“รู้จักบุญคุณก็ดี”
ในเวลานี้ มีหนึ่งข้อความส่งเข้ามาในโทรศัพท์ของมู่เวยเวย เธอดูแล้วคือเย่ฉ่าวเฉิน ข้างบนเขียนอยู่สองคำคือ ออกมา
“อย่างนั้น ฉันออกไปข้างนอกสักครู่”
ฉู่เซวียนฉลาดขนาดนี้ แน่นอนว่ารู้ว่าใครส่งข้อความมา มือที่ไร้เรี่ยวแรงโบกให้เธอไป
เย่ฉ่าวเฉินรอเธออยู่ที่หน้าลิฟท์โรงพยาบาล เห็นเธอเดินมา ใบหน้ามีรอยยิ้มออกมา”เมื่อเช้าตกใจทำให้มึนงงไปแล้วใช่ไหม”
มู่เวยเวยพลิกตาขาวมองบน “เริ่มต้นและสิ้นสุดคือตกใจจนมึนงง อีกนิดหนึ่งก็ตกใจตายแล้ว”
“ทำไมไม่โทรหาฉัน?” เย่ฉ่าวเฉินดึงเธอมาที่บันไดข้างลิฟท์
มู่เวยเวยคิดในใจ ฉันจะโทรหาคุณได้อย่างไร?
“ตอนนั้นฉันวุ่นวายมากจริงๆ ผู้จัดการห้องพักแขกเป็นคนเตือนสติให้ฉันโทรหา120 ฉันจะมาคิดได้ตอนไหนว่าต้องโทรหาคุณ”
“ส่งถึงโรงพยาบาลแล้ว?จะถึงสิบชั่วโมงแล้ว เธอก็ยังไม่บอกฉันสักคำ เป็นฉันเองที่ได้ยินข่าวจากคนอื่น”
“มู่เวยเวยไม่ชอบที่เขาทำลักษณะหน้าตาอย่างนี้ เหมือนกับว่าเรื่องทุกอย่างจะต้องมาบอกเขา ขมวดคิ้วด้วยความสังสัยไม่มีความสุขถามเขาว่า”เย่ฉ่าวเฉิน นี่คุณกำลังตำหนิฉันเหรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินมองเธอที่อารมณ์ไม่ดี พูดจาอ่อนลงมาว่า”ไม่ใช่ ฉันแค่เป็นห่วงเธอ กลัวเธอจะจัดการไม่ไหว”
“แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณกำลังตรวจสอบฉัน”
“ฉู่เหยียน เธอมีอะไรที่ต้องตรวจสอบ “เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะแล้วหัวเราะอีกมองเธอ
สองมือของมู่เวยเวยผายออก “ใช่ ฉันก็ยังไม่รู้ว่าฉันมีอะไรที่น่าตรวจสอบ โอเค อย่างนั้นคุณไปเถอะ ฉันต้องไปดูแลพี่ชายของฉันแล้ว”
พูดจบมู่เวยเวย ก็หันหลังเดินไป แต่ทว่าเย่ฉ่าวเฉินดึงเธอไว้ พูดเสียงทุ้มต่ำว่า”โกรธเหรอ? ”
“ไม่นะ ” มู่เวยเวยหันศีรษะกลับไปไม่มองเขา
เย่ฉ่าวเฉินยิ้ม “ผู้หญิงเวลาที่ไม่ได้โกธ ก็หมายความว่าโกรธมากจริงๆ”
“ประธานเย่นี่รู้เยอะจริงๆ” มู่เวยเวยพูดถากถางเขา
“ดูสิดู เธอเรียกฉันว่าประธานเย่ยังบอกว่าไม่โกรธอีก?” เย่ฉ่าวเฉินจับคางของเธอเงยขึ้น บังคับให้เธอมองเขา พูดอย่างอบอุ่นว่า”ฉันไม่ได้โกรธอะไรเธอเลย ความโกรธของเธอมาจากไหนกัน?”
“คุณรู้ตัวเอง”
เธอรำคาญที่เขาไม่หยุดตรวจสอบเธอสงสัยในตัวเธอ ทุกที่ทุกเวลาจำใจต้องทำให้เขาสติแตกกดดัน
“ช่วงนี้ฉันทำเรื่องอะไรที่ทำให้เธอโกรธไหม?” เย่ฉ่าวเฉินคิดอย่างละเอียดแล้วถาม”ไม่มีนะ ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็บอกฉันให้ชัดเจน สรุปฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจ?”
มู่เวยเวยโมโหจ้องเขาเขม็ง รู้ว่าเขาเข้าใจแต่แกล้งทำเป็นเลอะเทอะ แต่ทว่าว่าตัวเองไม่สามารถทำให้แตกเผยออกมา หงุดหงิดจนต้องสะบัดแขนออกจากมือเขาพูดว่า”รำคาญจะตายอยู่แล้ว คุณไปเถอะๆ”
“พระเจ้า สองวันก่อนหน้านี้เธอยังบอกว่าชอบฉัน ครั้งนี้ทำไมรำคาญแล้ว ผู้หญิงอย่างพวกเธอความคิดจิตใจเปลี่ยนเร็วมาก”
มู่เวยเวยถูกเขาทำให้หัวเราะออกมา “เธอพูดถูก ผู้หญิงก็เป็นอย่างนี้ คุณรีบไปเถอะ เพื่อหลีกเลี่ยงพี่ชายฉันถามอย่างนั้นอย่างนี้”
มู่เวยเวยผลักเขาไปทางบันได แต่ทว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่ยอมแพ้ “ฉู่เชวียนวันนี้พักที่โรงพยาบาล ตอนเย็นนี้ฉันจะไปหาเธอที่โรงแรม เอาอย่างนี้ไหมฉันจะรอเธออยู่หน้าทางเข้าโรงพยาบาล รอประธานถังมา เธอก็ไปรับประทานอาหารกับฉัน ”
มู่เวยเวยอยากตอบตกลง แต่เธอก็คิดว่าวันนี้เธอควรที่จะถอดหน้ากาก แต่ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นเธอต้องใช้คำพูดปฏิเสธเขาอย่างจริงจัง “พี่ชายฉันยังพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ฉันไม่มีเวลาดูแลจิตใจคุณสักนิดหนึ่ง รอเขาออกจากโรงพยาบาล ฉันจะโทรหาคุณนะ”
เย่ฉ่าวเฉินแสดงสีหน้าอย่างผิดหวัง “อย่างนั้นแล้วเธออยู่คนเดียวไม่กลัวเหรอ?”
“ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่แล้ว โรงแรมก็มีผู้รักษาความปลอดภัย”
“ถ้าอย่างนั้นอีกสักพักเธอจะกลับโรงแรมอย่างไร?ต้องให้ฉันมารับไหม? ”
มู่เวยเวยมีความรู้สึกว่ารับไม่ได้ที่เขาเซ้าซี้ แต่ทว่าก็ยังจัดการกับจิตใจได้”ไม่ต้อง มีรถของบริษัท”
“อย่างนั้นก็ดี เธออยู่คนเดียวตอนกลางคืนล็อคประตูดีๆ มีอะไรโทรหาฉัน”
“รู้แล้ว——อีกนิดหนึ่งคุณจะเป็นพ่อฉันแล้ว ”
เย่ฉ่าวเฉินจับที่หน้าเธอหยอกล้อเหมือนลงโทษ หลังจากนั้นก็หมุนตัวลงบันไดไป
มู่เวยเวยมองส่งเขาลงบันได ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปไกล ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมายาวๆ
ผู้ชายแสดงความรู้สึกออกมา น่ากลัวมากจริงๆ
กลับถึงห้องพักฟื้น ถังซื่อเซวียนก็มาถึงแล้ว ยังนำโทรศัพท์กับโน๊ตบุ๊คของฉู่เซวียนมาด้วย ถังซื่อเซวียนกังวลเรื่องสุขภาพของเขา เกลี้ยกล่อมเขา “ประธานฉู่ ช่วงนี้งานก็ไม่ได้เร่งรีบ คุณพักผ่อนรักษาสุขภาพก่อน ไม่ต้องทำงานแล้ว”
ฉู่เซวียนที่พิงหลังที่หัวเตียงใช้มือเลื่อนโทรศัพท์อยู่ ศีรษะก็ไม่เงยขึ้น “ให้คุณเอาโน๊ตบุ๊คมาเผื่อว่าไม่แน่อาจจะมีเรื่องด่วนเกิดขึ้น ไม่แน่นอนว่าจะได้ใช้”
ถังซื่อเซวียนได้ยินเขาพูดอย่างนั้น ก็วางใจลง
นึกถึงครั้งก่อนหน้าที่นัดประชุมตอนรุ่งเช้าและประชุมไม่เสร็จ ฉู่เซวียนเงยศีรษะขึ้นมาถามว่า “การจัดเสนอราคาสินค้าทางนั้นจัดการเรียบร้อยไหม?”
“เดิมทีผมต้องการจัดการให้เขาพักที่เมืองAสองวัน รอคุณออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยคุย แต่ว่าพวกเขาบอกว่าไม่มีเวลา จึงได้นัดสองวันหลังจากนั้นค่อยมา”
“ได้ อย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อน ” ฉู่เซวียนมองมู่เวยเวยที่เดินเข้ามา พูดกับเธอว่า”เธออยู่ที่นี่มาแล้วหนึ่งวัน กลับไปพักผ่อนเถอะ มีถังซื่อเซวียนอยู่ที่นี่แล้ว”
พูดตามความจริง วันนี้กลับไปกลับมามู่เวยเวยยังรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ ไม่พูดถึงเรื่องเมื่อเช้าที่ผันผวนแปลเปลี่ยนไม่แน่นอน พอมาตอนบ่ายเธอก็มองขวดน้ำเกลือแทนเขาตาไม่กระพริบก็ง่วงนอนแล้ว ก็ไม่มีคนคุยเป็นเพื่อนเธอ น่าเบื่อมากเลย
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปแล้วนะ พรุ่งนี้ตอนเช้าฉันจะมาเปลี่ยนกับประธานถัง” มู่เวยเวยพูดอย่างไม่เกรงใจ
ฉู่เซวียนนึกว่าเธอจะถ่อมตัวสักเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเธอจะตกลงทันที ในใจรู้สึกว่าโกรธอะไรขึ้นมาทันที
“รีบไป เห็นเธอแล้วไม่สบอารมณ์”
มู่เวยเวยระเบิด “เห้ย นี่คุณกินยาทำให้โมโหเหรอ ฉันยังไม่ได้ก่อกวนโมโหคุณเลย”
ฉู่เซวียนก็พบว่าเขาทำท่าทางอย่างนี้ไม่ถูกไม่ควร แต่ว่าเขาไม่ใช่คนยอมรับความผิดง่ายๆ ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์พูดเสียงเย็นชาต่อไปเรื่อยๆ
มู่เวยเวยถูกเขาโมโหใส่ยังไม่ทันได้ระบายก็เดินออกมา ขี้เกียจจะคุยกับเขา ถือกระเป๋าเดินเสียงดังกลับไปที่โรงแรม
รอมู่เวยเวยกลับไป ถังซื่อเซวียนอดทนอยู่นานถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ประธานฉู่ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากถามคุณ”
“ถามมา”
“ทำไมผมรู้สึกว่า ครั้งนี้ผมเจอคุณฉู่ กับเมื่อก่อน…..”
กำลังพูดถึงตรงนี้ ฉู่เซวียนก็เงยศีรษะขึ้นมาทันที สายตาเฉียบแหลมคมเหมือนมีดมองมาที่เขา พูดอย่างเคร่งขรึม “ถังซื่อเซวียน ไม่ควรมองก็ไม่ต้องมอง ไม่ควรรู้ก็ไม่ต้องถามมามั่วๆ”
ถังซื่อเซวียนหน้าแดง เขาคิดว่าในนี้ต้องมีเรื่องอะไรที่ผิดปกติ แต่ว่าฉู่เซวียนที่เป็นคนตระกูลฉู่คนนี้ไม่ได้พูดอะไร เขาเป็นแค่ลูกน้องจะยุ่งเรื่องไรสาระทำไม?
ระหว่างทางกลับโรงแรม มู่เวยเวยยิ่งคิดยิ่งโมโห ฉู่เซวียนคนนี้สมองมีปัญหาผิดปกติ พูดคำแปลกประหลาดอย่างนั้นออกมา ถ้าหากว่าไม่เห็นว่าเขาเป็นคนป่วย เธอจะต้องเถียงกับเขาให้ถึงที่สุด แต่ว่าพอกลับมาคิดดูเขาก็กลบเกลื่อนคำโกหกต่อหน้าเย่ฉ่าวเฉินแทนเธอ เรื่องนี้เธอก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยแล้ว
เมื่อคืนนอนหลับสบายๆไปหนึ่งคืน เธอตื่นแต่เช้าเพราะว่าเธอรู้ว่าถังซื่อเซวียนต้องไปทำงาน เธอก็ไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารโรงแรม ห่ออาหารที่ย่อยง่ายๆไปให้ฉู่เซวียนที่โรงพยาบาล
เพิ่งจะเดินถึงหน้าประตูโรงพยาบาล ก็มองเห็นหมอกับพยาบาลจำนวนมากที่กำลังเดินราวน์วอร์ด และอีกอย่างส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง นี่คือห้องพักผู้ป่วยพิเศษ โชคดีที่สามารถยืนได้หลายคน
ฉู่เซวียนเป็นคนที่มาจากฮ่องกง คนที่เมืองAเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นก็ดูแลเขาเหมือนเป็นเจ้าชายที่ร่ำรวยคนหนึ่ง รวมๆแล้วก็ไม่ได้หวาดกลัวเท่าไหร่ ฉู่เซวียนก็ไม่อยากให้สถานะตัวเองหลุดออกไป การปลูกฝังที่ดีก็ไม่สามารถทำให้เขาด่าคนพวกนี้ออกไปได้ ก็เลยต้องจำใจอดทนให้ผู้หญิงเหล่านี้ชื่นชมเขา
“คุณฉู่ อาการของคุณฟื้นตัวได้ไม่เลว แนะนำว่าให้คุณพักฟื้นที่นี่อีกหนึ่งวัน รักษาเสร็จโดยสิ้นเชิงแล้วค่อยออกจากโรงพยาบาล”
“ไม่ต้องแล้ว ตอนบ่ายนี้ผมจำเป็นต้องออกแล้ว ” ในที่สุดฉู่เซวียนก็เริ่มพูดขึ้นมา
“แต่ว่า…. ” หมอมองดูท่าทางแน่วแน่ของเขา ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“คุณฉู่ ตอนเช้าคุณอยากรับประทานอะไร? ต้องระวัง รสเผ็ดยังไม่สามารถรับประทานได้ ” มีพยาบาลคนหนึ่งพูดอย่างใจกล้ากำชับเขา
ฉู่เซวียนสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้พูดอะไรออกมา มีแค่ถังซื่อเซวียนที่อยู่ด้านข้างผงกศีรษะ “ครับๆ จำได้แล้ว”
“ต้องพักผ่อนเยอะๆ งานก็หยุดก่อน ร่างกายสำคัญต้องดูแล” พยาบาลอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
มู่เวยเวยหิ้วกล่องข้าวรออยู่ด้านนอกหลายนาที ฟังการเอาใจใส่ของพยาบาลพอแล้ว ก็ยกเท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาในห้อง สายตาของทุกคนโฟกัสเป็นจุดเดียวมองมา
เมื่อวานพยาบาลสาวเห็นมู่เวยเวยดูแลคนหล่อคนนี้ไม่ห่างเลย ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกัน คาดไม่ถึงว่าวันนี้ก็มาอีก สายตาจำนวนไม่น้อยมองเธออย่างเจาะลึก
มู่เวยเวยไม่อยากได้รับความระแวงที่มากมายอย่างนี้ ยิ้มออกไป แล้วยิ้มอีกให้หมอกับพยาบาล หลังจากนั้นก็พูดเสียงดังแสดงตัวตน “พี่ชาย ฉันห่ออาหารเช้าจากโรงแรมมาให้”
ที่แท้ก็คือพี่น้องกัน
ฉู่เซวียนก็ร้นรนใจอยากทำให้คนเหล่านี้ออกไป พูดทันทีว่า”รีบเอามา เมื่อวานฉันยังไม่ได้รับประทานอะไรเลย ตอนนี้หิวจะตายแล้ว”
ถังซื่อเซวียนได้ยินคำนั้น รีบกางโต๊ะอาหารเล็กๆออก
หมอและพยาบาลอยู่รู้สึกว่าไม่ดีที่จะมายืนดูคนอื่นรับประทานอาหาร แต่ละคนก็ค่อยๆถอยออกไปจากห้องนั้น
“ฉันมารบกวนพวกเขาที่กำลังชื่นชม พวกเขาคงไม่เกลียดฉันหรอกนะ” มู่เวยเวยหัวเราะคิกๆ
ฉู่เซวียนเงยศีรษะมองเธอ เห็นเธอยิ้มหัวเราะอย่างสดใส คล้ายกับลืมแล้วว่าเมื่อวานนี้ทะเลาะกัน
ถังซื่อเซวียนรีบพูดขึ้นว่า “โชคดีที่คุณฉู่มา พวกเขายืนอยู่ที่นี่สิบกว่านาทีเลย แต่ละคนอยากจะโผเข้ามาวัดความดันวัดอุณหภูมิให้ประธานฉู่ ท่าทางนั้น จุ๊ๆ…….”
“ถังซื่อเซวียน นายเบื่อที่จะทำงานไหม?” ฉู่เซวียนพูดน้ำเสียงเย็นชา
ถังซื่อเซวียนหยุดพูดทันที ยิ้มแหยๆให้มู่เวยเวย หลังจากนั้นพูดว่า “ผมไปทำงานแล้วนะ ประธานฉู่ให้คุณดูแล ตอนบ่ายผมจะมาทำเรื่องเอกสารออกจากโรงพยาบาล”
ถังซื่อเซวียนออกไปจากห้องพักผู้ป่วย มู่เวยเวยก็นำอาหารเช้าที่ห่อมาออกมาจัดวางไว้บนโต๊ะ ซาลาเปา โจ๊ก ไข่ต้ม และผักอีกไม่กี่อย่าง
“เธอ….ไม่โกรธเหรอ?” ฉู่เซวียนอดไม่ได้เริ่มถามเธอ
มู่เวยเวยจงใจถาม”โกรธอะไร?”
“เมื่อวานตอนบ่าย…..”
“อ้อ ที่คุณบอกว่ามองเห็นฉันแล้วไม่สบอารมณ์เหรอ ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรฉันมองคุณก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ ” มู่เวยเวยพูดอย่างไม่สนใจอะไร
ฉู่เซวียนยิ่งสงสัยมากขึ้น เขาไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดอะไรต่อเธอใช่ไหม ตรงกันข้ามเขายังยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องเล็กๆของเธอ
มู่เวยเวยจ้องตาเขาแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณได้รับการไหว้วานมาเมืองAเพื่อยืนยันตัวตนของฉัน ชัดเจนว่าคุณกับชายที่ใส่หน้ากากเงินคนนั้นรู้จักกัน คนสารเลวคนนั้นใช้ลูกบีบให้ฉันต้องช่วยเขา ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขาฉันไม่ชอบ คุณคิดว่าฉันมองเขาแล้วจะถูกในสายตาเหรอ และอีกอย่าง ถ้าหากว่าฉันเอาเรื่องไม่ดีห่วยแตกเมื่อวานตอนบ่ายมาใส่ใจ เทียบไม่ได้ว่าฉันตายไปแล้วกี่มีครั้ง”
ฉู่เซวียนได้ฟังอยู่เงียบๆไม่พูดอะไรออกมา รวมไปถึงอาหารรสเลิศที่อยู่บนโต๊ะยังไม่อยากรับประทาน
ครั้งแรกที่ได้ยินเธอพูดถึงผู้ชายใส่หน้ากากเงินคือตอนที่อยู่โรงแรม เธอกำลังถามเขา ตอนนั้นอารมณ์ของเขาไม่ค่อยดี คิดแค้นกลับไปรวมแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะว่าในกลุ่มเพื่อนของเขาแท้จริงก็ไม่ได้มีคนอย่างนั้น ในเวลานี้ก็ได้ยินเธอพูดถึงเขาขึ้นมาอีก คนที่เธอเก็บไว้ในใจไม่เปิดเผยออกมาที่แท้ก็คือเขา
เพราะว่ามีเช้าวั้นหนึ่งการอารัมภบท หลังจากที่ใกล้ชิดกันมีบางอย่างที่ไม่สบอารมณ์ ดีที่มู่เวยเวยช่วยเหลือเขา
ไม่มาก เช่นดูน้ำเกลือแล้วเรียกพยายาล เทน้ำร้อนใส่แก้วประเภทนี้
หลังจากที่ให้น้ำเกลือเสร็จหกขวด หมอก็ได้มาตรวจอีกครั้งหนึ่งก็ยังพูดว่าพักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคืนค่อนข้างปลอดภัย แต่ทว่าฉู่เซวียนไม่อยากพักที่นี่อีกหนึ่งคืนแล้ว ถึงแม้จะเป็นห้องพิเศษ ในอากาศมีกลิ่นยาฆ่าเชื้อ
ที่ลอยอยู่ เขาไม่ชอบมาก
มู่เวยเวยมองหมอที่ดูจนปัญญา แล้วถามว่า “หมอ เขาอาการอย่างนี้ จำเป็นจะต้องพักอีกหนึ่งคืนใช่ไหม?”
คำพูดสาวสวย ทุกคนก็ยินดีตอบข้อสงสัย โดยเฉพาะสาวสวยอย่างมู่เวยเวยที่มองดูแล้วได้รับการอบรมมาดี
“อ้อ ก็ไม่จำเป็นต้องพักอีกหนึ่งคืนหรอก ก็แค่ถ้าพักอีกหนึ่งคืนจะยิ่งปลอดภัยมากกว่า ตอนนี้ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเขายังอ่อนแอ ผมกลัวว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว จำทำให้ไข้ขึ้นอีกครั้ง ถึงเวลาก็น่าเวทนาแล้ว”
พอมู่เวยเวยได้ฟังแล้ว อย่างนี้ไม่ได้ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับเธอ ถ้าหากเขาป่วยแล้วเข้าโรงพยาบาลอีก เรื่องไปถึงหูตระกูลฉู่ จัดการเธอไม่เป็นไร หันกลับไปทำร้ายลูกของเธอจะทำอย่างไร?
คิดแล้วคิดอีก หมุนตัวกลับไปหาฉู่เซวียนพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็พักอีกสักหนึ่งคืน”
ฉู่เซวียนจ้องเธอเขม็ง หันศีรษะกลับไปไม่พูดอะไรอีก
มู่เวยเวยวางตัวไม่ถูกเก้อเขิน ทันใดนั้นในใจก็คิดว่า ไม่ว่าหมอจะอยู่หรือไม่อยู่สถานที่ เอื้อมมือจับที่แขนของเขาไว้ ใช้น้ำเสียงออดอ้อนพูดว่า “พี่ชาย คุณก็พักอีกหนึ่งคืนนะ”
ได้ยินเสียงเรียกว่าพี่ชายนั้นซ้ำวนไปวนมา ยิ่งพูดคำนั้นร่างกายของฉู่เซวียนยิ่งชา หันศีรษะกลับมาจ้องมองมู่เวยเวยด้วยสายตาดุร้าย
“ พี่ชาย อยู่ในโรงพยาบาลก็ต้องฟังที่หมอพูด ก็พักอีกสักหนึ่งคืน ดีไหมๆ “ มู่เวยเวยพูดด้วยน้ำเสียงเล็ก น้ำเสียงน่ารักออดอ้อนทำให้หมอที่ยืนอยู่ด้านข้างมีอาการขาอ่อนแรงทั้งสองข้าง
ฉู่เซวียนถูกเธอทำให้สั่นคลอนเวียนศีรษะ แต่ทว่าในใจชัดเจนแล้ว ยังคงปฏิเสธเหมือนเดิม“ฉันไม่อยากพักที่นี่ ในโรงพยาบาลน่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว ขนาดสัญญาณอินเตอร์เน็ตยังไม่มี ฉันอยากจะค้นหาอะไรก็ไม่ได้เลย”
มู่เวยเวยพบเจอต้นตอแล้ว รีบพูดว่า “ที่แท้คุณเกรงว่าจะเบื่อ ถ้าอย่างนั้นตอนเย็นฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุยกับคุณ”
“โอเค” ฉู่เซวียนพูดออกมา เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงตอบตกลงอย่าง่ายดาย หลังจากพูดคำนี้เขาก็มึนงงไปสักพักหนึ่ง ปิดปากเงียบไปทันที
มู่เวยเวยได้ยินคำว่า “โอเค”ยังคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป มองท่าทางที่หงุดหงิดใจของฉู่เซวียน แล้วหัวเราะฮ่าๆๆๆ พูดกับหมอว่า“โอเคแล้ว ตอนบ่ายนี้พวกเราไม่ไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะพักอีกหนึ่งคืน”
หมอดีใจกับคำตอบที่ได้รับ เดินออกไปด้วยความพึงพอใจ
ในห้องพักฟื้นผู้ป่วยเหลืออยู่สองคน รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของมู่เวยเวยก็เปลื่ยนเป็นสีหน้าปลิ้นปล้อน เธอมองเขาอย่างมีเลศนัยพูดว่าแล้วพูดว่า “ ฉู่เซวียน คุณไม่ต้องไปไหนรอฉันที่นี่ก่อนนะ”
ฉู่เซวียนก็ไม่ได้โต้แย้ง อย่างไรก็ตามต้องคิดให้รอบคอบก่อน
“ฉันไม่มีอะไร แต่เป็นเธอที่บอกว่าตอนเย็นนี้จะอยู่เป็นเพื่อนคุยเรื่องตลกให้ฉันฟัง ทำไมฉันต้องปฏิเสธ?”
มู่เวยเวยพูดด้วยเสียงกลุ้มใจ แล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางด้านนอก ฉู่เซวียนเรียกให้เธอหยุด “เธอจะไปไหน?”
“ไปซื้อหนังสือเด็กสักเล่ม ฉันไม่สามารถกุเรื่องตลกออกมาได้หรอกนะ” มู่เวยเวยพูด
“เธอโง่จริง ในโทรศัพท์ก็มี แค่กดค้นหาก็เจอทั้งหมดแล้ว ยังต้องซื้ออีกเหรอ?“
มู่เวยเวยชะงักฝีเท้า หมุนตัวกลับมามองฉู่เซวียน “พวกคุณทำธุรกิจก็หน้าเนื้อใจเสืออย่างนี้?”
ฉู่เซวียนผายมือทั้งสองข้าง “ ฉันคิดว่าตอนนี้ก็จิตใจดีตรงไปตรงมามากพอแล้ว”
มู่เวยเวยตอบเขากลับมาเพียงแค่ “เหอะๆ” ในเวลาเดียวกันโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบออกมาดู ด้านบนปรากฏชื่อของเย่ฉ่าวเฉินสามคำ เดินออกไปด้านนอก พร้อมกับรับโทรศัพท์เขา
“ฮัลโหล?”
“ฉู่เหยียน ฉู่เซวียนเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ฟื้นตัวก็ดีขึ้น “ ตอนนี้ก็เย้าหยอกคนได้แล้ว แน่นอนว่าดีมาก
“ไม่ใช่ว่าตอนบ่ายจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว?ต้องการให้ฉันไปช่วยอะไรไหม?”
“ ตอนนี้ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล หมอบอกว่าให้พักฟื้นอีกหนึ่งคืน พรุ่งนี้ค่อยออกจากโรงพยาบาล”
“อ้อ~” เย่ฉ่าวเฉินชะงักไปพักหนึ่ง “ ถ้าอย่างนั้นเลิกงานแล้วฉันจะไปรับเธอไปรับประทานอาหาร หลังจากนั้นจะส่งเธอกลับโรงแรม”
มู่เวยเวยพูดอย่างไม่ได้คิดอะไร “วันนี้ฉันไม่กลับโรงแรมแล้ว พี่ชายฉันบอกว่าอยู่คนเดียวมันน่าเบื่อ ตอนกลางคืนเขาให้ฉันอยู่ที่นี้เป็นเพื่อนเขาเพื่อเล่าเรื่องตลก“
คำพูดนี้ออกมา เย่ฉ่าวเฉินชะงักไป นานมากก็ไม่พูดอะไรออกมา
“ฮัลโหล? เย่ฉ่าวเฉิน คุณยังฟังอยู่ไหม?”
“ฉู่เหยียน ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นพี่น้องกัน ถึงอย่างไรก็โตแล้ว เหมาะสมไหม?” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเคร่งขรึม
มู่เวยเวยก็ชะงักไป เมื้อกี้ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึงสิ่งเหล่านี้เลย? อีกทั้งเธอไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แต่ว่ากับเย่ฉ่าวเฉิน เธอไม่สามารถพูดออกมาอย่างนี้
“เย่ฉ่าวเฉิน คุณคิดอะไรเหรอ? ฉู่เซวียนเป็นพี่ชายแท้ๆของฉัน ฉันเป็นคนทำให้เขาเข้าโรงพยาบาล แน่นอนว่าฉันไม่สามารถนิ่งเฉยได้ อีกอย่างตอนกลางคืนห้องพักก็มีเตียงสำหรับคนเฝ้า ก็ไม่ใช่……” มู่เวยเวยพูดแค่ครึ่งประโยคก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“ถ้าอย่างนั้นตอนกลางคืนฉันมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
“ห้ะ?”มู่เวยเวยอ้าปากเหวอ รู้สึกว่าแย่แล้ว “คุณจะมาทำอะไร?”
“เธอต้องการอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายของเธอ ฉันก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนของเธอ ทำไมถึงจะไม่ได้เหรอ? ฉันตัดสินใจแล้ว ตอนกลางคืนพบกัน” พูดจบ เย่ฉ่าวเฉินวางสายอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าอะไรก็ตามเขาจะปล่อยให้ภรรยาของเขาไปอยู่เป็นเพื่อนผู้ชายอีกคนตอนกลางคืนได้อย่างไร เขาก็ไม่ได้มีคำพูดข้อเรียกร้องที่ขอเธอหย่า พูดแล้ว นี่คือกำลังบอกฉู่เหยียน เขาก็ยังสงสัยเธอ
มู่เวยเวยถือโทรศัพท์ยืนใจลอยอยู่ รอสักพักหนึ่งถึงมีปฏิกิริยาตอบกลับมา เดินเข้ามาห้องพักฟื้น
ฉู่เซวียนเห็นสีหน้าฝืนกล้ำกลืนของเธอ ถามเธอว่า “เกิดเรื่องอะไร?”
“เย่ฉ่าวเฉินบอกว่าตอนเย็นเขาก็จะมาที่นี่”
“ห้ะ?” ฉู่เซวียนตกใจไปพักใหญ่ หลังจากนั้นหัวเราะเสียงดัง “โอ้โฮ ฉันตลกจะตายแล้ว ฉันตลกจะตายแล้ว มู่เวยเวย นี่เขาไม่วางใจฉันเหรอ เขาก็ไม่คิดดู หน้าตาเธอคือฉู่เหยียน ฉันจะทำอะไรได้? ฮ่าๆๆๆ……..”
ฉู่เซวียนกุมท้องหัวเราะอยู่บนเตียงเหมือนคนบ้า หัวเราะพอแล้วก็พูอต่อเนื่องว่า”เธอให้เขามา นี่ถึงดูมีความหมาย อย่างนั้นตอนกลางคืนฉันก็มีอะไรเล่น”
มู่เวยเวยมองหน้าเขาที่หัวเราะมีความสุขกับหายนะของคนอื่น จ้องเขม็งใส่เขา”เล่นบ้าอะไร มีอะไรให้สนุก?”
ฉู่เซวียนเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากการหัวเราะ ยืดศีรษะมองที่หน้าประตูหลับตาลง แล้วค่อยพูดว่า”มู่เวยเวย เธอควรที่จะรู้สึกมีความสุขนะ เธอคิดดู เขามาที่โรงพยาบาลอยู่เป็นเพื่อนเธอก็ประจวบเหมาะแสดงว่าเขาสนใจเธอ ถ้าหากอะไรเขาก็ไม่พูด อะไรก็ไม่สนใจ เธอถึงจะต้องกังวลใจกับสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ ดูเหมือนว่าช่วงที่ผ่านมาเธอจะทำงานได้ถูกจุดแล้ว”
มู่เวยเวยผงกศีรษะอย่างไม่ได้ใส่ใจ เธอไม่คิดและไม่มีอะไรที่จะต้องอธิบาย ที่จริงไม่ใช่เพราะว่าเธอทำงานได้ถูกจุด แต่ความเป็นเวยเวยของเธอมันมีรอยแผลเป็นที่ลึก
“พอแล้ว อย่าทำหน้าซึมเศร้าเลย” ฉู่เซวียนอารมณ์ดี คาดไม่ถึงว่าจะเริ่มช่วยเธอคิดวิธีการ “เอาอย่างนี้ไหม ฉันจะวางแผนการลักพาตัว ก็คือเธอถูกลักพาตัว โกหกเขา ให้เขาเอาของชิ้นนั้นออกมาแลก ในใจของเขาเธอเป็นคนสำคัญ ไม่แน่เขาก็ตอบตกลงแล้ว”
มู่เวยเวยผงกศีรษะ “ไม่มีทาง เขาไม่มีทางตกลง ฉันยังไม่ได้สำคัญถึงจุดนั้น”
ยังไม่พูดถึงในใจเขามู่เวยเวยสามารถหรือไม่สามารถเปรียบเทียบกับภาพที่ล้ำค่านั้น การลักพาตัวนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะว่าเย่ฉ่าวเฉินมีการทำงานที่พิเศษ มีความสะเพร่าอยู่เล็กน้อย ก็ถูกเขาค้นพบในที่ลึกลับ ผจญภัยเกินไปแล้ว
เดิมทีฉู่เซวียนก็พูดติดตลกไม่ได้อะไร มองเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของฉู่เหยียน ก็ยกเลิกความคิดนี้ไป เริ่มต้นตั้งใจคิด รอเย่ฉ่าวเฉินมา เขาจะทำอย่างไรให้ผู้บริหารเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปลำบากใจ
รับประทานอาหารเสร็จ ฉู่เซวียนไล่ถังซื่อเซวียนกลับไป เขาอยู่ที่นี่เย่ฉ่าวเฉินเห็นก็ต้องลากมู่เวยเวยไปแน่นอน อย่างนั้นจะเล่นอะไรได้?
ตอนดึกเวลาสองทุ่มกว่า ฉู่เซวียนกับมู่เวยเวยคุยกันบ้างไม่คุยกันบ้าง ในที่สุดเย่ฉ่าวเฉินก็มาแล้ว สีหน้าเรียบเฉย มืออีกหิ้วถือกระเป๋าโน๊ตบุ๊ค มืออีกข้างถือผลไม้
“ประธานเย่มาแล้ว?”ฉู่เซวียนทักทายอย่างมีมิตรไมตรี
เย่ฉ่าวเฉินกวาดมองมู่เวยเวยที่นั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้ายิ้มออกมา “อืม ผมว่าวันนี้ประธานฉู่มีชีวิตชีวาดี”
“ก็ได้อยู่ ที่จริงวันนี้ตอนบ่ายผมต้องออกจากโรงพยาบาล แต่ว่าหมอไม่เห็นด้วย ” ฉู่เซวียนหันศีรษะกลับไปมองฉู่เหยียน “อาเหยียน ยังไม่เชิญประธานเย่นั่งอีก เสียมารยาทแล้ว”
มู่เวยเวยคิดในใจ แผนของคุณเยอะจริงๆ ลุกขึ้นยืนเดินไปข้างหน้าเย่ฉ่าวเฉินพูดว่า “ประธานเย่ คุณไปนั่งเถอะ”
“ไม่ต้อง “ในใจของเย่ฉ่าวเฉินกักเก็บความโกรธไว้ ก็หมุนตัวกลับไปทางฉู่เซวียน “ประธานฉู่ ผมได้ยินฉู่เหยียนพูดว่า คืนนี้เธอต้องอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณ ถังซื่อเซวียนล่ะ?”
“อ้อ มีธุระด่วน ตอนบ่ายผมให้เขากลับฮ่องกง”ฉู่เซวียนพูดโกหกอย่างไม่ละอาย
“ถ้าอย่างนั้นแล้วลูกน้องคนอื่น?”
“พวกเขาเป็นแค่พนักงานของบริษัท หลังพวกเขาที่ทำงานยุ่งทั้งวัน ผมไม่มีสิทธิที่จะบอกพวกเขาให้มาโรงพยาบาลทำOT พวกเขาสามารถที่จะไปสหภาพแรงงานฟ้องร้องผม”
เย่ฉ่าวเฉินถูกเขาพูดยิ่งโมโห “อย่างนั้นคุณไม่เสียดายที่จะให้ฉู่เหยียนอดหลับอดนอน?เธอเป็นแค่ผู้หญิง”
“ประธานเย่ ดูเหมือนว่าคุณจะใส่ใจน้องสาวของผมนะ”ในสายตาของฉู่เซวียนยิ้มเย็น
เย่ฉ่าวเฉินหันศีรษะกลับไปมองมู่เวยเวยที่โยกศีรษะอยู่ นึกถึงคำพูดวันนั้นตอนเย็นที่ห้องส่วนตัว ก็ไม่อยากให้เธอลำบาก จำใจต้องพูดว่า”ช่วงนี้ผมได้ใกล้ชิดกับน้องสาวของคุณ รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดี ก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เธอเคยช่วยเหลือผมหลายครั้ง ผมก็ต้องทำเหมือนที่เธอทำกับผม แน่นอนว่าผมก็ต้องช่วยเธอ”
“เพราะฉะนั้น?”
“เพราะฉะนั้นคืนนี้ผมก็มาแล้ว “ในที่สุดเย่ฉ่าวเฉินก็วางผลไม้ในมือลง “ประธานฉู่ พวกเราเป็นคนฉลาด ทำไมจะต้องมีปริศนา ผมไม่เชื่อว่าฉู่เหยียนไม่ได้บอกคุณ เรื่องที่ผมจะมาคืนนี้”
“เธอบอกแล้ว แต่ว่าผมสงสัยในความบริสุทธิ์ใจของประธานเย่ เอาเถอะ ในเมื่อประธานเย่พูดว่าเพื่อน อย่างนั้นผมก็สามารถปิดตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง ” ฉู่เซวียนมองมู่เวยเวยด้วยความรักหัวเราะพูดว่า”ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็คิดเยอะ เรื่องความรักก็ไม่มีประสบการณ์ ผมที่เป็นพี่ชายเดิมทีก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างนั้นคืนนี้ก็ลำบากประธานเย่นอนที่โซฟาหนึ่งคืนแล้ว ก็กลัวคุณจะเบื่อ”
“ไม่เป็นไร โอกาสดีอย่างนี้ กำลังดีที่พวกเราจะได้คุยรายละเอียดปีกย่อยของโครงการ วันนั้นเพียงแค่อ่านคร่าวๆหนึ่งรอบ กลับไปก็ดื่มเหล้า ไม่ทันที่จะได้สอบถามความคิดเห็นของคุณ”