่าพูดอย่างร้อนใจข้างเขา เขาเข้าใจกลอุบายของเฉียวซินโยว ที่เธอทำเรื่องน่ากลัวพวกนั้น
“ไม่สัญญา? ” เฉียวซินโยวจ้องเขม็งใส่เขา กดดันเขา “ถ้าอย่างนั้นอย่ากล่าวโทษว่าฉัน
โหดร้าย……”
“ตกลง ! ” เย่ฉ่าวเฉินรีบพูดตัดบทเธอ “เฉียวซินโยวผมสัญญาว่าจะรีบหย่ากับมู่เวยเวย
แต่งงานกับคุณ โอเคไหม?”
เฉียวซินโยวรอฟังคำนี้มานาน รู้สึกประหลาดใจ สติกลับมาปกติ “จริงเหรอ? คุณจะหย่า
จากเธอได้จริงๆ?”
“ใช่ ผมจะหย่ากับเธอ ตอนนี้คุณปล่อยเธอลงก่อน ” หลังจากเย่ฉ่าวเฉินพูดคำนั้น เขา
รู้สึกเจ็บที่หัวใจ เสียงที่เปล่งออกมาสั่นเครือ
เฉียวซินโยวปล่อยมู่เวยเวย ทันใดนั้นมองเห็นเย่ฉ่าวเฉินกำมือแน่น กระตุ้นทำให้เธอโกรธสักพักตะคอกออกมา “คุณโกหกฉัน คุณไม่มีทางหย่ากับเธอ”
“ผมไม่ได้โกหก คำพูดผมไม่น่าเชื่อถือตั้งแต่เมื่อไหร่?” เย่ฉ่าวเฉินไม่รู้ว่าเขาทำอะไรให้
เธอจับสังเกตได้ ทั้งที่จริงแล้วเขาโกหกเฉียวซินโยวเพื่อให้ปล่อยมู่เวยเวยก่อน หย่า
อะไร ไม่มีทางหรอก
เฉียวซินโยวใกล้จะเสียสติแล้ว ยืนส่ายไปมาในสายลมเหมือนกำลังจะตก มองดูเย่ฉ่าวเ
ฉินตื่นตกใจสั่นเทา
“ฉันดูออก คุณทำไมถึงกดดันกับผู้หญิงทรยศคนนี้ คุณไม่เคยอยากหย่ากับเธอ ” เฉียวซิ
นโยวก้มศีรษะมองมู่เวยเวย ในสมองเกิดความคลุ้งคลั่งนึกขึ้นได้
ใช่สิ ทำไมเธอต้องมาเจรจากับเย่ฉ่าวเฉิน เพียงแค่มู่เวยเวยตาย เธอก็มีโอกาสที่จะ
ครอบครองหัวใจของเย่ฉ่าวเฉินแล้ว
“เฉียวซินโยว ผมจะทำตามที่คุณขอทุกอย่าง ทำไมคุณถึงยังไม่เชื่ออีก?”
เฉียวซินโยวมองผู้ชายทั้งสามคนที่อยู่ในสถานที่นี้ด้วยสายตาดูกถูกเหยียดหยาม พูด
อย่างเย็นชา “พวกคุณเป็นผู้ชายสามารถที่จะพูดกลับคำได้ง่าย ฉันไม่เชื่อพวกคุณสัก
คน ตอนนี้ฉันเชื่อแค่ตัวเอง เพียงแค่มู่เวยเวยตายแล้ว เย่ฉ่าวเฉินถึงจะตัดใจได้ ถึงจะ
ตัดขาดจากเธอได้”
“เฉียวซินโยว คุณเสียสติไปแล้ว?” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเปลี่ยนไป “ทำไมคุณไม่
ลองคิดดู ถ้าคุณผลักเธอตกหน้าผา คุณก็คือฆาตกร? คุณคิดว่าผมยังจะแต่งงานกับ
คุณ?”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรมากถึงขนาดนั้น ใครทำให้คุณหลอกลวงความรู้สึกดีๆที่ฉันมีให้คุณ?”
เฉียวซินโยวร้องแหกปากเสียงดัง
ในเวลาเดียวกันมู่เวยเวยที่เฉียวซินโยวประคองอยู่เริ่มรู้สึกตัว เธอค่อยๆลืมตาขึ้นสิ่งที่มองเห็นอันดับแรกคือหน้าผาสูงชัน หลังจากนั้นก็ตื่นตาโตทันทีแต่เธอก็ไม่ได้ทำเสียงกรีดร้อง และยังไม่มีเสียงเปล่งออกมาแค่มองทิวทัศน์รอบบริเวณนั้น
อีกแค่สองก้าวก็ตกลงจากหน้าผาแล้ว เฉียวซินโยวกอดเธอแน่นพร้อมกับพูดกับเย่ฉ่าว
เฉิน เอียงสายตามองไป เย่ฉ่าวเหยียนยืนอยู่ในสภาวะเคร่งเครียดห่างจากจุดนั้นไม่ไกล
เย่ฉ่าวเหยียนสบตาเธออย่างว่องไว ตกใจอยู่สักครู่ พร้อมกับพยักหน้าเบาๆเพื่อบอกให้เธออย่าเคลื่อนไหว
มู่เวยเวยจ้องตาเขม็งใส่เขาเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอเข้าใจแล้ว
แต่ว่าเฉียวซินโยวโอบเอวเธอแน่นจนจะทนไม่ไหว ถ้าหากว่าเฉียวซินโยวตื่นตระหนกพาเธอตกลงไปพร้อมกันล่ะ?
ไม่ได้ ไม่ได้ เธอยังหาพี่ชายไม่พบเลย ตายแบบนี้มันไม่สมศักดิ์ศรีเลยทำอย่างไรถึงจะหลุดออกไปได้?
เย่ฉ่าวเฉินทุ่มเทความสนใจไปที่เฉียวซินโยว คิดว่าทำอย่างไรจะให้เธอสงบสติอารมณ์
ลงได้ “ซินโยว ผมเคยโกหกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมไม่ดีกับคุณ? คุณทำเรื่องผิด
มากมาย ผมเคยลงโทษคุณจริงจังสักครั้งไหม? ไม่ใช่ว่ายังให้คุณอยู่ในคฤหาสน์ตระกูล
เย่เหรอ อยู่ข้างๆผม”
เฉียวซินโยวรู้สึกเศร้าเมื่อได้ยินเขาพูด ดวงตาเริ่มแสบร้อน “ในเมื่อคุณชอบฉัน ทำไมถึง
ไม่แต่งงานกับฉัน? คุณรู้ไหม? ทุกครั้งที่คุณอยู่กับมู่เวยเวย ฉันเจ็บปวดใจแค่ไหน?”
เย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอใจอ่อนลง รีบพูดเกลี้ยกล่อมเธอ “ผมรู้ ผมรู้ทุกอย่าง ทำให้คุณเสียใจ
ผมเคยพูดว่าที่แต่งงานกับมู่เวยเวยเพราะจะทำให้มู่เทียนเย่แสดงตัวออกมา ผมไม่ได้
รู้สึกอะไรกับเธอสักนิด เพียงแค่ผมหาตัวมู่เทียนเย่พบ ผมจะรีบไล่เธอไปทันที”
มู่เวยเวยพลิกตาขาวขึ้นมองด้านบน ภายในใจสงบนิ่ง ดีที่สุดก็ต้องเป็นอย่างนี้
เฉียวซินโยวเริ่มรู้สึกดี “ฉันเชื่อใจคุณได้? ฉ่าวเฉินคุณอย่าโกหกฉันนะ”
“ซินโยว ผมไม่มีทางโกหกคุณ เชื่อใจผม “สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินมุ่งมั่นมาก
มู่เวยเวยรู้สึกว่าเอวของเธอค่อยคลายออกทีละเล็กทีละน้อย เฉียวซินโยวปล่อยมือออกจากเอวของเธอ…..
ทันใดนั้น มู่เวยเวยเหลือบมองคิดจะออกจากการคุมขังของเธอ แต่เพราะว่าเลือดไม่ได้หมุนเวียนนาน เพียงแค่ขยับขาช้าๆ เฉียวซินโยวก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมาโดยการจับเอวเธอไว้แน่น
“ปล่อยฉันนะ!” มู่เวยเวยสะบัดมือออกจากเธอ แต่ด้วยแรงของเฉียวซินโยวที่มีมากกว่าผลักเธอ ขาครึ่งหนึ่งของเธออยู่ที่หน้าผาชันนั้นแล้ว
“ระวัง——” ทั้งสามเสียงประสานกันมาจากคนละทิศทาง
ร่างกายของมู่เวยเวยเซไปมา เฉียวซินโยวบ้าไปแล้ว ผลักเธอจากทางด้านหลังหนึ่งทีหน้าของมู่เวยเวยล้มคะมำลงไป
“เวยเวย——”
“มู่เวยเวย——”
เสียงลอยในอากาศ
ลมพัดผ่านหูล่องลอยไป ร่างของมู่เวยเวยตกลงไปอย่างรวดเร็ว
เธอ เธอต้องตายอย่างนี้จริงเหรอ?
ไม่ได้เจอพี่ชายแล้ว?
ทันใดนั้น เอวถูกสองมือโอบรอบไว้ ร่างกายของเธอไม่ได้ตกลงไปแล้ว
จับแน่นๆ ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏต่อหน้าเธอ เรือนร่างที่กำยำแข็งแรง ดวงตาคู่สีม่วง
“เสี่ยวจื่อ——” มู่เวยเวยแปลกใจอยู่นาน กอดเอวเขาแน่น “คุณ……..คุณกลับมาแล้ว?”
เสี่ยวจื่อยิ้มออกมา ทั้งสองลอยอยู่ในอากาศ “ใช่แล้ว ผมกลับมาช่วยคุณ”
“คุณ……..” มู่เวยเวยตื่นเต้นดีใจจนไม่รู้จะพูดอะไร ก้มศีรษะมองเสื้อผ้าของเขา ใส่ชุดเหมือนกันกับเย่ฉ่าวเฉินที่
อยู่ด้านบน
เกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมาในใจ มองแววตาคู่สีม่วงของเขา ถามเสียงเข้ม “สรุปคุณเป็นใคร? คุณมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกับเย่ฉ่าวเฉิน?”
เสี่ยวจื่อมองจ้องลงไปที่แววตาคู่นั้นของเธอ ถอนหายใจอย่างไม่ทันสังเกต “พวกเราขึ้นไปด้านบนก่อน เรื่องนี้หลังจากนี้ค่อยคุย? ถ้ายังอยู่ที่นี่ ผมกลัวว่าพลังของผมจะใช้หมดก่อน”
มู่เวยเวยเห็นด้วย กลางอากาศไม่ใช่สถานที่ที่จะมาคุยธุระ พยักศีรษะ “ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นไปก่อน”
“หลับตาลง”
………
หน้าผาสูงมีชายสามคนที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่
ครึ่งนาทีก่อนหน้า มู่เวยเวยตกลงไปจากตรงนี้ ยังมีคนที่ยังไม่ได้สติกลับมา ทันใดนั้นเย่ฉ่าวเฉินหายไปต่อหน้าทุกคนโดยไม่ได้บอกกล่าว
ยืนอยู่ที่เดิมชะงักงันไปสิบวินาทีกว่าๆ เย่ฉ่าวเหยียนวิ่งไปในจุดที่เย่ฉ่าวเฉินเคยยืน ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อสักครู่ “พี่……..หายไปได้อย่างไร?”
ทันใดนั้นหนานกงเฮ่าก็นึกขึ้นได้ถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกิดขึ้น
ที่ยอดเขาหนานซานในขณะที่กำลังจะฆ่าเย่ฉ่าวเฉิน เขาหายตัวไป หลังจากนั้นก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังมู่เทียนเย่ หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาคิดว่าทำงานผิดพลาดแล้วหาข้ออ้างมาพูดแก้ตัว
ตอนนี้ดูเหมือนว่า พวกเขาไม่ได้จินตนาการแอบอ้างและอีกทั้งยังมีความจริงอยู่
เขาทำไมหายตัวไปทันที? เขาไปที่ไหน?
สรุปเขาเป็นตัวอะไรกันแน่?
คำถามเต็มหัวสมองเขาไปหมด หนานกงเฮ่าเหมือนจะลืมไปแล้วว่ามู่เวยเวยตกจากหน้าผาสูงลงไป
เฉียวซินโยวก็ช่วยไว้ได้แล้ว เห็นอยู่ว่าเย่ฉ่าวเฉินอยู่ด้านหลังของเขา ทำไมถึงหายไปแล้ว?
เจอผีกลางวันแสกๆ?
ในระหว่างที่ทั้งสามคนสติยังไม่กลับมา เรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นมาแล้วหนึ่งเรื่อง
เพราะว่า พวกเขาเห็น มู่เวยเวยที่เพิ่งจะตกหน้าผาลงไปกับเย่ฉ่าวเหยียนที่หายตัวไปกลับมาแล้ว ทั้งยังกอดกันแน่น
“โอเค ลืมตาได้แล้ว”
มู่เวยเวยรู้สึกว่าตัวเองเหยียบอยู่บนพื้นดินจริงๆ ลืมตาขึ้นมา เวลานั้นดวงตาคู่สีม่วงนั้นก็ค่อยๆหายไป คนที่กอดเธออยู่คือดวงตาสีฟ้าของเย่ฉ่าวเฉิน
นี่…….
ความคิดของมู่เวยเวยบอกว่า ไม่ผิดแน่ เสี่ยวจื่อคือเย่ฉ่าวเฉิน!
แต่ในใจกำลังมีเสียงร้องขัดแย้งดังมาก เขาไม่ใช่ เขาจะเป็นเสี่ยวจื่อได้อย่างไร?
“พี่! เวยเวย!” เสียงตื่นเต้นของเย่ฉ่าวเหยียนทำให้เธอตื่นจากภวังค์ของความรู้สึกประหลาดนั้น
หนานกงเฮ่าจ้องเขม็งมองทั้งสองคน “เวยเวย…………….คุณไม่ใช่………………..”
ไม่ใช่ตกลงไปแล้วเหรอ? ขึ้นมาได้อย่างไร?
คำพูดนี้ หนานกงเฮ่ารู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นคนโง่
ทำไมถึงมีเรื่องเหลวไหลเกิดขึ้น? หรือว่าเขากำลังฝัน?
เฉียวซินโยวมองเย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยที่กอดกันแน่น ลืมความคิดหมดสิ้น
“เย่ฉ่าวเฉิน! คุณมันคนโกหก ฉันจะฆ่าพวกแกทั้งสองคน! ” เธอร้องออกมา เฉียวซินโยวโผเข้าหาทั้งสองคน
เย่ฉ่าวเหยียนที่ยืนห่างจากมู่เวยเวยกับเย่ฉ่าวเฉินไปหนึ่งเมตร ได้ยินคำพูดนี้แล้วรีบวิ่งมากดทั้งสองลงที่พื้น เฉียวซินโยวจับได้เพียงความว่างเปล่า ขาสะดุดตกลงไปในเหวลึก…….
เรื่องเกิดขึ้นเร็วมาก ถึงขนาดที่มู่เวยเวยยังไม่ได้ออกจากความคิดที่ว่าเสี่ยวจื่อเป็นเย่ฉ่าวเฉิน สายตางุนงง อยู่ในอ้อมอกของเย่ฉ่าวเฉิน บวกกับหูที่ได้ยินเสียงผิดหวังของเฉียวซินโยว
เวลาหยุดสงสัยถึงเพียงแค่ตรงนี้
จนถึงเธอได้ยินเสียงกรีดร้องของเฉียวซินโยวล่องลอยมาในสายลม ทั้งสี่คนที่อยู่หน้าผาเพิ่งได้สติกลับมา เฉียวซินโยวตายแล้ว…….
มู่เวยเวยลุกขึ้นจากตัวของเย่ฉ่าวเฉิน ยืนอยู่ขอบหน้าผา สายตาคู่นั้นมองลงไปด้วยความว่างเปล่า สับสนว้าวุ่นใจมาก
เฉียวซินโยว ที่ทำร้ายเธอนับครั้งไม่ถ้วน ผู้หญิงที่ต้องการชีวิตเธอ ก็…..ตายแบบนี้เหรอ?
ในสมองไม่รู้ทำไมถึงนึกถึงเรื่องราวชีวิตในมหาวิทยาลัยขึ้นมา แท้ที่จริง เธอไม่ได้ร้ายขนาดนั้น เพียงแค่ถูกความรักมาบังตาคู่นั้น
หัวใจเหมือนถูกกดทับด้วยหินหายใจไม่ออก มู่เวยเวยน้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่รู้สึกตัว
ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดชังเฉียวซินโยวมาก มีหลายช่วงเวลา เฉียวซินโยวพยายามที่จะฆ่าเธอด้วยตัวเอง แต่ว่าวันนี้ เฉียวซินโยวตายแต่หน้าต่อตาเธอ เธอก็ยังใจแข็งไม่พอ
เธอตายแล้ว แล้วพ่อแม่ของเธอทางนั้นจะทำอย่างไร?
“เสี่ยวจื่อ คุณช่วยเธอได้ไหม?” มู่เวยเวยเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลพราก
ในเวลานี้ เย่ฉ่าวเฉินก็ชะงักงันมองที่ก้นเหว ในใจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เฉียวซินโยว ผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกนึกถึงไม่ลืม ก็ตกลงไปต่อหน้าต่อตาเขาอย่างนี้เหรอ?
ช่วยได้ไหม?
“ไม่ได้ ฉัน……..ไม่มีแรงแล้ว……” เย่ฉ่าวเฉินใจสลายพูดออกมา
เพื่อที่จะช่วยมู่เวยเวย เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีไปแล้ว ตอนนี้ เขาอยากช่วยชีวิตเธอ แต่ทว่าไม่มีหนทางแล้ว
หนานกงเฮ่าเป็นคนแรกที่รู้สึกได้สติกลับมา โผเข้าหามู่เวยเวยที่กำลังเศร้าเสียใจ ยื่นมือออกไปเจ็บแขนเล็กของเธอ เดินอย่างรวดเร็วไปที่รถ
“หนานกงเฮ่า คุณจะทำอะไร?”
เย่ฉ่าวเหยียนเดินมาขัดขวางเขา
“ผมจะพาเธอไป เธออยู่ที่นี่ไม่ได้” หนานกงเฮ่าเดินไม่หยุด หลบผ่านเย่ฉ่าวเหยียนเดินต่อไปเรื่อยๆ
“หนานกงเฮ่า คุณปล่อยมือ ฉันไม่สามารถไปกับคุณได้” มู่เวยเวยต้องการที่จะสะบัดแขนออกจากมือเขา แต่ทว่าไม่เป็นผล
เย่ฉ่าวเฉินหยิบปืนขึ้นมา เล็งไปที่สมองของเขา พูดเสียงเยือกเย็น “หนานกงเฮ่า ปล่อยเธอ!”
หนานกงเฮ่าไม่ได้สนใจฟังที่เขาพูด เดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
“ปัง——” เสียงปืนดังขึ้น กระสุนยิงไปที่ขาของหนานกงเฮ่า ในที่สุดเขาก็หยุดเดินแล้ว
“ปล่อยเธอ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะฆ่าแก” เย่ฉ่าวเฉินถือปืนเดินไปหาทีละก้าว
หนานกงเฮ่าไม่ได้สนใจเขา ก้มศีรษะมองมู่เวยเวย พูดออกมาอย่างน่ากลัว “เวยเวย ไปกับผม เย่ฉ่าวเฉินเขาไม่ใช่มนุษย์ เขาฆ่าเธอได้ตลอดเวลา…….”
“คุณหุบปากไปเลย!” มู่เวยเวยเดือดดาล ใช้แรงเพื่อออกจากกรงเล็บปีศาจ ถอยหลังทีละก้าว”หนานกงเฮ่า เย่ฉ่าวเฉินคือเย่ฉ่าวเฉิน เสี่ยวจื่อคือเสี่ยวจื่อ ฉันไม่ยอมให้คนอื่นมาทำร้ายเขา และอีกอย่างหนึ่ง ฉันไม่มีทางไปกับคุณ”
“ทำไม? เขา……เขาเป็นผีเป็นมนุษย์เป็นเทพเจ้าเป็นอะไรคุณก็ยังไม่รู้ ทำไมคุณยังอยากที่จะอยู่กับเขา?”
ในโลกมนุษย์กลัวและสงสัยในสิ่งที่ไม่ยังไม่รู้ หนานกงเฮ่าก็ไม่แตกต่างไปจากนี้ ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นเพื่อนรู้จักกับเขามานานนับสิบปี
พอได้ยินคำพูดนี้ มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา มองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย”หนานกงเฮ่า ภูตผีปีศาจอะไรกัน เหมือนคุณจะดูหนังละครมากจนทำให้คุณคิดไปเองนะ “พูดถึงตรงนี้ มู่เวยเวยก็เดินไปยืนอยู่ข้างกายเย่ฉ่าวเฉิน “ฉันจะบอกอะไรให้นะ เสี่ยวจื่อเขาแค่ใช้พลังที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถใช้ได้เท่านั้นเอง นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นปีศาจ”
คนที่ยืนอยู่ข้างเธอนั้น มือที่กำปืนขยับเล็กน้อย
“ได้ ถึงจะเป็นเช่นนั้น เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ได้รักคุณจริง หลังจากที่คุณแต่งงานกับเขา เขาเคยทำดีกับคุณไหม? ทำไมคุณยังอยากกลับไปใช้ชีวิตทุกข์ใจเช่นนั้น?”
มู่เวยเวยแกว่งแขนไปเรื่อย “ก็กำลังดี ฉันก็ไม่ได้รักเขาสักนิด ถึงจะหย่ากัน ฉันก็มั่นใจที่จะหย่า หนีตามผู้ชายคนอื่นไปฉันทำไม่ได้และก็ไม่สามารถทำ ยิ่งกว่านั้น หนานกงเฮ่า ฉันไม่เคยชอบคุณเลย เพราะฉะนั้น ฉันไม่สามารถไปกับคุณได้ คุณตัดใจเถอะ”
หนานกงเฮ่ายังคิดที่จะพูดอีก แต่กลับถูกเย่ฉ่าวเฉินตัดบท “ไสหัวไปเถอะ! ถ้าไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่แน่ใจว่าในกี่วินาทีนี้ฉันจะยิงสมองของนายไหม”
หนานกงเฮ่าแววตาสับสน มองที่มู่เวยเวยด้วยสายตาที่ยืนหยัด เอี้ยวตัวกลับไปรถเพียงลำพัง เปิดประตูรถออก เขาหันหลังกลับมาพูด “เย่ฉ่าวเฉิน นับตั้งแต่วันนี้พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป”
“เข้าใจแล้ว” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยเสียงราบเรียบ
หนานกงเฮ่ามองร่างกายของมู่เวยเวยอย่างมีเลศนัย ยกมุมปากหัวเราะ พูดว่า”เวยเวย ถ้าสักวันหนึ่งคุณเสียใจภายหลังแล้ว คุณมาหาผมได้ตลอดเวลา อย่างไรเสีย ช่วงเวลาที่คุณอยู่กับผม รสชาตินั้นก็ไม่เลวนะ”
“หนานกงเฮ่า แม่มึงนะสิ!” มู่เวยเวยอดทนไม่ไหวพูดคำหยาบคายออกมา
ไอ้คนนี้เดินไปแล้ว ยังต้องการใส่ความเธอให่เย่ฉ่าวเฉินจอมโมโหสงสัยในตัวเธอ
“ปัง——” ขาของเขาโดนอีกหนึ่งนัด หนานกงเฮ่ายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาหัวเราะเหมือนคนเสียสติ “ได้ ฉันไป ฉันไปแล้ว”
รถขับหายไปจากยอดภูเขาอย่างรวดเร็ว
เย่ฉ่าวเฉินวางปืนลง สายตาเคร่งเครียดมองมู่เวยเวย
“คุณมองฉันทำไม?” มู่เวยเวยมองเขากลับ ชี้บริเวณคอที่มีบาดแผลพูดว่า “ถ้าหากว่าฉันเคยมีอะไรกันกับเขา จะทำให้ตัวเองบาดเจ็บอย่างนี้ไหม?”
มู่เวยเวยไม่ได้กลัวเขาเข้าใจผิด เพียงแต่ว่าเคยทำก็คือเคยทำ เรื่องที่ไม่เคยทำเธอไม่สามารถยอมรับ ทำไมจะต้องหาเรื่องที่ไม่จำเป็นมารบกวนจิตใจ?
เย่ฉ่าวเฉินนำปืนมาเหน็บที่เอว ไม่รู้ว่าเชื่อหรือยังไม่เชื่อใจเธอ ไม่ได้พูดอะไรหันหลังกลับ เดินไปตรงจุดที่เฉียวซินโยวตกลงไป มองอย่างเงียบๆ
เย่ฉ่าวเหยียนเพ่งมองมู่เวยเวยแวบหนึ่ง เดินมาประจันหน้ากับมู่เวยเวย ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย พูดเสียงเบา “อีกนิดหนึ่งคุณก็ทำให้ผมตกใจตาย ยังคิดว่าจะไม่ได้พบเจอคุณอีก”
มู่เวยเวยถอนหายใจ ” ฉันประมาทหนานกงเฮ่าเกินไป โอเคแล้วเรื่องมันผ่านไปแล้ว”
เย่ฉ่าวเหยียนมองบาดแผลเธอ “ยังเจ็บแผลอยู่ไหม?”
“ไม่เจ็บแล้ว ดูเหมือนว่าเป็นสะเก็ดแล้วนะ” มู่เวยเวยใช้มือลูบไปมา ยิ้มเศร้า”เหมือนจะต้องกลับไปใช้ยาขี้ผึ้งของหมอหานอีกแล้ว คาดว่าเขาคงต้องบ่นแน่เลย”
เย่ฉ่าวเหยียนหยุดไปพักหนึ่ง มองออกไปไกลถึงหน้าผาที่ร่างของเฉียวซินโยวตกลงไป
ถามเธอเบาๆว่า”คุณ……รู้เรื่องของพี่ชายผม?”
พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ภายในใจของมู่เวยเวยไฟแผดเผาขึ้นมา พูดด้วยความโกรธว่า “เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันก็อยากจะถามเขาอยู่พอดี ทำไมถึงโกหกเธอมาตั้งเนิ่นนาน”
ยืนอยู่บริเวณขอบหน้าผาอยู่เนิ่นนาน หวนนึกถึงเรื่องราวที่เฉียวซินโยวทำให้เขามากมาย เขารู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายก็พูดหนึ่งคำออกมา “ลาก่อน เฉียวซินโยว”
คำบอกลานี้ เขาพูดกับเฉียวซินโยวในคืนนั้น
ส่วนหนึ่งเขาเป็นประเภทล้าหลัง นับว่าเขาคิดเล็กคิดน้อยก็ได้ ก็เลยไม่มีคู่รัก
……….
พระอาทิตย์ในยามเย็นเป็นสีแดงแล้วครึ่งหนึ่งของท้องฟ้า ในระหว่างทางกลับคฤหาสน์
ทั้งสามคนไม่ได้พูดคุยอะไรกัน รู้สึกอึดอัดจนแทบจะหยุดหายใจ
ใจของเย่ฉ่าวเฉินกักเก็บความสงสัยที่หนักหน่วงมาก พอถึงเวลาที่จะพูดทุกครั้งก็ต้องกลืนกับลงไป เขารู้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
พ่อบ้านหวางกับฉินหม่าต้อนรับการกลับมาของมู่เวยเวยอย่างมีความสุขและยินดี
“คุณหนู ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว คุณไม่ได้เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”
“ฉินหม่า ฉันสบายดีค่ะ” มู่เวยเวยยิ้มอย่างอ่อนโยนในกับฉินหม่า
เย่ฉ่าวเฉินเดินตามหลังเข้ามา พูดอย่างหยาบคาย “ทางที่ดีเธอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน สภาพอย่างนี้เหมือนคุณหนูที่ไหนกัน”
มู่เวยเวยประคองร่างกายหันหลังกลับเดินขึ้นบันได วางแผนไว้ว่าจะถามเขาเรื่องนั้นแต่ถูกเขาดุ ก็รู้สึกหงุดหงิด “เย่ฉ่าวเฉิน คุณไม่พูดฉันก็จะไปอยู่แล้ว แต่คุณก็ถือโอกาสนี้คิดไว้นะว่าจะอธิบายกับฉันว่าอย่างไร”
“อธิบายอะไร ” เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วถาม
อธิบายว่าทำไมคุณถึงกลายเป็นเสี่ยวจื่อ สักพักเป็นเย่ฉ่าวเฉิน ยังมีอีก ทำไมต้องใช้เสี่ยวจื่อเป็นตัวแทนบังหน้ามาหลอกฉัน ” และอีกทั้งยังหลอกได้แนบเนียน เธอจำได้ว่าเคยถามเขาต่อหน้าแล้วว่ารู้จักเสี่ยวจื่อไหม เขาพูดอย่างซื่อสัตย์ว่าไม่รู้จัก
ตอนนี้นึกขึ้นมา เหมือนโมโหจนปอดจะระเบิดขึ้นมา
เย่ฉ่าวเหยียนเห็นมู่เวยเวยพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ลุกลี้ลุกลนพูดว่า “พี่ ผมก็อยากจะรู้”
อยากจะรู้เรื่องนี้ คำถามนี้ทำให้เขาอึดอัดมาตลอดไม่เคยพูดออกมาได้ ถ้าไม่ถามอีก เขาแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
แม้ว่าเรื่องนี้จะแปลกประหลาด ทั้งยังเกี่ยวเนื่องกับพี่ชายแท้ๆของเขา
“ได้ อีกสักพักมาที่ห้องหนังสือ ฉันจะบอกทั้งสองคนเลย” เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าไร้ความรู้สึกเดินผ่านหน้ามู่เวยเวยขึ้นไปด้านบน
เย่ฉ่าวเหยียนสีหน้าเหมือนเด็กที่กำลังยิ้มออกมา
มู่เวยเวยมองเขาสักพักหนึ่ง ใจนึกว่าเปรียบเทียบกันแล้วอารมณ์ของเสี่ยวจื่อที่เธอเจอในตอนนั้น เย่ฉ่าวเหยียนก็ยังนับว่าควบคุมอารมณ์ได้ดี
กลับห้อง ถอดเสื้อผ้า มู่เวยเวยเดินเข้าไปในน้ำอุ่นนั้น ทุกส่วนของผิวหนังรู้สึกผ่อนคลาย
…………
ด้านล่าง เย่ฉ่าวเหยียนเดินไปเดินมาในห้องรับแขก ตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด
อันที่ยิ่งช่วงปีที่ผ่านมาเขาก็ฝึกฝนที่จะไม่ตื่นตระหนกต่อหน้าคนอื่นมาไม่น้อย เพียงแค่เรื่องของเย่ฉ่าวทำให้คนตื่นตกใจมาก เปลี่ยนแปลงโยกย้ายความแปลกประหลาดทั้งหมดที่มีในตัวเขา
พ่อบ้านหวางเดินกลัดกลุ้มใจเข้ามา พูดกับเขาอย่างเคร่งเครียด
“คุณชายรอง ผมมีหนึ่งเรื่องที่จะคุยกับคุณครับ”
ในที่สุดเย่ฉ่าวเหยียนก็หยุดเดินแล้ว “พูดสิ เรื่องอะไร?”
“ตอนเช้า หลังจากที่คุณกับคุณชายออกจากคฤหาสน์ไป เฉียวซินโยวตามออกไปด้วย แต่ว่าผมไม่เห็นเธอกลับมาด้วย ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่……..”
“ลุงครับ” เย่ฉ่าวเหยียนตัดบทเขา สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้น “เธอไม่กลับมาแล้ว”
“อะไรนะ?” พ่อบ้านหวางแปลกใจมาก “คุณชายรองเจอเธอแล้ว?”
“อืม เธอตามผมกับพี่ไป แต่ว่าหลังจากนั้นเกิดเรื่องขึ้นมากมาย เธอ…..ตกหน้าผา”เย่ฉ่าวเหยียนพูดด้วยความโศกเศร้า
พ่อบ้านหวางเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเย่ฉ่าวเหยียน
เย่ฉ่าวเหยียนผงกศีรษะใส่เขา เพื่อแสดงออกว่าเป็นเรื่องจริง พูดอีกว่า”ลุงบอกคนรับใช้ในคฤหาสน์แค่ว่าเฉียวซินโยวกลับบ้านแล้ว ต่อไปนี้บอกพวกเขาอย่าพูดถึงเธออีก โดยเฉพาะต่อหน้าพี่”
“อ้อ ได้ครับ ผมรู้แล้ว ” พ่อบ้านหวางเดินใจลอยออกไป ถ้าหากเรื่องนี้ไม่ออกจากปากเย่ฉ่าวเหยียน เขาจะเชื่อได้อย่างไร
เมื่อเช้าตรู่เขายังเชิญเธอออกไปจากที่นี่ คาดไม่ถึงว่าหน้าตานั้นจะไม่ได้เจอตลอดไป
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อะไรกับเฉียวซินโยว แต่เธอจากไปอย่างนี้ เขาก็ยังรู้สึกเสียใจ เฉียวซินโยวอายุยังน้อย….
ทุกคนเกิดมาเพราะมีโชคชะตา อย่าคาดหวังมากกับโลกใบนี้ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
ก็เหมือนกับคำนั้น คุณไม่รู้ว่าพรุ่งนี้อนาคตหรืออุบัติเหตุเกินความคาดหมายจะมาก่อน
บ้านหนานกง
คุณหนานกงสั่งสอนหนานกงเฮ่าอย่างโหดเหี้ยม บอกเขาว่าต่อจากนี้ไปห้ามทำเรื่องน่าอับอายให้กับตระกูลอีก
หนานกงเฮ่าแสดงออกอย่างนอบน้อมและสัญญา ลับหลังก็ยังออกคำสั่งลูกน้องให้ไปหาร่างของเฉียวซินโยวที่ตกหน้าผา
มีชีวิตต้องเจอหน้า ตายต้องเจอศพ
ถ้าหากว่าเซินเจิ้นด้านล่างเป็นแม่น้ำ ไม่แน่ว่าเธออาจจะยังมีชีวิตรอด เก็บเธอไว้ก็ดีกว่าตาย
เย่ฉ่าวเฉิน ไม่ว่าแกจะเป็นอะไร ฉันหนานกงเฮ่าของที่อยากจะได้ จะต้องหวนคืนกลับมา
……..
อาบน้ำเสร็จ มู่เวยเวยกำลังหาชุดใส่สักหนึ่งชุด นำเสื้อของหนานกงเฮ่ายื่นให้สาวใช้ “เอาไปทิ้ง”
“ได้ค่ะ คุณหนู”
เดินไปไม่กี่ก้าว มู่เวยเวยก็เปลี่ยนความคิด “ช้าก่อน เอาชุดนี้เผาทิ้ง”
“อ้อ ได้ค่ะ คุณหนู” สาวใช้ก้มศีรษะลงแล้วรีบเดินออกไป
มู่เวยเวยย่นจมูกขึ้น พูดกระซิบกระซาบ”วิ่งทำไม? ฉันไม่ได้จะกินเธอหรอก”
ทันใดนั้นนึกขึ้นได้ช่วงก่อนหน้านี้เธอแกล้งสติไม่ดี หรือว่าจะเหมือนจริงเกินไป คนในคฤหาสน์ยังคิดว่าเธอสติไม่ดีเพราะฉะนั้นเจอเธอถึงเป็นแบบเมื่อกี้
ช่างเถอะ สนใจพวกเขาทำไม ค่อยๆเปลี่ยนก็พอ
เพียงแค่ตอนนี้ เธอยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่จะต้องจัดการ……..