พอหญิงสาวคนนั้นลองคิดดูมันก็จริงนะ เลยไม่รบกวนเธออีก
มู่เวยเวยสบายใจมากขึ้น เธอเดินขึ้นไปข้างหน้าแล้วหันไปถามเขาว่า ” ทำไมคุณถึงไม่อธิบายล่ะ? ”
เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องแฟน เขาจึงพูดต่อว่า ” ไม่ได้รู้จักพวกเธอสะหน่อย อธิบายแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ”
เอ๊ะ! ไอ้นี่
ในที่สุดก็ได้เวลาเช็คบิล พนักงานก็คิดเงินของทุกสิ่งทีละอย่างจนสุดแล้วพูดว่า ” สวัสดีค่ะ ทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบแปดค่ะ ”
มู่เวยเวยกำลังจะหยิบเงินออกมาจ่ายแต่เย่ฉ่าวเฉินยื่นการ์ดแล้วจ่ายเงินไปก่อน
” คุณไม่ต้องจ่าย นี่เป็นของใช้ส่วนตัวของฉัน ”
เย่ฉ่าวเฉินปัดมือมู่เวยเวยลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า “ถือว่าเป็นค่าอาหารเย็นของฉันก็ได้ แต่ว่าถ้าเธอจะให้ฉันกินฟรีฉันก็ไม่ขัดนะ ”
“ถ้าอย่างนั้นก็……ได้ ” มู่เวยเวยเลิกตอบโต้
ซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ชั้นสี่ ตอนที่ลงบันไดเลื่อนมาตรงชั้นสาม สายตาของมู่เวยเวยก็มองไปเห็นร้านเสื้อผ้าเด็กร้านหนึ่ง ใบหน้าเด็กน่ารักตัวน้อยๆก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ เธอรู้สึกใจอ่อนแล้วพูดว่า ” เราเดินดูของชั้นนี้กันเถอะ ”
แน่นอนว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่ปฏิเสธ
ฝีเท้าของมู่เวยเวยหยุดลงตรงหน้าร้านเสื้อผ้าเด็กอย่างอัตโนมัติ เสื้อผ้าเด็กนี่ช่างเล็กและประณีตมากๆ มู่เวยเวยหยิบเสื้อฝ้ายแขนสั้นสีฟ้าอ่อนขึ้นมาดู บนเสื้อเป็นรูปวาดสไปเดอร์แมนตัวเล็กๆ
ตั้งแต่ลูกคลอดจนมาถึงตอนนี้ เธอไม่เคยซื้อชุดให้เขาเลยสักตัว ไม่เคยซื้อแม้แต่ขวดนม……
เธอเสียใจมาก มู่เวยเวยที่หันหลังให้เย่ฉ่าวเฉินมือของเธอสั่นเล็กน้อย
เย่ฉ่าวเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ ก็แอบมองดูเธอ ในใจของเขาก็คิดว่าเธอคิดถึงลูกหรอ?
” คุณผู้หญิง คุณต้องการซื้ออะไรดีคะ? ” พนักงานขายพูดขึ้นอย่างเป็นกันเอง
มู่เวยเวยวางเสื้อตัวนั้นลง และทำเป็นพูดนิ่งว่า ” อ้อ ฉันแค่ดูๆเฉยๆ ”
” ลูกของคุณอายุเท่าไหร่แล้ว? ฉันจะได้แนะนำให้ค่ะ ”
” ไม่ต้องการ ฉันยังไม่มีลูก ” ตอนที่มู่เวยเวยพูดประโยคนี้หัวใจของปวดร้าวมาก ” ก็แค่เห็นว่าเสื้อตัวเล็กๆพวกนี้น่ารักดี เลยเดินเข้ามาดู ”
เธออธิบายกับพนักงานขาย และอธิบายให้กับเย่ฉ่าวเฉินด้วย
พนักงานขายอมยิ้มแล้วเดินจากไป มู่เวยเวยก็เดินดูเสื้อผ้าอีกสักพัก แล้วเดินออกจากร้านเสื้อผ้าเด็กไป
เย่ฉ่าวเฉินสังเกตเห็นตาของเธอเริ่มแดง เขาเลยถามขึ้นขณะอยู่ที่กำลังเดินไปที่ลิฟต์ ” เธอชอบเด็กมากหรอ? ”
” ชอบสิ เด็กน่ารักจะตาย พวกเขาเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดบนโลกใบนี้ เป็นเหมือนนางฟ้าและเทวดาตัวน้อยๆ ” มือของมู่เวยเวยประสานกันไว้แน่น
ตอนที่เธอพูดประโยคนี้ เธอรู้สึกว่าน้ำตาของเธอกำลังจะไหล เลยรีบหันหน้าออกไปมองหน้าต่างร้านเพื่อเขาจะไม่เห็น
เย่ฉ่าวเฉินดูเหมือนว่าไม่อยากปล่อยเธอไป และจงใจพูดขึ้นว่า ” ใช่ พวกเขาเป็นเหมือนนางฟ้าเทวดาตัวน้อยๆ ถ้าภรรยาของฉันไม่ได้จากฉันไป ตอนนี้ลูกของเราก็น่าจะคลอดได้สองเดือนกว่าแล้ว ”
” จริงหรอ? ถ้าอย่างนั้นเธอต้องสวยมากแน่ๆเลย “มู่เวยเวยตอบกลับเขา ในใจก็รู้สึกหดหู่ เขาคลอดได้ 68 วันแล้ว แจ่ฉันกลับอยู่กับเขาแค่สามวัน
” บางทีฉันก็คิดนะว่าเขาจะหน้าตาเป็นอย่างไร เหมือนฉันมากกว่าหรือว่าเหมือนแม่ของเขามากกว่า ดวงตาจะเป็นสีฟ้าหรือสีดำ ขี้แงรึเปล่า ซนไหม……” น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความคิดถึง ทำให้มู่เวยเวยรู้สึกซึ้งใจ
มู่เวยเวยกัดฟันของตัวเองไว้แน่น เพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
ผู้ชายคนนี้ต้องตั้งใจพูดแบบนี้แน่ๆ เพื่อที่จะให้เธอเผยตัวตนออกมา เธอต้องอดทนไว้ให้ได้
เย่ฉ่าวเฉินยังคงเห็นเพียงแค่ด้านข้างของเธอ มองไม่เห็นแววตาของเธอก็เลยเดาความคิดของเธอไม่ออก
……
ยังคงเป็นคอนโดเดิมเมื่อครั้งที่แล้ว นอกจากนิตยสารแฟชั่นสองสามเล่มที่วางอยู่บนโซฟา ห้องก็ถือว่าเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
” ที่นี่ไม่ค่อยมีคนมา เลยมีรองเท้าแตะแค่คู่เดียว คุณไม่ต้องถอดรองเท้าก็ได้ “มู่เวยเวยก้มลงใส่รองเท้าแตะของเธอเอง แล้วชี้ไปที่โต๊ะในห้องครัวแล้วพูดว่า ” คุณวางของไว้ที่โต๊ะนั้นและก็พักผ่อนตามสบายได้เลย น้ำอยู่ในตู้เย็นคุณไปหยิบเองนะ ข้างนอกอากาศร้อนมาก ฟ้าก็จะมืออยู่แล้ว อุณหภูมิข้างนอกไม่ลดเลย ในบ้านเย็นสบายกว่าเยอะ ”
มู่เวยเวยเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วพึมพำไปด้วย เพราะว่ากระจกห้องน้ำมันสามารถมองทะลุผ่านได้ เย่ฉ่าวเฉินเผลอไปแวบหนึ่งเห็นว่าเธอกำลังล้างหน้าอยู่
เย่ฉ่าวเฉินวางของในมือลง แล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาในห้องรับรอง และหยิบนิตยสารแฟชั่นเล่มหนึ่งขึ้นมา เนื้อหาข้างในล้วนแต่เกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า ตอนนี้ในห้องนอนของมู่เวยเวยก็มีนิตยสารแบบนี้วางอยู่เยอะมาก
หลังจากล้างหน้ามู่เวยเวยก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา เธอเดินมาที่ห้องครัวแล้วพูดขึ้นว่า ” ถ้าคุณเบื่อๆ คุณจะมาช่วยฉันหรือจะดูทีวีก็ได้นะ แต่ว่าเวลานี้ไม่น่าจะมีรายการอะไรที่น่าดูนะ ”
แน่นอนว่าเย่ฉ่าวเฉินต้องเลือกตัวเลือกแรกอยู่แล้ว ทีวีไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย
” จะให้ฉันช่วยอะไร? ”
มู่เวยเวยหยิบเห็ดออกมาจากถุงแล้วยื่นให้เขา ” ล้างผักเป็นไหม? ล้างอันนี้ให้หน่อย กะละมังอยู่ในตู้ ”
เย่ฉ่าวเฉินรับเห็นมาแล้วเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไร อันนี้……ต้องล้างยังไง?
อย่าว่าแต่ล้างผัก ขนาดซื้อผักวันนี้ยังเป็นครั้งแรกของเขาเลย
” ทำไม่เป็น? ” มู่เวยวยเงยหน้าขึ้นถามเขา
” คือว่า……ไม่เคยทำ ”
มู่เวยเวยหยิบออกจากมือเขาแล้วยื่นมะเขือเทศให้เขาแทน ” อันนี้คงล้างเป็นใช่ไหม? ”
เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจ ” อันนี้ล้างเป็น ”
ค่อยๆล้างไป เย่ฉ่าวเฉินก็เรียนรู้การล้างผักได้ไวมาก
เขาล้างเสร็จหนึ่งอย่าง มู่เวยเวยก็หันเสร็จหนึ่งอย่าง ถือว่าทำงานร่วมกันได้ดี
” ตอนที่เธอไปเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ เธอเช่าบ้านอยู่หรอ? ” เย่ฉ่าวเฉินคุยกับเธอในขณะที่กำลังล้างผักกาดอยู่
มู่เวยเวยกำลังหั่นมะเขือเทศอยู่ พอได้ยินเขาถามก็ตอบอย่างนิ่งๆว่า “ใช่ เช่าบ้านอยู่ ”
” ที่บ้านไม่ได้จ้างแม่บ้านหรอ? เธอถึงต้องลงมือทำอาหารเอง? ”
ในใจของมู่เวยเวยเริ่มกระวนกระวาย และนึกถึงเอกสารของชายลึกลับที่เคยให้เธอไว้ แล้วพูดว่า ” มีแม่บ้าน แต่ว่าฉันคิดว่าฉันอยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ อย่างเช่นตอนนี้ ฉันก็สามารถทำอาหารด้วยตัวเองได้ ”
” อ้อ แบบนี้นี่เอง ” เย่ฉ่าวเฉินเอาผักกาดที่ล้างเสร็จแล้ววางไว้ที่ตะกร้าผัก หันไปมองเธอแล้วถามต่อว่า ” ตอนเรียนมหาลัยเคยมีความรักไหม? ”
” มีสิ มีแฟนไปสามสี่คน ” มู่เวยเวยพยายามนึกถึงข้อมูลในเอกสารนั้น แต่ว่าผู้ชายพวกนั้นชื่ออะไรเธอลืมไปหมดแล้ว
สายตาของเย่ฉ่าวเฉินมีความสงสัยซ่อนอยู่ ทำไมบางทีถึงได้รู้สึกว่าเหมือนเธอมาก แต่ทำไมบางทีกลับรู้สึกเหมือนไม่ใช่เธอล่ะ? ”
มู่เวยเวยไม่ได้ยินเสียงอะไรถามขึ้นต่อ เลยหันหลังแล้วยิ้ม ” คุณทำอะไร? สืบประวัติฉันหรอ? ” หรือว่าเขาอาจจะสืบมาก่อนแล้ว เลยเปลี่ยนเรื่องมาถามข้อมูลของเธอ
เย่ฉ่าวเฉินสะบัดมือแล้วยิ้มเบาๆพูดว่า ” แค่ถามเฉยๆ ”
มู่เวยเวยเห็นว่าผักได้หั่นหมดแล้ว เลนบอกให้เขาออกจากห้องครัวไป ” เสร็จแล้ว งานของคุณเสร็จแล้ว ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ฉันเอง คุณออกไปเถอะ ”
เย่ฉ่าวเฉินดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟา ทันใดนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็เห็นสมุดเล่มหนึ่งวางอยู่ใต้โต๊ะชากาแฟ เย่ฉ่าวเฉินยื่นมือออกไปเอา
เปิดดู ข้างในเป็นรูปเสื้อผ้าที่ออกแบบไว้อย่างสวยงาม ทั้งชุดผู้หญิง ชุดผู้ชาย พอพลิกเปิดไปที่หน้าหลังๆก็มีชุดเด็กด้วย ตั้งแต่เด็กทารกจนถึงหนึ่งขวบ สองขวบ……
นิ้วของเย่ฉ่าวเฉินสัมผัสไปที่ผลงานการออกแบบเสื้อผ้านั้น หัวใจของเขาก็เต้นเร็วมากๆ
ถ้าไม่ใช่เธอ ทำไมต้องออกแบบเสื้อผ้าเด็ก อีกทั้งทุกชุดล้วนแต่เป็นเสื้อของเด็กผู้ชาย ไม่มีกระโปรงแม้แต่ตัวเดียว รู้ถึงเพศชัดเจนมาก
เวยเวย ลูกเป็นเด็กผู้ชายใช่ไหม?
เธอกำลังปกปิดอะไรไว้กันแน่? ทำไมไม่บอกกับฉันโดยตรง?
เสียงผัดกระทั่งดังมาจากห้องครัว เย่ฉ่าวเฉินควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ หยิบสมุดเล่มนั่นแล้วเดินไปที่ห้องครัว ประตูห้องครัวเปิดอยู่ มู่เวยเวยกำลังผัดเมนูมะเขือเทศผัดไข่ เห็นว่าท่าทีของเขาแปลกไป กำลังจะถามเขาว่าเป็นอะไรไป กลับเห็นสมุดเล่มนั่นในมือเขา
หัวใจเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมา และเธอก็รีบคิดมาตรการรับมืออย่างเร็ว
” ฉู่เหยียน เสื้อผ้าเด็กพวกนี้ เธอออกแบบให้เด็กบ้านไหนหรอ? ” เย่ฉ่าวเฉินมองเธอที่กำลังหันข้างอยู่
มู่เวยเวยหันไปดูแวบหนึ่ง แล้วพูดนิ่งๆว่า ” อันนั้นหรอ อันนั้นฉันออกแบบให้ลูกเพื่อนฉัน ”
” เด็กอายุเท่าไหร่แล้ว ”
มู่เวยเวยขมวดคิ้ว แล้วหยุดคิดสักพัก ” น่าจะสามเดือนกว่าแล้วนะ เป็นเด็กผู้ชาย น่ารักมาก ”
” สามเดือน?” ฉันเห็นชุดที่เธอออกแบบมีชุดสำหรับเด็กอายุขวบ สองขวบด้วย เธอคิดไกลขนาดนั้นเลยหรอ? “เย่ฉ่าวเฉินถามโดยไม่มีรอยยิ้ม
พอเย่ฉ่าวเฉินมารบกวน เมนูอาหารของมู่เวยเวยก็เริ่มจะไหม้แล้ว เธอจึงรีบปิดแก๊ส และใช้ทัพพีตักเมนูลงจาน ” ถึงยังไงฉันก็ว่างๆเลยวาดไว้ เฮ้ย เป็นเพราะคุณเลยที่มารบกวนฉัน ไข่เลยไหม้ไปหน่อย ”
เย่ฉ่าวเฉินกัดฟัน และพยายามทำเป็นยิ้มแล้วพูดว่า ” ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันกินเอง ”
“ดี คุณพูดเองนะ ”
เย่ฉ่าวเฉืนตอบเพียงแค่ ” อือ ” จากนั้นก็เดินกลับไปที่โซฟา มองผลงานการออกแบบพวกนั้นแล้วครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ฉู่เหยียน เรื่องทั้งหมดมันเป็นอย่างที่เธอพูดจริงหรอ?
ทุกเขาที่เขาสังเกตเห็นความคล้ายกันระหว่างเธอกับมู่เวยเวยแต่เธอกลับ— อธิบายออกมาได้อย่างชัดเจน เหตุผลพวกด้วยมันสมเหตุสมผลมากด้วย เขาคิดมากไปอย่างนั้นหรอ? ที่คิดว่าฉู่เหยียนกับมู่เวยเวยเป็นคนเดียวกัน พอเห็นอะไรที่คล้ายมู่เวยเวยเลยคิดว่าเธอเป็นมู่เวยเวยทุกที
ถ้าหากว่าเธอไม่ใช่ล่ะ? ถ้าเธอเป็นเพียงแค่ฉู่เหยียนจริงๆล่ะ?
ถ้าถึงเวลานั้นจะทำอย่างไร?
เขาพยายามเข้าใกล้เธอ แล้วจูบเธอโดยที่ห้ามตัวเองไม่ได้ ถึงขั้นมีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นกับเธอ ทั้งหมดนี้ก็เพราะว่าเขาคิดว่าเธอเป็นมู่เวยเวย แต่ว่าถ้าสุดท้ายทุกอย่างยืนยันได้ว่าเธอไม่ใช่มู่เวยเวยล่ะ?
การกระทำของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนี้ ฉู่เหยียนไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ?
หรือว่าเธอจะแกล้วทำเป็นไม่รู้……
ความคิดในสมองเขาวุ่นวายมาก เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่าเขาถูกขังอยู่ในห้องลึกลับขนาดใหญ่ ข้างหน้ามีหมอกหนามาก เขากลับมองไม่เห็นคำตอบ
ในขณะนี้เอง มู่เวยเวยก็ตะโกนออกมาจากห้องครัว ” เย่ฉ่าวเฉิน ไปตักข้าวมา กินข้าวได้แล้ว ”
หมองตรงหน้าสลายหายไปทันที
เย่ฉ่าวเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ ช่างเถอะ จะใช่หรือว่าไม่ใช่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง ตอนนี้เขาก็เดินไปตามความรู้สึกตัวเองก่อน เขาเชื่อว่าสักวันเขาจะทะลุผ่านหมอนี้ไปให้ได้
ฝีมือการทำอาหารของมู่เวยเวยพึ่งจะผ่านเกณฑ์ ทำอาหารสามัญประจำบ้านสี่อย่างนี้ออกมาได้ถือว่าเป็นข้อจำกัดของเธอแล้ว
” รสชาติอาหารธรรทดามาก คุณขอมากินเองนะ. ห้ามพูดว่าไม่อร่อยเด็ดขาด ” มู่เวยเวยยื่นตะเกียบให้เขา
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เมนู มะเขือเทศผัดไข่ เห็ดผัดผักกาด มันฝรั่งผัดพริก แล้วก็……
” อันนี้คืออะไร? “เย่ฉ่าวเฉินชี้ไปที่จานหนึ่งที่เขามองไม่ออกว่ามันคือเมนูอะไร
มู่เวยเวยยิ้มอย่างเขินๆ ” อันนั้นคือ ตอนแรกฉันอยากทำเมนูมะเขือพวง แต่ว่าควบคุมไฟได้ไม่ดี ก็เลยออกมาหน้าตาแบบนี้ คุณอย่างดูแค่ภายนอก รสชาติมันอร่อยมากเลยนะ ไม่เชื่อลองชิมดูสิ ”
” เย่ฉ่าวเฉินถือตะเกียบขึ้นมา ” เธอแน่ใจนะ? ”
” จริงๆ คุณลองชิมก็จะรู้เอง ”
เย่ฉ่าวเฉินคีบมะเขือออกมาพวกหนึ่งด้วยความลังเลนิดๆ และไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของมู่เวยเวย
ทันทีที่มะเขือเข้าปาก หน้าของเขาก็แสดงออกว่าไม่อร่อยอย่างชัดเจน เขารีบมองหาถังขยะไปทั่วห้อง
” ฮ่าฮ่าฮ่า – – – ” มู่เวยเวยหัวเราะออกมา
เย่ฉ่าวเฉินคายมะเขือในปากลงถังขยะ แล้วใช้น้ำบ้วนปากสักหน่อย เขาขมวดคิ้ว ” นี่เธอใส่เกลือลงไปมากแค่ไหน? ”
มู่เวยเวยหัวเราะจนน้ำตาไหล ” ตอนแรกฉันจะใส่เกลือหนึ่งช้อน และน้ำตาลสองช้อน แต่ว่าฉันเผลอใส่เกลือไปทั้งหมดเลย ” ใครให้คุณถามฉันอย่างกับเป็นนักสืบล่ะ เธอเลยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ”
เย่ฉ่าวเฉินดื่มน้ำไปเยอะมากกว่ารสเค็มในปากจะหายไป
กว่ามู่เวยเวยจะหยุดหัวเราะได้มันยากมาก จากนั้นมู่เวยเวยก็เอาเมนูมะเขือจานนั้นทิ้งลงถังขยะ
ตอนนั่งอยู่บนเก้าอี้ เห็นว่าบางคนไม่กล้าคีบอะไรกินเลย มู่เวยเวยเลยคีบไข่ให้เขา ” ฉันรับรองได้ว่ารสชาติอาหารรสชาติปกติจริงๆ ”
เย่ฉ่าวเฉินหยุดคิดสักพัก สุดท้ายก็คีบเข้าปากไปคำหนึ่ง โอ้? ใช้ได้
” ฉันไม่ได้โกหกคุณใช่ไหมล่ะ อย่างน้อยๆฉันก็เคยเรียนรม ” มู่เวยเวยพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า ” ถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่ค่อยสวย แต่รสชาติก็พอใช้ได้ ”
ทั้งสองกินข้าวและพูดคุยกันไปด้วย มู่เวยเวยมองเขาแวบหนึ่งแล้วพูดว่า ” ในวัยเด็กคุณเคยมีความฝันอะไรไหม? ”
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิดอยู่นาน ในแววตามีความเศร้าอยู่
” ความฝันในวัยเด็กขอฉันคือ ขอให้พ่อแม่ไม่ทะเลาะกัน ”
มู่เวยเวยอึ้งไปสักพัก ” ความสัมพันธ์ของพ่อแม่คุณไม่ค่อยดีหรอ? ”
” ไม่ดี พวกท่านคุยกันน้อยมาก ตอนอยู่บ้านก็คุยกันแค่ไม่กี่คำ” พอเย่ฉ่าวเฉินพูดถึงประโยคนี้เลยถามถึงกลับว่า ” เธอล่ะ? ความฝันในวัยเด็กของเธอคืออะไร? ”
” ฉันหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าพูดออกมาคุณต้องขำแน่ๆ ”
” ไม่ขำเธอหรอก เธอบอกมาสิ ”
มู่เวยเวยวางตะเกียบลง แววตาของเธอเป็นประกาย ” ตอนเด็กๆฉันหวังว่าฉันโตมาฉันจะเป็นโจรสลัด จากนั้นก็ไปค้นหาขุมทรัพย์ทั่วโลก ถ้าได้เงินทองของมีค่ามามากมายฉันก็จะซื้อของที่อร่อยได้และซื้อของที่ฉันอยากได้มากมาย พอใช้หมดก็ออกไปหาใหม่ ไม่ต้องทำงานทุกวัน ฉันรู้สึกว่างานของผู้ใหญ่มันน่าเบื่อมาก ”
เย่ฉ่าวเฉินยิ้ม ” ความฝันของเธอนี่น่าสนุกจัง แต่ว่าคงทำไม่สำเร็จแล้วแหละ ร่างเล็กๆแบบเธอคงถูกโจรลัดเอาตัวไปสะก่อน ถ้าเป็นโจรสลัดน่าจะไม่มีหวังแล้วล่ะ ”
มู่เวยเวยรู้สึกไม่พอใจ ” ใครบอก?คุณลองดูหนังฮอลลีวูดเรื่อง Pirates of the Caribbean ดูสิ นางเอกในเรื่องทุกคนทั้งเก่งและสวย และที่สำคัญพวกเขาหาขุมทรัพย์เจอจริงๆ ทุกครั้งที่ฉันดูหนังเรื่องนี้ฉันก็จะคิดถึงความฝันในวัยเด็กของฉันทุกทีเลย ”
เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่าเธอยังมีความคิดเด็กๆอยู่ เลยแกล้งเธอ ” ถ้าอย่างนั้นเธอก็ลาออกจากงานในตอนนี้แล้วไปลองเสี่ยงโชคที่เมืองแคริบเบียนดูสิ ที่นั่นมีโจรสลัดเยอะมาก บางทีพวกเขาอาจจะจับตัวเธอไปก็ได้นะ ”
มู่เวยเวยถอนหายใจเบาๆ แล้วกินข้าว “เรื่องที่เป็นโจรสลัดช่างมันเถอะ ฉันรู้ตัวเองดี แต่ว่า เรื่องหาขุมทรัพย์ฉันอยากลองหาดูนะ ว่าแต่ คุณรู้ไหมว่าจะหาขุมทรัพย์ได้จากที่ไหน? ฉันจะลองไปเสี่ยงดวงดู ”
สายตาของมเย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ตะเกียบของบางคน แล้วดึงสติกลับมาเป็นให้อยู่ในโลกความจริง ” ในโลกใบนี้จะมีขุมทรัพย์ได้อย่างไร? ถ้ามันมีจริงๆก็คงถูกผู้คนขุดไปแล้ว ยังมีอีกส่วนหนึ่งซ่อนอยู่ที่ไหนอยู่ที่ไหนคุณรู้ไหม? ”
หัวใจของมู่เวยเวยเต้นเร็วมาก ใบหน้าของเธอมีความตกใจอยู่ ” อยู่ที่ไหน? ”
เย่ฉ่าวเฉินชี้ลงพื้น ” ในสุสานของจักรพรรดิในอดีต ถ้าคุณอยากหาจริงๆ ลองไปหาที่สุสานได้ ”
มู่เวยเวยผิดหวัง ” นั่นมันผิดกฎหมาย ฉันไม่ไปหรอก และฉันก็ไม่ได้มีความกล้าหาญขนาดนั้นด้วย ”
” โอ้ รู้ตัวด้วย ” เย่ฉ่าวเฉินพูดล้อเธอ
มู่เวยเวยหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากกินข้าวเสร็จ มู่เวยเวยเกรงว่าการกระทำของเขาจะมากเกินไป เลยเริ่มหว่านล้อมให้เขากลับ
” กินอิ่มรึยัง? กินอิ่มแล้วก็ไปได้แล้ว ” มู่เวยเวยพูดออกไปตรงๆ
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างขมขื่น นี่เธอกลัวว่าเขาจะแตะต้องตัวเธอมากขนาดนั้นเลยหรอ?
” โอเค ฉันไปนะ ขอบคุณนะสำหรับการต้อนรับของคุณวันนี้ ”
มู่เวยเวยเปิดประตูออก มีลมร้อนๆพัดโชยเข้ามา และมองดูเขาที่กำลังเดินออกไป เธอยืนพิงตรงประตู ” ด้วยความยินดี คุณเลี้องข้าวฉันตั้งหลายมื้อแล้ว ฉันเลี้ยงคุณกลับบ้างก็สมควรแล้ว ”
เย่ฉ่าวเฉินมองเธอด้วยสายตาที่ลึกล้ำและพูดกับเธอเบาๆว่า
” ถ้าอย่างนั้น……ไปก่อนนะ ”
มู่เวยเวยโบกมือไปมา ” บาย ”
พอเขาหันหลังเดินไปแล้ว มู่เวยเวยก็ปิดประตู
ท่าทีของเย่ฉ่าวเฉินเมื่อสักครู่ เขารู้ว่าของล้ำค่าพวกนั้นอยู่ที่ไหน แต่ว่าเขาแค่ไม่เชื่อใจเธอเลยไม่ยอมบอกเธอ
ในเมื่อตอนนี้แน่ใจแล้ว เธอก็เริ่มมีแผนในใจ แต่ที่เธอกลัวที่สุดก็คือ พยายามแทบตายแต่สุดท้ายเย่ฉ่าวเฉินไม่รู้ว่าของมีค่าพวกนั้นอยู่ไหน ถ้าเป็นแบบนั้นแย่สุดๆ
คฤหาสน์ตระกูลเย่
เย่ฉ่าวเฉินลงจากรถแล้วตรงไปยังห้องหนังสือ
ชั้นบนสุดของชั้นวางหนังสือมีหนังสือประวัติศาสตร์โลกวางอยู่ เย่ฉ่าวเฉินยื่นมือไปหยิบหนังสือขึ้นมาดู แล้วกดไปที่ปุ่มเปิดปิดด้านล่าง ภาพทิวทัศน์ด้านซ้ายของห้องหนังสือมีเสียง ” ฟุบ ” ดังขึ้น
เย่ฉ่าวเฉินใส่รหัสตัวอักษรลงไป จากนั้นก็มีกล่องเล็กๆลอยขึ้นมา เย่ฉ่าวเฉินใช้หัวแม่มือกดลงตรงด้านบนของกล่อง และกล่องก็ค่อยๆเปิดออก
ด้านในมีหนังแกะเก่าๆอยู่ แค่มองไปก็สัมผัสได้ว่าเป็นของเก่าโบราณในประวัติศาสตร์
ข้างในเป็นแผ่นหนังแกะขนาดใหญ่สองแผ่น จุดหมายปลายทางคือข้างกองไฟที่หนึ่ง
ใช่แล้ว นี่เป็นแผนที่ขุมทรัพย์ที่ยังไม่สมบูรณ์ เป็นของที่พ่อเขามอบให้เขาก่อนเสียชีวิต
ถึงแม้ว่าตอนที่เขายังหนุ่มเขาเคยคิดจะออกตามหาขุมทรัพย์นี้ แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้
เขาไม่อยากเป็นเหมือนพ่อแม่เขา ที่วันๆเอาแต่ออกตามหาขุมทรัพย์ที่มีล้ำค่านั้นจนต้องจบชีวิตตัวเอง แบบนี้มันไม่คุ้มค่าเลย เขาเต็มใจที่จะสร้างอาณาจักรของเขาด้วยมือของเขาเองมากกว่า ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว แต่ว่าตอนนี้ สำหรับเขาเงินทองเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น มีกินมีใช้ก็พอ จะมีเงินมากมายไปทำไมกัน? ก็แค่มีชีวิตที่หรูหราสูงส่ง แต่ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
ถ้าเทียบกับขุมทรัพย์อันล้ำค่านี้ เขาอยากจะหาตัวมู่เวยเวยและลูกของเขาให้เจอมากกว่า เขาอยากใช้ชีวิตกับพวกเขา
แต่ว่าวันนี้ฉู่เหยียนพูดถึงเรื่องขุมทรัพย์ เธอตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ?
แล้วเธอรู้เรื่องแผ่นที่ขุมทรัพย์ของบ้านเขาได้อย่างไร? เรื่องนี้เป็นความลับมากเลยนะ ในโลกใบนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้
แต่ว่าจากฐานะของครอบครัวเธอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ของล้ำค่าพวกนี้ก็ร่ำรวยมากอยู่แล้ว คนเรานี่ไม่รู้จักพอกันหมดเลยหรอ?
เรื่องยิ่งอยู่ยิ่งซับซ้อน
……
มีเย่ฉ่างเฉินลงมือคุมงานตัวเอง งานจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
ในช่วงเย็น มู่เวยเวยและเย่ฉ่าวเฉินกลับจากการตรวจสอบสถานที่ก่อสร้าง เดินมาทางทางแยกหน้าชุมชนทั้งสองคนก็แยกย้ายกัน
มู่เวยเวยร้อนจนเหงื่อออกไปทั้งตัว และสถานที่ก่อสร้างนั้นก็มีฝุ่นเยอะมาก เธออยากจะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยไปซื้อผักที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆแถวนั้น
พึ่งจะเดินเข้าไปยังชุมชน เธอก็รู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนมองเธออยู่ พอหันไปดูกลับไม่มีอะไร
เธอรู้สึกขนหัวลุก เธอจึงรีบเดินกลับคอนโด พอเปิดประเข้าไปแล้วเธอค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
มีคนสะกดรอยตามเธอหรอ?
มู่เวยเวยเกิดคำถามในใจ ฉู่เหยียนไม่รู้จักใครในเมือง A และไม่เคยมีเรื่องกับใคร จะมีใครมาสนใจเธอได้?
อาน้ำเสร็จก็ลงไปชั้นล่าง ในระหว่างทางไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเธอคอยสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกติ
เป็นเพราะเธอคิดมากไปเองหรอ?
มู่เวยเวยซื้อผักไปสองสามอย่าง มู่เวยเวยก็รีบกลับ เธอเดินและคิดไปด้วย พื้นที่โดยรอบนอกจากคุณลุงคุณป้าที่กำลังเดินเล่น และเด็กๆที่กำลังเล่นกันสนุก ก็ไม่มีใครอยู่เลย
เธอโล่งอกแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ ถึงชั้นที่เธอพักอยู่ ใส่รหัสปลดล็อคประตู ” ติ๊ด ——”ประตูเปิดออก
และมีร่างของคนๆหนึ่งอยู่ด้านหลังเธอแล้วยื่นมือมาปิดปากเธอไว้ มู่เวยเวยตกใจมากกำลังจะขัดขืน แต่มีมีดสั้นจี้อยู่ที่เอวของเธอ
มู่เวยเวยหยุดขัดขืนทันที
” เข้าไป ” นักเลงข้างหลังพูดเสียงแข็ง
มีอีกคนที่ยืนเปิดประตูอยู่ด้านข้าง ผู้ชายที่ปิดปากเธอผลักเธอให้เข้าไปในห้อง
มู่เวยเวยตกใจ มีสองคนเลยหรอ?
และมีเสียง ” ติ๊ด —— ” ประตูถูกปิดลง
คนนั้นเอามือที่ปิดปากเธอออก แต่ว่ามีดยังจี้อยู่ที่เอวเธอ
มู่เวยเวยสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดอย่างฉลาด ” พวกนายอยากได้เงินหรอ? ในกระเป๋าฉันมีเงินอยู่ เอาไปได้เลยแต่อย่าทำร้ายร่างกายฉัน”
อีกคนกระชากกระเป๋าเธอมา แล้วเทของในกระเป๋าเธอออก ทั้งกระเป๋าตัง โทรศัพท์ กระจก ทิชชู่ แล้วก็ของใช้ส่วนตัวและเครื่องสำอาจของผู้หญิงตกลงพื้นไปทั้งหมด
ชายคนนั้นสวมหมวกปิดบังใบหน้าไว้เลยทำให้ไม่ให้หน้าของเขา เขาหยิบกระเป๋าตังขึ้นมา ข้างในมีตังไม่มาก มีแค่พันกว่าๆ
” มีแค่นี้หรอ? ” เขาไม่พอใจมาก เขาเห็นมีการ์ดเอทีเอ็มใบหนึ่งในกระเป๋าเลยหยิบออกมาดูแล้วถามว่า ” ในนี้มีตังอยู่เท่าไหร่? ”
” ฉันไม่รู้ ไม่เคยเช็ค น่าจะมีเงินอยู่หนึ่งแสนกว่าๆ ” มู่เวยเวยพูดไปตามความจริง ถึงอย่างไรในนั้นก็ไม่ใช่เงินของเธอ
” ทั้งสองคนพอได้ยินจำนวนเงิน ก็มองหน้ากัน ดวงตาทั้งสองคนมีความตื่นเต้นแฝงอยู่
” รหัส ”
” 384524 ”
” รีบโอนเงินเข้ามาในบัญชีพวกฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะฆ่าเธอ ”
” ในบ้านฉันไม่มีคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ของฉันอยู่ที่บริษัท ถ้าไม่เชื่อก็ลองค้นดูได้ ห้องฉันก็มีแค่นี้แหละแค่มองก็เห็นทั่วทุกมุมแล้ว ”
ทั้งสองคนเงียบไปสักพัก คนหนึ่งในนั้นก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า ” สาวน้อย อย่ามาโกหก ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอตายทั้งเป็น ”
มู่เวยเวยพูดด้วยความจริงใจ ” ฉันพูดจริง พวกคุณไปถอนออกมาได้ตอนนี้เลย ออกจากชุมชนแล้วเดินไปทางทิศตะวันออกสักร้อยสองร้อยเมตรมีธนาคารหนึ่งอยู่ตรงนั้น
” นายรีบไป ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมา ” ชายคนหนึ่งบอกเพื่อนของเขา
เพื่อนคนนั้นของเขาเห็นแววตาของมู่เวยเวย เขาก้าวขาไปกระซิบในหูเพื่อนของเขา ” สบายใจได้ ฉันรู้ว่าสิ่งที่คุณชอบทำคืออะไร ”
คนที่จะออกไปถอนเงินใช้มือสัมผัสหน้าของมู่เวยเวยไปหนึ่งที จากนั้นก็เดินออกไป
มู่เวยเวยเห็นแววตาของเขาก่อนจะออกไป มู่เวยเวยก็เข้าใจทันทีว่า สิ่งที่เขาชอบทำคืออะไร
แม่เจ้า สองคนนี้ไม่ได้จะแค่ปล้นทรัพย์ ยังจะข่มขืนด้วย?
ไม่รู้จักพอจริงๆ
ในห้องเหลือเพียงเขาสองคน นักเลงที่อยู่แต่ข้างหลังเธอก็หยิบเชือกเส้นหนึ่งออกมา มัดมือเธอไว้ข้างหลัง จากนั้นก็ออกแรงผลักเธอ มู่เวยเวยล้มลงนอนกับพื้น
มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้น ผู้ชายคนนี้ก็ใส่หมวกไว้เช่นกัน ปลายหมวกของเขากดลงต่ำมาก
” อยู่นิ่งๆอย่าดิ้น ” ชายคนนั้นเอามีดออกมาคู่เธอ จากนั้นก็เริ่มค้นหาของมีค่าในบ้าน
มู่เวยเวยล้มลงแล้วเจ็บมาก แต่เธอก็พยายามที่จะลุกขึ้น เธอสังเกตเห็นว่าโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล เธอใช้ช่วงเวลาที่ชายคนนั้นไม่ได้สนใจ เธอใช้เท้าเธอเขี่ยมา
สุดท้าย! โทรศัพท์ก็เลื่อนเข้าไปใกล้ตรงตู้รองเท้า
มู่เวยเวยอยากด่าตัวเองมาก
เธอค่อยๆขยับไปตรงตู้รองเท้า ชายคนนั้นรู้สึกได้ถึงการขยับตัวของเธอ ชี้หน้าเธอแล้วตะโกนออกมา ” ใครบอกให้เธอขยับ? บอกให้อยู่นิ่งๆ ”
มู่เวยเวยหยุดทันที
ชายคนนั้นค้นห้องอยู่หลายรอบ นอกจากเศษเงินสิบกว่าหยวนบนโซฟา ก็ไม่เจอของมีค่าอย่างอื่นอีก
” แม่เจ้า แม้แต่แท็บเล็ตสักเครื่องก็ไม่มี ”
เขาสบถออกมา แล้วเดินไปเอาน้ำเย็นจากตู้เย็นออกมาดื่ม จากนั้นก็ไปนั่งตรงหน้ามู่เวยเวย
เขามองหน้ามู่เวยเวยสักพักใหญ่ๆ เขายิ้มแล้วพูดว่า ” มีมีตังนี่มันดีจริงๆเลย อยู่คนเดียวในห้องใหญ่ดีและกว้างใหญ่ขนาดนี้ ”
มู่เวยเวยนั่งหดตัวอยู่ที่มุมกำแพง แล้พูดขอร้องเขา ” พี่ชาย ฉันให้เงินทั้งหมดกับคุณ คุณปล่อยฉันไปได้ไหม? ”
” เหอะเหอะ ” ชายคนดังกล่าวหัวเราะสองที ” สบายใจได้ รอเพื่อนคนนั้นกลับมา พวกเราก็จะปล่อยเธอไป ”
มู่เวยเวยหน้าซีด เธอรู้ว่าที่เขาพูดมันหมายถึงอะไร เธอคิดในใจขอร้องไปก็เปล่าประโยชน์ ลองขู่เขาดูหน่อยสิ
” รู้จักเย่ฉ่าวเฉินไหม? คุณทำร้ายฉันก็เหมือนทำร้ายเย่ฉ่าวเฉิน คุณไม่คิดถึงผลที่จะตามมาของคุณหน่อยหรอ? ”
ชายคนนั้นสีหน้าเคร่งเครียด ใช้ขวดเปล่าในมือของเขาโยนลงตรงหน้าเธอ และด่าเธอว่า ” นี่เธอกล้าขู่ฉันหรอ เย่ฉ่าวเฉินแล้วยังไง แค่กูได้ตังมากูก็จะหนีไปให้ไกล มึงจะหากูได้จากที่ไหน? ”
” แค่เงินหนึ่งแสนก็จะไปไหนได้? ” มู่เวยเวยหัวเราะเยาะ ” บางทีแกอาจจะยังไม่ทันได้ออกจากเมือง A ก็โดนเขาจับตัวได้สะแล้ว ”
” เหอะ เธอก็ไม่คิดเลย ถ้าพวกเราสองคนฆ่าเธอให้ตาย แล้วใครจะไปรู้ว่าเป็นฝีมือของพวกเรา ”
” พี่ชาย ลืมไปรึเปล่าว่ามีกล้องวงจรปิด? “มู่เวยเวยรู้สึกได้ว่านักเลงคนนี้เริ่มกังวลแล้ว
” ทั้งชุมชน หน้าประตูลิฟต์ และถนนทุกสายก็ล้วนแต่มีกล้องวงจรปิด พวกแกจะหนีไปได้ถึงไหนกัน? ”
สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไป
มู่เวยเวยเลยใช้โอกาสนี้พูดขึ้นว่า ” พี่ชาย เงินฉันยกให้ แกปละเพื่อนรีบไปจากที่นี่ ฉันสัญญาว่าจะไม่แจ้งตำรวจ ”
” ทำไมฉันต้องเชื่อเธอด้วย ” ชายคนนั้นพูดเสียงดัง
ท่าทีของมู่เวยเวยดีขึ้นมาก แล้วพูดอย่างขมขื่น ” ตอนนี้ฉันอยู่ในมือพวกแก ฉันจะกล้าหลอกพวกแกได้ยังไง? พี่ชาย ลองคิดดูดีๆในสิ่งที่ฉันพูด มันฟังแล้วมีเหตุผลใช่ไหม? ”
ท่าทีของชายคนนั้นเริ่มลังเล ในขณะนี้เอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นแล้วไปส่องดูว่าเป็นใคร จากนั้นก็รีบเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
มู่เวยเวยรีบเคลื่อนท่อนตัวไปที่ตู้รองเท้า
” ถอนมาแล้ว แต่ว่าถอนที่ตู้ธนาคารถอนครั้งหนึ่งมันถอนได้ไม่มากขนาดนั้น ถอนออกมาได้แค่สองหมื่น ในการ์ดยังคงเหลือหนึ่งแสน ” คนนั้นถือกระเป๋าบวมๆใบหนึ่งมาด้วย
” ถ้าอย่างนั้นก็ดี เราไปกันเถอะ ” ชายคนนั้นหวั่นไหวกับคำพูดมู่เวยเวย อยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
สายตาของคนที่ไปถอนตัวมองไปที่เรือนร่างของมู่เวยเวย ” นายลืมสิ่งที่ฉันบอกให้นายแล้วหรอ? อีกทั้ง……”เขาพูดเพียงแค่ครึ่งเดียวแล้วไม่ได้พูดต่อ
ชายคนนั้นหยุดคิดไปสักพัก แล้วพยักหน้า ” ถ้าอย่างนั้นก็ก็รีบๆ ”
ในขณะนี้เอง มู่เวยเวยหยิบโทรศัพท์ได้แล้ว มองชายคนนั้นที่กำลังเดินเข้ามาทีละก้าว เธอพิงอยู่ที่ตู้รองเท้าแล้วตะโกนออกมา ” แกอย่าเข้ามานะ ”
” เหอะเหอะ กูนอนกับผู้หญิงมามากมาย ยังไม่เคยเจอผู้หญิงที่สวยมากขนาดนี้เลย มีของที่มีค่ามากจริงๆ มาให้ฉันลิ้มลองหน่อย ” พอพูดจบ มือของเขาก็อยู่ตรงคอเสื้อเธอแล้ว
มู่เวยเวยก้มหน้ากัดมือของเขา ชายคนนั้นส่งเสียงร้องออกมา ” โอ๊ย —— ” มืออีกด้านหนึ่งก็ตบไปที่หูของเธอ
ปากของมู่เวยเวยโดนตบจนเลือดออก และปล่อยมือของชายคนนั้น
” ไอ้นี่ กล้ากัดฉันเชียวหรอ รอดูว่าฉันจะจัดการกับเธอยังไง ” ชายคนนั้นพูดอยู่ก็จะพุ่งตัวเข้ามา แต่กลับโดนมู่เวยเวยแตะไปที่ขาของเขา
เกิดอาการจุก
มู่เวยเวยรีบใช้มือที่อยู่ด้านหลังปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ เปิดไปที่การบันทึกสายเรียกเข้า เธอจำได้ว่าช่วงเช้าเย่ฉ่าวเฉินโทรหาเธอ เป็นสายสุดท้าในโทรศัพท์ เธอรีบกดโทรออกโดยไม่ลังเล
ในตอนนี้ เธอรู้ดีว่าไม่ควรโทรแจ้งตำรวจ เพราะว่าเธอแน่ใจว่าเย่ฉ่าวเฉินจะมาที่นี่ได้เร็วกว่าตำรวจ
เย่ฉ่าวเฉิน ต้องรับสายนะ ต้องรับสายนะ
ชายคนนั้นสบถออกมา แล้วหันไปมองชายอีกคนที่เอาแต่ยืนดู ” อย่ามัวแต่ยืนดูสิ รีบมาช่วยฉันจับขาเธอไว้ ”
” อย่าเข้ามา ” มู่เวยเวยตะโกนใส่หน้าเขา แต่ว่าแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะไปสู้แรงของผู้ชายสองคนได้ยังไงกันล่ะ เธอถูกจับตัวไว้อย่างรวดเร็ว
” เพี๊ยะ —— ” เสียงตบดังขึ้นอีกครั้ง กัดฟันแล้วพูดขึ้นว่า ” ใครใช้ให้เธอดิ้น ถ้าเธออยู่นิ่งๆ เธอก็ไม่ต้องโดนแบบนี้แล้ว ” พอพูดจบ ก็ฉีกเสื้อของมู่เวยเวยออก
ทางด้านเย่ฮวางกรุ๊ป
เย่ฉ่าวเฉินใช้เวลาพักที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จ เดินออกจากห้องแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
พอเห็นว่าเป็นฉู่เหยียน เขาอมยิ้ม จะชวนเธอไปกินข้าวหรอ?
พอรับสายก็ได้ยินเสียงตะโกนของฉู่เหยียน ” ไอ้เวรเอ้ย ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน ”
เลือดหลั่งไหลเข้าสู่สมอง เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันและจับโทรศัพท์ไว้แน่น ดวงตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีม่วง
” เย่ฉ่าวเฉิน ช่วยฉันด้วย ฉันอยู่ในคอนโด ”
ตอนที่ชายคนนั้นกำลังจะยื่นมือไปจับหน้าอกของเธอ ศีรษะของเขาก็ถูกเตะอย่างกะทันหัน หน้ามืดตามัวแล้วล้มลงไปกองอยู่กับพื้น อีกคนก็ถูกเย่ฉ่าวเฉินต่อยจนสลบไป
” เย่ฉ่าวเฉิน —— ”
มู่เวยเวยมองไปที่คนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เธอไม่รู้สึกตกหรือแปลกใจ เธอร้องไก้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
เย่ฉ่าวเฉินมองใบหน้าที่แดงไปทั้งสองข้างของเธอ เสื้อผ้าในตัวเธอเหลือเพียงชุดชั้นใน
ในใจรู้เสียเจ็บปวด เย่ฉ่าวเฉินนั่งลงข้างเธอ ดึงเสื้อผ้าที่ตกลงมาของเธอใส่ขึ้นไปให้เธออีกครั้ง แล้วก็ดึงเธอให้มาอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง ” ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่นี่ ไม่เป็นไรแล้ว ”
มู่เวยเวยตัวสั่น น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล แล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ห้ามเธอไม่ให้ร้องไห้ เขาทำแค่เพียงให้กอดที่อบอุ่นกับเธอ เสื้อของเย่ฉ่าวเฉินค่อยๆเปียกเพราะน้ำตาของเธอ หัวใจของเย่ฉ่าวเฉินทั้งเศร้าและโกรธ แทบจะอยากฆ่าไอ้เวรสองตัวนี้ให้ตาย
มองที่มือของเธอที่โดนเชือกมัดอยู่ กอดเธอที่กำลังร้องไห้อยู่รอบๆ และยื่นมือไปแกะมัดที่มือเธอออกให้ด้วย มือที่ขาวเนียนของเธอถูกรัดจนเป็นรอยแดงๆ……