วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 183 กำจัดผู้หญิงคนอื่นทิ้งเพื่อคุณ

“ถ้าคุณชอบกินก็ดีแล้ว ไม่รบกวนละ คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ ”

“ราตรีสวัสดิ์”

มู่เวยเวยเดินขึ้นไปชั้นบนทีละก้าว พร้อมกับลมหายใจแห่งความทรงจำที่พัดผ่านใบหน้าของเธอ

ทุกอย่างดูคุ้นเคยมาก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนภาพลวงตาที่เคยเกิดขึ้นในความฝัน

มองร่างเธอที่หายไปตรงบันได พ่อบ้านหวังและฉินหม่าอยู่ด้วยกันและกระซิบว่า “ฉันได้ยินแค่หูข้างเดียว ดูเหมือนว่าเฉียวซินโยวจะก่อเรื่องบางอย่างอีกแล้ว บางทีแผลบนใบหน้าของคุณฉู่อาจจะเป็นฝีมือเฉียวซินโยวก็ได้”

“โอ้ย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเอาแต่ทำเรื่องแย่ๆอยู่ได้” ฉินหม่าพูดด้วยความโกรธ “ฉันว่าคุณฉู่คนนี้เป็นเด็กผู้หญิงที่ถูกคนในบ้านสอนมาอย่างดีเหมือนกับคุณหนู เธอทั้งเป็นคนจิตใจดีและสุภาพ”

“ใช่ เธอเป็นเด็กดี” พ่อบ้านหวังถอนหายใจ

ชั้นบนมู่เวยเวยล็อกประตูแล้ววิ่งไปที่กระจก โอ้พระเจ้ารอยมือบนใบหน้าของเธอน่ากลัวมากเลยเหรอ? อีกอย่างหน้ากากปิดอยู่บนใบหน้ายิ่งทำให้รู้สึกลำบาก

เพื่อยืนยันว่าจะไม่มีใครมาเคาะประตูอีกในตอนกลางคืน มู่เวยเวยค่อยๆฉีกหน้ากากออกเพื่อให้ผิวหนังที่แท้จริงภายในได้ผ่อนคลายบ้าง

บรรยากาศในรถหดหู่อย่างยิ่ง

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” จางเห่อวางสายโทรศัพท์แล้วหันศีรษะไปทางเย่ฉ่าวเฉินพร้อมกับพูดว่า “คุณชาย เฉียวซินโยวไม่ได้อยู่ในหอพักพนักงาน ทางนั้นบอกว่าเฉียวซินโยวเคยอยู่ตอนไปทำงานสองวันแรก หลังจากนั้นก็พักข้างนอกตลอด”

เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “ไปที่บ้านหนานกงเฮ่า” แม้ว่าเธอจะไม่พักที่นั่น แต่หนานกงเฮ่าต้องรู้แน่ๆว่าเธออยู่ที่ไหน

“ครับ”

ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ สถานบันเทิงยามค่ำคืนในเมือง A เพิ่งเริ่มต้นขึ้นและแผงขายอาหารริมถนน แผงขายบาร์บีคิวก็แน่นไปด้วยผู้คน เพียงพริบตาเย่ฉ่าวเฉินก็นึกอิจฉาคนธรรมดาที่นั่งอยู่ที่แผงขายบาร์บีคิว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับเงินเดือนที่สูง อาจถูกเจ้านายตำหนิบ้าง แต่ในเวลานี้พวกเขายังสามารถนั่งบ่นกับเพื่อนสนิทสามสี่คนที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่หรือเรื่องดีๆในวันนั้นก็ตาม พวกเขาต่างสามารถแบ่งปันเรื่องเหล่านั้นให้เพื่อนๆฟังได้ สำหรับเรื่องนี้เขารู้สึกอิจฉาพวกเขามากจริงๆ

เย่ฉ่าวเฉินเข้าโรงเรียนชั้นนำตั้งแต่เขายังเด็ก และเนื่องจากอุปนิสัยกับบุคลิกของเขาเอง น้อยมากที่เขาจะพูดคุยกับคนอื่นๆ อาจพูดได้ว่าหนานกงเฮ่าเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่ามันจะลงเอยแบบนี้

พระเจ้ายุติธรรมจริงๆ เมื่อคุณมีความมั่งคั่งและอำนาจ คุณก็จะสูญเสียสิ่งสำคัญอื่นๆในชีวิตเช่นครอบครัว ความรักและมิตรภาพ

ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินกลายเป็นผู้ที่โดดเดี่ยวแล้วจริงๆ

บางครั้งเขาก็คิดว่าเขามีพลังเหนือธรรมชาติมากมาย หากหนึ่งในพลังนั้นสามารถเดินทางไปยังอดีตได้ เขาจะฝึกฝนอย่างหนักแน่นอน

รถจอดที่ประตูบ้านของหนานกงเฮ่า จางเห่อไม่รอให้เย่ฉ่าวเฉินพูดก็ลงจากรถอย่างรู้หน้าที่แล้วเดินไปเคาะประตู

เสียงผู้ชายดังมาจากระบบสนทนาอิเล็กทรอนิกส์ “คุณมาหาใคร?”

“ผมมาหาคุณหนานกงเฮ่า” จางเห่อพูดอย่างใจเย็น

“คุณหนานกงไม่อยู่บ้าน” หลังจากพูดจบเขาก็ตัดสายทันที

จางเห่อมองไปที่เย่ยิงที่อยู่ข้างหลังเขา จากนั้นเย่ยิงก็ยิ้มอย่างเฉยเมย “ดูฉัน”

เขาเดินไปที่กำแพงแล้วเทียบความสูงของกำแพงนั้น จากนั้นก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าวแล้ววิ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ภายใต้แสงสลัวร่างดำก็กระโดดข้ามกำแพงไป ไม่กี่วินาทีต่อมาประตูก็เปิดออกดัง “แก๊ก”

“ เห้ย คุณเป็นใคร เข้ามาได้ยัง … ” เขาหยุดพูดกลางคันเพราะเย่ยิงเอาปืนจ่อหัวเขา

เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้ามาทีละก้าว เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบ้านเห็นว่าเป็นเขา เขาก็ตกใจแล้วก้มศีรษะลงทันที

“หนานกงเฮ่าล่ะ?” จางเห่อถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

“คุณชายไม่ได้อยู่ที่นี่หลายวันแล้วครับ เขากลับไปที่บ้านคุณพ่อเขา” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบอย่างตรงไปตรงมา

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ไฟในห้องนั่งเล่นด้านในและไฟในห้องบนชั้นสองที่เปิดอยู่ แต่นั้นไม่ใช่ห้องของหนานกงเฮ่า เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อยและถามด้วยเสียงเย็นชา “แล้วตอนนี้ใครอยู่ที่นี้?”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหลือบมองเข้าไปข้างใน “เป็นคุณเฉียวครับ”

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะอย่างเยาะเย้ย หนานกงเฮ่าดูใจดีกับผู้หญิงคนนี้มาก ลงทุนย้ายบ้านให้เธอได้อาศัยอยู่

“จางเห่อ ไปพาเธอมา”

จางเห่อพยักหน้าและเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

เย่ฉ่าวเฉินยืนรออยู่ตรงสนามหญ้า ภายในสองสามนาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น

เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเฉียวซินโยวที่ปล่อยผมหลวมๆและใส่ชุดนอนสีดำแม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันใส่ จางเห่อบิดแขนของเขาและผลักเธอออกมา

“ฉ่าวเฉิน? ทำไมคุณมาหาฉันดึกดื่น … ”

“เพี๊ยะ” เสียงเธอถูกตบหน้าดังขึ้นอย่างดุดัน เฉียวซินโยวยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกตบลงที่ใบหน้าของเธออีกครั้ง ด้วยแรงที่มหาศาลทำให้เกิดเสียง “วิ้ง” ในหูของเธอ

“สิ่งนี้ผมทำแทนฉู่เหยียน” เย่ฉ่าวเฉินจับคางของเธอด้วยใบหน้านิ่งเฉยและจ้องมองไปที่เธอ “คุณยังรอรูปภาพอยู่ใช่ไหม?คิดจะทำอะไร?จะโพสต์ลงโซเชียลหรือให้สื่อซุบซิบ?”

เฉียวซินโยวรู้จุดประสงค์ที่เขามาและขี้เกียจที่จะแสร้งทำตัวเป็นกระต่ายน้อยผู้ไร้เดียงสา เธอกลืนเลือดในปากแล้วยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ฉันจะส่งให้สื่อซุบซิบทำไม?ฉันแค่ส่งให้คุณก็พอแล้ว ถูกผู้ชายสองคนรุมข่มขืนและทารุณ เป็นไปได้หรือว่าคุณเย่ฉ่าวเฉินยังหันไปมองเธอได้?ฮ่าๆๆ ฉันรู้จักคุณดี คนอย่างคุณไม่สามารถมองผู้หญิงเลวๆแบบนั้นได้หรอก ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงปฏิบัติต่อมู่เวยเวยแบบนั้นล่ะ? ”

คำพูดของเฉียวซินโยวกระทบตรงจุดอ่อนที่สุดในหัวใจของเขา ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ทันใดนั้นเขาก็บีบคอเธอ “เฉียวซินโยว คุณมันบ้าไปแล้ว ฉู่เหยียนกับคุณไม่มีความคับแค้นใจกัน คุณยังโหดร้ายกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”

“ฉันโหดร้ายเหรอ?เย่ฉ่าวเฉินจิตใจคุณโหดร้ายกว่าฉันเยอะ” ดวงตาของเฉียวซินโยวแดงก่ำและหวาดระแวง “ก่อนหน้านี้เห็นๆกันอยู่ว่าคุณชอบฉัน ทำไมคุณไม่ให้สถานะฉัน? มู่เวยเวยมีอะไรดี? เธอสวยกว่าฉันหรออ่อนโยนกว่าฉันหรอ?”

“เขาเป็นภรรยาของผม” เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันพูด

“โอเค เขาเป็นภรรยาของคุณแล้วตอนนี้ล่ะ?ไม่เจอเธอมานานขนาดนี้ ฉันคลานกลับมาจากเส้นตายของชีวิตเพื่อคุณ ทำไมคุณไม่หันมามองฉันบ้าง? แต่คุณกลับไปตกหลุมรักฉู่เหยียน? เพียงแค่เพราะเธอมีหน้าตาคล้ายมู่เวยเวยหรอ?” เฉียวซินโยวตะโกนออกมาอย่างไม่สบายใจ

เย่ฉ่าวเฉินสารภาพตามตรง “ใช่ เพราะเธอเหมือนเวยเวย อีกอย่างเฉียวซินโยวอย่าพูดว่าคุณกลับมาเพราะผมเด็ดขาด ผมเย่ฉ่าวเฉินไม่สามารถรับมันไว้ได้ มดเล็กๆยังโลภแล้วนับประสาอะไรกับหัวใจที่เต็มไปด้วยความโลภของคุณ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า … ” น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเฉียวซินโยว “เย่ฉ่าวเฉินถ้าคุณไม่ให้ความหวังฉันตั้งแต่แรก ฉันก็ไม่มีทางตกหลุมรักคุณและถ้าฉันไม่ตกหลุมรักคุณ วันนี้ฉันก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของคุณ ”

“ใช่ นี่เป็นความผิดของผม ผมไม่ควรหาคนที่มีแบบร่างการออกแบบนั้นไปทั่ว เพียงแค่เก็บคุณไว้ในใจก็ยังพอมีความทรงจำดีๆในชีวิตผมอยู่บ้าง แต่เฉียวซินโยวคุณทำลายมันไปหมดแล้ว ตอนนี้ผมไม่อยากจำเรื่องนั้นแม้แต่นิดเดียวและไม่อยากเจอคุณอีก”

รอยยิ้มแปลกๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉียวซินโยว “ ถ้าอย่างนั้นคุณฆ่าฉันเลยไม่ดีกว่าหรอ ฆ่าฉันทิ้งทุกอย่างก็จะจบลง”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มขึ้นมาและรอยยิ้มนั้นช่างน่ากลัวจนรู้สึกขนลุก “ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก มันง่ายไปที่จะฆ่าเธอ บ้านหลังนี้เก็บไว้ให้หนานกงเฮ่าเถอะ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนที่อยู่ให้ดีกว่านี้ให้”

หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไป “เย่ยิง รัดเธอไว้ในรถนาย”

“ครับ นาย”

“เย่ฉ่าวเฉิน คุณจะพาฉันไปไหน?” ในที่สุดเฉียวซินโยวก็เริ่มตกใจกลัว

แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ตอบกลับสักคำ

รถทั้งสองคันออกจากบ้านหลังนี้ทีละคัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาหนานกงเฮ่า

“คุณชาย คุณเฉียวเพิ่งถูกเย่ฉ่าวเฉินพาตัวไป” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายงานสถานการณ์อย่างกระวนกระวาย

หนานกงเฮ่าเงียบไปชั่วขณะและถามว่า “เย่ฉ่าวเฉินโกรธมากไหม??”

“ครับ ท่าทางของเขาดูเหมือนจะฆ่าคุณเฉียว”

“ฉันรู้แล้ว” หนานกงเฮ่าหมดความสนใจแล้วผลักหญิงสาวในอ้อมแขนออกไปแล้วหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าแผนของเฉียวซินโยวจะล้มเหลว เย่ฉ่าวเฉินจะพาเธอไปที่ไหนนะ?

ถนนสีทอง

สถานที่ที่ฟุ่มเฟือยและสกปรกที่สุดในเมือง A

เย่ฉ่าวเฉินและพรรคพวกของเขาเดินเข้าไปในอาบอบนวดที่เจิดจรัสและสวยงาม ผู้จัดการประจำล็อบบี้มองไปที่ผู้คนและรีบออกมาทักทายอย่างรวดเร็ว “ประธานเย่แขกผู้มีเกียรติ เชิญครับ”

“ เรียกเจ้านายของนายออกมา” เขาพูดอย่างเย็นชา

ผู้จัดการประจำล็อบบี้ไม่กล้าขัดคำสั่งเย่ฉ่าวเฉิน เขาตอบรับด้วยคำพูดอ่อนน้อมสองสามคำและรีบไปโทรหาเจ้านาย

ไม่นาน เจ้านายของอาบอบนวดก็วิ่งมาด้านหลังตามด้วยรองประธาน เขาก้มทักทายอย่างสุภาพและพูดว่า “เย่ฉ่าวเป็นแขกที่มีเกียรติจริงๆ มาๆๆ เชิญด้านใน”

“ไม่ล่ะ ที่ผมมาวันนี้มีเรื่องบางอย่างจะขอความช่วยเหลือจากคุณ” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างสุภาพ

เจ้านายที่นี้เป็นคนฉลาด สิ่งที่เย่ฉ่าวเฉินพูดแน่นอนว่าเขาต้องรู้ว่าเป็นเรื่องจริงจัง

“เย่ฉ่าวมีเรื่องอะไรพูดมาได้เลย อะไรที่ผมสามารถช่วยคุณได้ผมไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”

เย่ฉ่าวเฉินชี้ไปที่เฉียวซินโยวและพูดอย่างเย็นชา “พาเธอไปเยี่ยมชมธุรกิจของคุณที่นี้หน่อย เอาแบบที่ราคาถูกที่สุด”

เจ้านายตกตะลึงสองสามวินาที จากนั้นมองไปผู้หญิงที่กำลังว้าวุ่นและไม่ได้สวมรองเท้า เขารู้อยู่แก่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ต้องทำให้เย่ฉ่าวเฉินขุ่นเคืองอย่างแน่นอน

“ได้ๆ เย่ฉ่าว ถ้างั้น… ผมจะให้รองประธานพาพวกเขาไป ผมอยู่ที่นี้รับใช้คุณ” เจ้านายพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่ง่ายเลยที่ได้เจอเย่ฉ่าวเฉินสักครั้ง แบบนี้ต้องค่อยประจบประแจงสักหน่อยแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าและพูดกับจางเห่อ “นายกับเย่ยิงพาเธอไป”

รองประธานออกไปพร้อมกับพวกเขาทั้งสามคนและเย่ฉ่าวเฉินได้รับเชิญให้เข้าไปในห้องทำงานที่หรูหราของเจ้านาย

เฉียวซินโยวรู้สึกสงสัยเล็กน้อยเมื่อเข้าประตูอาบอบนวดครั้งแรก เขาพาเธอมาทำอะไรที่นี้? แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับเจ้านาย ในหัวของเธอก็ได้คำตอบอย่างแจ่มแจ้ง

จริงๆแล้วเขาพาเธอมาขายให้เป็นโสเภณีของที่นี้

ข้อสงสัยนี้ไขออกทันที เพราะไฟตามทางที่นำโดยรองประธานเริ่มสลัวมากขึ้นเรื่อยๆ และได้ยินเสียงผู้หญิงครวญครางเป็นระยะๆตามรอยแตกของประตู

ไม่ นี่ไม่ใช่ตอนจบที่เฉียวซินโยวควรจะได้รับ เธอหน้าตาดีและมีการศึกษาเธอไม่มีทางมาที่แบบนี้เด็ดขาด

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เฉียวซินโยวก็ผลักอกของเย่ยิงอย่างแรงเพื่ออยากจะหลบหนี แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จเพราะเย่ยิงไม่ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว

“ยังอยากหนี?ถ้าเธอวิ่งหนีจากฉันได้ ฉันใช้นามสกุลเดียวกับเธอเลย ถ้าไม่อยากอยู่กับฉันก็เชื่องหน่อย” เย่ยิงสูงกว่าเธอประมาณเกือบหนึ่งศีรษะ ตอนเขาก้มหัวลงและตะโกนใส่เธอดุราวกับเสือ

แขนของเฉียวซินโยวถูกจับไว้แน่น ราวกับว่าถูกเย่ยิงลากไปข้างหน้า ส่วนจางเห่อก็เดินตามอยู่ด้านหลัง

เมื่อลงไปอีกชั้นรองประธานก็หันกลับมาพูดกับจางเห่อว่า “ราคาชั้นนี้ถูกที่สุด ลูกค้ามีความหลากหลายและแน่นอนว่าผู้หญิงส่วนมากจะเป็นผู้หญิงที่มีอายุมากแล้ว”

“เปิดประตูให้เธอดูสักสองสามห้อง”

“ได้ครับๆ”

รองประธานหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋า เดินไปที่ประตูห้องและรูดการ์ดเบาๆประตูก็ถูกเปิดออก มีเสียงอื้ออึงที่ทำให้รู้สึกอายดังจากข้างใน

เย่ยิงผลักเฉียวซินโยวไปยืนตรงประตู พื้นที่ด้านในเล็กมากมีเพียงเตียงและห้องน้ำหนึ่งห้อง บนเตียงมีผู้ชายที่ปกคลุมไปด้วยเนื้อหนังกำลังประคองผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับเคลื่อนไหวอยู่บนเตียง เขามองย้อนกลับมาเมื่อได้ยินเสียงประตู แต่เขาไม่สนใจและทำธุระของตัวเองต่อ

จากนั้นรองประธานก็เปิดอีกห้องหนึ่ง ซึ่งด้านในยิ่งดูรุนแรงยิ่งกว่า มีชายสองคนกำลังข่มเหงผู้หญิงหนึ่งคนและมีของเล่นเสริมหลายประเภทอยู่ในมือ ผู้หญิงร้องไห้จนเสียงแหบแต่ทั้งสองกลับหัวเราะเสียงดัง

เฉียวซินโยวถูกฉากตรงหน้าทำให้เธอสั่นสะเทือนไปทั้งตัว

ในห้องที่สามเป็นขี้เมาที่สกปรกมาก เพราะเขาเมาระหว่างทำผู้หญิงก็ใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงอย่างซาดิสม์

จางเห่อเหล่มองใบหน้าของเฉียวซินโยวที่ซีดลง หลังจากบรรลุผลแล้วเขาก็พูดกับรองประธานว่า “โอเค พอแล้ว”

พวกเขากลับมาที่ห้องโถงอีกครั้งเพื่อรอเย่ฉ่าวเฉิน ในหัวของเฉียวซินโยวเต็มไปด้วยฉากและเหตุการณ์เมื่อกี้และรู้สึกขยะแขยงจนเกือบอาเจียนออกมา

เธอเป็นคนเข้มแข็งมาตั้งแต่เด็ก เรียนหนักและสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี ก่อนจบการศึกษาเธอก็ได้ไปฝึกงานที่เย่ฮวาง เว้นแต่ในครอบครัวของเธอที่ยากจนวงจรชีวิตของเธอก็เป็นปกติทุกอย่าง แม้ว่าจิตใจของเธอจะเลวทราม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีความอดทนในจิตใจที่แข็งแกร่ง นี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นฉากแบบนี้ เธอจะไม่ตกใจได้ยังไง?

เย่ฉ่าวเฉินเดินมาพร้อมกับเจ้านายของที่นี้แล้วเหล่มองไปที่เฉียวซินโยวที่กำลังตกตะลึงและยิ้มอย่างเยาะเย้ยพร้อมกับพูดว่า “ไปเถอะ ยังไม่จบไปเยี่ยมชมกันอีกหลายๆที่”

ในสถานที่อีกสามแห่งต่อจากนี้ เฉียวซินโยวเห็นสถานการณ์ที่โหดร้ายยิ่งกว่าเดิม ผู้หญิงที่เดินเข้าไปในนั้นไม่ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงอีกต่อไป ต่างเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ชายในการระบายความโกรธ ให้ลูกค้าดุด่าทุบตีได้ตามอำเภอใจเพื่อความสุขของลูกค้า

หลังจากเยี่ยมชมจบ เย่ฉ่าวเฉินกอดอกและจ้องไปที่เธออย่างไม่ลดละ“ดูจบแล้ว เลือกสักที่สิ”

หัวของเฉียวซินโยวยังรู้สึกมึนๆและยังไม่ทันได้คิดว่าเย่ฉ่าวเฉินหมายถึงอะไร

“ผมให้สิทธิ์คุณเลือกว่าชอบที่ไหน ผมส่งคุณเข้าไป” คำพูดของเย่ฉ่าวเฉินเหมือนกริชอาบยาพิษ ทุกคำพูดของเขาปักลงในใจเธอ “ไม่ต้องห่วง ฉันจะให้เจ้านายดูแลเธออยากดี จะไม่ปล่อยให้เธอว่างและไม่มีแขกแน่นอน”

ขาของเฉียวซินโยวอ่อนแรงลงและคุกเข่าลงบนพื้นทันที เย่ยิงปล่อยมือเธอออกยังไงซะเธอก็หนีไปไม่ได้

“ฉ่าวเฉิน ฉันผิดไปแล้ว ครั้งนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันผิดจริงๆ” น้ำตาของเฉียวซินโยวไหลออกมาไม่หยุด “ขอร้องอย่าทิ้งฉันไว้ที่นี้เลย”

คืนนี้ฟ้ามืดสนิท แต่แสงไฟบนถนนสีทองกลับสว่างขึ้นเรื่อยๆ

“ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าผิด? ถ้างั้นตอนเธอให้คนไปทำแบบนี้กับฉู่เหยียน เธอเคยคิดถึงจุดจบของเขาไหม?”

“ขอโทษ ฉันขอโทษ เพราะฉันหึงหวงจนหน้ามืดตามัว เพราะฉันเอาแต่อยากแย่งสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง” เฉียวซินโยวร้องไห้และยอมสารภาพอย่างกลับตัวกลับใจ เธอคลานคุกเข่าไปข้างหน้าหลายก้าว พยายามที่จะคว้ากางเกงของเขา แต่เย่ฉ่าวเฉินก้าวถอยออกไปเพื่อหลีกเลี่ยง

“ฉ่าวเฉิน ฉันจะไปขอโทษคุณฉู่วันพรุ่งนี้เลย เธอจะทุบตีหรือดุด่าฉันก็ได้ แต่ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ” เฉียวซินโยวมองไปที่สีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปเลยของเขาและนึกถึงคำพูดที่เคยมีคนพูดเอาไว้ว่า “ฉันกับเวยเวยเป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาลัยตลอดทั้งสี่ปี เธอมีจิตใจที่เมตตาขนาดนี้เธอไม่อยากเห็นจุดจบของฉันแบบนี้หรอก ฉันยังมีพ่อแม่ที่แก่ชราแล้ว อีกทั้งพ่อของฉันก็เป็นโรคหัวใจ พวกเขายังรอให้ฉันดูแลและเลี้ยงดูพวกเขา ขอร้องล่ะ … ”

ดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินเปล่งประกายด้วยความอบอุ่น เขาจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งพ่อแม่ของเฉียวซินโยวมาหาเธอ ท่านเครียดจนโรคหัวใจกำเริบและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล มู่เวยเวยเป็นคนพาทั้งสองไปพบแพทย์และยังคอยดูแลพวกเขาในโรงพยาบาล

ฉู่เหยียนเคยเตือนเขาว่าอย่าฆ่าคนอีก เขาเลยคิดถึงวิธีหนึ่งออกและในตอนนี้ …

“ เย่ยิงพาลูกน้องอีกสองคนไปส่งเธอกลับบ้านเกิด บอกพ่อแม่เธอว่าลูกสาวเขาฆ่าคนตาย ถ้าไม่อยากถูกจับก็อยู่บ้านไปตลอดชีวิต” เย่ฉ่าวเฉินก้มหัวลงและมองลงไปที่เฉียวซินโยวอย่างเย็นชา “ทางที่ดีตั้งแต่นี้ไปเธออย่าคิดจะก้าวเข้ามาในเมืองAอีกแม้แต่ก้าวเดียว มิฉะนั้นฉันจะทำให้เธอต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”

เฉียวซินโยวอ่อนปวกเปียกอยู่บนพื้น ยังไงก็ตามเธอก็ได้รับชีวิตกลับคืนมาอีกครั้ง

กลับมาถึงบ้านตระกูลเย่ก็ดึกมากแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ไปรบกวนฉู่เหยียนและตรงเข้าไปในห้องนอนของเขาทันที วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยเกินไป

วันรุ่งขึ้นดวงอาทิตย์ขึ้น

มู่เวยเวยลุกขึ้นจากเตียงและสัมผัสใบหน้าของเธอโดยไม่รู้ตัว เห้ย อาการบวมหายแล้ว

เธอรีบวิ่งไปที่กระจกและพบว่ารอยนิ้วมือบนใบหน้าของเธอหายไปแล้ว ดูเหมือนว่าไข่ของฉินหม่าและครีมของคุณหมอหานนั้นสุดยอดจริงๆ

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ มู่เวยเวยก็ลงไปชั้นล่าง ในห้องนั่งเล่นไม่มีใครอยู่ มีเพียงฉินหม่าที่ยุ่งอยู่ในห้องครัว

เย่ฉ่าวเฉินละ? ปกติเวลานี้เขาควรจะตื่นแล้วนิ

พึ่งคิดแบบนี้ก็มีเสียงฝีเท้าตรงบันไดและเย่ฉ่าวเฉินก็เดินลงมา

“แผลบนใบหน้าของคุณหายดีแล้วหรือ?”

“เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง?”

ทั้งสองถามขึ้นพร้อมกัน มู่เวยเวยแตะที่ใบหน้าของเธอเบาๆและพูดว่า “ดีขึ้นแล้ว คุณรีบพูดเถอะว่าคุณจัดการเรื่องเฉียวซินโยวยังไง”

เย่ฉ่าวเฉินขยี้คิ้วด้วยความเหนื่อยล้า“ฉันให้คนส่งเธอกลับบ้านเกิด ยังไงซะเธอก็จะไม่กลับมาที่เมือง A อีก”

“กลับบ้านเกิดเหรอ?” เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พูดออกมาอย่างลืมตัวว่า “อ้อ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอกลับไปก็จะได้ดูแลพ่อแม่ด้วย”

เย่ฉ่าวเฉินเพิ่งเดินมาถึงตรงหน้าเธอและตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ในหัวที่ยังรู้สึกงัวเงียของเขาก็ตื่นขึ้นมาทันที เขามองเธอด้วยสายตาวิเคราะห์หาข้อเท็จจริง “คุณรู้ได้ยังไงว่าเธอมีพ่อแม่?”

ราวกับว่ามีกระดิ่งดังขึ้นปลุกให้มู่เวยเวยรู้ตัวทันที คนโง่ ใครให้เธอพูดมากล่ะ

“ฉันเดาเอา หรือพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปแล้วหรอ?ไม่หรอกมั้ง” มู่เวยเวยดูใจเย็นเพื่อหาทางแก้ตัวสำหรับตัวเอง “คุณบอกว่าเธอกลับบ้านเกิด ถ้าพ่อแม่เธอไม่อยู่บ้านเกิดแล้วอยู่เมืองAหรือ?”

“คุณเดาถูก อยู่บ้านเกิด” เย่ฉ่าวเฉินเดินไปที่ห้องอาหาร แต่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นตรงมุมปากของเขา

มู่เวยเวยเดินตามหลังและถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี้คงเป็นจุดจบที่ดีที่สุดแล้วแหละ

เฉียวซินโยวเป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้น พยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ได้อยู่กับเย่ฉ่าวเฉิน แต่ท้ายที่สุดตอนนี้เขาก็วนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง นี้คงจะเป็นการลงโทษที่หนักที่สุดสำหรับเธอ

อาหารเช้าดูอุดมสมบูรณ์มาก โจ๊กที่ฉินหม่าทำนั้นทั้งหอมและนุ่มนวล เพียงเอาเข้าปากก็ละลายทันที

เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมองเธอขณะที่กินข้าว คำถามแรกที่เธอถามขึ้นเป็นเรื่องของเฉียวซินโยว แต่ไม่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องที่จู่ๆเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในอพาร์ตเมนต์เมื่อวานนี้ นี้มันต่างจากความคิดของคนทั่วไป สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือเธอรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่มีใครถามคำถามที่ตัวเองรู้อยู่แล้ว

“ฉู่เหยียน ทำไมคุณไม่ถามผมเรื่องที่ผมไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของคุณเมื่อวานนี้” เย่ฉ่าวเฉินเป็นฝ่ายถามหัวข้อนี้โดยสังเกตปฏิกิริยาและท่าทางของเธออย่างระมัดระวัง

มู่เวยเวยหยุดกินและทำท่าทางเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ “ใช่ ฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย คุณรีบพูดมาว่ามันยังไงกันแน่?”

เย่ฉ่าวเฉินกวนช้อนในมือของเขาเบาๆแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า “ที่จริงแล้ว ผมไม่ใช่มนุษย์บนโลกนี้”

“ฮ่าฮ่าฮ่า -” มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ในใจคิดว่าคุณนี้เป็นคนไร้สาระจริงๆ หลังจากเห็นดวงตาที่ขุ่นเคืองของเย่ฉ่าวเฉินเธอก็หยุดหัวเราะอย่างรวดเร็วและถามว่า “ถ้าคุณไม่ใช่คนในโลกนี้แล้วคุณเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือไง?”

“ คุณไม่แปลกใจเหรอ?”

“ก็แปลกใจอยู่บ้าง แต่ฉันเชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่ในโลกนี้ คุณคิดดูจักรวาลใหญ่ขนาดนี้ มีดาวเคราะห์เป็นพันๆ เป็นไปไม่ได้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตแค่บนโลกใบนี้เท่านั้นหรอก” มู่เวยเวยพูดอย่างจริงจัง “ไหนคุณลองพูด คุณมาจากดาวดวงไหน?ในโลกของคุณมีอะไรบ้าง?สวยไหม? เทคโนโลยีก้าวหน้าหรือเปล่า?”

เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าตัวเองกำลังถูกเธอเยาะเย้ย แต่เขาก็ยังให้ความร่วมมือแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นความลับ แต่อากาศบนโลกของผมสะอาดกว่าที่นี้เยอะ”

มู่เวยเวยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเขาที่กำลังเสแสร้งอย่างเงียบๆ

“ มีอะไรอีก?”

“ยังมี … ” เย่ฉ่าวเฉินหลอกเขาไม่ลงและหัวเราะกับตัวเอง “พอแล้ว ผมไม่ล้อคุณเล่นแล้ว อันที่จริงผมมีพลังวิเศษอยู่บ้าง”

มู่เวยเวยแสดงความตื่นเต้นที่ควรจะมีออกมา หลังจากนั้นเธอก็ถามคำถามที่รู้สึกว่ามันไร้เดียงสาอย่างมากอีกหลายคำถาม ในที่สุดเธอก็พูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อที่น่าเบื่อนี้จนจบไป

“ วันนี้คุณจะไปสตูดิโอไหม?” เย่ฉ่าวเฉินถามเธอ

สตูดิโอที่เขาพูดถึงนั้นเป็นสำนักงานที่บริษัทMKเช่าอยู่ในเมืองA ซึ่งอยู่ใกล้กับเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป ถังซื่อเซวียนและพวกเขาทำงานที่นั่น มู่เวยเวยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ถ้าเธอผ่านก็จะแวะเข้าไปบ้าง

“ ฉันไม่ไปแล้ว เมื่อคืนฉันเอาแต่ฝันร้ายทั้งคืน สภาพของฉันในวันนี้ก็ไม่ดีนัก” มู่เวยเวยก้มศีรษะลง จริงๆแล้วเธอต้องการใช้ประโยชน์จากการที่เย่ฉ่าวเฉินไม่อยู่แล้วสัมผัสบรรยากาศคฤหาสน์ตระกูลเย่สักหน่อย

เย่ฉ่าวเฉินแสดงท่าทางกังวล แต่มันก็ดูไม่ดีนักที่เขาจะพูดถึงเรื่องของเมื่อวาน เขาพยักหน้าและพูดว่า “ก็ดีเหมือนกัน คุณพักผ่อนสักสองสามวัน โครงการฝั่งนั้นช่วงนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่จำเป็นต้องไปที่สถานที่ก่อสร้างทุกวันหรอก ”

“อ้อ” มู่เวยเวยนึกถึงห้องหนังสือเลยเงยหน้าขึ้นและถามเขา “ฉันได้ยินพ่อบ้านหวังบอกว่าห้องหนังสือของคุณอยู่ชั้นสาม ถ้าคุณไม่อยู่ก็ไม่ให้คนอื่นเข้า แต่ฉันรู้สึกเบื่อมากอยากเข้าไปหาหนังสือสักเล่ม ”

เย่ฉ่าวเฉินมีรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนดวงตาของเขา แม้ว่าเธอจะเจอความลับโดยบังเอิญ แต่ถ้าเธอไม่มีลายนิ้วมือก็ไม่สามารถเปิดมันได้

“ได้สิ คุณไปดูได้เลย ในบ้านหลังนี้ไม่มีพื้นที่ห้าม เดี๋ยวผมบอกคุณอาหวังไว้ให้”

ดวงตาของมู่เวยเวยสว่างขึ้นมาทันที “เยี่ยมไปเลย ขอบคุณค่ะ”

เย่ฉ่าวเฉินไปทำงานหลังจากกินข้าวเสร็จ ก่อนขึ้นรถก็บอกเรื่องเมื่อกี้ให้พ่อบ้านหวัง แต่หลังจากนั้นก็พูดสริมไปอีกไม่กี่ประโยค “เธอจะไปกี่รอบก็ไม่ต้องห้าม แต่คอยบอกผมว่าเธอทำอะไรบ้าง”

พ่อบ้านหวังสับสนเล็กน้อย นี้หมายความว่าอย่างไร?

จางเห่อมองไปที่สีหน้าที่งงงวยของพ่อบ้านหวังและรีบโน้มตัวไปพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ “คุณชายหมายถึงให้คุณจับตามองเธอไว้”

พ่อบ้านหวังก็นึกขึ้นได้ทันทีและพูดอย่างรวดเร็วว่า “อ้อ ผมเข้าใจแล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงรถออกจากบ้านไป มู่เวยเวยก็เดินออกจากห้องอาหารและพูดกับพ่อบ้านหวังด้วยรอยยิ้ม “คุณอาหวัง ฉันไปห้องหนังสือได้หรือยัง?”

“ได้แน่นอน คุณชายสั่งผมไว้แล้ว” พ่อบ้านหวังพูดด้วยความเคารพอย่างมาก แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะเห็นได้ชัดว่าคุณชายปฏิบัติต่อคุณฉู่เป็นอย่างดี แล้วทำไมเขาถึงสั่งให้เฝ้าจับตามองเธออีก อีกอย่างเธอเป็นคนที่รับผิดชอบบริษัทฮ่องกง เธออยากหาอะไรในบ้านตระกูลเย่?

มู่เวยเวยเดินขึ้นไปบนชั้นสามอย่างรวดเร็ว ห้องหนังสือยังคงเหมือนเดิม สิ่งของทุกอย่างแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง เว้นแต่มีเอกสารที่เพิ่มขึ้นอีกสองสามชุดบนโต๊ะ เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วดู มันเป็นงบประมาณสำหรับโครงการสวนสนุก

เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้

สองครั้งก่อนเพียงแค่หาแบบคร่าวๆไปแล้วรอบหนึ่ง วันนี้มีเวลาเหลือเฟือ มู่เวยเวยจึงอยากตั้งใจหาดีๆ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset