มหาลัยการออกแบบของพวกเรามักจะมีเหตุการณ์แบบนี้ อาจารย์อยากช่วยพวกเขาหาแรงบันดาลใจ เลยมักจะหากิจกรรมต่างๆให้พวกเขาทำ และถึงแม้เธอจะไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัย แต่เธอก็มีหออยู่ในนั้น
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย “งั้นก็อย่าบังคับให้ผมต้องไปขอลาออกให้คุณด้วยตัวเอง”
“คุณ….” มู่เวยเวยกัดริมฝีปาก ผู้ชายคนนี้ช่างบ้าอำนาจ และโรคจิตจริงๆ เธอไม่ไปกวนเขาจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นแม้แต่โอกาสไปเรียนก็จะไม่มี
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ต่อไปฉันจะกลับบ้านอย่างเชื่อฟัง” มู่เวยเวยพูดอย่างอดทน
เย่ฉ่าวเฉินกวาดตามองเธอครั้งหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานตามเดิม ก่อนจะพูดเตือน “คุณออกไปได้แล้ว แล้วก็ถ้ามีอะไรให้คุณอาหวังเป็นคนมาบอกผม คุณห้ามขึ้นชั้นสามถ้าไม่ได้รับอนุญาต”
“หือ…” มู่เวยเวยงง ห้ามขึ้นชั้นสามหรอ
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงห้องแขวนกระดิ่งที่อยู่ข้างๆขึ้นได้ แถมในนั้นยังมีคนหน้าตาเหมือนกับเขาราวกับแกะอยู่ มีแค่ตาเท่านั้นที่เป็นสีม่วงต่างกับเขา ไหนจะกาน้ำชา กับแก้วที่ลอยได้….หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนั้น
“ค่ะ…ได้ค่ะ” มู่เวยเวยพยักหน้าตอบรับ เมื่อเห็นว่าเย่ฉ่าวเฉินก้มหน้าทำงานแล้ว เธอก็ไม่ถามอะไรอีก เพราะกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ จากนั้นเธอก็ออกไปจากห้องหนังสือทันที
เมื่อมู่เวยเวยออกไปแล้ว มือที่ถือปากกาอยู่ก็นิ่งลง เขาเงยหน้าจ้องไปที่หลังของเธอ พร้อมกับยกยิ้มขึ้นมา ดวงตาพราวระยับ
มู่เวยเวยเตรียมลงไปข้างล่างหลังจากออกมาจากห้องหนังสือ แต่เมื่อเท้าเธอแตะบันไดขั้นแรก เธอก็หยุดแล้วเดินไปที่ห้องทางซ้ายมือ ตอนนั้นลมยังคงพัดอยู่ กระดิ่งก็ยังคงดังอยู่ แต่ไม่แสบแก้วหู
ตาสีฟ้า…ตาสีม่วง….
สมองของมู่เวยเวยอยู่ในความสับสน คำพูดของเย่ฉ่าวเฉิน กับคุณอาหวังดังขึ้นมาในหัวเธออีกครั้ง…ห้ามเธอขึ้นมาชั้นสาม ห้ามเธอเข้าใกล้ห้องที่แขวนกระดิ่ง….
แต่…..
ด้วยความสงสัย และความอยากรู้อย่างหนัก ทำให้มู่เวยเวยปลุกความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง เธอแอบเดินไปใกล้ๆห้องทางซ้ายมือ
และทำท่าแบบก่อนหน้านี้อีกครั้ง มู่เวยเวยค่อยๆเกาะผนัง ชะโงกหน้าเข้าไปมองในห้อง แต่ครั้งนี้ห้องทั้งห้องที่มีเครื่องออกกำลังกาย และผู้ชายตาสีม่วงคนนั้นไม่อยู่แล้ว ส่วนกาน้ำชา และแก้วสองแก้วก็วางอยู่บนโต๊ะกลมๆนั้นนิ่งๆ ไม่ได้ลอย ไม่มีอะไรแปลก
ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน….
ราวกับว่าสิ่งที่เธอเห็นก่อนหน้านี้เป็นแค่ความฝัน แค่ภาพลวงตา….
หรือเธอจะตาฝาดไปจริงๆ
มู่เวยเวยกระพริบตาปริบๆ เมื่อมั่นใจแล้ว เธอก็ไม่กล้าอยู่ต่อ ได้แต่เดินลงบันไดไปด้วยความสงสัยที่มากขึ้นไปอีก
ทำไมถึงเข้าใกล้ห้องที่มีกระดิ่งไม่ได้
ทำไมดวงตาถึงเปลี่ยนเป็นสีม่วงได้
ทำไมกาน้ำชากับถ้วยน้ำชาถึงบินได้
คนนั้น…สรุปแล้วใช่เย่ฉ่าวเฉินรึเปล่า ถ้าใช่แล้วเขาไปอยู่ในห้องหนังสือได้ยังไงในพริบตาเดียว
ถ้าไม่ใช่ แล้วเขาเป็นใครกันแน่ เย่ฉ่าวเฉินมีแฝดหรอ
พระเจ้า เธอเห็นภาพลวงตาหรอ สมองเธองุนงงไปหมด นี่มันอะไรกันแน่
ในเมื่อคิดไม่ออกจริงๆ มู่เวยเวยเลยได้แต่เดินลงไปข้างล่างอย่างงุนงง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเห็นพ่อบ้านอย่างคุณอาหวังเข้าพอดี
ใช่สิ คุณอาหวังน่าจะอยู่ตระกูลเย่มานานแล้ว เธอสามารถถามคุณอาหวังได้
“คุณอาหวัง” มู่เวยเวยเรียก
เมื่อคุณอาหวังเห็นมู่เวยเวยก็รีบเดินเข้ามา และทักทายด้วยความเคารพ “คุณหนู”
“เอ่อ…” คุณอาหวังย้ำไม่ให้เธอเข้าใกล้ห้องที่แขวนกระดิ่งนั้น มู่เวยเวยจึงไม่อยากให้คุณอาหวังรู้ว่าเธอมาอยู่บ้านตระกูลเย่วันแรกก็ฝ่าฝืนกฎแล้ว ดังนั้นเธอจึงถามอ้อมๆ “คือ…คุณอาหวังคะ คุณก็อยู่บ้านตระกูลเย่มาหลายปีแล้ว เคยเจอคนมีตาสีม่วงบ้างมั้ยคะ ลูกตาสีม่วงน่ะค่ะ แถมยังส่องแสงได้ด้วย”