ตอนที่ขึ้นจากน้ำเป็นครั้งที่สี่เย่ฉ่าวเฉินก็เห็นมีดเล่มหนึ่งที่อยู่ห่างจากบ่อน้ำไม่ไกล เขาเห็นว่าไม่มีใครสนใจ เข้ารีบพุ่งตัวผ่านอากาศไปหยิบมีดราวกับว่ามีปีก เย่ฉ่าวเฉินจับมีดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และบอกกับมู่เวยเวย ” อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวมันจะดีขึ้น ”
ดวงตาสีม่วงเหนือน้ำ มู่เวยเวยหยุดชะงักไปชั่วขณะ
เถาวัลย์ถูกตัดออกทีละต้น ในเวลาอันรวดเร็วข้อเท้าของมู่เวยเวยก็เป็นอิสระ เย่ฉ่าวเฉินทิ้งมีดไปแล้วเอื้อมมือไปคว้าเอวเธอไว้ จากนั้นก็พาถึงขึ้นมาบนฝั่ง
มีชาวบ้านช่วงดึงเธอให้ขึ้นมาบนฝั่ง เย่ฉ่าวเฉินก็กระโดดตามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ขาของมู่เวยเวยอ่อนแรงเธอเกือบจะล้มหัวฟาดพื้น แต่กลับโดนคนๆเธอกอดตัวเธอไว้ เธอเงยหน้าขึ้นมองคือเย่ฉ่าวเหยียนนั่นเอง
” เวยเวย —— ” เย่ฉ่าวเหยียนเรียกชื่อเธอด้วยความเป็นห่วง
มู่เวยเวยยิ้ม เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร ทั้งร่างของเธอก็ถูกดึงขึ้นมาด้วยมืออันทรงพลังคู่หนึ่ง คนนี้ก็เปียกไปทั้งตัวเหมือนกับเธอ
” อย่าพึ่งพูดอะไร ” เย่ฉ่าวเฉินเดินตรงไปที่โฮมสเตย์อย่างรีบร้อน เธอในตอนนี้ต้องการอาบน้ำอย่างเร่งด่วน
เย่ฉ่าวเหยียนยืนอยู่ที่เดิม มองพวกเขาที่กำลังจากไปด้วยสายตาที่เยือกเย็น ความคิดในหัวเขาหนักแน่นขึ้น
ต้องมีสถานะที่ชัดเจน เขาถึงจะแสดงความเป็นห่วงเธอได้อย่างเปิดเผย
……
กลับไปถึงห้อง
ถีบประตูออก แล้วใช้เท้าปิดประตู เย่ฉ่าวเฉินอุ้มมู่เวยเวยที่สั่นไปทั้งตัวตรงเข้าไปยังห้องอาบน้ำ รีบเปิดฝักบัวและน้ำอุ่นๆก็ไหลออกมา
” หนาวมากหรอ? ” น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความเป็นห่วงซึ่งเป็นความรู้สึกที่หาได้ยากมากในตัวเขา
ยัยผู้หญิงบ้าคนนี้ ทำไมต้องสตรองมากขนาดนี้ด้วย!
” ถอดเสื้อที่เปียกออก……” เย่ฉ่าวเฉินใช้มือจับเอวเธอไว้ข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้เธอลื่น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็กำลังยื่นมือไปถอดเสื้อผ้าของเธอ
มู่เวยเวยรีบใช้มือมาปิดหน้าอกไว้ แล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาดุดัน ” ไม่ ”
เย่ฉ่าวเฉินโมโห ” ทำอะไร? มีส่วนไหนในร่างกายของเธอที่ฉันยังไม่เคยเห็นด้วยหรอ? อีกเรื่อง สภาพเธอในตอนนี้ก็เหมือนผีใต้น้ำ ฉันไม่มีอารมณ์หรอก ”
เย่ฉ่าวเฉินเปรียบเปรยได้เหมาะสมมาก บนหัวของเธอมีแต่หญ้าเต็มไป และกลิ่นบนตัวเธอตอนนี้ก็เหม็นมาก
” คุณ ……คุณออกไป ฉันอาบเองได้ “มู่เวยเวยกัดฟันพูด
” ฉันกลัวว่าเธอจะล้มหัวฟาดตายในนี้ ตอนนี้เธอลงยืนดูว่ายืนได้มั่งคงไหม? ” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างโมโห
มู่เวยเวยหมดคำจะพูด มองแรกใส่เขาไปหนึ่งที แล้วค่อยปิดตาลง
เย่ฉ่าวเฉินเห็นการกระทำของเธอ เขายิ้มอย่างโกรธเคือง ผู้หญิงคนนี้นี่จริงๆเลย……เธอเกลียดเขามากขนาดนั้นเลยหรอ?
เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนามี เย่ฉ่าวเฉินก็ปอกเปลือกเธออกเหมือนไข่เลย……
” ถ้ายืนไม่ได้ก็จับไหล่ฉันไว้ อย่าล้มหัวฟาดไปล่ะ ” เขากระซิบข้างหูเธอ
มู่เวยเวยเม้มปาก และใช้มือขาจับไหล่เขาไว้ เธอยืนได้ไม่มั่นคงจริงๆ
เย่ฉ่าวเฉินมองเธอ แล้วยิ้มออกมาอย่างชอบใจ
เธอไม่ได้ลืมตา ได้ยินเพียงเสียงคอกคอกแค่กแค่ก ก็รู้เลยทันทีว่าเขาถอดเสื้อผ้าเธอออกไปหมดแล้ว หน้าเธอก็ค่อยๆร้อนขึ้น
เย่ฉ่าวเฉินไม่เคยละเอียดอ่อนมาขนาดนี้มาก่อน เขาค่อยๆเอาใบหญ้าที่ติดอยู่บนหัวเธอออกทีละใบ แกะหนังยางมัดผมออก แล้วปล่อยน้ำค่อยๆไหลผ่ายเส้นผมของเธอแล้วชำระสิ่งสกปรกออกไป
เทแชมพูลงไปแล้วล้างอยู่ประมาณสองสามรอบ เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่าสะอาดแล้ว มือก็เลย……
” เย่ฉ่าวเฉิน ฉันทำเอง……”น้ำเสียงของมู่เวยเวยหนักนั้น แต่เธอรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรไม่เหมาะสม บวกกับน้ำอุ่นๆพอเธอพูดน้ำเสียงของเธอก็มีความนุ่นนวลเล็กน้อย
เย่ฉ่าวเฉินจะปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ไปได้ยังไงกัน มือข้างหนึ่งของเขาวนๆอยู่ตรงกระดูกไหปลาร้าของเธอ อีกข้างเธอก็กอดเธอให้เข้ามาใกล้ตัวเขา ” ไม่เป็นไร ฉันทำได้ ”
เขาคุ้นเคยกับทุดจุดบนเรือนร่างของเธอ…..หลังจากผ่านไปสักพัก……
” เย่ฉ่าวเฉิน……นายมันบ้ากาม! ” มู่เวยเวยกัดฟันด่าออกมา
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ทำนาน……พอเจอกับสถานการณ์ในตอนนี้ เขาก็ทนไม่ไหวแล้ว ใช้สองมือของเขา……และกระซิบไปที่หูของเธอ ” ยัยบ๊อง ร่างกายของเธอมันซื่อสัตย์มากกว่าปากของเธอนะ! ”
มู่เวยเวยทุบหน้าอกของเขา และพูดเตือนเขาว่า ” อย่าแตะต้อตัวฉัน ฉันอยู่ในช่วงที่ที่มีประจำเดือนอยู่ ”
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกสงสัย ก้มลงไปกัดคอเธอ แล้วพูดอย่างโมโหว่า ” รู้ว่ามีประจำเดือนยังจะโดดน้ำลงไปช่วยคนอีก? ”
” แล้วจะให้เด็กผู้ชายคนนั้นจมน้ำตายต่อหน้าต่อตาหรอ? ”
แท้จริงแล้ว หลังจากที่มู่เวยเวยโดนเย่ฉ่าวเฉินไล่ให้กลับมาแล้ว จู่ๆเธอก็ได้ได้ยินเสียง
” ปุ๋ม ” พอเงยหน้าขึ้นมอง เธอก็เห็นเด็กผู้ชายจมน้ำอยู่นอกหน้าต่าง แล้วรอบๆก็ไม่มีคนเลย
เธอไม่มีเวลาคิดอะไรมาก เธอรีบวิ่งลงไปและโดดลงน้ำเพื่อช่วยเด็กชายทันที
เจ้าของโฮมสเตย์ตกใจเธอเลยเดินตามเธอไป จึงได้รู้ว่าเด็กในหมู่บ้านจมน้ำเลยรีบตะโกนให้คนมาช่วย
” คนเยอะแยะขนาดนั้น มีเธอคนเดียวที่ทำได้หรือไง? ” เย่ฉ่าวเฉินก็ยังโกรธอยู่ ถ้าหากเธอตายขึ้นมาล่ะ……พอคิดถึงเรื่องนี้ เย่ฉ่าวเฉินก็ออกแรงที่มือมากขึ้น
ยัยผู้หญิงโง่ โง่จริงๆเลย
มู่เวยเวยส่งเสียงออกมาเพราะรู้สึกเจ็บ แล้วพูดต่อว่า ” ” คนอื่นในหมู่บ้านเขาตามมากันทีหลัง นี่ นายจะฆ่าฉันหรือไง ปล่อยมือ
มู่เวยเวยใช้เท้าเตะเขาไปสองที ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง……ทันใดนั้นเธอก็ตกตะลึง
” เย่ฉ่าวเฉิน อย่าทำอะไรบ้าๆนะ ”
ดวงตาสีฟ้าของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความต้องการ ” ว่ากันว่า ความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลวนะ……”
” นายมันบ้ากาม! ” มู่เวยเวยด่าออกมา ” ถ้าคุณกล้าทำ ฉันจะทำให้คุณสืบทอดทายาทไม่ได้อีกต่อไปเลย ”
เย่ฉ่าวเฉินโมโห แล้วปิดปากเธอไว้ ราวกับว่าจะส่งมอบความลำบากของหลายวันที่ผ่านมาคืนให้กับเธอ
หลังจากจูบไปสักพัก เย่ฉ่าวเฉินเหมือนกับว่าจะทนต่อความรู้สึกตัวเองไม่ไหว ช่วยไม่ได้ สุดท้ายเขาก็พูดออกมา ” อย่าขยับ ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าจะ……”
มู่เวยเวยยังไม่ทันได้ตั้งตัว และยังไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด ก็รู้สึก……
โอ้พระเจ้า เขานี่จริงๆเลย……
เวรเอ้ย!
มู่เวยเวยอธิบายความรู้สึกนั้นไม่ออก ในตอนนี้ เธอที่อยู่ตรงหน้าเย่ฉ่าวเฉินเป็นเหมือนไก่ที่พร้อมจะถูกเชือด ส่วนเขาเป็นเหมือนหมาป่าที่ดุร้าย ที่พร้อมจะกินเธอเข้าไปจนไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก……
เป็นแบบนี้อยู่นาน มู่เวยเวยรู้สึกว่าเหมือนกระดูกกำลังจะหักอยู่แล้ว ได้เสียงเสียงเขาสบถออกมาทีหนึ่ง แล้วทุกอย่างก็จบลง……
เย่ฉ่าวเฉินก้มศีรษะลง แล้วจูบปากเธอไปอีกหนึ่งทีจากนั้นก็ค่อยๆคลายออก
” วันนี้ปล่อยเธอไปก่อน……” น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินเซ็กซี่มาก มู่เวยเวยกำลังคิดว่า ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่เย่ฉ่าวเฉิน เธอคงจะหลงเสน่ห์เขาแน่ๆ
น่าเสียดาย……
” ห้ามคิดถึงเรื่องอื่น” เย่ฉ่าวเฉินออกคำสั่งเสียงเข้ม
หน้าของมู่เวยเวยแดงไปหมดเพราะแช่ในน้ำอุ่นอยู่นาน ดวงตาของเธอมีเสน่ห์มาก
” เย่ฉ่าวเฉิน ฉันปวดเธอ ” มู่เวยเวยพูดเอาตัวรอด จริงๆแล้ววันนี้เป็นวันสุดท้ายของการมีประจำเดือนแล้ว เลือดจะไหลออกมาน้อยมาก อาการเจ็บท้องก็ไม่ได้รุนแรงอะไร
ที่เธอต้องพูดแบบนี้ ก็เพราะกลัวว่าเขาจะทำมันอีกครั้ง
เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆปล่อยเธอออก แล้วใช้น้ำชำระกายให้เธออีกครั้ง หยิบผ้าเช็ดตัวออกมาพันตัวเธอไว้ แล้วอุ้มเธอวางลงบนเตียง
” อย่าขยับ เดี๋ยวฉันไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ ”
มู่เวยเวยตะลึง ผู้ชายคนนี้……ใช่เย่ฉ่าวเฉินที่เธอรู้จักหรือเปล่า?
จู่ๆทำไมถึงดีกับเธอมากขนาดนี้?
เอ่อ……
บางทีก็ไม่แปลก เธอเกือบลืมไปแล้ว แต่ก่อนเขายังเคยเป็นเสี่ยวจื่อที่แสนดีเลย ตอนนี้ คนตรงหน้าเธอไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ว่านิสัยของเขาเปลี่ยนไปเป็นเสี่ยวจื่อ
จิตใจวุ่นวายไปหมด
มู่เวยเวยขนลุก
เย่ฉ่าวเฉินปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว มือข้างหนึ่งจับกางเกงในและเดรสของเธอไว้ อีกด้านหนึ่งก็ถือไดร์เป่าผมไว้
” ฉันทำเอง……” มู่เวยเวยมองตาเขาด้วยท่าทีที่หนักแน่น
เย่ฉ่าวเฉินเอาของพวกนั้นโยนลงบนเจียง แล้วหันหลังเดินออกไปอย่างว่านอนสอนง่าย
ตอนนี้เขายังไม่อยากมากนัก ถ้าเขาอยู่ตรงนั้นต่อไป เขาอาจจะทนไม่ไหวและโยนเธอลงอีกครั้ง
ดังนั้น ยอมไม่เห็นดีกว่าใจจะได้ไม่วุ่นวาย
เดินออกจากห้อง จุดบุหรี่แล้วค่อยๆยกขึ้นมาดูด เย่ฉ่าวเหยียนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ลุกยืนขึ้น
” เวย…….พี่สะใภ้เป็นไงบ้าง? ” เย่ฉ่าวเหยียนเก็บคำนั้นลงไป แล้วถามออกมาอย่างนิ่งๆ
เย่ฉ่าวเฉินพ่นควันออกมาทีหนึ่ง แล้วขมวดคิ้ว ” สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง ” จากนั้นก็แตะไหล่เขา แล้วเดินไปทางร้านขายยาตรงหน้าหมู่บ้าน
……
มู่เวยเวยกำลังว่ายน้ำอยู่ จู่ๆขาก็เธอก็โดนเถาวัลย์พันเกี่ยว เธอพยายามดิ้นสุดฤทธิ์ แต่เถาวัลย์กลับพันขาเธอแน่นขึ้น พันตั้งแต่ตรงข้อเท้าขึ้นมายันน่องขา และพันตั้งแต่เอวยันคอของเธอ มู่เวยเวยอยากใช้มือที่จะดึงเถาวัลย์พวกนั้นออก แต่ทำยังไงเธอก็ดึงไม่ออก สุดท้ายเถาวัลย์พวกนั้นก็ลากเธอลงหลุทดำ……
” อ๊า —— ” มู่เวยเวยส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เหงื่อเต็มหัว
ไม่มีน้ำ ไม่มีเถาวัลย์ ที่แท้มันคือฝันร้าย
เย่ฉ่าวเฉินทำงานอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ หันมองเธอด้วยสายตาที่สงสัย และทาน้ำอุ่นๆมาให้เธอ นั่งลงข้างๆเธอ แล้วถามเบาๆว่า ” ฝันร้ายหรอ? ”
มู่เวยเวยเช็ดเหงื่อออกและพยักหน้า ถึงจะเป็นแค่ฝัน แต่หัวใจก็เต้นเร็วมาก
” กินยาสะ ” เย่ฉ่าวเฉินยื่นยาให้กับเธอ
มู่เวยเวยยังไม่ได้สติดี เขาพูดอะไรเธอก็ทำตามแต่โดยดี ดื่มน้ำแก้วใหญ่ลงท้องไปจากนั้นค่อยๆรู้สึกตื่นตัว
” ฝันว่าอะไร? —— เหงื่ออกเต็มหัวไปหมด” เย่ฉ่าวเฉินชี้ไปที่เหงื่อของเธอ
” ฝันถึงปีศาจ ” มู่เวยเวยพูดจบก็ก้มลงแล้วพูดขึ้นอีกว่า ” ปีศาจใต้น้ำ อยากจะกินฉัน ”
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว แล้วพูดล้อเธอ ” ฉันก็คิดว่าเธอไม่กลัวฟ้ากลัวดินสะอีก ดูแล้วเธอน่าจะตกใจกลับเหตุการณ์ตอนเที่ยงนะ ”
มู่เวยเวยเหลือบไปมองเขาแวบหนึ่ง ” ใครบอกว่าฉันไม่กลัวอะไรเลย? ฉันกลัวคุณมาก ”
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกหดหู่ ใจเขาเหมือนโดนอะไรบางอย่างยัดอยู่
ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอบอกว่าเธอกลัวเขา เขาจะดีใจมาก แต่ว่าตอนนี้ เธอกลับรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดนี้อย่างบอกไม้ถูก
” ไม่ต้องนอนแล้ว จะได้เวลากินอาหารเย็นแล้ว ” เย่ฉ่าวเฉินดึงตัวเธอขึ้นจากเตียง ” คุณปู่คุณย่าของเด็กคนนั้นมาหาเธอเพื่อที่จะขอบคุณเธอหลายรอบมาๆ แต่ถึงนอนอยู่ ”
มู่เวยเวยรู้สึกตื่นตัว แล้วถามด้วยความดีใจ ” เด็กยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม? ”
” ยังมีชีวิตอยู่ ”
” ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากๆเลย ” ใบหน้าของมู่เวยเวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดีใจ และถอนหายใจพูดว่า ” เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าชีวิตที่เกือบจะคิดฆ่าตัวตายจะมีโอกาสช่วยชีวิตคนๆหนึ่ง ”
” เกือบจะฆ่าตัวตาย? ” เย่ฉ่าวเฉินเน้นประโยคหลัง พอเห็นสายตาดุดันของเธอ เขาก็ไม่ได้ถือสาอะไรแล้วกลับไปนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ต่อ
ในคืนนั้น ทั้งสามคนทานอาหารที่ห้องอาหารของโฮมสตย์ คุณปู่คุณย่าของเด็กชายก็มาหาเธออีกครั้ง ในมือถือผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นไว้มากมาย
” ขอบใจมากนะสาวน้อย ถ้าไม่ได้เธอ หลานชายฉันคงได้ไปเจอกับยมบาลแล้ว ”
” ใช่ๆ พ่อแม่ของเขาทำงานอยู่ต่างจังหวัด ถ้าเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับเขา เราสองคนก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ”
” คุณปู่คุณย่าเกรงใจกันเกินไปแล้ว ฉันคิดว่าไม่ว่าจะเป็นใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็คงต้องช่วยทั้งนั้นนั่นแหละ ” มู่เวยเวยพูดด้วยความเกรงใจ และยื่นมือไปพยุงคุณปู่คุณย่า
” สาวน้อยเธอสวยแถมยังใจดีอีก แถวบ้านของพวกเราก็ไม่ได้ของมีค่าอะไร นี่เป็นไข่ไก่ที่เราเลียงไว้เอง แล้วก็มีเมล็ดบัวที่เราปลูกเอง ถ้าเธอไม่รังเกียจก็รับมันไว้นะ ”
มู่เวยเวยจะรังเกียจได้ยังไงกัน?
เธอรีบรับไว้ แล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ” เด็กเป็นยังไงบ้าง? สบายดีใช่ไหม? ”
” ยังสบายดี ก็แค่ตกใจนิดหน่อย ตอนนี้ให้น้ำเกลืออยู่ที่สถานีอนามัย ” คุณปู่พูด
” ถ้าอย่างนั้นพวกท่านรีบไปดูแลเขาเถอะ ขอบคุณพวกท่านมากสำหรับของขวัญ ”
ทั้งสองพูดขอบคุณอีกครั้งก่อนจะจากไป มู่เวยเวยก็รู้สึกโล่งอก เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้และรู้สึกยากที่จะจัดการ
หลังจากครึกครื้นแล้ว บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
เมื่อเช้าทั้งสองคนคุยกันเรื่องอะไร? ทำไมถึงเธอรู้สึกเหมือนมีกลิ่นอายของระเบิด
เช่น เมื่อกี้เย่ฉ่าวเฉินคีบเนื้อให้เธอ ” พี่สะใภ้ เนื้อนี้รสชาติดีมาก คุณลองชิมดูนะ ”
มู่เวยเวยยังไม่ทันได้คีบ เย่ฉ่าวเฉินก็คีบจากถ้วยเธอไปต่อหน้าต่อตา และพูดด้วยท่าทีนิ่งๆ ” เธอกินเผ็ดไม่ได้ ”
” อย่างนั้นดื่มซุปถั่วเขียงหน่อยนะจะได้คลายร้อน ”
เย่ฉ่าวเฉินพูดปฏิเสธอีกครั้ง ” ไม่ได้ ช่วงนี้เธอเป็นหวัดอยู่ ”
เย่ฉ่าวเหยียนวางถ้วยซุปในมือลง
” ฉันอิ่มแล้ว” มู่เวยเวยวางตะเกียบลงแล้วรีบเดินออกจากห้องอาหารทันที เธอไม่อยากกลายเป็นฝุ่นในสายตาพวกเขาทั้งสอง
หลังจากกินข้าวเสร็จ มู่เวยเวยใช้ช่วงเวลาที่เย่ฉ่าวเฉินกำลังยุ่งๆ แอบไปหาเย่ฉ่าวเหยียนรอบๆโฮมสเตย์
” ตอนเช้าคุฯกับเย่ฉ่าวเฉินคุยเรื่องอะไรกัน? ทำไมฉันถึงรู้สึกพวกคุณสองคนแปลๆ? ” มู่เวยเวยถามออกไปตรงๆ
” เย่ฉ่าวเฉินพูดนิ่งๆ ” ไม่มีอะไร เธอคิดมากไปแล้ว ”
” จริงหรอ ” มู่เวยเวยขมวดคิ้ว ได้ ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด
ทั้งสองเดินเล่นรอบๆโฮมเสย์ ก่อนที่พวกเขาจะกลับ เย่ฉ่าวเหยียนก็ถามขึ้น ” เวยเวย ผู้หญิงแบบพวกเธอจะชอบผู้ฉันแบบฉันไหม? ”
มู่เวยเวยคิดถึงเรื่องที่เขาเคยพูดถึงคนในใจคนนั้น เลยคิดว่าเขาคงไม่มีความมั่นใจที่จะสารภาพรัก เธอยิ้มแล้วพูดปลอบเขาว่า ” คุณทั้งหล่อและชาติตระกูลดี ที่สำคัญที่สุดคือคุณนิสัยดี และใส่ใจผู้หญิงมากๆ ต้องมีผู้หญิงสวยๆหลายคนชอบอยู่แล้วล่ะ ”
” แล้ว……” เย่ฉ่าวเฉินพึมพำในลำคอ แล้วพูดอย่างกล้าหาญว่า ” แล้วถ้าเป็นเธอ เธอจะชอบฉันไหม? ”
มู่เวยเวยอึ้งไปสักพัก นี่มันหมายความว่ายังไง?
อ๋อ จริงด้วย เขาเคยพูดไว้ว่าผู้หญิงที่เขาชอบเหมือนเธอมาก
” ฮ่าๆ ฉ่าวเหยียน คุณไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาสะเลย สบายใจได้ คนในใจของคุณต้องชอบคุณแน่ๆ ”
” จริงหรอ? ” เย่ฉ่าวเหยียนตาเป็นประกาย
” ก็ต้องจริงสิ ฉันจะโกหกคุณไปทำไม? ” มู่เวยเวยพูดอย่างยิ้มแย้ม ” รีบไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องเดินทางกลับเมือง A แล้ว ต้องนั่งรถนานมาก ”
” อือ ฝันดีนะ เวยเวย ” เย่ฉ่าวเหยียนพูดอย่างอ่อนโยน
มู่เวยเวยโบกมือไปมา แล้วเดินขึ้นตึกไป
เขามองเธอจนไปถึงห้อง เย่ฉ่าวเหยียนก็พูดขึ้นกับตัวเองอย่างมั่นใจ ” เวยเวย รอให้ฉันพูดชื่อคนในใจของฉันออก เธอจำคำที่เธอพูดวันนี้ไว้ให้ดีนะ ”
ในห้อง เย่ฉ่าวเฉินยังคงทำงานอยู่ เห็นว่าเธอเดินกลับมาเลยถามขึ้นว่า ” ไปไหนมา? ”
มู่เวยเวยเปลี่ยนรองเท้า ใช้มือขยี้หัวเบาๆแล้วพูดว่า ” อ้อ ลงไปเดินเล่น แล้วเจอฉ่าวเหยียน ”
เย่ฉ่าวเฉินหยุดเลื่อเมาส์ในมือแล้วถามขึ้นอย่างใจเย็น ” คุยเรื่องอะไรกัน? ”
มู่เวยเวยเปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้าไป จากนั้นก็หวีผมแล้วพูดว่า ” ก็ไม่มีอะไร เขาถามฉันว่าผู้หญิงในยุคนี้ชอบผู้ชายแบบเขาไหม เขาคงกลัวว่าจะถูกปฏิเสธตอนสารภาพรัก……เห้ย คุณเป็นบ้าอะไร? ”
เย่ฉ่าวเฉินผลักเธอติดกับกำแพง แล้วใช้มือเสยคางเธอขึ้นแล้วว่า ” ต่อไปอยู่ห่างๆเฉ่าวหยียนหน่อย ”
มู่เวยเวยรู้สึกมึงงงกับความโกรธที่มาอย่างกะทันหันของเขา ” เย่ฉ่าวเฉิน แต่ก่อนคุณเคยพูดแบบนี้กับฉันแล้ว แต่ว่าอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ตอนที่ฉันเจอเขาจะทำเป็นเหมือนไม่เห็นเขามันก็คงไม่ดี ”
” ฉันไม่สน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็อย่าไปหาเขา ”
” ถ้าฉันไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ไปหาเขาหรอก แต่ว่า……เพราะอะไรล่ะ? ” มู่เวยเวยไม่เข้าใจ
เย่ฉ่าวเฉินครุนคิดแล้วพูดว่า ” ฉ่าวเหยียนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ถ้าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาดีขนาดนี้ แฟนในอนาคตของเขาจะคิดยังไง? ”
มู่เวยเวยอึ้งไปสักพัก คำพูดก็เย่ฉ่าวเฉินก็มีเหตุผลนะ ผู้หญิงต้องคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว เธอเองก็ไม่อยากให้แฟนเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้หญิงคนอื่น แม้แต่ผู้หญิงที่เป็นพี่สะใภ้ก็ตาม
” อ๋อ- ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ฉันรู้แล้ว ต่อไปฉันจะระวัง ” พูดเวยเวยพูดอย่างจริงจัง
เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่าเธอไม่มีท่าทีที่พูดโกหก เลยปล่อยมือ ” เธอไปเก็บของได้แล้ว พรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับเมือง A แต่เช้า ”
” อ้อ……”
ในระหว่างทางกลับ
เย่ฉ่าวเหยียนนั่งอยู่บนม้านั่ง คิดย้อนไปถึงความรู้สึกตอนที่มู่เวยเวยอยู่ข้างๆเขา แล้วมองดูตอนนี้ที่คนข้างๆคือคุณหมอหานที่ไม่มีแม้แต่อารมณ์จะพูดคุยกัน
ผ่านไปสองชั่วโมง ทุกคนกลับถึงคฤหาสน์
” คุณชาย นี่เป็นรายชื่อที่ผมคัดมาแล้ว คุณลองดูหน่อย ” ช่วงหลายวันที่ผ่านมาพ่อบ้านหวังกังวลกับเรื่องนี้มาก กลัวว่าจะพลาดผู้หญิงดีๆของบ้านไหนไป
เย่ฉ่าวเฉินรับมากระดาษแผ่นใหญ่มาดู ” คุณจัดการได้เลย ” ถึงยังไงเย่ฉ่าวเฉินก็ไม่รู้เรื่อง
“ได้เลย แล้วจะจองช่วงเวลาไหน? ”
” พรุ่งนี้เวลาหนึ่งทุ่ม ” เย่ฉ่าวเฉินพูด
พ่อบ้านหวังพูดด้วยคามดีใจ ” ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นผมรีบไปเตรียมการก่อนนะครับ ”
หลังจากงานแต่งวันนั้นของเย่ฉ่าวเฉิน พ่อบ้านหวังก็ไม่เคยดีใจมากขนาดนี้เลย นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ของตระกูลเย่เชียวนะ ถ้าเย่ฉ่าวเหยียนนัดเดทสำเร็จแล้วแต่งงาน เขาก็คงทำให้คุณท่านทั้งสองดีใจ
ในช่วงบ่าย จดหมายเชิญของตระกูลเย่ก็หลังไหล่เข้ามาทุกบ้านที่ร่ำรวยในเมือง A ราวกับเกล็ดหิมะ แน่นอนว่าต้องเป็นบ้านที่มีลูกสาวที่โสดและอยู่ในวัยที่เหมาะสม
เย่ฉ่าวเฉินมองดูสาวใช้ที่เดินเข้าๆออก เขารู้ว่าพวกเธอกำลังเตรียมการอะไรอยู่ ในใจก็รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
ดูๆแล้ว พี่ใหญ่น่าจะมีความคิดนี้ตั้งแต่ก่อนจะไปชนบทแล้ว
ที่เขาแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ? เขาถึงได้ดูออกเช้าขนาดนั้น
กำลังเดินเล่นให้สบายใจอยู่ในสวน ก็เห็นมู่เวยเวยที่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ไม่ไกล เขารู้สึกดีใจมาก
” เวยเวย เธอทำอะไรอยู่? ”
มู่เวยเวยหยุดการวาด ” ไม่ได้วาดรูปนานแล้ว พอไปชนบทมาก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจ เลยรีบลงมือวาดรูป ”
เยาฉ่าวเหยียนชะโงกดู บนกระดาษเป็นรูปวาดของเสื้อที่เต็มไปที่ด้วยหญ้า
มู่เวยเวยคิดถึงคำพูดของเย่ฉ่าวเฉิน เธอก็รีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า ” ฉันลืมไปเลย ว่าฉันมีเรื่องต้องคุยกับฉินหม่า ขอตัวก่อนนะ ”
เย่ฉ่าวเหยียนถอนหายใจ ” นี่เธอ……หลบหน้าเขาหรอ? ”
หรือว่าเย่ฉ่าวเฉินพูดเรื่องนั้นกับเธอแล้ว? เป็นไปไม่ได้หรอก เย่ฉ่าวเฉินก็ทำได้เพียงสั่งให้เธออยู่ห่างๆจากเขา
……
วันรุ่งขึ้น บริษัทเย่ฮวาง
มู่เวยเวยนั่งออกแบบงานอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ มันกำลังจะสมบูรณ์แบบแล้ว การประชุมวางแผนงานสำหรับครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เธอต้องเตรียมตัวให้ดีก่อนล่วงหน้า
เธอกำลังออกแบบนี้ ก็มีเงามืดๆยืนอยู่ข้างเธอ แล้วพูดขึ้นว่า
” สวัสดีค่ะท่านประธานเย่ ”
ตอนนี้พึ่งจะบ่ายสามกว่า ทำไมเขาถึงมาแล้วล่ะ?
” โทรศัพท์ล่ะ? ” เย่ฉ่าวเฉินถามนิ่งๆ
มู่เวยเวยตะลึงไปสักพัก แล้วหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเงยหน้ามองเขา ” อยู่นี่ ”
เย่ฉ่าวเฉินพยายามข่มความโกรธไว้ แล้วมองหน้าเธอโดยไม่พูดอะไร
มู่เวยเวยรีบเปิดโทรศัพท์ออกดู มีสายที่ไม่ได้รับสี่สาย เป็นเบอร์เขาทั้งหมด ไม่รู้ว่าเธอไปตั้งค่าปิดเสียงตั้งแต่เมื่อไหร่ เลยไม่ได้เสียงอะไรเลย
มู่เวยเวยลุกยืนขึ้นด้วยความเกรงใจ ” ประธานเย่มาหาฉันมีอะไรรึป่าว? ”
” เก็บกระเป๋า แล้วตามฉันมา ” พอเย่ฉ่าวเฉินพูดจบก็หันหลังแล้วเดินออกไปเลย
มู่เวยเวยรีบเก็บกระเป๋า แล้วคิดในใจ นี่เขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก?
” เวยเวย ประธานเย่ของพวกเรานี่หล่อจริงๆ ” มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้น ” นี่มันเจ้านายในอุดมคติเลยนะ ”
มู่เวยเวยอยากบอกเธอว่า ให้ดูละครหรืออ่านนิยายให้น้อยๆน้อย เจ้านายในอุดมคติ ปีศาจสิไม่ว่า!
” จะไปไหน “มู่เวยเวยออกจากห้องทำงาน เย่ฉ่าวเฉินรอเธอที่หน้าประตู
” ทำไมเธอถึงได้พูดมากขนาดนี้ ” เย่ฉ่าวเฉินยังโกรธที่เธอไม่รับสายเมื่อกี้อยู่
มู่เวยเวยกัดผม และกำหมัดแน่น แต่ก็คิดในใจว่า อย่าโกรธไป นี่คือบอสใหญ่ของบริษัท
เงียบมาตลอดทางจนมาถึงร้านห้องเสื้อสตรีร้านหนึ่งเย่ฉ่าวเฉินพูดนิ่งๆ ” ลงรถ ”
ถึงแม้ว่าเย่ฮวางจะมีจะมีฝีมือที่ดีในการออกแบบเสื้อผ้า แต่เย่ฉ่าวเฉินก็พาเธอมายังห้องเสื้อราตรี
พนักงานที่นี่มองดูแวบแรกก็รู้ได้เลยว่าน่าจะได้รับการฝึกมาอย่างดี มองรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วทำให้คนที่มาเยือนรู้สึกสบายใจ
” หาลุดออกงานให้ชุดหนึ่ง ” พอเย่ฉ่าวเฉินพูดขบ ก็นั่งลงบนโซฟาแล้วเปิดนิตยสารดู ท่าทางของเขาดูเหมือนอารมณ์เสีย
สายตามองไปที่นิตยสาร แต่ใจกับลอยไปตามเสียฝีเท้าของเธอ
” คุณผู้หญิง ท่าลองสวมดูนะคะ ”
มู่เวยเวยไม่ได้มองเลย รับเสื้อมาเดินเข้าไปลองเสื้อ พอเธอใส่เสื้อนี้เสร็จเธอก็รู้สึกเสียใจ เสื้อนี้มันโชว์มากไปหน่อย
” คุณผู้หญิง ให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ? ” พนักงานถามขึ้นอย่างเป็นกันเอง
” ไม่ต้องๆ ” มู่เวยเวยอยู่ในห้องลองเสื้อ แล้ค่อยๆเปิดประตูออกมา
พนักงานพูดชมว่า ” ว้าว สวยมากเลย ”
เย่ฉ่าวเฉินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมาดู ดวงตาสีฟ้าของเขาตะลึง แต่ว่า……
” ชุดนี้ไม่เหมาะ เปลี่ยนชุดต่อไป ” เย่ฉ่าวเฉินพูดนิ่งๆ
เวยเวยโล่งอก เธอยังกังวลอยู่เลยว่าเย่ฉ่าวเฉินจะพยักหน้า
และลองอีกหลายๆชุด ทั้งชุดที่ขาวบริสุทธิ์ มีสง่า ชุดที่หรูหรา……
ทุกครั้งที่ใส่ออกมายืนหน้ากระจก เย่ฉ่าวเฉินก็เอาแต่พูดว่า ” ไม่เหมาะ ”
มู่เวยเวยเหลืออดแล้ว นี่เขาจะเอายังไงกันแน่? ลองเสื้อออกงานแบบนี้มันเหนื่อยมากนะ?
พนักงานเองก็รู้สึกสงสัย ทั้งๆที่ทุกชุดที่เธอใส่เธอมันสวยมาก
มู่เวยเวยเข้าไปยังห้องลองเสื้อ เธอสาบานว่าถ้าเขายังพูดว่าไม่เหมาะอีกคำเดียว เธอจะเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกไปเลย
” ชุดนี้……” เย่ฉ่าวเฉินเดินหมุนรอบตัวเธอ เนื้อผ้าสีเหลืองที่เกาะติดอยู่บนตัวเธอ มีลวดลายโค้งงอที่สวยงาม
มู่เวยเวยพูดขึ้นก่อนที่เขาจะพูดคำนั้นออกมาว่า ” ไม่ลองละนะ คุณก็เลือกเอาจากชุดที่ผ่านๆมาแล้วกัน ”
เย่ฉ่าวเฉินอารมณ์ดีขึ้นมาก ที่เธอไม่ขัดคำสั่งเขา เดินไปดูชุดที่เธอลองก่อนหน้านี้ และเลือกชุดเซ็กซี่น้อยที่สุดออกมา
เธอมีหน้าตาที่สวย ผิวขาว หุ่นก็ดี เธอใส่ชุดไหนก็เป็นจุดสนใจอยู่แล้ว
” ชุดนี้แหละ ใส่ถุงให้ด้วย ”
มู่เวยเวยเข้าห้องลองเสื้อเพื่อนเปลี่ยนเป็นชุดเดิม นี่เขาแกล้งเธอหรอ
หลังจากที่ซื้อเสื้อผ้าเสร็จ เขาก็พาเธอมาที่ร้านแปรงโฉมที่ดูมีสไตล์มาก
” อ้าว ประธานเย่ ไม่ได้มานานเลยนะ ” เจ้าของร้านมาทักทายด้วยตัวเอง มองไปที่มู่เวยเวยแล้วถามด้วยความสงสัย ” ท่านนี้คือ? ”
” ๓รรยาของฉัน คืนนี้ทีบ้านมีปาร์ตี้ รบกวนคุณจัดการให้ด้วยนะ นี่คือชุด ”
มู่เวยเวยมึนงง ปาร์ตี้? ทำไมเธอไม่รู้?
” เย่ฉ่าวเฉิน เดี๋ยวก่อน ปาร์ตี้อะไร? ”
” จัดขึ้นเพื่อฉ่าวเหยียน สบายใจได้ เธอไม่ใช่ตัวหลัก แต่ว่าในฐานะคุณผู้หญิงของตระกูลเย่ เธอต้องเข้าร่วมงาน ” เย่ฉ่าวเฉินอธิบายนิ่งๆ
มู่เวยเวยใช้สายตาที่สงสัยมองเขาอยู่สามวิ แล้วก็โดนคนลากตัวไปอีกแล้ว
” คุณผู้หญิงเย่ ฉันรู้ว่าประธานเย่หล่อมาก แต่ฉันรับรองได้ เดี๋ยวคุณจะทำให้เขาละสายตาจาดคุณไปไม่ได้เลย ”
สิ่งที่เจ้าของร้านแปรงโฉมบอกไม่มีผิดเลย
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป มู่เวยเวยมองไปที่คนในกระจกเธอเกือบจะจำไม่ได้ นี่คือเธอใช่ไหม?
เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ ในใจของเขาปั่นป่วน
ชุดนี้เป็นกระโปรงยาวสีชมพูอ่อนๆและตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้เล็กๆ ผสมกับการผมยาวๆ และการแต่งหน้าอ่อนๆของเธอ นี่มันนางฟ้าชัดๆ
พอเห็นมู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินก็อยากจะเก็บเธอไว้ดูคนเดียว
” สวยมาก ” เย่ฉ่าวเฉินกอดเอวเธอ แล้วกระซิบข้างหูเธอว่า ” สวยจนฉันอยากเอาเธอตอนนี้เลย ”
รอยยิ้มของมู่เวยเวยค่อยๆหายไป เธอใช้ศอกกระแทกไปที่หน้าอกของเขา ไอ้บ้ากามคิดเรื่องแบบนี้ได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ
……
งานเลี้ยงเริ่มหนึ่งทุ่ม ทั้งสองกลับถึงคฤหาสน์ตอนกหกโมงเย็น
รนยนต์ของผู้หญิงทั้งเมือง A จอดไว้เต็มโรงจอดรถของคฤหาสน์ตระกูลเย่
เย่ฉ่าวเฉินใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับชุดสูทสีเทาธรรมดาๆ แต่ว่าดูหล่อสง่ามากๆ ตอนที่มู่เวยเวยยืนต้อนรับแขกอยู่ เขาดึงดูดความสนใจจากผู้หญิงได้หลายคน
มู่เวยเวยก็เกิดในชาติตระกูลที่ดี แน่นอนว่าเธอรับมือกับงานเลี้ยงแบบนี้ได้เป็นอย่างดี เธอให้ความร่วมมือกับเย่ฉ่าวเฉินยืนต้อนรับแขกอยู่สักพัก เธอก็รู้สึกสงสัย
เธอดึงแขนเสื้อของเย่ฉ่าวเฉิน แล้วถามเขาเบาๆ ” ทำไมวันนี้แขกที่มาถึงมีแต่ผู้หญิง ”
มู่เวยเวยหมายถึงส่วนใหญ่ จะมีผู้หญิงบางคนที่มีพ่อแม่ติดตามมาด้วย
กลิ่นหอมโชยเข้าจมูก เย่ฉ่าวเฉินอยากกัดไปที่ริมฝีปากเธอมาก
” นี่คือเตรียมไว้ให้กับฉ่าวเหยียน ก็ต้องเป็นผู้หญิงสิ ในนี้จะมีผู้หญิงที่เขาชอบ ”
มู่เวยเวยก็รู้ทันทีว่า นี่คืองานเลี้ยงนัดเดทของเย่ฉ่าวเหยียนหรอ?
เธอมองเขาอย่างขมวดคิ้ว ” คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นพี่ชายที่แสนดีเหมือนกันนะ ”
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกร้อนรุ่มกับสายตาที่เธอใช้มองเขา และกระซิบที่หูเธอว่า ” อย่ามองฉันแบบนี้ ฉันกลัวฉัน……”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินเสียงเรียก ” พี่เขย—— ”
สีหน้ามู่เวยเวยเย็นชาขึ้นทันที ทำไมมู่อี้เหยาถึงมาที่นี่ได้?
เย่ฉ่าวเฉินหันไปมอง มู่อี้เหยาเป็นเหมือนผีเสื้อที่กำลังบินเข้ามา และควงไปที่แขนของเขา ทำอย่างกับว่าเห็นมู่เวยเวยเป็นอากาศ
” พี่เขย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ อี้เหยาคิดถึงพี่มากเลย ” ในแววตาเต็มไปด้วยความรักและเทิดทูรน
บรรยากาศระหว่างสามีภรรยามีก้างขวางคอ เย่ฉ่าวเฉินไม่พอใจมาก แกะมือเธออก ” งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว เธอรีบเข้าไปเถอะ ”
มู่อี้เหยาโดนฉีกหน้าอย่างแรง สายตาของเธอมองไปที่มู่เวยเวย ทำไมวันนี้เธอถึงได้สวยขนาดนี้?
มู่อี้เหยารู้สึกอิจฉาและโกรธแค้นมาก เธอคิดถึงครั้งสุดท้ายที่เจอเธอ เธอเกือบจะตายคามือมู่เวยเวยไปแล้ว เธอพูดออกมาเสี่ยงดังๆด้วยความโกรธแค้นและอิจฉา ” มู่เวยเวย เธอยังมีหน้ามายืนอยู่ตรงนี้อยู่อีกหรอ? ”
มู่เวยเวยเองก็คิดถึงเรื่องคราวก่อน และพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน ” ฉันเป็นคุณผู้หญิงแห่งตระกูลเย่ ไม่ให้ฉันอยู่ที่นี่แล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหน? ”
มู่อี้เหยาจ้องเธอด้วยสายตาดุดัน แล้วไปฟ้องเย่ฉ่าวเฉินว่า ” พี่เขย คุณรู้ไหมว่าฉันเจอมู่เวยเวยครั้งสุดท้ายที่ไหน? ที่บ้านลู่จื่อหาน ตอนนี้เสื้อผ้าของเธอถอดออกหมดเลย นอนอยู่บนเตียงกับลู่จื่อหาน และโดนฉันจับได้……”
” เพี๊ยะ —— ” เสียงโดนตบดังขึ้นที่หน้าของเธอ จึงขัดจังหวะเธอในการพูด
มู่เวยเวยปัดเศษฝุ่นออกจากมือ แล้วพูดอย่างเยือกเย็น ” มู่อี้เหยา เธอคงลืมไปแล้วสินะ ว่าครั้งที่แล้วฉันเกือบจะฆ่าเธอแล้ว? ”
เธอพูดขัดเธอ ถ้าเธอไม่หยุดลูกพี่ลูกน้องคนนี้ ไม่รู้ว่าเธอจะพูดจาอะไรสกปรกๆออกจากปากเธออีก
แขกในงานค่อนข้างเยอะ คนที่เห็นเหตุการณ์เลยมีไม่มาก
มู่อี้เหยาคิดไม่ถึงว่ามู่เวยเวยจะกล้าตบหน้าเธอในมี่โจ่งแจ้งแบบนี้ เธอบีบน้ำตาทั้งโกรธและโมโห และเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารและมองไปที่เย่ฉ่าวเฉิน ” พี่เขย ที่ฉันพูดมันเป็นความจริงนะ ไม่อย่างนั้นเธอจะโกรธฉันมากขนาดนี้ได้ยังไง? ”
เย่ฉ่าวเฉินมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาแวบหนึ่ง แล้วกอดคอมู่เวยเวยไว้ ” เธอเป็นภรรยาของฉัน ฉันเชื่อใจเธอ ”
พอคำพูดนี้ออกมา สมองของมู่เวยเวยว่างเปล่าราวกับว่าโดนฟ้าผ่า
เมื่อดี้เขาพูดว่าอะไรนะ? เชื่อใจเธอ?
โอ้พระเจ้า นี่ใช่เย่ฉ่าวเฉินไหม?
ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะได้ยินคำนี้จากปากเขา ฉันเชื่อใจเธอ?
เหอะๆ เธอควนจะดีใจหรือเสียใจดี
” พี่เขย? ” มู่อี้เหยามองหน้าเขาด้วยความตกใจ ไม่ใช่ว่าเย่ฉ่าวเฉินเกลียดมู่เวยเวยไม่ใช่หรอ?
แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
” จางเห่อ ” เย่ฉ่าวเฉินเอ่ยขึ้น
” คุณชาย ” จางเห่อปรากฏตัวขึ้น
” ส่งเธอกลับบ้าน ”
” ครับ ”
จางเห่อโบกมือเรียกการ์ดมาสองคน มู่อี้เหยายังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย ก็มีคนพาเธอออกจากงานไป
ในเมื่องานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อนัดเดทให้กับฉ่าวเหยียน คนอย่างมู่อี้เหยาไม่ต้องอยู่ให้รกสายตาหรอก
ในตอนนี้ มู่เวยเวยยังคงมึนงง มีแขกเดินเข้ามา เธอก็ยิ้มอย่างมึนงงๆ
จนกระทั่งเย่ฉ่าวเฉินกระซิบข้างหูเธอว่า ” คืนนี้อธิบายกับฉันให้ชัดเจน ”
ราวกับว่าคำสาปถูกทำลาย มู่เวยเวยก็รู้สึกตื่นตัวทันที
เธอคิดมากไปเองจริงๆ เขายังคงเป็นเย่ฉ่าวเฉินคนเดิม แต่ว่าถ้าเทียบกับเมื่อก่อนก็ดีขึ้นมานิดหน่อย แต่นิดหน่อย อย่างน้อย เขาก็ไม่ทำให้เธอต้องอับอายต่อหน้าคนอื่น
หนึ่งทุ่ม แขกที่ได้รับเชิญมาในงานน่าจะมากันครบแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินเดินไปที่ไมโครโฟนพร้อมกับเย่ฉ่าวเหยียนด้วยสีหน้าท่าทีที่เย็นชา แสดงให้เห็นถึงออร่าผู้ที่เหนือกว่า