“ตอนนี้หรือ? “มู่เวยเวยขมวดคิ้ว
“ใช่ค่ะ ตอนนี้เลยค่ะ” แอร์โฮสเตสมองมาที่เธอแล้วพูดว่า “หลังจากที่คุณคลอดลูกแล้วหน้าตาคุณก็ดูดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะคะ ”
มู่เวยเวยไม่อยากสนใจคำพูดนั้น ก้มมองลงไปที่หน้าลูกน้อยที่กำลังดูดนมแล้วทำสีหน้าแบบขอร้อง “ ให้เด็กดูดนมให้เสร็จก่อนได้ไหมคะ กลัวเขาจะหิว”
ไม่คิดว่าแอร์โฮสเตสจะพูดง่ายขนาดนี้ นั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับนั่งไขว่ห้างแล้วพูดว่า “ ก็ได้ค่ะ จะให้เด็กหิวได้ยังไงละคะ”
พูดถึง หลังกินเสร็จมื้อนี้แล้วคงจะไม่มีมื้อต่อไปอีก
……
แอร์โฮสเตสพามู่เวยเวยมาถึงวิลล่าสุดหรูแห่งหนึ่ง โดยมีบอดี้การ์ดพกปืนที่คอยเฝ้าอยู่ ที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป
มู่เวยเวยอุ้มทารกน้อยที่กำลังหลับใหลในอ้อมแขนของเธอไว้แน่น ๆ และเดินเข้าไปในล็อบบี้ “ไปแจ้งเจ้านายหน่อย ว่าคนที่ต้องการพบมาถึงแล้ว” แอร์โฮสเตสกระซิบกับชายที่ยืนอยู่ที่ประตูหน้าล็อบบี้ของวิลล่า
ชายดังกล่าวหันหลังและเดินไปอย่างรวดเร็ว
วิลล่าแห่งนี้ไม่ได้หรูหราจากภายนอก แต่เป็นภายในต่างหากที่หรูหราเป็นอย่างมากเพราะภายในนั้นตกแต่งอย่างอลังการด้วยเครื่องหยกและเครื่องทองทุกที่โดยเฉพาะพระพุทธรูปในห้องโถงใหญ่นั้น ดูแวบแรกก็รู้เลยว่าทำมาจากทองคำบริสุทธิ์
“สวัสดีค่ะ เจ้านาย”
มู่เวยเวย หันมาอย่างกะทันหัน และมองเห็นชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสีเงินซึ่งมองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงภายใต้หน้ากากนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เขามีดวงตาคมที่น่าดึงดูและมีเสน่ห์ หุ่นแบบมาตรฐานนายแบบ สูง 180 กว่า และสวมชุดสูทดำระดับไฮเอนด์แบรนด์ อามานี่ ที่ดูแล้วช่างหรูหราและดูดีเหลือเกิน
ถึงแม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขาต้องเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากๆคนหนึ่งแน่จากรูปร่างและการสวมเสื้อผ้าของเขาทำให้ผู้คนสงสัยและอยากเห็นหน้าตาภายใต้หน้ากากสีเงินนั้น
เขายิ้มอ่อนๆบนมุมปาก เดินตรงเข้ามา น้ำเสียงเขาไพเราะเหมือนเสียงไวโอลินช่างน่าฟังเหลือเกิน
“สวัสดีคุณมู่ ! ในที่สุดเราก็ได้พบกัน ”
มู่เวยเวยถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลของเขา “ ที่คุณต้องการพบฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
เจ้านายชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเธอแล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน นั่งลงแล้วค่อยๆคุยกันก่อน”
มู่เวยเวย ยืนนิ่ง
“เด็กคนนี้คือลูกของเย่ฉ่าวเฉินหรือเปล่า” เขาถามอย่างสงสัย “ได้ยินมาว่าเขาเป็นเด็กพิเศษ อุ้มมาให้ดูหน่อยซิ”
มู่เวยเวยกอดเด็กแน่นไว้กับอกทันที เธอหันหลังและเตรียมวิ่งออกไป แต่ก่อนที่เธอจะวิ่งออกไปไม่เกินสองเมตรเธอก็ถูกการ์ดที่ถือปืนขวางไว้
แอร์โฮสเตสเดินเข้ามา และพูดด้วยรอยยิ้ม ” มู่เวยเวยไม่มีใครที่จะสามารถต้านทานคำสั่งของเจ้านายได้ เว้นแต่ว่าคุณต้องการให้เด็กคนนี้ตายตอนนี้”
“อย่าแตะต้องลูกของฉันนะ พวกคุณต้องการทำอะไรกันแน่ ” มู่เวยเวยถามด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด
แอร์โฮสเตสขยิบตาให้การ์ดทั้งสอง โดยการ์ด์ร่างใหญ่ทั้งสองเข้ามาจับแขนเธอโดยตรง แม้จะมีการต่อสู้ที่สิ้นหวังของมู่เวยเวยก็ตาม แต่เด็กน้อยก็ถูกแอร์โฮสเตสพรากไปอย่างง่ายดายอยู่ดี
ทารกที่มีความผูกพันพิเศษกับแม่ของเขา ทันทีที่ออกจากอ้อมแขนของมู่เวยเวย เด็กน้อยก็ร้องเสียงดังขึ้นมาทันที หัวใจคนเป็นแม่อย่างมู่เวยเวยก็แทบแตกสลาย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กร้องไห้ตั้งแต่เขาเกิด ถ้าเขาหิวเขาแค่เพียงทำตาโตเพื่อมองแม่ของเขาด้วยสายตาที่โหยหา ทันทีที่มู่เวยเวยป้อนนมเขาก็จะยิ้มให้ทันที
” ขอร้องละ ช่วยส่งลูกให้ฉันหน่อยเถอะ เขาอายุแค่สามวันเอง” มู่เวยเวยร้องไห้และตะโกน พยายามที่จะรีบเข้าไปอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนและปลอบโยน แต่เธอก็ถูกชายร่างใหญ่ทั้งสองรั้งไว้อย่างช่วยไม่ได้
แอร์โฮสเตสอุ้มเด็กน้อยไปด้านหน้าเจ้านาย เขามองลงมาและอุทานว่า “นี่มันทายาทของเย่ฉ่าวเฉินไม่มีผิด อย่างกะถอดแบบออกมาจากพิมพ์เดียวกันเลย ”เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กน้อย เด็กน้อยค่อยๆสัมผัสนึกว่าแม่จึงค่อยๆหยุดร้องไห้ แต่พอค่อยๆลืมตาดูแล้วไม่ใช่แม่ เด็กน้อยก็ตะโกนร้องไห้อีกครั้ง
“นัยน์ตาสีฟ้าข้างสีม่วงข้างเป็นสีนัยน์ตาที่คาดว่าน่าจะพบได้ยากบนโลกใบนี้” เจ้านายดูเหมือนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและเงยหน้าถามมู่เว่ยเว่ยที่กำลังสะอื้นอยู่นั้น “ฉันจำได้ว่าเย่ฉ่าวเฉินเขามีตาสีฟ้าแล้วลูกของเขาจะมีตาสีม่วงได้อย่างไร”
มู่เวยเวยจะกล้าบอกความจริงกับเขาได้อย่างไร หากบอกไปแล้ว ลูกน้อยของเธออาจเป็นตัวทดลองก็อาจเป็นได้.
“ฉันไม่รู้ ……ช่วยเอาลูกฉันคืนมา ได้โปรดเถอะให้ฉันทำอะไรก็ได้”
เจ้านายพยักหน้าด้วยความพอใจ และกวักมือเรียกหญิงสาวคนหนึ่งตัวไม่ค่อยสูงมาก แต่มีหน้าอกที่อวบอิ่มแล้วให้แอร์โฮสเตสส่งเด็กให้หญิงสาวคนนั้น
“นี่คือพี่เลี้ยงเด็ก เธอจะดูแลเด็กเป็นอย่างดี ขอแค่คุณช่วยเหลือผมเรื่องหนึ่ง ผมก็จะคืนลูกให้คุณ”
มู่เวยเวยรู้ดีว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงเธอสงบลงและเช็คน้ำตาออกแล้วถามว่า “คุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”
กลับไปหาเย่ฉ่าวเฉิน ผมต้องการให้คุณช่วยหาของสิงหนึ่งให้ผม
สมองมู่เวยเวยสั่นระริกหลังจากที่เธอหลบหนีด้วยความยากลำบากแต่ตอนนี้เธอกลับต้องกลับไปอีกครั้ง นอกจากการทำเพื่อลูกแล้วนั้น เธอจะทำอะไรได้อีก
มู่เวยเวยถาม “ต้องการให้หาอะไร”
“แผนที่ขุมทรัพย์” ใบหน้าของเจ้านายที่เปลี่ยนไปแบบมืดมนดวงตาที่เจ้าเล่ห์เล็กน้อยของเขาเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่สวยงามและมีเสน่ห์ “มันคือแผนที่ขุมทรัพย์ที่มีสมบัติมหาศาล หาให้เจอ แล้วนำมาแลกกับตัวเด็ก”
มู่เวยเวยมึนงงไปสักสองวิ ทำไมตระกูลเย่อยู่ดีๆถึงเกิดมีแผนที่ขุมทรัพย์ขึ้นมา เธออยู่ตระกูลเย่ตั้งนานทำไมยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนและพี่ชายก็ไม่เคยพูดถึงด้วย
เจ้านายมองเธอด้วยความตะลึงและพูดต่อว่า “ผู้ถือครองแผนที่ขุนทรัพย์คนสุดท้ายคือพ่อของเย่ฉ่าวเฉินหลังจากที่พ่อเขาเสีย แผนที่ขุมทรัพย์นั้นก็หายไป หากเธอกลับไปครั้งนี้ทำตัวตีสนิทเขาและสอบถามเบาะแสมาและแน่นอนหากเธอสามารถหามันมาได้และนำกลับมาด้วยตนเองจะเป็นการดีที่สุด
เด็กน้อยค่อยๆหยุดร้องไห้จากการปลอบโยนของพี่เลี้ยงเด็ก มู่เวยเวยไม่อาจปฎิเสธคำขอนี้ได้ แต่ “ ฉันกับเย่ฉ่าวเฉินได้แตกหักกันแล้วและไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ หากไม่มีลูกยิ่งไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ บางทีเขาอาจฆ่าฉันก็ได้แล้วคุณจะให้ฉันเข้าหาเขาได้อย่างได้”
“คุณสบายใจได้ทางเราได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้คุณแล้ว คุณจะรู้เองว่าต้องทำอย่างไร”
แอร์โฮสเตสเดินมาพร้อมกับร่างบางเอวเล็กเของเธอพร้อมกับจับมือของมู่เวยเวย “ไปกันเถอะค่ะ คุณมู่ ”
ชายร่างใหญ่ทั้งสองมาพยุงตัวมู่เวยเวยและพาเดินออกไปด้านนอน มู่เวยเวยมองดูลูกน้อยที่กำลังจะแยกจากเธอและตะโกนขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน! ขอฉันมองหน้าลูกอีกครั้ง! ขอฉันมองหน้าลูกอีกครั้ง!”
เจ้านายเลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับพยักหน้า พี่เลี้ยงสาวอุ้มลูกน้อยไว้ต่อหน้าเธอ
ดวงตาของเด็กน้อยเปิดกว้างเมื่อมองเห็นเธอสีหน้าเด็กน้อยก็เริ่มเปลี่ยน มู่เวยเวยรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมากเละน้ำตาก็ไหลออกมา
ลูกรัก ,แม่ขอโทษนะลูก ลูกอายุแค่ 3 วันเอง แม่ต้องทิ้งลูกไว้ข้างหลัง
“ คุณมู่ ! คุณต้องจำไว้ เวลาของผมมีจำกัด ผมให้เวลาคุณครึ่งปี ภายในครึ่งปีนี้ผมจะคอยดูแลลูกคุณอย่างดี แต่ถ้าหากครึ่งปีนี้คุณยังทำไม่สำเร็จ คุณคงรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ ไม่ ! ฉันทำได้สำเร็จแน่นอน คุณอย่าทำอะไรลูกฉันนะ” มู่เวยเวยตะโกนใส่เขา
พี่เลี้ยงเด็กอุ้มเด็กน้อยถอยหลังออกมา มู่เวยเวยได้แต่มองตามหลังลูก เธออยากที่จะมองให้นานกว่านี้เหลือเกิน
“ เชิญ! คุณมู่ ขอให้ทำงานสำเร็จอย่างราบรื่น”
ไม่นาน มู่เวยเวยก็ถูกแอร์โฮสเตสดึงตัวออกไป
หนึ่งเดือนต่อมา เครื่องบินที่บินจากฮ่องกงก็ถึงจุดหมายปลายทาง เมืองA
……..
เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป
ภายในห้องประชุม เย่ฉ่าวเฉินกำลังหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับบริษัท MK ที่เดินทางมาจากฮ่องกง
หลังจากที่มู่เวยเวยหายตัวไป เย่ฉ่าวเฉินก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดไปให้กับงาน โดยแผนธุรกิจในครึ่งปีมานี้ทำให้ เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป เติบโตขึ้นถึง 30 % และเขายังทำตัวเหมือนนักบวช แค่มีผู้หญิงเดินเข้ามาคุยด้วย เขาก็พูดอย่างเย็นชาจนทำผู้หญิงทั้งหลายรีบเดินถอยกลับ
ในความร่วมมือกับบริษัท MK ในครั้งนี้ส่วนใหญ่เน้นไปทางด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว บริษัท MK ต้องการสร้างสวนสนุกขนาดใหญ่ในเมือง A โดยให้บริการด้านการวางแผนอุปกรณ์สวนสนุกก่อนการก่อสร้างและการสนับสนุนด้านเทคนิคอื่น ๆ ทั้งหมด ส่วนเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปนั้นถือว่าเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในเมือง A โดยรับผิดชอบประสานงานในส่วนท้องถิ่น ทั้งการจัดซื้อที่ดินและการฝึกอบรมบุคลากร ฯลฯ
“ ท่านประธานเย่ครับ! ทางบริษัท MK ของเราเต็มไปด้วยความคาดหวังในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ขอให้เราประสบความสำเร็จในความร่วมมือครั้งนี้ด้วยนะครับ” ตัวแทนจากบริษัทMK กล่าว
“แน่นอนครับ ! รบกวนถามหน่อยครับ แล้วเมื่อไหร่ผู้รับผิดชอบของบริษัทของคุณจะมาถึงละครับ เพราะมีบางเรื่องที่ทางเราต้องดำเนินการโดยเร็วครับ”
ตัวแทนของบริษัทดันแว่นขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ผู้ที่รับผิดชอบโครงการนี้ ก็คือคุณฉู่เหยียนลูกสาวคนที่สองของท่านประธาน เธอเพิ่งมาถึงเมือง A เมื่อเช้านี้เองครับ”
เย่ฉ่าวเฉินเลิกคิ้ว “ ครับ ? แล้วทำไมคุณไม่แจ้งผมก่อน ? ทางเราจะได้เตรียมคนไปรับที่สนามบิน” ในใจก็แอบคิด โปรเจคใหญ่ขนาดนี้กลับส่งลูกสาวมาแทน จะรับไหวหรือ!
“คุณหนูรองของเราคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างไม่คอยให้ความสำคัญในตรงจุดนี้ครับ” ตัวแทนพูดคำดังกล่าว “พรุ่งนี้ คุณเธอจะเข้ามาพบด้วยตัวเธอเองครับ”
เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ มิกล้าครับ ทางเรารอการมาเยือน รบกวนช่วยแจ้งคุณฉู่ด้วยนะครับ ค่ำพรุ่งนี้ทางเราจะจัดงานตอนรับให้”
“ได้ครับ”
ณ โรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมืองA
“คุณหนูรอง พร้อมแล้ว ต้องการออกไปตอนนี้เลยไหม” ผู้ติดตามถาม
หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างหันหน้าไปรอบๆใบหน้าที่สดใสและมีเสน่ห์ในดวงตาสีดำของเธอเหมือนดังทะเลสาปที่ไม่อาจหยั่งรู้ ริมฝีปากสีแดงเปิดขึ้นเล็กน้อยและเธอก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ไปตอนนี้เลย”
เป็นเวลาเที่ยง รถค่อยๆเคลื่อนตัวบนถนนอย่างช้าๆ คุณหนูรองเอียงศีรษะมองออกไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ ถึงฤดูร้อนอีกครั้งแล้วเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
เมื่อรถกำลังจะกลับรถอยู่นั้น รถก็เบรกอย่างกระทันหัน จนทำให้ฉู่เหยียนโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างแรง
“ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ? ”
คนขับมองออกไปนอกรถด้วยความไม่แน่ใจ “ ดูเหมือนว่า……เราจะชนโดนคน”
ฉู่เหยียนขมวดคิ้ว รถขับช้าขนาดนี้ยังชนคนได้?
“ลองลงไปดูซิ”
เมื่อคนขับลงจากรถ มีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นโดยมีรถยนต์ไฟฟ้าคว่ำอยู่ เขามองดูคนขับ และตะโกนว่า “เฮ้ คุณขับรถยังไงของคุณนะไม่มีตาหรือ! รถคุณชนฉันจนขาหักเลยเห็นไหม ”
คนขับสังเกตใบหน้าของเขาและมองไปยังทิศทางที่เขากำลังล้มดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การชน ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันขับรถตามเส้นทางกฎจราจรแต่ตรงนี้ไม่ใช่ช่องเดินรถยนต์ไฟฟ้า ช่องเดินรถยนต์ไฟฟ้าควรอยู่อีกด้านหนึ่งของเส้นสีเขียว งั้นคุณทำไมขับ … ”
“ คุณหมายความว่าไง ? หรือคุณหาว่าผมไม่รักชีวิตจงใจวิ่งเข้ามาชนหรือ” ชายคนนั้นพูดแทรกคนขับทันทีอย่างรุนแรง
“ผมกำลังให้เหตุผลคุณอยู่”
“คุณชนคนแล้วยังมีเหตุผลอีกหรือ”
คนขับมองไปที่คนในรถแล้วพูดอย่างหมดหนทาง “แล้วคุณต้องการอะไร !”
ดวงตาของชายคนนั้นสว่างขึ้นมาทันที เขายื่นนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ สองหมื่นหยวน แล้วเราลงมาคุยกันแบบส่วนตัว”
คนขับถึงกับผงะ ฮึฮึ นี่คือ แก๊งตบทรัพย์ในตำนานนั้นเอง
“ นี่ ลูกพี่ กำลังปล้นธนาคารหรือครับ ! ” คนขับอดประชดประชันไม่ได้
ชายคนนั้นเห็นว่าเขาไม่ยอมจ่ายแน่ๆ เขาก็ตะโกนทันที “โอ๊ย… รถชนคนแล้วต้องการหนี ทุกคนช่วยมาดูเร็วๆ ฉันกำลังจะถูกเขาชนตายแล้ว … ”
ทันทีที่ชายคนนั้นตะโกนจบก็มีคนสองสามคนโผล่มาจากไหนไม่รู้ชี้ไปที่คนขับรถแล้วพูดว่า “ทำแบบนั้นได้อย่างไร ชนคนแล้วยังจะหนีอีก”
“คุณชนคนจนขาหัก คุณต้องจ่ายค่าชดเชย”
หลายๆคนที่มุมดูกำลังกระซิกคุยกันเรื่องนี้ คนขับฟังแล้วขมวดคิ้ว ส่วนฉู่เหยียนดูหดหู่อยู่ในรถไม่คาดคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่กลับมาที่เมืองA
เพื่อแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ฉู่เหยียนออกจากรถและเดินมาที่หน้ารถฉากที่ยังคงมีเสียงดังอยู่ก็เงียบลงและสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ผู้หญิงที่สวยคนนี้
แก๊งตบทรัพย์คนนั้นปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว “คุณเป็นเจ้าของรถใช่ไหม รถของคุณชนผม คุณจะทำอย่างไร”
ฉู่เหยียนมองเขาอย่างเย็นชาและพูดตรงๆว่า “คุณต้องการเงินเท่าไหร่?”
แต่เดิมชายคนนั้นคิดจะพูดว่า สองหมื่นหยวน แต่ดูสีหน้าเธอแล้ว รีบพูดออกมาว่า “ หนึ่งหมื่นหยวน”
ฉู่เหยียน ยิ้มอย่างเย็นชาแม้ว่ามันจะเป็นการเยาะเย้ย แต่ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ และคำพูดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจเธอ
“ ห้าร้อย ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาให้คุณ” ฉู่เหยียนพูดอย่างเย็นชา
“อะไรนะห้าร้อย คุณให้ขอทานหรือเปล่า” ชายคนนั้นโกรธมากและเงินจำนวนเล็กน้อยนั้นก็ไม่พอแบ่งคนแถวนี้”หมื่นหยวน ! ถ้าคุณไม่ให้ผมจะอยู่ใต้รถของคุณวันนี้อย่าหวังว่าคุณจะได้ไปไหนได้”
บนเลนหลัง มีรถปอร์เช่สีดำขับมาใกล้ เย่ฉ่าวเฉินเพิ่งกลับมาจากการรับประทานอาหารมองไปที่การจราจรนอกหน้าต่างอย่างเกียจคร้านและเห็นกลุ่มคนที่รวมตัวกันที่ฝั่งตรงข้าม
ทันใดนั้นร่างของคนคนหนึ่งก็ล้มลงในสำนึกของเขา หัวใจของเขาดูเหมือนจะโดนอะไรบางอย่างตีเข้าที่หัวใจของเขา และเขาก็พูดกับจางเห่ออย่างเร่งรีบว่า “หยุดรถ”
จางเห่อไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไร เขารีบหันพวงมาลัยและหยุดที่ข้างถนนอย่างรวดเร็ว
“ คุณชาย ! เป็นอะไรรึเปล่า …”
ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็ได้ยินเสียง “ป๊อป” จากนั้นเขาก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินเดินไปยังเลนตรงข้าม
คุณชายเห็นอะไร? จางเห่อมองไปในทิศทางของเขาและด้านหลังของผู้หญิงที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
จางเห่อหายใจถี่และรีบลงจากรถและวิ่งตามไปฝั่งตรงข้าม
ฉู่เหยียนเห็นว่าชายหนุ่นยังคงพยายามเข้าไปใต้ท้องรถ เธอแทบจะหัวเราะดังๆออกมา ทำทุกอย่างเพื่อเงินได้จริงๆ
“คุณแน่ใจนะว่าไม่ออกมา” ฉู่เหยียนถามเขา
ชายคนนั้นนอนอยู่บนพื้นโดยจับหน้าอกของเขาและตะโกนว่า “คุณชนผมและผมขยับตัวไม่ได้ออกไปไม่ได้แล้ว”
ฉู่เหยียน จ้องที่เขาและพูดกับคนขับว่า “เสี่ยวฟัง โทรหาตำรวจ”
“ เฮ่! ถึงคุณจะแจ้งความผมก็ไม่กลัว เพราะผมมีเวลาเหลือเฟือที่จะเล่นกับคุณ…”
ฉู่เหยียนกำลังจะพูดทันใดนั้นไหล่ของเธอก็ถูกคว้าไว้ หลังจากที่ท้องฟ้าหมุนไปนั้น ดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอและรู้สึกได้ถึงหัวใจของเธอที่กำลังเต้นอย่างแรง
สีหน้าของ เย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนไปจากความตื่นเต้นแปลกใจไปจนถึงการสูญเสียและในที่สุดก็มีอาการปวดตาเล็กน้อย
ไม่ใช่เธอ ไม่คาดคิดว่าไม่ใช่เธอ
เห็นได้ชัดว่าข้างหลังคือคนที่กำลังฝันแต่ทำไมหน้าแปลกขนาดนี้ ยกเว้นดวงตาสีเข้มคู่นี้ …
ฉู่เหยียนมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แสร้งทำเป็นแปลกใจ“ นี่คุณ! คุณกำลังทำอะไรอยู่?”
เย่ฉ่าวเฉินยืนตัวแข็งสักพัก แม้แต่เสียงของเธอก็ยังเหมือน
“นี่คุณ คุณกำลังทำฉันเจ็บ” ฉู่เหยียนมองเขาอย่างไม่พอใจ
“ ขอโทษครับ ! เย่ฉ่าวเฉินจ้องตรงไปที่ดวงตาที่แปลกประหลาดและคุ้นเคยคู่นั้นและปล่อยไหล่ของเธอเบา ๆ เสียงของเขาแห้งและต่ำลึก” ผมขอโทษครับ พอดีผมจำคนผิด ”
ฉู่เหยียน ยิ้มอย่างเฉยเมย “ไม่เป็นไร” จากนั้นก็หันกลับไปเจรจากับคนที่อยู่ใต้รถ “อืมได้ ฉันจะเพิ่มให้อีกห้าร้อยนายออกมาได้ ไม่งั้นเราคงทำได้แค่รอตำรวจมาเจรจา ”
เย่ฉ่าวเฉิน ยืนอยู่ข้างหลังเธอและมองไปที่ด้านหลังและฟังเสียงของเธอหัวใจของเขาสั่นเล็กน้อยจะมีเรื่องบังเอิญในโลกแบบนี้จริงหรือ? ที่ความสูงเท่ากันเสียงเดียวกัน แต่หน้าตาต่างกันนิดเดียว
จางเห่อวิ่งเข้ามาหาเขาเมื่อเห็นเขาดูตกใจอย่างมากและเมื่อเห็นใบหน้าของฉู่เหยียน เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน
ไม่ใช่เธอ…
แม้ว่าใบหน้านี้จะดูสวยกว่ามู่เวยเวยก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เธอ
จางเห่อถอนหายใจและดูเหมือนว่าคุณชายเขา จะนอนไม่หลับอีกแล้ว
“ ผมจะไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง ถ้าไม่ได้เงินหนึ่งหมื่นหยวน” ชายคนนั้นยังคงตะโกน
ผู้คนแถวนั้นเริ่มให้ความช่วยเหลือ “ถ้าคุณชนคน แปดพันหยวนคุณก็ไม่ยอดจ่ายหรือ?หรือไม่ก็ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบและขอให้เธอชดเชย คนรวยนี่มันช่างขี้เหนียวจริงๆ”
ฉู่เหยียนวางมือไว้ข้างหัวใจเธอ “นี่คุณกำลังทำผิดอย่างโจ่งแจ้งนะ”
“ทำไมผมถึงทำผิดอย่างโจ่งแจ้ง? หมายถึงคุณไม่ได้ชนผมงั้นหรือ? รถยนต์ไฟฟ้าของผมยังคงนอนอยู่ที่นั่นอยู่เลย”
ฉู่เหยียนที่ปกติเป็นคนที่ใจเย็นมากๆแล้ว แต่ทันที่เย่ฉ่าวเฉินมาถึงเธอก็กลายเป็นเด็กน้อยขึ้นมาทันที ดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของเธอเป็นสีแดง“ คุณทำแบบนี้ได้ยังไงเห็นได้ชัดว่าคุณมาชนเราเอง”
“ใครสามารถยืนยันได้?” ชายคนนี้กล่าวอย่างหยิ่งผยองเพราะเขาคุ้นเคยกับถนนที่นี่เป็นอย่างดีและไม่มีการเฝ้าระวังที่มุมนี้เขาจึงกล้าพูดอย่างโจ่งแจ้ง
“ คุณ … คุณเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า … ”
“ต้องชดใช้เท่าไหร่” เย่ฉ่าวเฉินถามขึ้น
ฉู่เหยียนพูดกับเขาข้างๆ “เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นแก๊งตบทรัพย์และขอเงินกับฉันหมื่นหนึ่ง”
“ เฮ้! นี่สาวน้อยพูดอะไรระวังคำพูดด้วยนะ ใครคือแก๊งตบทรัพย์”
เย่ฉ่าวเฉินตะคอกอย่างเย็นชา “ หมื่นหนึ่งไม่มาก จางเห่อลากเขาไปตรวจที่โรงพยาบาลถ้าค่าใช้จ่ายต่ำกว่าหนึ่งหมื่นก็ช่วยฉันจ่ายให้มันครบหมื่น”
“ได้ครับ เจ้านาย !” จางเห่อตอบ ก้มตัวจับแขนชายคนนั้นลากออกจากพื้นที่นั้น “ ไปครับ น้องชาย”
เดิมทีชายคนนั้นยังไม่อยากที่จะลุกขึ้น แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเขาก็รีบผลักมือของจางเห่อออกแล้วพลิกตัวแล้วรีบยกรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กของตัวเองขึ้นแล้วรีบจากไป
ตลกสิ้นดี เห็นเย่ฉ่าวเฉินแล้วยังจะวิ่งอีก รอตายหรือไง? พวกเขาในฐานะนักเลงเล็กๆบนท้องถนนในเมืองAคือการจดจำคนเหล่านั้นด้วยใบหน้า เพื่อป้องกันแก๊งตบทรัพย์ไม่ให้โดนหักแขนหักขาคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะเจอ
ช่างเป็นชะตากรรมจริงๆ
เมื่อพวกไทยมุงเห็นผู้ก่อเหตุวิ่งหนี พวกเขาก็รีบแยกกันหายไปทันที
เมื่อสักครู่คนยังเยอะอยู่เลยภายในไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เหลือแค่เพียงคน4คน
ฉู่เหยียนมองไปที่ฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ “ฮ่าๆๆๆๆๆ ” และหัวเราะออกมาดัง ๆ
เย่เฉ่าเฉินหันหน้าไปมองใบหน้าที่สดใสของเธอและนึกได้ว่า มู่เวยเวยไม่เคยยิ้มอย่างร่าเริงมาก่อน บ่อยครั้งที่รอยยิ้มของเธอเหมือนกับทำอะไรไม่ถูกและดูเยาะเย้ย
อาจเป็นเพราะคิดถึงเธอมากเกิน นี้อาจเป็นเหตุผลที่เขาอดไม่ได้ที่จะช่วยผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้
“ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ” เธอมองเขาด้วยดวงตาที่สดใสอาจเป็นเพราะเธอฝึกฝนในกระจกเป็นเวลานาน
เย่เฉ่าเฉินมึนหัวชั่วขณะ “ยินดีครับ มันแค่เรื่องนิดเดียวเองครับ”
“ งั้น ขอลาก่อนนะคะ” ฉู่เยียนไม่รั้งเขาไว้และเดินผ่านเขาไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งในรถ
รถออกไปอย่างรวดเร็ว เย่เฉ่าเฉินยืนอยู่ที่นั่นและเฝ้าดูเธอจากไปโดยไม่ขยับเป็นเวลานาน
“จางเห่อ เหมือนใช่ไหม” เขาถามเบาๆ
จางเห่อเงยหน้าขึ้นและชำเลืองมองเขาโดยรู้ว่าเขากำลังถามอะไรและพูดอย่างระมัดระวัง “ด้านหลัง ดวงตาและเสียงเหมือนหมด เว้นแต่ใบหน้าที่ไม่เหมือนเลย”
เย่เฉ่าเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้คิดไปเองคนเดียว
“คุณชายครับ! ให้ผมไปช่วยเช็คให้ไหมว่าเธอเป็นใคร?
“ไม่จำเป็น” เย่เฉ่าเฉินถอนสายตาและเดินไปขึ้นรถของเขา ในเมื่อไม่ใช่เธอ มันมีแต่จะเพิ่มความเศร้าให้กับการรู้มากขึ้น
รถที่กำลังจะออกไปมุ่งหน้าไปทางตะวันออกและหยุดอยู่ที่ชายหาด
ฉู่เหยียนเดินขึ้นไปบนหน้าผาขนาดใหญ่และเมื่อเธอไปถึงด้านหน้าผาเธอก็คุกเข่าลง
พี่ชายคะ ฉันมาหาพี่แล้วนะคะ
…………
อย่างที่จางเห่อคาดไว้ เย่เฉ่าเฉินนอนไม่หลับแน่นอน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าจะมีการประชุมที่สำคัญในวันพรุ่งนี้แต่เขาก็ไม่สามารถหลับลงได้ เพราะความทรงจำที่ลึกที่สุดกำลังไล่ตามเขาและมันค่อยๆกัดกินหัวใจเขา
มู่เวยเวย ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?
คุณยังสบายดีไหม ? เด็กที่ควรจะเกิดเป็นลูกสาวหรือลูกชาย?ปลอดภัยดีไหม?ดูเหมือนคุณหรือเหมือนผมมากกว่ากัน?แล้วลูกดื้อไหม ?
เย่เฉ่าเฉิน เชื่อเสมอว่า มู่เวยเวยยังมีชีวิตอยู่เขามีสัญชาตญาณว่าเธอจะต้องใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในมุมใดของโลกเธอไม่ต้องการให้อภัยเขาดังนั้นเธอจึงไม่กลับมาหาเขา
เขาทำได้แค่คิดทางนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้เขาใช้ชีวิตต่อไปได้
แสงสว่างเช้าที่ส่องเขามาจากทิศตะวันออก เย่เฉ่าเฉินขยี้ตาที่แห้งผากของเขาและลุกขึ้นจากเตียงด้วยความจำใจ วันนี้เขาต้องไปพบคุณหนูรองของบริษัท MK ฉู่เหยียน
หวังว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและไม่ค่อยสร้างปัญหา
เวลา 10.00 เย่เฉ่าเฉินและรองประธานสองสามคนยืนรออยู่ที่หน้าประตู รถคันหนึ่งค่อยๆขับมา เย่เฉ่าเฉินมองตามแล้วรู้สึกคุ้นรถคันนี้มาก
รถค่อยๆหยุดตรงหน้า เย่เฉ่าเฉิน และรองประธานข้างๆเดินเข้าไปเปิดประตูด้านหลัง
รองเท้าส้นสูงสีเงินยื่นออกมาก่อนตามด้วยเรียวขาขาวๆราวกับหิมะ ผู้หญิงในชุดเสื้อคลุมสีขาวกระโปรงยาวถึงเข่าก็ออกจากรถพร้อมกับผมยาวที่ห้อยลงมาที่ไหล่
เย่เฉ่าเฉินยืนมองตะลึงสักครู่เมื่อเห็นใบหน้าของเธอและในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติ
ฉู่เหยียนมองเขาและทำเหมือนประหลาดใจและมองเขาด้วยความดีใจ “ใช่คุณ”
เย่เฉ่าเฉิน แสดงรอยยิ้มที่สุภาพบนใบหน้าของเขาและยื่นมือออกมา “สวัสดีครับ ผมเย่เฉ่าเฉินครับ”
ฉู่เหยียนยื่นมือของเธอเข้าไปจับมือใหญ่ของเขา“ สวัสดีค่ะ ฉันฉู่เหยียนค่ะ บังเอิญจริงๆนะคะ”
ทันทีที่เย่เฉ่าเฉินจับมือของเธอความรู้สึกคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธออีกครั้ง มือของเธอ …
มู่เวยเวยเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์จับปากกาวาดรูปตลอดทั้งปีโดยเฉพาะตรงส่วนนิ้วชี้และนิ้วกลางจึงมีแคลลัสเล็กน้อยแต่ในส่วนมือของเธอนั้นนุ่นนวลอ่อนโยนน่าสัมผัส แต่ทำไมเย่เฉ่าเฉินยังคงรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับมือนั้น
“สองท่านรู้จักกันแล้วหรือครับ?” ตัวแทนจาก บริษัท ฮ่องกงที่เดินเข้ามาถามด้วยความประหลาดใจ
เย่เฉ่าเฉินรีบปล่อยมืออย่างฝืนๆ และอธิบายว่า “บังเอิญเจอกันเมื่อวานครับ”
“ ใช่ค่ะ! เมื่อวานประธานเย่ยังช่วยฉันไว้ด้วย ” ฉู่เหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องเกรงใจครับ เรื่องเล็กน้อยเองครับ เชิญครับคุณฉู่” เย่เฉ่าเฉินหันไปด้านข้างและแสดงท่าทางเชิญเข้ามา
ฉู่เหยียนยิ้มให้เขาและกล่าวว่า “เชิญเช่นกันค่ะ ท่านประธานเย่”
ลิฟต์ดูเหมือนจะขนาดใหญ่ แต่พอคนจำนวนมากเข้ามา ก็ดูเหมือนจะคับแคบไปเลย
เย่เฉ่าเฉิน มองไปที่ ฉู่เหยียนที่อยู่ห่างเขาเพียงเล็กน้อย ผิวของเธอขาวและอมชมพูจาง ๆ ขนตาที่ยาวของเธอกะพริบเหมือนดังปีกผีเสื้อ
ทันใดนั้นเขาก็เกิดนึกถึงเมื่อเขาอยู่ในลิฟต์กับมู่เวยเวย เขาขวางเธอไว้ที่มุมนี้และจูบที่ริมฝีปากของเธออย่างดุเดือดถ้าเธอไม่ขัดขืนเขาอาจจะจัดการเธอในลิฟต์ในเวลานั้นเลย แต่ก็ทนจนมาถึงที่ออฟฟิศแต่พอตกเย็นมู่เวยเวยไม่เคยได้ลุกจากเตียงเลยในวันนั้น
ร่างกายที่ปิดผนึกมานานของเย่เฉ่าเฉินค่อยๆรู้สึกเจ็บปวด เขาบังคับตัวเองให้ขับไล่ความคิดคำนึ่งที่ชั่วร้ายเหล่านั้นและเป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีผู้หญิงคนใดที่จะสามารถมากระตุ้นความสนใจของเขา หรืออาจเป็นเพราะแบบนี้ถึงทำให้เขาคิดถึงมู่เวยเวย
เย่เฉ่าเฉินมองไปที่ใบหน้าของฉู่เหยียน หลังคลายกำปั้นของเขาอย่างเงียบ ๆ ในระยะใกล้เช่นนี้เธอกลัวจริงๆว่าเขาจะสังเกตอะไรได้จากเธอ
“ติ่ง—”
เมื่อลิฟต์หยุดลง ฉู่เหยียนก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
คนกลุ่มหนึ่งมาที่ห้องประชุมและเริ่มคุยเรื่องต่างๆที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ฉู่เหยียนแสร้งทำเป็นตั้งใจฟัง แต่หลังจากนั้นเธอก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ได้ฟังแล้วเธอก็หมดความสนใจและเริ่มวาดสมุดวางแผนด้วยปากกาในมือ
ตัวแทนจากบริษัท MK และเย่ฉ่าวเฉินดูเหมือนจะไปได้ด้วยดีดังนั้นเธอทำได้เพียงรับฟัง และเธอก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้อยู่ดี
“ คุณฉู่ คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เราเพิ่งพูดคุยกันไหมครับ?” เย่เฉ่าเฉินเห็นว่าเธอดูงงเล็กน้อยเลยโยนหัวข้อไป
ฉู่เหยียนกระพริบตาเล็กน้อย เมื่อกี้พวกเขากำลังพูดอะไรกัน?
ทำเหมือนเสียงไอเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “ อืม ฉันไม่มีความเห็นอะไร หากพวกคุณตัดสินใจเสร็จแล้วก็แจ้งฉันมาก็พอ”
เย่เฉ่าเฉิน พยักหน้าอย่างสุภาพและพูดคุยกับ ถังซื่อเสียว ต่อ
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงการประชุมก็ปิดลง
ทุกคนก็เดินออกไปยืดเส้นยืดสาย ฉู่เหยียนก็ปิดแผนที่เตรียมไว้และเตรียมตัวเข้าห้องน้ำ
“คุณฉู่ครับ! รับกาแฟเพิ่มพลังหน่อยไหมครับ ? ” เย่เฉ่าเฉินยืนอยู่ตรงหน้าเธอและทำเสียงล้อเล่นด้วยน้ำเสียงของเขา
“ขอบคุณค่ะ ขอไม่รับค่ะ ขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ” ฉู่เหยียนเดินผ่านตัวเขาไป
“ผมให้เลขาพาคุณไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทราบว่าอยู่ที่ไหน” ฉู่เหยียนโพล่งออกมาทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็ดุตัวเองว่าเรานี่มันงี่เง่าจริงๆ
ดวงตาของเย่เฉ่าเฉินหรี่ลง ส่วนในกระเป๋ากางเกงเขากำมือแน่น “คุณฉู่น่าจะมาบริษัทของเราเป็นครั้งแรกนะครับ”
ฉู่เหยียนเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงบ“ พอดีตอนเดินเข้ามาบริษัท ก็สังเกตเห็นห้องน้ำแล้วค่ะ ”
“คุณฉู่ เป็นคนช่างสังเกตจริงๆ” เย่เฉ่าเฉินหัวเราะเบาๆ
“ยังพอได้ค่ะ” ฉู่เหยียนพูดอย่างร่าเริงและเดินไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
จ้องมองไปที่ด้านหลังของเธอสักครู่รอให้เธอหายไปที่มุม หันไปทางที่นั่งของเธอและเปิดแผนบนโต๊ะ
นี่มันเกินอะไรขึ้นกันแน่ เหมือนกับเลือดของเขาทั้งหมดจับตัวเป็นก้อน
ดูเหมือนไม่ใช่เธอ แต่ทำไมกลับเหมือนเธอเช่นนี้
ในแผนเป็นภาพวาดการออกแบบชุดสูทผู้ชายที่วาดโดย ฉู่เหยียน
ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่จะต้องสืบหาข้อมูลของคุณฉู่คุณหนูรองคนนี้แล้ว
หลังจากเดินออกจากห้องประชุมเย่เฉ่าเฉินก็รีบกดโทรหา จางเห่อทันที “ช่วยสืบข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดของฉู่เหยียนมาด่วนเลยนะ”
“ได้ครับ คุณชาย”
การประชุมครั้งต่อไป ฉู่เหยียนไม่กล้าทำอะไรอีก เพราะเธอพบว่าเย่เฉ่าเฉินมักจะสังเกตเธอเหมือนไม่มีอะไรทำ เธอกลัวว่าเขาจะจับผิดเธอได้
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมเพื่อเป็นการตอบรับ ฉู่เหยียน ทุกคนก็พากันไปที่ ภัตตาคาร LIVINGFORETS
หลังจากสั่งอาหารกันแล้ว ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันเล็กน้อย
เย่เฉ่าเฉินรินไวน์แดงหนึ่งแก้วให้กับฉู่เหยียนที่นั่งอยู่ข้างเขาและจงใจพูดว่า “คุณฉู่ ผมคิดว่าคุณดูเหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจโครงการนี้สักเท่าไหร่นะครับ”
ฉู่เหยียนถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “จริงๆแล้วฉันเพิ่มกลับจากยุโรปยังไม่ทันทำความเข้าใจอะไรเลย ก็ถูกพ่อส่งมาฝึกฝนงานที่นี้แล้ว ดังนั้นหากมีปัญหาอะไรปรึกษากับคุณถังโดยตรงได้เลยฉันเคารพการตัดสินใจของพวกคุณ”
เย่เฉ่าเฉินไม่คาดว่าเธอจะซื่อสัตย์ขนาดนี้ “คุณฉู่ คุณนี่ช่างเป็นคนพูดตรงจริงๆ”
เวลานี้ บริกรเริ่มค่อยๆเข้ามาเสิร์ฟอาหาร ฉู่เหยียนขอให้เธอหยิบนมเปรี้ยวมาให้เธอ แล้วก็พูดกับเย่เฉ่าเฉินต่อ “ฉันควรพูดให้ชัดเจนไว้ดีกว่า พวกคุณจะได้ทำงานกันได้สะดวกแต่ฉันก็ยังมีส่วนร่วมการประชุมด้วย ส่วนเรื่องวิ่งงานต่างๆในสถานที่ก่อสร้างนั้นคุณก็คิดเสียงว่าฉันเป็นทายาทเศรษฐีที่เกียจคร้านและคุณก็ไม่จำเป็นต้องถามฉันทุกอย่างและถึงจะถามฉันฉันก็ตอบอะไรคุณไม่ได้อยู่ดี ”
“ คุณฉู่ เรียนอยู่ที่ยุโรปหรือครับ? ”
“ใช่ค่ะ หลังจากเรียนจบมัธยมปลายก็ไปยุโรปเลยค่ะ แต่เดิมฉันเรียนเศรษฐศาสตร์ แต่ฉันไม่ชอบเลยย้ายไปเรียนออกแบบแฟชั่นด้วยตัวเอง” ฉู่เหยียนพูดถึงช่วงนี้ก็ทำหน้าสลด “คิดไม่ถึงว่าพ่อจะจับได้ท่านได้ดุด่าว่าฉันใหญ่เลย โดยบอกว่าการออกแบบเครื่องแต่งกายคือการทำเสื้อให้คนอื่นใส่และต้องการให้ฉันเปลี่ยนกลับไปเรียนเศรษฐศาสตร์ แต่ดีหน่อยทางโรงเรียนไม่อนุญาตดังนั้นฉันจึงจบมาอย่างมีความสุข”
เย่เฉ่าเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหลังจากฟังคำพูดของเธอ มันกลายเป็นแบบนี้นี้เอง …
อาหารขึ้นมาทีละจาน เย่เฉ่าเฉินพูดเสียงดังขึ้นมา “วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ คุณฉู่ ฉันขออวยพรโดยการส่วนตัวให้กับคุณฉู่ ขอให้คุณฉู่มีความสุขในเมือง A และหวังว่า บริษัท MKและเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปจะร่วมมือกันได้อย่างราบรื่น
ฉู่เหยียนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาในมือ“ ขอขอบคุณ ท่านประธานเย่และทุกท่านสำหรับการต้อนรับและทุกท่านก็ทำงานกันหนักมากและในอนาคตโครงการสวนสนุกนี้ก็ต้องพึ่งพาทุกท่าน ฉันขอดื่มให้กับทุกท่านแก้วหนึ่ง”
“คุณฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้วครับ”
ฉู่เหยียนรู้ดีว่าตัวเองเวลาเมานั้นเธอเป็นอย่างไรจึงจิบเพียงเล็กน้อยจากนั้นก็รีบดื่มนมเปรี้ยวตามคำใหญ่
บรรยากาศบนโต๊ะไวน์กลายเป็นกันเองอย่างรวดเร็วและทุกคนก็คุ้นเคยกันมากขึ้นหลังจากติดต่อกันมาหลายวันทำให้มีความคุ้นเคยและลำบากใจกันน้อยลง
“คุณฉู่ครับ ผมดื่มให้คุณแก้วหนึ่ง ผมหวังว่าเราจะร่วมมือกันได้อย่างมีความสุข” เย่เฉ่าเฉินชนแก้วแล้วพูดกับเธอ
ฉู่เหยียนแสดงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในดวงตาของเธอพร้อมหยิบนมเปรี้ยวในมือของเธอและยิ้ม “คุณเย่ค่ะ ฉันขอดื่มนมเปรี้ยวแทนได้ใช่ไหมคะ”
เมื่อมองไปที่ดวงตานั้นเย่เฉ่าเฉินไม่สามารถพูดปฏิเสธได้ “ได้เลยครับ แล้วแต่เลยครับ”
“ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ” ฉู่เหยียนชนแก้วของเขาเบา ๆ จากนั้นจึงดื่มไปสองคำเบาเบา
จากนั้นก็มีคนจำนวนมากมาร่วมชนแก้ว ฉู่เหยียนก็ได้แต่ดื่มนมเปรี้ยวอาจเพราะเธอเป็นเจ้านายและเป็นคนสวยจึงไม่มีใครกล้าชวนให้เธอดื่ม อย่างไรก็ตาม เย่เฉ่าเฉินก็ไม่ปฏิเสธที่ดื่มไวน์จำนวนมาก
“ คุณฉู่ มีที่พักที่เมือง A หรือยังครับ”
“ตอนนี้ยังค่ะ พักที่โรงแรมเป็นการชั่วคราวไปก่อนค่ะ รอคอนโดที่ซื้อใหม่ปรับปรุงเสร็จ สองสามวันคงย้ายเข้าได้”
เย่เฉ่าเฉินพยักหน้า “ถ้าคุณฉู่ต้องการอะไร ต้องบอกผมนะครับเพราะผมคุ้นเคยกับ เมืองAอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงง่ายต่อการช่วยประสาทงานได้”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ หากมีเรื่องอะไรจริงๆ ฉันจะขอความช่วยเหลือจากประธานเย่นะคะ”
เย่เฉ่าเฉินได้กลิ่นกายของเธอมีกลิ่นนมจาง ๆ กลิ่นดีมากอาจเป็นเพราะการดื่มไวน์ที่มากเกินไป เย่เฉ่าเฉินเลยรู้สึกว่าเธอคือ มู่เวยเวย และชั่วขณะหนึ่งเขาก็อยากที่จะเอื้อมมือไปกอดเธอ
เขากำลังรู้สึกว่าตัวเขาเองกำลังจะบ้า……..