วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 152 สามีภรรยาทะเลาะกัน ความรักกักเก็บไว้ไม่ไหวแล้ว

มู่เวยเวยมองเขาด้วยสายตาไร้ความกังวล”ไม่มี”

“เชอะ ไม่มีเงินเธอจะไปฝรั่งเศสได้อย่างไร? หรือว่าเธอจะไปขโมยเงินลุงตระกูลมู่ล่ะ?”หรือเธอจะไปหว่านล้อมให้เย่ฉ่าวเหยียนจ่ายค่าเรียนกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้?

มู่เวยเวยเดิมทีไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับเขา ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะพูดหยาบคายออกมาเช่นนี้ ยังลากเย่ฉ่าวเหยียนมาเกี่ยวข้องอีก เธอจะไม่ทนอีกต่อไป

“เย่ฉ่าวเฉิน ความคิดคุณทำไมสกปรกอย่างนี้ ฉันแต่งงานกับคุณ เป็นพี่สะใภ้ของเย่ฉ่าวเหยียน ต่อให้ฉันคิดจะหว่านล้อมใครก็ไม่คิดที่จะเป็นเย่ฉ่าวเหยียน ฉันเลือกและไม่มีทางเข้าไปยุ่งวุ่นวาย!”

“ดูเหมือนว่าเธอจะมีจุดมุ่งหมายแล้ว สรุปเป็นผู้ชายคนไหนเหรอ?” เย่ฉ่าวเฉินนึกขึ้นได้ว่าเคยเจอคนคนหนึ่งที่มหาวิทยาลัย หรี่ตามองเธอ เสียงดังขึ้น “ใช่รุ่นพี่เธอคนนั้นใช่ไหม?”

มู่เวยเวยรับรู้เหนื่อยมามากพอแล้วเขาไม่มีเหตุผล ออกแรกผลักเขาออก “เย่ฉ่าวเฉิน ฉันว่าคุณเป็นโรคคิดไปเองนะ ได้ๆๆ ฉันก็ไม่อยากเสียเวลาพูดกับคุณ นี่เป็นเบอร์ของครูที่ให้คำปรึกษา คุณไปถามเองเลยดูว่าฉันไปขอเงินผู้ชายคนไหน ”

พูดแล้วทิ้งโทรศัพท์ให้เขา แล้ววิ่งออกนอกห้องพัก

ถ้าฉันอยู่กับเขาอีกหนึ่งวินาทีคงต้องหยุดหายใจ

เย่ฉ่าวเฉินชะงักงันสักครู่ คิดขึ้นมาได้เลยกดโทรหาเบอร์ที่เธอให้มา

หลังจากที่โทรติดต่อได้ปลายสายพูดมาว่า “เวยเวย เธอเปลี่ยนใจแล้วเหรอ?”

เย่ฉ่าวเฉินสำลัก เปลี่ยนใจอะไร?

ไอแห้งหนึ่งครั้งแล้ว เย่ฉ่าวเฉินพูด “สวัสดีครับ ผมเป็นสามีของมู่เวยเวย คุณสามารถที่จะบอกผมได้ไหมเรื่องที่มู่เวยเวยจะไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ฝรั่งเศสเกิดอะไรขึ้น?

คุณครูเสี่ยวฮัวรู้สึกแปลกใจถามว่า”เธอไม่ได้บอกคุณเหรอ? อ้อ อย่างนี้นะ…….”

มู่เวยเวยที่วิ่งออกจากห้องมุ่งตรงไปที่หน้าFront ขณะเดียวกันกับที่เจ้าของห้องพักกำลังดูซีรี่ย์อยู่หน้าคอมพิวเตอร์

“เปิดห้องเพิ่มอีกหนึ่งห้องค่ะ ” มู่เวยเวยกักเก็บอารมณ์โมโห สีหน้าไม่ดีพูดขึ้น

เธอไม่อยากอยู่ห้องกับเย่ฉ่าวเฉินเพียงลำพัง หนึ่งนาทีเธอก็ยังไม่ยอม

เจ้าของห้องพักเงยศีรษะขึ้นเห็นว่าเป็นเธอ ไม่ได้สั่งให้เธอลงทะเบียนก่อน เปิดลิ้นชักหยิบกุญแจให้เธอทันที “ห้องข้างๆคุณได้ไหม?”

“ไม่ได้ ฉันต้องการห้องที่ไกลที่สุดค่ะ”

“อ้อ~” เจ้าของห้องพักเปิดลิ้นชักพลิกไปมาหากุญแจและยื่นให้เธออีกครั้ง “นี่ ห้องพักที่ไกลที่สุด อยู่ชั้นสองเดินตรงไปทางนั้นก็ถึงแล้ว”

มู่เวยเวยหยิบกุญแจขึ้นมาด้านบนถึงห้องพักที่เจ้าของห้องพักบอก

นอกจากห้องที่ค่อนข้างมืด อย่างอื่นที่ตกแต่งภายในก็เหมือนกันหมด

ล้มลงบนเตียง มู่เวยเวยสายตาล่องลอยมองที่เพดานห้อง รู้สึกปวดตึงๆสมอง

อีกด้าน เย่ฉ่าวเฉินหลังจากวางสายแล้วสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น ที่แท้เธอได้ปฏิเสธเรื่องนี้เมื่อสองวันก่อน เขานึกว่าเธออยากไปให้ไกลและยังด่าทอเธอ

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกหงุดหงิดใจ ทำไมพอได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเธอขึ้นมาเขาต้องไม่ใจเย็นเช่นนี้? ทำไมถึงไม่สามารถฟังคำอธิบายของเธอ?

ตอนนี้ เธอคงจะเกลียดเขาเพิ่มมากขึ้น

ทำอย่างไรดี? เย่ฉ่าวเฉินเดินไปเดินมาในห้องนานมาก สุดท้ายก็รู้สึกว่าคงต้องขอโทษเธอก่อน

นอกห้อง ไม่มีแม้แต่เงา

ด้านล่าง บริเวณห้องพักก็ไม่มีคน

ที่นี่ใหญ่ขนาดนี้ เธอจะไปไหนได้?

หรือว่าจะไปอยู่ที่ห้องของฉ่าวเหยียน?

พอนึกได้เช่นนั้น เย่ฉ่าวเฉินก็อดใจไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ เคาะที่ประตูห้องของเย่ฉ่าวเหยียน

“พี่ เข้ามานั่งก่อนสิ” เย่ฉ่าวเหยียนหลบทางให้เขาเข้ามา

เขามองเข้าไปในห้องสรุปว่าไม่มีสักคน

“คือว่า……..นายเห็นมู่เวยเวยไหม?” เย่ฉ่าวเฉินถาม

เย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกแปลกใจ สักพักก็เข้าใจอย่างรวดเร็วพวกเขาสองคนทะเลาะกันอีกแล้ว ขมวดคิ้วขึ้นถามว่า “ไม่ครับ เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไรหรอก นายพักผ่อนเถอะ” เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากบอกเรื่องน่าอายกับน้องชาย

เย่ฉ่าวเฉินหันหลังกลับไปไม่กี่ก้าว เย่ฉ่าวเหยียนก็เรียก “พี่”

“ว่าอย่างไร?”

เย่ฉ่าวเหยียนไม่ได้ถามและยังบอกเล่าออกมาว่า “พี่กับเวยเวยทะเลาะกันอีกแล้ว”

เย่ฉ่าวเฉินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของเย่ฉ่าวเหยียน เพราะว่าปกติเย่ฉ่าวเหยียนจะพูดว่า “พี่สะใภ้” เป็นไปได้อย่างไรที่ครั้งนี้เรียก “เวยเวย”

“สามีภรรยาทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ นายไม่ต้องกังวลใจ” เย่ฉ่าวเฉินตอบเสียงราบเรียบ

เย่ฉ่าวเหยียนพยายามอดทนแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ พูดอย่างมีความหมายสองนัย “พี่ เวยเวยเป็นผู้หญิงที่ดี ถ้าหากพี่ไม่รู้จักทะนุถนอมเธอ ไม่ช้าก็เร็วเธอจะไปจากพี่”

เย่ฉ่าวเฉินหนังตากระตุก จ้องมองน้องชายอย่างพิจารณา พูดอย่างใจเย็น”ฉันแต่งงานกับเธอแล้ว เธอจะเป็นภรรยาฉันตลอดไป ฉันไม่ปล่อยเธอไป เธอก็หนีไปจากฉันไม่ได้ตลอดไป”

“อ้อ เอาเถอะ หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ” เย่ฉ่าวเหยียนพูดอย่างเหนื่อยล้า นวดบริเวณตาพูดว่า “พี่ ผมอยากนอนสักพัก ถึงเวลารับประทานอาหารแล้วเรียกผมนะ”

“รู้แล้ว นายพักผ่อนเถอะ”

ประตูปิดลงช้าๆ หน้าของเย่ฉ่าวเหยียนหายไป สีหน้าข้างเย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม หรือว่าเขาคิดมากเกินไป? น้องชายพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าเขาชอบมู่เวยเวยขึ้นมาจริงๆ?

แต่ดูจากท่าทีของมู่เวยเวยเมื่อสักครู่นี้ ก็เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้

ดูเหมือนว่าเขาต้องรีบจัดการให้เย่ฉ่าวเหยียนนัดดูตัวแล้ว เขารู้จักผู้หญิงอยู่หลายคนก็ต้องสามารถหลีกเลี่ยงความสนใจออกจากมู่เวยเวยได้

เขาไม่อยากให้น้องชายตัวเองมารู้สึกดีกับผู้หญิงคนเดียวกัน

ข้างบนข้างล่างเขาก็หาอย่างละหนึ่งรอบ บริเวณรอบหมู่บ้านก็หาแล้วหนึ่งรอบ เย่ฉ่าวเฉินก็ยังหามู่เวยเวยไม่เจอ ภายในใจรู้สึกร้อนรนขึ้นมา สุดท้ายแล้วสรุปว่าเธอจะไปที่ไหนได้?

ไม่ใช่ว่าไปหน้าหมู่บ้านแล้วนั่งรถกลับเมืองAนะ โทรศัพท์ของเธอก็ยังอยู่ที่เขาอยู่เลย

ตามหาจนปากแห้งคอแห้งก็ต้องหันกลับไปสถานที่พัก เจ้าของห้องพักกำลังดูซีรี่ย์จบพอดี มองเห็นเขาแล้วแปลกใจถามว่า”นี่เพื่อน คุณวิ่งไปวิ่งมาทำไม?”

เย่ฉ่าวเฉินนั่งอยู่ที่โซฟาหน้าประตู พูดด้วยความกลัดกลุ้มใจว่า “หาคน”

เจ้าของห้องพักนึกขึ้นได้ว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าเจอมู่เวยเวย ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาที่พักของเขามีคนมาพักแค่สองสามคน ถ้าหากไม่ผิดพี่คนนี้ตามหาก็คือเธอ

เจ้าของห้องพักจะว่าว่างก็คือว่าง ต้นคอหนุนอยู่ที่โต๊ะ ยิ้มสอดรู้สอดเห็น “ทะเลาะกับแฟนเหรอ?”

เย่ฉ่าวเฉินเพ่งเล็งเขาแวบหนึ่ง พูดเสียงแข็งว่า “ภรรยาผม”

เจ้าของห้องพักมึนงงไปไม่กี่วินาที ที่แท้สองคนนี้คือสามีภรรยากัน? อย่างนั้นแล้วพี่ผู้ชายอีกคนที่เข้ามาพักคือใคร?

“ภรรยาของคุณที่สูงๆใช่ไหม ผิวขาวมาก ผมยาวมัดหางม้า หน้าตาสวยๆ?” เจ้าของห้องพักถาม

เย่ฉ่าวเฉินตอบอย่างเย็นชา”อืม ใช่เธอ”

เจ้าของห้องพักยกนิ้วให้เขา “ว้าว——คุณนี่เก่งจริง กล้าทะเลาะกับภรรยา ” หลังจากนั้นใช้คำพูดเหมือนเคยผ่านมาก่อนว่า “ผู้หญิง เวลาที่เธอโมโหคุณต้องหยอกล้อเธอ นึกไม่ถึงว่าทะเลาะจนต้องแยกห้องนอน คาดว่าคุณทำผิดไม่น่าจะใช่เรื่องเล็ก”

เย่ฉ่าวเฉินฟังรู้สึกไม่เข้าใจ แยกห้องนอน? มู่เวยเวยเปิดห้องพักอีกหนึ่งห้อง?

“ผมผิดเอง ห้องพักเธอห้องไหนครับ”

เจ้าของห้องพักผงกศีรษะพร้อมกับพูด “ข้อมูลความลับของแขก ผมจะบอกคุณได้อย่างไร?”

เย่ฉ่าวเฉินจับที่หน้าผากของตัวเอง เจ้าของห้องพักนี่เหลี่ยมเยอะจริงๆ

ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ “คุณครับ ไม่ว่าห้องนั้นจะพักหรือไม่พัก เงินค่าห้องพักนี้ผมให้คุณ”

เจ้าของห้องพักยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หยิบเงินนั้นใส่กระเป่าแล้วชี้ไปที่ชั้นสอง “ห้องพักด้านในสุด เธอยังพูดย้ำอีกว่าต้องการห้องพักที่ไกลที่สุด”

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกกดดัน ไม่มีว่าเวลาสนใจเจ้าของห้องพัก ก้าวเท้ายาวขึ้นข้างบนไปห้องที่ไกลที่สุดที่เขาบอก

ถึงหน้าประตู เย่ฉ่าวเฉินชะงักฝีเท้า พูดอะไร? พูดว่าอย่างไร?

เขาหยิ่งยโสใส่เธอจนคุ้นชิน จะให้เขาขอโทษเธอทันที เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกพูดไม่ออก ในใจเขายิ่งไม่สบายใจ

สองจิตสองใจอยู่สักพัก เย่ฉ่าวเฉินได้เคาะประตูเบาๆ แต่ไร้การตอบรับ

เคาะอีกครั้ง แต่ก็ยังเหมือนเดิม

คงไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้น?

พอคิดได้อย่างนั้น เย่ฉ่าวเฉินลองผลักประตูผลักแล้วผลักอีก ในที่สุดก็ผลักจนเปิดออก

และผู้หญิงที่เขาตามหาหนึ่งถึงสองชั่วโมงนอนหลับอยู่ในห้องมืดนั้น

ความโกรธเริ่มประทุขึ้น เธอไม่ได้ล็อคห้องอีกทั้งยังนอนหลับ?หรือว่าไม่กล้วจะมีคนเข้ามา? สรุปคิดถึงเรื่องความปลอดภัยไหม?

เย่ฉ่าวเฉินปิดประตูลง เดินมาด้วยความโกรธหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ มองใบหน้าขาวสะอาดของเธอ ความโกรธเมื่อสักครู่ก็เริ่มหายไป มู่เวยเวยที่นอนเงยหน้าอยู่ หัวคิ้วขมวดเข้าด้วยกัน หนังตาคล้ำ สาเหตุมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ

เขานั่งลงข้างเธอ ใช้มือจับใบหน้าของเธอไว้ เธอฝันถึงอะไร? สีหน้าดูระทมทุกข์เช่นนี้? หรือว่าเธอฝันถึงฉัน?

เพราะว่าช่วงเวลาเที่ยง มู่เวยเวยนอนหลับค่อนข้างง่าย บวกกับเคาะประตูก่อนหน้านี้ เย่ฉ่าวเฉินสัมผัสหน้าของเธอ เธอก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา

สายตาสลัว เห็นใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินอยู่ต่อหน้าเธอ

หายจากอาการง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง มู่เวยเวยลุกขึ้นจากเตียง มองเขาด้วยสายตาเย็นชา พูดว่า “คุณมาทำอะไร?”

เย่ฉ่าวเฉินอ้าปากค้าง คำขอโทษนั้นยังไม่ได้พูดออกมา ได้ยื่นโทรศัพท์คืนให้เธอ “โทรศัพท์เธอ”

มู่เวยเวยหยิบมา ไม่แม้แต่มองหน้าเขา “คุณออกไปได้แล้ว”

เย่ฉ่าวเฉินลุกเดินไปสองก้าวแล้วหยุด หันกลับมาพูดว่า”เธอจะพักอยู่ที่นี่?”

“ใช่”

เย่ฉ่าวเฉินมองสีหน้าเรียบเฉยของเธอ รวบรวมความกล้าพูดว่า”เรื่องเมื่อกี้ ฉันทำผิด ฉันไม่ควรพูดคำพูดอย่างนั้น”

มู่เวยเวยสีหน้าไร้ปฏิกิริยาไม่มีการแสดงออก รู้สึกแปลกใจ นึกไม่ถึงว่าเขาจะขอโทษเธอ

พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นทางทิศใต้นะ

แค่เอ่ยคำขอโทษออกมา เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกสบายใจขึ้นมาก พูดต่ออีกว่า”ฉันไม่ได้ตรวจสอบให้ดีก่อนแล้วใส่ร้ายเธอ และพูดคำพูดที่ไม่น่าฟัง ฉันผิดเอง”

มู่เวยเวยเหล่สายตามองเขา ยิ้มเย็น พูด”ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรคุณก็ทำอย่างนี้เป็นปกติ ฉันชินมาตั้งนานแล้ว”

“เวยเวย…..” เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกปวดใจ เรื่องเมื่อก่อนเขาฟังความจากเฉียวซินโยวอยู่แค่ฝ่ายเดียว เวลาที่เธออธิบายเขาทำอะไร? หุบปาก อีกทั้งยังลงไม้ลงมือกับเธอ?

มู่เวยเวยทำมือให้เขาหยุดพูด “อย่า เย่ฉ่าวเฉิน คุณอย่าเรียกฉันอย่างนี้ ฉันรับไม่ได้ และอย่าขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา คุณตีก็เคยตีแล้ว ฉันตายก็เคยตายแล้ว ก็ปล่อยให้เรื่องพวกนั้นผ่านไปเถอะ ก็เหมือนกับที่คุณพูด ความจริงฉันก็เป็นของเล่นที่ซื้อมา คุณประธานเย่ไม่จำเป็นต้องมาขอโทษของเล่น ” มู่เวยเวยเปิดประตูออก ผายมือเชิญเขา “เชิญค่ะ”

เย่ฉ่าวเฉินเหมือนถูกเธอเอามีดแทงที่หัวใจ ไม่พูดอะไรแล้วก็เดินออกจากห้องไป

แต่ว่าไม่นาน เขาก็กลับมา ในมือยังถือกระเป๋าสองใบ ใบหนึ่งคือกระเป๋าเป้ที่เธอเอามา อีกใบคือใบที่ครั้งนี้เย่ฉ่าวเฉินเอามาเปลี่ยนเสื้อผ้าซัก

“คุณหมายความว่าอย่างไร?” มู่เวยเวยมองเขาที่หยิบเสื้อผ้าจากกระเป๋าขึ้นมาแขวนใส่ตู้เสื้อผ้า ถามอย่างไม่ดีใจ

เย่ฉ่าวเฉินทำเหมือนไม่สนใจพูดว่า “ไม่ได้มีความหมายอะไร คุณไม่ใช่ว่าอยากจะพักห้องนี้เหรอ?”

“ใช่ ฉันอยากจะพักห้องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณพักห้องนี้ได้” มู่เวยเวยพูดเสียงแข็ง

เย่ฉ่าวเฉินมองเธอแวบหนึ่ง พูดว่า”เปิดสองห้องมันสิ้นเปลืองเงิน”

ห้ะ? สิ้นเปลืองเงิน?

มู่เวยเวยแย่แล้ว เหตุผลของคุณคือมันฝืนใจกันเกินไป

“เย่ฉ่าวเฉิน ที่นี่คืนหนึ่งแค่หนึ่งร้อยหยวน คาดไม่ถึงว่าเจ้าของบริษัทอย่างคุณจะพูดว่าสิ้นเปลืองเงิน?”

“แน่นอน เงินของฉันแต่ละบาทก็คือทำงานหามา แน่นอนว่าจะต้องใช้อย่างประหยัด ” ที่เย่ฉ่าวเฉินพูดความจริงทั้งหมด

มู่เวยเวยพลิกตาขาวมองบน ยักไหล่พูด “ได้ คุณอยากพักที่นี่คุณก็อยู่ ฉันจะไปเปิดห้องอื่น”

มองมู่เวยเวยเดินออกไป เย่ฉ่าวเฉินยิ้มออกมาอย่างคนใช้กลอุบายสำเร็จ

หน้าFront

“ขอโทษครับ ไม่มีห้องว่างแล้ว “เจ้าของห้องพักยิ้มในขณะที่พูด

มู่เวยเวยเบิกตากว้าง ชี้ไปห้องพักที่อยู่รอบๆบริเวณนั้น “พี่ ก็เห็นอยู่ว่าทั้งหมดนี้คือห้องว่างนะคะ”

“คืออย่างนี้นะ ห้านาทีก่อนหน้านี้ คุณเย่ฉ่าวเฉินจองที่นี้ไว้หมดแล้ว”

เดินโมโหกลับมาที่ห้อง เย่ฉ่าวเฉินยืนกอดอกพิงผนังมองเธอ แววตาคู่สีฟ้ายิ้มออกมาเต็มไปด้วยใจที่คิดร้าย

มู่เวยเวยจ้องเขม็งใส่เขาแวบหนึ่ง คุณรวยมีเงินคุณเก่งมาก

ในเมื่อกำหนดไว้แล้วว่าจะให้พักห้องเดียวกัน ทำไมเธอจะต้องฝืนความรู้สึกตัวเอง

มู่เวยเวยหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้น กลับไปห้องแรกที่จองไว้ อย่างน้อยห้องนี้ก็ดูโล่งโปร่งเปิดหน้าต่างออกไปก็เจอสวนดอกไม้ ทิวทัศน์สวยงาม

เย่ฉ่าวเฉินอมยิ้ม หยิบเสื้อผ้าที่แขวนใส่ตู้ยัดลงใส่กระเป๋า

สู้กับเขา?เธออ่อนหัดเกินไปแล้ว

ผ่านมาไม่กี่วัน ตอนเช้าเย่ฉ่าวเฉินพาฉ่าวเหยียนไปรักษาโรค ตอนบ่ายนั่งในห้องเปิดสมุดบันทึกเพื่อทำงาน อย่างน้อยเมื่อคืน…ก็ยังได้นอนเตียงเดียวกันกับมู่เวยเวย

เพียงแค่นอนเฉยๆสบายๆไม่ได้ทำอะไร

เพราะว่าเมื่อคืนเย่ฉ่าวเฉินจับมู่เวยเวยกดลงบนเตียง กำลังที่จะประชิดตัว

มู่เวยเวยยิ้มอย่างเยือกเย็นพูดกับเขาอย่างเนิบนาบทีละคำว่า “ฉันเป็นประจำเดือน”

เย่ฉ่าวเฉินมึนงง เส้นเอ็นบริเวณหน้าผากนูนขึ้น แววตาอ้อนวอน “ทำไมเธอไม่รีบพูด?”

“เพิ่งนึกขึ้นได้”

เย่ฉ่าวเฉินมองสีหน้าของเธอ เพิ่งจะนึกขึ้นได้ที่ไหนกัน เห็นอยู่ชัดเจนว่าตั้งใจ

ตรงนั้นจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถแตะต้องเธอ เย่ฉ่าวเฉินกัดที่ตัวเธอนิดหนึ่ง พลิกตัวลงจากเตียงเข้าห้องอาบน้ำ และอาบน้ำด้วยน้ำเย็น

นอกหน้าต่างเป็นพระจันทร์ที่สว่างไสวสวยงาม สาดส่องแสงสกาวเข้ามาในห้อง

ครั้งนี้ประจำเดือนมาเร็วมาก สามารถทำให้เขาหยุดได้สักพัก เพียงแต่ว่าปวดท้องหนักมากเหมือนจะตายให้ได้

เย่ฉ่าวเฉินเดินตัวเย็นออกมา ขึ้นเตียงมุ่งตรงเข้าไปโอบกอดเธอ

“อย่าดิ้น ” เย่ฉ่าวเฉินพูดเสียงต่ำ มืออีกข้างทาบวางบริเวณท้องน้อยของเธอ ความร้อนเริ่มมีขึ้นมา มู่เวยเวยรู้สึกสบายตัวมาก อาการปวดดีขึ้นมานิดหนึ่ง

……

วันนี้ตอนบ่าย ลานบ้านของเพื่อนหมอฮัว

หลังผ่านการรักษามาไม่กี่วันมือของเย่ฉ่าวเหยียนที่รักษายาก คาดไม่ถึงว่าจะมีความรู้สึกขึ้นมานิดหนึ่ง ถึงแม้จะยังเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ว่าเวลาที่สัมผัสโดนน้ำ เขาก็ยังรู้สึกได้ว่าร้อนหรือเย็น

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เขาประหลาดใจ

“หมอฮัวคนนี้เก่งมาก ไม่กี่วันก็ได้ผลแล้ว ” มู่เวยเวยเดินวนพูดคุยกับเย่ฉ่าวเหยียนอย่างดีใจ

เย่ฉ่าวเหยียนสายตามองตามเงามู่เวยเวย ยิ้มอย่างอบอุ่น “ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอบคุณคุณแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ มือของผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะรักษาหาย”

มู่เวยเวยโบกมือพัลวัน “คุณช่วยเหลือฉันหลายครั้ง และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ได้รับความทุกข์ใจก็เป็นตัวคุณเอง”

เย่ฉ่าวเหยียนมองเห็นเงาของคนคนหนึ่งกำลังเดินมา แววตาเคร่งขรึมลง ไม่ส่งเสียงอะไรออกมายืนขวางมู่เวยเวย และตั้งใจพูด “เวยเวย หมอหานไม่อยู่ คุณช่วยผมเอาผ้าชุบน้ำร้อนประคบที่ไหล่ได้ไหม?”

มู่เวยเวยกำลังว่างไม่มีอะไรทำ พูดสัญญาว่า “ได้สิ คุณรอสักครู่นะ”

เย่ฉ่าวเหยียนไม่อยากรออีกต่อไป ช่วงไม่กี่วันเขาเห็นเย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยเข้าๆออกๆพร้อมกัน หัวใจเหมือนมีเข็มมาปักอยู่ โดยเฉพาะตอนกลางคืน เข็มเล่มนี้แทงใจคล้ายเลือดไหลออกมาไม่หยุด เจ็บจนเขาหายใจลำบาก

เขารู้ว่ามู่เวยเวยคิดกับเขาเพียงแค่เพื่อน ถ้าหากพูดกับเธอทันที ต้องทำให้เธอตกใจวิ่งหนีแน่นอน คาดว่าหน้าก็ไม่อยากพบ

เพราะฉะนั้น เขาทำได้แค่เริ่มจากเย่ฉ่าวเฉินเข้าไป

พี่ ขอโทษนะครับ ผมต้องการที่จะแย่งมู่เวยเวยมา

เพื่อสะดวกแก่การรักษา เย่ฉ่าวเหยียนใส่เพียงแค่เสื้อกล้าม มู่เวยเวยถือผ้าชุบน้ำร้อนออกมา ถอดแขนเสื้อด้านขวาเขาลงมา เห็นกล้ามเนื้อสีเหลืองบริเวณบ่า และแขนด้านบนยังมีรอยแผลเป็นเก่าๆใหม่ๆอยู่

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มู่เวยเวยเห็นรอยแผลเป็นเขา รู้สึกใจสั่นไหว พูดเสียงเบา “นี่คือ…..หมอฮัวทำเหรอ?”

เย่ฉ่าวเหยียนผงกศีรษะ ตอบแค่ว่า “อืม”

“ดูแล้วน่าจะเจ็บมาก” มู่เวยเวยใช้ผ้าชุบน้ำร้อนประคบที่หัวไหล่ ถามว่า”ร้อนไหม?”

“กำลังดี” เยฉ่าวเหยียนซ่อนรอยยิ้มไว้ มองเห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่ห่างจุดจากนี้ไม่กี่เมตร ในระดับนั้น ดีที่มู่เวยเวยถูกบดบังร่างกายอยู่ จึงมองไม่เห็น

“ถ้าผ้าเย็นแล้วบอกนะ ฉันจะได้ไปเปลี่ยน” มู่เวยเวยพยายามรับผิดชอบหน้าที่อย่างเต็มที่ ก้นบึ้งหัวใจของเธอมองเย่ฉ่าวเหยียนเป็นเพื่อนที่ ไม่มีความสัมพันธ์ในแบบผู้ชายผู้หญิง แต่ทว่ามีคนที่ไม่ได้คิดอย่างนั้น

เย่ฉ่าวเหยียนมองคนที่เป็นเงาในดวงตาของเขาแวบหนึ่ง แกล้งทำเหมือนไม่มีอะไร ถาม “เวยเวย ช่วงไม่กี่วันนี้คุณกับพี่เป็นอย่างไรบ้าง? เหมือนว่าคุณไม่ค่อยมีความสุข?”

“เหอะๆ ฉันอยู่กับเขาเคยมีเวลาไหนที่ความสุข?” มู่เวยเวยถอนหายใจ “ไอหย๋า ไม่พูดเรื่องแย่ๆแล้ว หมอฮัวเตรียมตัวไปเมื่อไหร่?”

” พรุ่งนี้เขาก็ไป”

มู่เวยเวยลองจับผ้าดูว่าร้อนไหม ยังร้อนอยู่ พูดอีกว่า “ทำไมเร็วจัง ถ้าอย่างนั้นหมอหานเรียนฝังเข็ม ครอบแก้ว ทุยหนาอะไรพวกนี้เข้าใจหมดแล้วเหรอ?”

“น่าจะเข้าใจแล้ว” เย่ฉ่าวเหยียนไม่กล้ารับรอง แต่ทุกครั้งที่เรียนหมอหานตั้งใจมาก เหมือนกับนักเรียนที่ดีอย่างนั้น

เย่ฉ่าวเฉินเดินออกมาจากมุมมืด มองทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอย่างมีความสุขสนุกสนาน สีหน้าเคร่งขรึม

“พี่ มาแล้วเหรอ”

มู่เวยเวยชะงักงัน เมื่อกี้ที่เธอพูด เขาได้ยินแล้ว?

ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็พูดความจริง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาไม่เคยดีตั้งแต่แรกแล้ว อยากมากก็แค่พัง

เย่ฉ่าวเฉินนั่งลงบนเก้าอี้หินฝั่งตรงข้ามเขา พรวดพราดพูดขึ้น “ฉ่าวเหยียน นายชอบผู้หญิงประเภทไหน?”

เย่ฉ่าวเหยียนหนังตากระตุก มองเขาที่ไม่ยิ้มแย้ม “พี่ ทำไมอยู่ดีๆถามเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา?”

“ไม่มีอะไร เพียงแค่คิดว่า นายอายุไม่น้อยแล้ว ควรที่จะแต่งงานได้แล้ว” เย่ฉ่าวเฉินพูดถึงตรงนี้แล้วหยุด สายตามองไปทางอีกคน “นายดู เวยเวยอายุน้อยกว่านายก็เป็นพี่สะใภ้นายแล้ว นายก็รีบแต่งงานได้แล้ว พ่อแม่ที่อยู่ยมโลกก็จะได้หมดห่วง เวยเวย เธอคิดว่าอย่างไร?”

มู่เวยเวยแย่แล้ว เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเธอ? และอีกอย่าง เธอแต่งงานเร็วไม่ใช่เพราะลุงตระกูลมู่กับเขาบังคับเหรอ? ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็ยังเรียนหนังสือสบายๆอยู่ จะมาขายตัวให้เขาได้อย่างไร?

“อืมๆ ฉ่าวเหยียนควรแต่งงานแล้ว” มู่เวยเวยโอนอ่อนผ่อนตามคำพูดเขา

เย่ฉ่าวเฉินพึงพอใจผงกศีรษะ และพูดกับฉ่าวเหยียนอีกว่า “มีหรือไม่มีคนที่ชอบอยู่ พี่จะช่วยนายสู่ขอ หรือว่ามีมาตรฐานไหม ฉับกับพี่สะใภ้ของนายจะช่วยจับตาดูให้”

มู่เวยเวยไม่เข้าใจเขา ครั้งนี้เกิดตะคริวอะไรขึ้นมา พูดอะไรออกมาลากโยงเธอไปเกี่ยวข้องด้วยตลอด

แต่ทว่าเย่ฉ่าวเหยียนเข้าใจแล้ว ทั้งยังเข้าใจง่ายๆ

“พี่ทำไมดูเป็นห่วงผมจัง”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มร้าย “แต่งงานเรื่องใหญ่ จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไรกัน? บอกพี่มา สรุปว่ามีหรือไม่มี?”

เย่ฉ่าวเหยียนเงียบไม่พูดไม่จา สองพี่น้องคู่นี้ทำไมจ้องตากันอยู่สักพัก คล้ายกับว่ากำลังประลองฝีมืออะไรกันสักอย่าง

เชื่อมโยงกับรอยยิ้มแวววาวของเย่ฉ่าวเหยียน พูดอย่างกล้าหาญว่า “ใช่ มีคนที่ชอบแล้ว เพียงแต่ว่าฝ่ายนั้นยังไม่รู้ตัว รอเวลาเหมาะสมแล้วผมจะบอกเธอ ถ้าหากเธอตกลง พี่ค่อยไปสู่ขอให้ผม”

คำพูดของเย่ฉ่าวเหยียนทำให้มู่เวยเวยแปลกใจ รีบถามเป็นพัลวัน ” คุณมีผู้หญิงที่ชอบแล้ว?ทำไมไม่เคยได้ยินคุณพูดถึง? ทำงานอะไร? สวยหรือไม่สวย? เรียกเธอออกมาเจอกันหน่อย”

เย่ฉ่าวเหยียนเอียงศีรษะมองเธอ ภายในใจแทบจะเป็นบ้าแล้ว

ผู้หญิงโง่คนนี้!

“เธอ…..ผมยาว ตาโต จมูกโด่ง นิสัยเหรอ ไม่ต่างจากคุณ” เย่ฉ่าวเหยียนพูดต่อหน้าเย่ฉ่าวเฉิน พูดอย่างไม่หลบหลีกเลี่ยง

มู่เวยเวยไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่ามีผู้หญิงคนนั้นจริง “อย่างนั้นฉันก็สามารถพูดคุยกับเธอได้ มีโอกาสคุณแนะนำให้ฉันรู้จักนะ”

เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองมู่เวยเวยเขม็ง ดูเธออย่างนี้แล้วไม่มีท่าทางว่าหึงหวงหรืออิจฉาริษยา คาดว่ายังฟังไม่เข้าใจคำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งของเย่ฉ่าวเหยียน ถ้าอย่างนั้นก็คือเธอไม่ได้ชอบเย่ฉ่าวเหยียน

เพราะว่าถ้าชอบ ไม่มีทางที่จะดีใจแทนเขา อย่างน้อยต้องแสดงออกถึงความเสียใจ

แต่มู่เวยเวยไม่ได้แสดงออกอย่างนั้นเลย

การคาดการสถานการณ์ทำให้เย่ฉ่าวเหยียนผ่อนคลายลง

“เวยเวย เธอไปดูว่าเจ้าของห้องพักทำอาหารเสร็จหรือยัง ฉันมีเรื่องจะคุยกับเย่ฉ่าวเหยียน” เย่ฉ่าวเฉินพูดกับเธอ

“อ้อ” มู่เวยเวยรีบเดินออกไป เธอยังตกอยู่ในความคิดที่แปลกใจว่าเย่ฉ่าวเหยียนมีคนในใจแล้ว ไม่ได้อยากรู้ว่าพวกเขาจะคุยอะไรกัน

หลังจากที่มู่เวยเวยออกไปบรรยากาศกลางลานก็เย็นขึ้น

“ออกไปเดินกัน” ไม่รอเขาตอบกลับ เย่ฉ่าวเฉินเดินไปอีกทางที่มู่เวยเวยไม่ได้ไป

เย่ฉ่าวเหยียนถอนหายใจออกมา หยิบผ้าชุบน้ำร้อนออก ใส่เสื้อผ้า

เรื่องนี้ ในที่สุดเขาก็ต้องรู้

เพราะว่าความรักของเขากักเก็บไว้ไม่ได้แล้ว เขาไม่อยากจะกักเก็บแล้ว

สองพี่น้องเดินลัดเลาะไปในทางเล็กของทุ่งนา ถึงหนึ่งเส้นทางแล้วก็ไปอีกเส้นทาง ถึงทุ่งนาที่มีน้ำขังอยู่ เย่ฉ่าวเฉินหยุดเดิน พูดเสียงราบเรียบ “ฉ่าวเหยียน นายไม่อยากพูดอะไรหน่อยเหรอ?”

“ไม่ใช่พี่เหรอที่อยากจะพูด” เย่ฉ่าวเหยียนมองเขา

เย่ฉ่าวเฉินเลือกพูดออกมาตรงๆ “ผู้หญิงที่นายพูดถึง ไม่ต้องคิดแล้ว นายไม่มีวันที่จะได้ครอบครองเธอ”

เย่ฉ่าวเหยียนแสยะมุมปากขึ้น “พี่ ยังไม่ได้ลอง พี่รู้ได้ยังไงว่าจะไม่ได้มาครอบครอง?”

“ฉ่าวเหยียน คนไม่มีเจ้าของนายแย่งได้ แต่เธอแต่งงานแล้ว นาย….” เย่ฉ่าวเฉินไม่มีวิธีการที่จะพูดกับคนไม่ยอมรับความจริง แต่ทว่าคำพูดที่ออกมายิ่งเด็ดขาดขึ้น

เย่ฉ่าวเหยียนก็ยังไม่ยอมถอย “เธอแต่งงานแล้ว แต่เธอไม่ได้มีความสุขเลย สามีของเธอทำไม่ดีกับเธอ หรือว่าผมไม่ควรที่จะพาเธอหนีออกจากขุมนรกนี้เหรอ?”

“นาย……..” เย่ฉ่าวเฉินไม่มีคำพูดตอบโต้น้องชาย เพราะว่าเขาเคยทำไม่ดีกับเธอจริง ไม่ดีมากๆ

เย่ฉ่าวเหยียนก้าวเข้ามาใกล้ ” การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักไม่สามารถอยู่ได้นาน และอีกอย่างสามีของเธอใช้การแต่งงานมาแก้แค้น ทั้งหมดนี้คือการทรยศครอบครัว พี่คิดว่าการแต่งงานอย่างนี้ยังจะสามารถและจำเป็นต้องไปต่อไหม?”

“ฉันไม่เคย !” เย่ฉ่าวเฉินพูดออกมา “ฉันกับเฉียวซินโยวไม่เคยทำอะไรถึงขึ้นเกินเลยขอบเขต”

“เกินขอบเขต?หรือว่าพี่คิดว่าที่พี่ขึ้นเตียงกับเฉียวซินโยวไม่เกินขอบเขต” เย่ฉ่าวเหยียนแสยะยิ้มเย็น โยกศีรษะพูด “พี่ พี่ให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากจะได้พี่มาอยู่ในคฤหาสน์ เท่านี้ยังไม่พอ?พี่กล้าพูดว่าไม่ได้เห็นแก่ตัว? พี่กล้าพูดไหมว่าถ้ามีโอกาส พวกพี่สองคนจะไม่ทำถึงขั้นนั้น?”

“ฉ่าวเหยียน เรื่องที่นายพูดมาตอนนั้นฉันคิดน้อยจริง แต่ตอนนี้ปัญหาคือเธอแต่งงานกับฉันแล้ว หรือว่าเราสองพี่น้องจะโกรธกันเพราะผู้หญิงคนเดียว?”

“พี่ ตอนนั้นที่พี่แต่งงานกับเธอ ก็เป็นเพียงเพราะว่าอยากลากมู่เทียนเย่ออกมา ในเมื่อเธอไม่ได้รักพี่ พี่ก็ไม่ได้รักเธอ ให้ผมพาเธอไปจะไม่ดีกว่าเหรอ ให้มู่เทียนเย่มาหาผมเถอะ”

“ไม่มีทาง “เย่ฉ่าวเฉินปฏิเสธ “ฉันไม่มีทางให้นายพาตัวเธอไป!”

“ถ้าหากเรื่องนี้ผมยังพยายามทำไม่หยุดล่ะ? ถ้าหากผมทำให้เธอรักผม?”

สายตาของเย่ฉ่าวเฉินมองด้วยความดุร้าย “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะฆ่าเธอ”

ผู้หญิงของเขาสามารถที่จะไม่รักเขา แต่เธอไม่มีสามารถที่จะรักคนอื่นได้ ยิ่งไปกว่านั้นคนคนนี้คือน้องชายแท้ๆของเขา

เย่ฉ่าวเหยียนรู้ว่าที่เขาพูดมานั้นสามารถทำได้ ไม่เพียงแต่เป็นห่วงมู่เวยเวย พูดอย่างเหนื่อยหน่ายว่า “พี่ ผมรู้ว่าที่ผมชอบมู่เวยเวยผมทำไม่ถูก แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่ ตั้งแต่เล็กจนโตผมไม่เคยขอร้องอะไรพี่เลย ครั้งนี้ผมขอได้ไหม?”

เย่ฉ่าวเฉินมองสีหน้าที่เจ็บปวดของน้องชาย ภายในใจอดทนไม่ได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ฉ่าวเหยียนก็เป็นน้องชายของเขา เป็นญาติคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่ มือขวาของเขาเป็นอย่างนี้ก็เพื่อจะช่วยเขาในปีนั้น

เย่ฉ่าวเฉินลูบแล้วลูบอีกที่ไหล่ของฉ่าวเหยียน ถอนหายใจพูดว่า “ฉ่าวเหยียน นายชอบเธอ เพราะว่าคนที่นายใกล้ชิดที่สุดก็คือเธอ นายแค่หลงไหลเธอชั่วคราว ที่จริงมีผู้หญิงที่ดีกว่ามู่เวยเวยอีกเยอะ นายใกล้ชิดบ่อยๆก็ลืมเธอ ฉันเตรียมงานสังสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ไว้เพื่อนาย เชิญผู้หญิงในเมืองAที่นิสัยดีและมีชาติตระกูล ถึงเวลานั้นนายก็แค่ตั้งใจเลือก”

เย่ฉ่าวเหยียนไม่อยากจะเชื่อ เบิกตากว้าง “พี่?”

“พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เรื่องนี้ผมจัดการเอง ผมจะเอาอย่างนี้” เย่ฉ่าวเฉียนใช้น้ำเสียงที่เอาชีวิตเดิมพันพูดกับเขา

เย่ฉ่าวเหยียนมองเขาอยู่นาน ในที่สุดก็ผงกศีรษะพูด “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”

ตอบตกลง เพื่อให้เขาลดความตื่นตัว รอเวลาที่เหมาะสมแล้ว เขาก็ยังที่จะพามู่เวยเวยไป

“กลับเถอะ ควรจะรับประทานอาหารแล้ว”

ทั้งสองคนเดินตามกันกลับมา มองภายนอกเหมือนปรองดองกัน แต่ทว่าภายในใยังหนักหน่วงอยู่

เพิ่งจะเข้าที่พัก เย่ฉ่าวเฉินเห็นคนแก่จำนวนหนึ่งวิ่งผ่านที่พักออกไป รู้สึกแปลกๆ เย่ฉ่าวเฉินจับคนหนึ่งไว้ได้ทันถามว่า “เกิดอะไรขึ้น พวกคุณวิ่งอะไรกัน?”

“มีคนตกลงไปในบ่อน้ำ”

เย่ฉ่าวเฉินใจกระตุกวูบหนึ่ง คงไม่ใช่มู่เวยเวยหรอกนะ

“ฉันจะไปดู ” เย่ฉ่าวเฉินพูดกับเย่ฉ่าวเหยียน จากนั้นรีบวิ่งไปทางที่คนวิ่งกันไปอย่างรีบร้อน

บริเวณรอบบ่อน้ำมีชาวไร่ชาวนาจำนวนหนึ่ง แต่คนเหล่านั้นอายุมากแล้ว

“เป็นอย่างไร ลงเป็นนานแล้วทำไมยังไม่ขึ้นมา?”มีคุณตาคนหนึ่งพูดด้วยความกังวลใจ”ไม่ได้ ฉันต้องลงไปดู”

คุณยายที่ยืนอยู่ข้างคุณตารีบดึงแขนไว้ “ตาแก่ คุณมีโรคหัวใจ หมอบอกว่าไม่ให้คุณลงน้ำ”

“แต่ว่าก็ไม่สามารถปล่อยให้สาวน้อยคนนั้นเสียชีวิตได้”คุณตายพูดพร้อมกับถอดรองเท้า

เย่ฉ่าวเฉินรับรู้ทุกความรู้สึกได้ จับแขนของคุณตาไว้ ถามว่า “สาวน้อยอะไร?”

กำลังถามออกไป ในน้ำมีเสียงดังจั๊กๆจากนั้นก็ไม่คนยื่นขึ้นหนึ่งคน เป็นมู่เวยเวย ในมือของเขายังมีเด็กอายุสองขวบอยู่ด้วย เด็กคนนั้นหน้าเขียวแล้ว ไม่รู้ว่ายังหายใจอยู่ไหม

“เร็วๆๆ เขายังมีชีวิตอยู่ รีบช่วยเขา” มู่เวยเวยใช้แรงผลักเด็กขึ้นไปด้านบน คนด้านบนใช้มือลากแขนเด็กขึ้นไป

ชาวไร่ชาวนาพากันมุงดูการช่วยชีวิตเด็กด้วยความตื่นตระหนก แต่ทว่าไม่มีใครสนใจมู่เวยเวยที่อยู่ในน้ำเลย

เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่รู้ว่าโกรธหรือว่าตื้นตันใจ ยื่นมืออกไปแล้วเรียกเธอ “ขึ้นมา”

มู่เวยเวยเช็ดน้ำบริเวณใบหน้า ดวงตาของเธอใสแวววาวมากกว่าน้ำในบ่อ ขนาดน้ำค้างในดอกไม้ยังไม่แวววาวเท่าดวงตาเธอ เธอกำลังยืนมือไปจับเย่ฉ่าวเฉิน แต่ทันใดนั้นขาของเธอเกิดสะดุด เธอจมหายไปใต้น้ำนั้นทันที

“มู่เวยเวย!” เย่ฉ่าวเฉินใจเต้นแรง คล้ายกับกำลังสูญเสียของสำคัญไป

“มู่เวยเวย——” เย่ฉ่าวเฉินร้องเสียงดัง ผิวน้ำไม่กระเพื่อมไร้ความเคลื่อนไหว เย่ฉ่าวเฉินไม่กล้าที่จะรอ รีบถอดแล้วกระโดดลงไป

บ่อน้ำเพราะมีบัวชนิดนี้ถึงไม่ลึก แต่ว่าขอบสระน้ำลึกประมาณสองเมตร เย่ฉ่าวเฉินกระโดดลงไปหาไม่กี่วินาที ประมาณหนึ่งเมตรก็มองเห็นมู่เวยเวยเอวบิดดิ้นอยู่ ที่เท้าไม่รู้ว่ามีสิ่งของอะไรเกี่ยวพัน

เย่ฉ่าวเฉินรีบว่ายดำลึกลงไป หน้าของเธอขาวซีด การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง กลัวเธอขาดออกซิเจน เย่ฉ่าวเฉินโอบรอบเอวพาเธอขึ้นมาจากน้ำ

“เธออยากตาย?” เย่ฉ่าวเฉินเปล่งเสียงตะคอกด่าเธอ “รู้ไหมอยู่ใต้น้ำขาดออกซิเจนทำให้ง่ายต่อการหยุดหายใจ”

มู่เวยเวยไอออกมา ไม่รู้ตัวว่ากำลังยึดไหล่ของเขาเพื่อเอาแรง “ฉัน……..ฉันก็อยากขึ้นมา แต่ขาถูกรัดไว้ ฉันก็ไม่มีวิธีขึ้นมา”

เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองเหมือนกับโมโห พูดขึ้นว่า”อย่าดิ้น ฉันจะลงไปเอาออกให้ “พูดจบ ใบหน้าก็หายลงไปใต้น้ำ

น้ำไม่ใสกระจ่าง ระดับความชัดเจนน้อย เย่ฉ่าวเฉินบิดเอวแหวกว่ายลงไปใกล้ๆถึงมองเห็นว่าเท้าของมู่เวยเวยถูกเครือเกี่ยวไว้ เพราะว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งใช้แรง ผิวหนังถูกเครือรัดเห็นร่องรอยของคราบเลือดขึ้นมา

เขารีบจัดการเอาออกแล้วสองเครือ เหมือนกับว่าเครือพวกนี้ฉลาด เอาออกไปแล้วหนึ่ง อีกเครือหนึ่งก็มารัดไว้อีก

อากาศในช่องอกเริ่มลดน้อยลง เย่ฉ่าวเฉินใจเต้นแรงมากยิ่งขึ้น รอเวลาจนอากาศเหลือแค่ครั้งสุดท้าย เขาขึ้นมาจากน้ำและสูดหายใจลึก

มู่เวยเวยมองหน้าเขาที่แดงเถือก หาได้ยากที่เธอจะแสดงความห่วงใยเขา “คุณ…. คุณระวังด้วยนะ”

เย่ฉ่าวเฉินได้ฟัง รู้สึกอบอุ่นใจ มองจ้องตาแววตาเธอลึกๆ แล้วลงไปใต้น้ำ

กลับไปกลับมาเช่นนี้อยู่สามสี่รอบหลังจากนั้น ร่างกายของมู่เวยเวยเริ่มเย็นมากขึ้น เธอยังอยู่ในช่วงมีประจำเดือน อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ความสามารถของร่างกายที่จะรับได้ใกล้จะหมดลงแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินรับรู้ถึงอาการสั่นของเธอ ในใจยิ่งร้อนรน…….

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset