เย่ฉ่าวเฉินยังไม่ได้พูด แต่ทว่ามู่อี้เหยาทนไม่ไหวแล้ว “เธอด่าใคร?”
มู่เวยเวยยิ้มเยือกเย็นมองเธอ “ฉันพูดกับเย่ฉ่าวเฉิน คำไหนที่ด่าเธอ?”
“เธออย่าคิดว่าพูดจาเยาะเย้ยดูถูกแล้วฉันจะฟังไม่ออก”แต่ไหนแต่ไรมู่อี้เหยาไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ เมื่อก่อนอยู่ตระกูลมู่ก็ทะเลาะกับมู่เวยเวย ตอนนี้อยู่กับตระกูลฟางก็ทะเลาะกับลูกพี่ลูกน้อง ฝีปากฝึกมาตั้งนานแล้ว
เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเย่ฉ่าวเฉิน เธอลดตัวเองลงมาเป็นพนักงานทำความสะอาดที่เย่ฮวาง แต่ทว่าตอนนี้มีผู้หญิงยั่วยวนมีสเน่ห์น่าหลงใหลหนึ่งคน แล้วก็ยังชัดเจนว่าเย่ฉ่าวเฉินปฏิบัติต่อเธอแบบไม่ใช่คนทั่วไป เธอจะไม่โกรธได้อย่างไร?
มู่เวยเวยยิ้มออกมาอย่างสดใส ลูกพี่ลูกน้องคนนี้โตแค่อายุแต่อายุสมองไม่โต?
“ดูเหมือนว่าเธอจะจะรู้จักตัวเองดีพอ พาตัวเองมาอยู่ในมาตรฐานที่ต่ำ”
มู่อี้เหยาโกรธจนหน้าแดง ถ้าหากไม่ใช่มีเย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่ เธอจะต้องไปฉีกรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้
“เธอคิดว่าเธออยู่สูง? เธอก็เป็นแค่เมียน้อยของพี่เขยฉัน” มู่อี้เหยาขาดสติด่าเสียงดังขึ้นมากลางห้องโถง
“มู่อี้เหยา!” เย่ฉ่าวเฉินระเบิดเสียงดังออกมา
“หรือว่าไม่จริง? ใบหน้าผู้หญิงคนนี้ก็คือเมียน้อย ยังแกล้งทำเป็นน่าสงสาร พี่เขย คุณอย่าถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเธอมาหลอก ผู้หญิงประเภทนี้ทำเพื่อเงินของคุณ”
เย่ฉ่าวเฉินกัดฟัน เขาอยากเอาผู้หญิงคนนี้ออกไปทิ้งหน้าประตูบริษัท เธอสมองไม่พัฒนา?
แต่ทว่ามู่เวยเวยมองเธอเป็นเพียงแค่อากาศ”ดูเหมือนว่าฉันจำเป็นจะต้องแนะนำตัวเองแล้ว คุณผู้หญิงคะ ฉันเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฮ่องกงMK และตอนนี้ยังเป็นเพื่อนร่วมงานกันกับบริษัทเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป คุณพูดว่าฉันทำเพื่อเงินของเย่ฉ่าวเฉิน ต้องขอโทษจริงๆ มรดกของตระกูลฉู่ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเย่ฉ่าวเฉิน ฉันไม่ได้สนใจเงินของเขาแม้แต่นิดเดียว”
มู่อี้เหยาชะงักไป เธอรู้แค่ผิวเผินไม่เคยได้ยินชื่อของบริษัทฮ่องกงMK แต่แค่ฟังตระกูลฉู่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเย่ฉ่าวเฉิน ในใจเธอเสียงดังกึกไปพักหนึ่ง ยังคิดว่าเธอแค่หน้าตาสวยเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเบื้องหลังจะลึกเช่นนี้?
อย่างนั้นแล้วโอกาสที่จะชนะของเธอก็ยิ่งจะไม่มี?
“ยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?ยังไม่ไปทำงานอีก?” เย่ฉ่าวเฉินตะคอกใส่เธอ แต่ทว่าในใจกำลังคิด ต้องไปสอบถามกับฝ่ายธุรการที่ทำงานอยู่ฝ่ายหลัง พรุ่งนี้ต้องให้มู่อี้เหยาออกไป ข้ออ้างก็ไม่ต้องหา วันนี้มาทำงานเธอก็แส่หาเรื่องให้กับตัวเองแล้ว
เพิ่งจะมาทำงานวันแรกก็เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ให้เธออยู่ต่อไปก็ยังไม่รู้ว่าจะอย่างไรอีก
มู่อี้เหยากลืนความโมโหนี้ลงไป มองมู่เวยเวยด้วยสายตาเหมือนห้ำหั่น หลังจากนั้นก็เดินไปทางลิฟท์
หลังจากฉากนั้นจบไป กลุ่มคนที่มองอยู่ไกลๆก็สลายตัวออกจนหมด รวมถึงสาวน้อยที่อยู่หน้าFrontก็กลับมานั่งที่ของตัวเอง เหมือนไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้น
รอยหยักที่อ่อนโยนในใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินลดลง มองแล้วมองอีกที่แผลบริเวณแขนของเธอ พูดเบาๆว่า”ขึ้นไปเถอะ ที่ห้องทำงานของฉันมียาขี้ผึ้ง”
มู่เวยเวยแกล้งทำเป็นหน้ามุ่ยอย่างน่าสงสาร “เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมรุนแรงอย่างนี้ ชนคนแล้วยังจะมาโทษฉัน”
เย่ฉ่าวเฉินพาเธอเดินไปทางลิฟท์ ถอนหายใจออกมา “เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเวยเวย”
“อ้อ~มิน่าล่ะเรียกคุณว่าพี่เขย” มู่เวยเวยพูดเหมือนหึงหวง
“ความสัมพันธ์เธอกับเวยเวยก็ไม่ดี มากจนกระทั่งเป็นคู่อริกัน” อีกด้านก็พูด อีกด้านก็กดปุ่มลิฟท์
“อย่างนั้นแล้วคุณก็ยังให้เธอมาทำงานที่บริษัท?” คำนี้คือมู่เวยเวยถามแทนตัวเอง
เย่ฉ่าวเฉินยักไหล่ พูดอย่างไม่อะไรว่า”เมื่อวานมู่อี้เหยากับแม่ของเธอมาที่บริษัท ขอร้องให้ฉันจัดการเรื่องงานให้ ไม่อย่างนั้นก็เหลือแค่หิวจนอดตาย ผมก็เห็นว่าพวกเขาเคยเป็นญาติของเวยเวยก็เลยให้เข้ามาทำงานที่บริษัท”
มู่เวยเวยคิดเงียบๆ คุณป้าเป็นคนฉลาดหลักแหลมจะหิวอดตายได้อย่างไร เธอให้มู่อี้เหยามาทำงานที่บริษัท กลัวว่าจะไม่ใช่เรื่องดี ยังจะผลักลูกสาวให้เย่ฉ่าวเฉินอีก
“เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณพูดว่าเธอทำงานที่ฝ่ายธุรการที่อยู่ฝ่ายหลัง?ทำงานอะไร?” มู่เวยเวยถามอย่างประหลาดใจ
“ทำความสะอาด”
“ห้ะ?ทำความสะอาด?” มู่เวยเวยตกใจมาก มู่อี้เหยาเป็นคุณหนูประเภทที่ถูกตามใจ ผ้าห่มของตัวเองยังไม่ยอมเก็บ ให้เธอไปทำความสะอาด?
“อย่างนั้นก็ไม่มีวิธีแล้ว ฉันทำตามระเบียบของบริษัท ผู้จัดการฝ่ายบุคคลสัมภาษณ์ อะไรก็ไม่เข้าใจ ทำได้แค่เพียงการใช้แรงแล้ว ”
มู่เวยเวยเห็นด้วยกับคำพูดนี้ ตอนแรกมู่อี้เหยาเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนก็ใช้เงินจ่าย สามปีก่อนหน้านี้ มู่จางรุ่ยยังไม่ได้คุมอำนาจ ถึงแม้ว่าเขาอยากจะยัดเงินให้ลูกสาวเข้ามหาวิทยาลัยดีๆก็ไม่มีหนทาง
“ไม่ว่าอย่างไรก็เรียกคุณว่าพี่เขย คุณก็ให้เธอไปเป็นพนักงานเบื้องต้นของแผนกไหนก็ได้”
เย่ฉ่าวเฉินก้มศีรษะมองเธอลึกๆ พูดว่า”จุดมุ่งหมายที่เธอมาเย่ฮวางไม่ได้โง่ ฉันไม่สามารถให้โอกาสเธอ”
โอกาสอะไร เย่ฉ่าวเฉินไม่พูด มู่เวยเวยก็ได้ฟังแค่สิ่งนี้เพราะเขาไม่ยอมพูดออกมา
“อย่างนั้นคุณก็สามารถที่จะทำให้เธอออกไปจากบริษัทตรงๆเลย เสียแรงมากมายทำไม”
“วางใจ พรุ่งนี้เธอก็จะออกไปจากบริษัท อีกทั้งยังออกอย่างเปิดเผยชัดเจน”
มู่เวยเวยผ่อนคลายลง ในใจลึกๆของเธอคือเกลียดลูกพี่ลูกน้องคนนี้ อะไรก็แย่งไปจากเธอ อีกทั้งยังกลอุบายเลวทรามต่ำช้า เธอยังกลัวมู่อี้เหยาคิดแผนการณ์ที่จะพัวพันกับเย่ฉ่าวเฉิน
รักแรกถูกแย่ง นี่คือเงามืดในใจเธอ ถึงแม้ว่ารักแรกนั้นผู้ชายจะเลว
ถึงห้องทำงาน เย่ฉ่าวเฉินวางเอกสารวางบนโต๊ะ เอายาขี้ผึ้งหนึ่งขวดออกมาจากลิ้นชัก จูงมู่เวยเวยมานั่งลงบนโซฟา ทายาให้พร้อมกับถามว่า”เจ็บไหม?”
“ได้อยู่” มู่เวยเวยก้มศีรษะมองดู ยาขวดนี้หมอหานเป็นคนผลิต ไม่รู้ว่าเขาวางไว้ที่ห้องทำงานหนึ่งขวดตั้งแต่เมื่อไหร่
ยาทาที่บริเวณแขน เย็นๆรู้สึกสบายมาก
“ช่วงไม่กี่วันมานี้ทำไมเธอดูยุ่งๆ?ฉันนัดเธอไปรับประทานอาหารก็ไม่มีเวลา”
“พี่ลากให้ฉันเรียนทั้งวัน บอกลอยไปลอยมาแบบแปลนก็อ่านไม่เข้าใจ เดิมทีเช้าวันนี้ถังซื่อเซวียนต้องเป็นคนมาส่งเอกสาร ฉันแย่งเขามา”มู่เวยเวยพูดหัวเราะคิกคัก
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบตาขึ้น”ซู่เซวียนจะฝึกอบรมให้เธอเป็นผู้หญิงแกร่ง”
“ถึงอย่างไรก็เป็นธุรกิจของพวกเราตระกูลฉู่ ก็ต้องเข้าใจบ้างเล็กน้อย ไม่สามารถทำให้ตระกูลฉู่ขายหน้าได้”
“ฉู่เซวียนพูด?”
“ใช่สิ”
แขนสองข้างที่ได้รับบาดเจ็บทายาแล้ว เย่ฉ่าวเฉินก็ทาที่หัวเข่าให้อีก มู่เวยเวยรีบพูดว่า”หัวเข่าฉันทำเอง คุณไปทำงานเถอะ”
“ไม่เป็นไร ตอนเช้าเพิ่งจะมา งานไม่เยอะ”
มู่เวยเวยดื้อรั้นดึงดันไม่ได้ ก็ปล่อยให้เขาทำไป นึกถึงเรื่องที่ปรึกษากับฉู่เซวียนขึ้นมาได้ พูดอย่างระแวดระวังว่า”ฉ่าวเฉิน ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องหนึ่งเรื่อง”
เย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอที่พูดอย่างจริงจัง เย่ฉ่าวเฉินเงยศีรษะมองเธออัตโนมัติ พูดว่า”เธอกับฉันต้องขอร้องด้วยเหรอ? พูดเถอะ เพียงแค่ฉันสามารถช่วยได้ ฉันไม่มีทางบอกปัด”
“คืออย่างนี้นะ พวกเราMKกับพวกคุณเย่ฮวางลงทุนสร้างสวนสนุกด้วยกันเป็นการมาลงทุนโครงการแรกที่จีนแผ่นดินใหญ่ แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรก แต่ทว่าไม่มีทางเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปพวกเราจะมาลงทุนที่นี่เพิ่มมากขึ้น แต่ที่น่าเสียดายก็คือพวกเรารู้จักคนที่นี่น้อยเกินไป และก็ไม่มีเส้นสาย เพราะฉะนั้น ฉันอยากให้คุณช่วยสร้างสัมพันธ์ให้พวกเรา ” คำพูดนี้ฉู่เซวียนเป็นคนสอนมู่เวยเวย เธอตั้งใจท่องจำอยู่หลายรอบ
เย่ฉ่าวเฉินฟังก็เข้าใจแล้ว อีกด้านก็ตั้งใจทายา อีกด้านก็ยิ้มพูดว่า”นี่คือฉู่เซวียนสั่งให้เธอมาพูด”
มู่เวยเวยยิ้ม “ไม่เคยปิดบังคุณได้เลย พี่ชายฉันเป็นนกยูงที่ทะนงตัว แน่นอนว่าไม่ลดอีโก้ลงจากหน้าหรอก เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นฉันมาพูด”
เย่ฉ่าวเฉินยิ้ม คำอุปมานี้ของเธอถูกต้อง ซู่เซวียนก็แค่นกยูงหนึ่งตัว
“ว่าอย่างไร” มู่เวยเวยผลักที่ไหล่เขาเบาๆ คำพูดอ่อนหวานนุ่นนวล
“ไม่มีปัญหา พวกคุณอยากผ่านในรูปแบบไหน”
มู่เวยเวยเห็นเขาสัญญา ที่อึดอัดอยู่ในใจก็เปลี่ยนเป็นใจชื้นขึ้นมา ยิ้มเล็กน้อยพูดว่า”อาจจะเชิญแขกรับประทานอาหาร ไม่อย่างนั้นก็จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านคุณ เชิญคนที่มีชื่อเสียงในเมืองAมา ถึงเวลานั้นคุณแนะนำพี่ชายฉันให้รู้จักก็พอ อย่างอื่นก็ไม่ต้องเป็นห่วง แน่นอนว่าเงินพวกเราจะเป็นคนจัดการจ่ายเอง”
เย่ฉ่าวเฉินฟังถึงคำสุดท้าย ขมวดคิ้วมองที่เธอ สายตารู้สึกไม่พอใจ”เงินเล็กน้อยฉันเย่ฉ่าวเฉินควักได้ แต่ว่า….เชิญแขกก็จะต้องมีข้ออ้างสิ”
“วันเกิดของคุณคือเมื่อไหร่?” มู่เวยเวยถาม เธอไม่รู้วันเกิดเขาจริงๆ
“เดือนสาม ผ่านไปตั้งนานแล้ว” ในระหว่างที่พูด เย่ฉ่าวเฉินได้เช็ดแผลทั้งหมดเสร็จแล้ว “ช่างเถอะ เรื่องนี้ฉันคิดเอง ถึงเวลาจะโทรไปบอกเธอเอง แต่ว่า ช่วงนี้ยังไม่ต้องใส่กระโปรงนะ”
มู่เวยเวยแปลกใจ “ทำไมถึงไม่สามารถใส่กระโปรงได้?”
เย่ฉ่าวเฉินแสยะปาก ชี้ไปที่หัวเข่าของเธอ “ถึงแม้ว่ายานี้จะเป็นยาหมุนเวียนเลือดสลายคั่ง แต่ไม่ใช่ยาที่รักษาได้ทุกอย่าง ที่สามารถกำจัดรอยแผลได้ทั้งหมด คาดว่าตอนบ่ายหัวเขาของเธอก็เขียวแล้ว”
มู่เวยเวยก้มศีรษะมองดู ก็ยังไม่เข้าใจความหมายของเขา”เขียวก็เขียว แค่ไม่น่ามองเท่านั้น ทำไมถึงไม่สามารถใส่กระโปรงได้?”
เย่ฉ่าวเฉินมองสีหน้าที่มึนงงของเธอ ยิ่งยิ้มอย่างมีเลศนัย “เธอซื่อบื้อเหรอ แผลของเธออยู่ที่หัวเข่า ยังเขียวอีก คนอื่นจะคิดอย่างไร?”
มู่เวยเวยสมองเริ่มคิดวนกลับมา หัวเข่า เขียวแล้ว……..
ทันใดนั้น มู่เวยเวยมีอาการเขินอาย ใบหน้าแดงเหมือนลูกแอปเปิ้ล กำปั้นเล็กทุบเข้าที่ไหล่ของเขา”เย่ฉ่าวเฉิน ทำไมคุณถึงร้ายอย่างนี้?”
“ฮ่าๆๆๆ ” เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเสียงดังขึ้น ในที่สุดเด็กโง่คนนี้ก็เข้าใจแล้ว พูดยั่วยุต่อหน้าเธอว่า”ฉันไม่บอกเธอถึงจะเรียกว่าร้าย บอกเธอแล้วยังว่าฉันร้าย?”
“ก็คือร้าย ” มู่เวยเวยสายตาลอกแลก เย่ฉ่าวเฉินสายตาอ่อนโยนในใจรู้สึกแขนขาอ่อนแรง ควบคุมตัวเองไม่ได้จูบลงที่ริมฝีปากเธอ
มู่เวยเวยตกใจไปสักพักหนึ่ง สองมือผลักเขาออกไป แต่ว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่ได้เปิดโอกาสนั้นให้เธอ รอเขาจูบจนพอใจ มู่เวยเวยหายใจหอบพูดว่า”คุณทำอะไร ที่นี่ห้องทำงานนะ”
เย่ฉ่าวเฉินใช้มือแตะเบาๆที่ริมฝีปากแดงฉ่ำของเธอ สายตาคู่สีม่วงของเขาจ้องมองสายตาของเธอ ยิ้มอย่างเบาบางพูดว่า”จัดงานเลี้ยง ชักใยอยู่เบื้องหลังให้พี่ชายเธอ ฉันไม่ต้องการเงิน แต่ฉันต้องการของที่ล้ำค่ากว่านั้น”
“อะไร?”
“งานเลี้ยงคืนนั้นเธอต้องอยู่ที่คฤหาสน์ของฉัน” เย่ฉ่าวเฉินเสียงทุ้มต่ำอย่างมีเลศนัย
มู่เวยเวยหน้าแดงมากขึ้น “เย่ฉ่าวเฉิน คุณนี่จริงๆเลย…..”
“ตกลงไหม?”
“ทำงานเสร็จค่อยคุย” มู่เวยเวยหันหน้าหนีไม่มองเขา แต่ทว่าสายตาก็ยังมีความเขินอายอยู่
เย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอที่ทำท่าทางอย่างนั้น ใจคันยุกยิกๆ แต่ทว่าอดไม่ได้ที่จะจูบเธออีกหนึ่งครั้ง
……….
สองคนด้านบนที่จูบกันอย่างดูดดื่ม แต่ทว่ามู่อี้เหยาที่อยู่ด้านล่างได้รับการตักเตือนอย่างหนัก
“เพราะว่าเธอมาสาย วันนี้ทุกคนต้องทำงานเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ ไปทำความสะอาดห้องน้ำ ” ผู้หญิงวัยกลางคนที่พูดอย่างเรียบเฉย เธอไม่เชื่อข่าวซุบซิบกัน ที่ว่าผู้หญิงคนนี้สนิทสนมกับประธานเย่ สนิทสนมกับประธานเย่จะมาทำความสะอาดอย่างนี้เหรอ?
มู่อี้เหยากักเก็บอารมณ์โมโหไว้และมาที่ชั้นห้า ขาหนึ่งข้างถีบประตูห้องน้ำหญิงออก ด้านในมีเสียงแหลมดังออกมา “อา——ใครอยู่ด้านนอก——”
“ผีเรียกอะไรกัน”มู่อี้เหยาไม่ยอมแพ้ ร้องตอบโต้ด้านใน
ผู้หญิงที่อยู่ด้านในออกมาอย่างรวดเร็ว มองเสื้อผ้าที่เธอใส่ รู้ว่าเธอเป็นพนักงานทำความสะอาดของชั้นนี้ โกรธขึ้นมาทันที “นี่เธอเป็นอะไรของเธอ? อยากทำให้คนตกใจตายเหรอ”
“ตกใจตายแล้วใช่ไหม?เธอก็ไม่ใช่ว่าปกติดีอยู่?” มู่อี้เหยาจ้องเขม็งใส่เธอ เดินไปถึงอ่างน้ำ แต่ทว่าเธอไม่รู้จะทำอะไร
ผู้หญิงคนนั้นถูกเธอทำให้โมโหแทบจะระเบิด กระทืบเท้าพูดว่า”เธอ…..ฉันจะร้องเรียนเธอ”
แน่นอน มู่อี้เหยาไม่ได้เก็บเรื่องร้องเรียนมาใส่ใจ ตอนนี้ที่เธอโมโหคือ การทำความสะอาดห้องน้ำต้องเริ่มจากการทำตรงไหนก่อน
แผนกธุรการที่อยู่แนวหลัง
ยังไม่ถึงสองชั่วโมง ผู้รับผิดชอบแผนกธุรการที่อยู่แนวหลังก็ได้รับโทรศัพท์ร้องเรียนไปแล้วสี่ครั้ง ร้องเรียงแค่คนเดียวคือมู่อี้เหยา
มีร้องเรียนว่ามู่อี้เหยาจงใจกระเซ็นน้ำใส่ มีร้องเรียนว่ามู่อี้เหยาด่าทอ สรุปเปรียบเทียบกันแต่ละเรื่องก็คือทำเกินไป
ผู้หญิงวัยกลางคนเดินมาที่ชั้นห้าด้วยความโมโห มองเห็นในห้องน้ำหญิงเต็มไปด้วยน้ำ ด้านข้างก็เละเทะไปหมด และตัวการที่ทำผิดนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่ทางเดิน
ผู้หญิงวัยกลางคนหลังจากที่พยายามสงบจิตใจทำให้ปกติแล้ว เดินไปพูดเสียงเยือกเย็นว่า”มู่อี้เหยา เกิดอะไรขึ้นกับห้องน้ำ?”
“ฉันกำลังใช้น้ำทำความสะอาดห้องน้ำ” มู่อี้เหยาไม่ได้ละสายตาจากโทรศัพท์ พูดอย่างไม่รู้หนาวรู้ร้อน
“ทำไมไม้ใช้ไม้เช็ดพื้น?”
“สามารถใช้น้ำได้แล้วทำไมต้องใช้ไม้เช็ดพื้นด้วย?”มู่อี้เหยาไม่อยากจับไม้เช็ดพื้นสกปรกนั่น
ผู้หญิงวัยกลางคนรู้สึกว่าตัวเองใช้เสียงนี้คืออดทนมากแล้ว “เธอใช้น้ำล้าง คนที่มาเข้าห้องน้ำเกิดลื่นขี้นมาจะทำอย่างไร?”
ในเวลาเดียวกัน มู่อี้เหยาไม่ได้สนเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง “พวกเธอล้มแล้วเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน?”
“เธอ……..” ผู้หญิงวัยกลางคนหมดคำที่จะพูดกับเธอแล้วจริงๆ เก็บกดอารมณ์ที่อยากจะระเบิดใส่เธอ”พรุ่งนี้เธอไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ พวกเราแผนกธุรการที่อยู่แนวหลังรับผิดไม่ไหวกับคนชั้นสูงน่าเคารพอย่างเธอ”
มู่อี้เหยาวางโทรศัพท์ขณะที่กำลังเล่นเกมส์อยู่ลง ยิ้มดูถูกเหยียดหยามพูดว่า”เธอบอกให้ฉันไม่ต้องมาทำงานแล้ว?ประธานเย่เป็นพี่เขยของฉัน ฉันมาที่นี่เขาก็เป็นคนยินยอม เธอมีความสามารถก็ไปหาพี่เขยฉันสิ”
“มู่อี้เหยา เธอยังพูดไร้สาระอวดอ้างถึงประธานเย่ออกมาอีก ถ้าเขาเป็นพี่เขยของเธอจริง เธอจะต้องถูกส่งมาล้างห้องน้ำไหม?” ผู้หญิงวัยกลางคนพูดกระตุ้นถากกางเธอเห็นเธอจะโต้แย้ง รีบพูดต่ออีกว่า”เดิมทีระยะการฝึกงานคือหนึ่งอาทิตย์ แต่เธอฝึกงานเสร็จก่อนกำหนดแล้ว ตอนบ่ายนี้ก็ไสหัวไป”
พูดจบ ผู้หญิงวัยกลางคนก็หมุนตัวเดินออกไป มุ่งตรงไปที่แผนกฝ่ายบุคคล เหลือไว้เพียงมู่อี้เหยาที่โกรธอยู่เพียงลำพัง
เมื่อวานยังพูดอย่างดิบดีว่าจะไม่เถียงหัวหน้างาน ตั้งใจทำงาน สมองถูกมู่อี้เหยาโยนไว้ด้านหลังหมด เธอยังยกตัวเองขึ้นอยู่สูง ยี่สี่กว่าปีที่ชินกับความผิดปกติอย่างนี้ จะเปลี่ยนไปได้อย่างไร?
“ประธานซุน มู่อี้เหยาคนนี้ รีบให้เธอออกไปนะคะ แผนกของพวกฉันไม่ต้องการคนอย่างนี้ ” ผู้หญิงวัยกลางคนพูดด้วยความโมโห
ผู้จัดการแผนกฝ่ายบุคคลชะงักไปสักพักหนึ่ง มู่อี้เหยาทำงานยังไม่ถึงครึ่งวันนะ ก็ทำให้ผู้จัดการแผนกธุรการที่อยู่แนวหลังกลายเป็นเจ็บช้ำขนาดนี้แล้ว
“เกิดอะไรขึ้น เธอพูดช้าๆ”
ผู้หญิงวัยกลางคนบรรยายการกระทำทั้งหมดของมู่อี้เหยาเสร็จพูดว่า”ฉันไม่สนใจว่าเธอจะมีความสัมพันธ์อย่างไรกับประธานเย่ สรุปก็คือแผนกของพวกฉันไม่เอาเธอ คุณจะเอาเธอไปยัดไว้ที่ไหนก็ตามสบายเลย”
ผู้จัดการซุนถอนหายใจออกมา เขามองตาเดียวก็ดูออกว่ามู่อี้เหยาไม่ใช่คนยอมคน เขามองไม่ผิดสักนิดหนึ่งเลย
“โอเค ผมทราบแล้ว ผมจะไปสอบถามประธานเย่ดู”
“ด่วนที่สุด แค่หนึ่งวินาทีฉันก็ยังไม่อยากเจอหน้ามู่อี้เหยา”
ผู้จัดการแผนกฝ่ายบุคคลคิดอยู่นานมาก ก่อนจะขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องทำงานของเย่ฉ่าวเฉิน
เดิมทีมู่เวยเวยอยากจะกลับแล้ว แต่ทว่าถูกเย่ฉ่าวเฉินแสดงออกผูกเงื่อนว่าอยากปรึกษาเรื่องงาน ต้องรอไปรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันถึงค่อยจะไปส่งเธอ แล้วผู้จัดการซุนก็ได้เคาะประตูห้องทำงานเข้ามา มู่เวยเวยกับเย่ฉ่าวเฉินก็กำลังดูเอกสารอยู่ด้วยกัน
“มีเรื่องอะไร?” เย่ฉ่าวเฉินยืดหลังตรง
“ประธานเย่ ช่วงเช้าแผนกธุรการที่อยู่แนวหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากโทรศัพท์มาแล้วสี่สาย เป็นเรื่องของมู่อี้เหยา เมื้อกี้ผู้รับผิดชอบดูแลเธอมาหาผม แสดงออกอย่างชัดเจน ว่ามู่อี้เหยาไม่เหมาะสมที่จะทำงานที่แผนกนั้นแล้ว ท่านเห็นว่า……”
“อย่างนั้นก็ให้เธอออกไปเลย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังต้องมาถามผม?”
พอประธานซุนได้ยิน ใจที่ยกไว้อยู่หล่นไปอยู่ที่ท้อง รีบพูดขึ้นว่า “ตกลงครับ ผมก็จะไปจัดการ”
รอจนประธานซุนออกไป เย่ฉ่าวเฉินผายมืออกพูด”เธอดู ฉันเองก็ไม่ต้องหาข้ออ้าง เธอก็ทำตัวเองขึ้นมาแล้ว”
“คุณสั่งให้ผู้หญิงวัยรุ่นไปทำความสะอาด เธอจะทำได้ดีได้อย่างไร?”
“ถึงอย่างไรก็ตามการทำงานไม่ได้มีการแบ่งว่าสูงหรือต่ำ ที่แตกต่างคือเธอปฏิบัติอย่างไรกับงานนั้น ถ้าหากว่ามู่อี้เหยาตั้งใจทำงานที่แผนกนั้นบางทีฉันก็อาจจะสามารถมองเห็นก็ได้ ตอนนี้ความจริงชัดเจนแล้ว ฉันคิดมากไปเอง”
มู่เวยเวยยิ้มเงียบ คุณนี่มองมู่อี้เหยาไว้สูงจริงๆ
ด้านล่าง หลังจากที่มู่อี้เหยาได้รับประกาศจากแผนกฝ่ายบุคคล รู้สึกแย่อยู่ไม่กี่วินาที เธอไม่อยากจะเชื่อว่า นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงอ้วนวัยกลางคนคนนั้นจะไปบอกเรื่องนี้กับเย่ฉ่าวเฉินแล้ว
ไม่ได้ เธอต้องไปหาเย่ฉ่าวเฉิน
แต่ว่าแผนกฝ่ายบุคคลจัดการไว้นานแล้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนไม่เปิดทางให้เธอเลย
“มู่อี้เหยา เธอไสหัวไปแล้ว” ผู้หญิงวัยกลางคนเอากระเป๋าของเธอยัดใส่มือเธอ ขณะที่กำลังจะหมุนตัวพูดกับเธอว่า”ใช่แล้ว ชุดที่เธอใส่อยู่ก็มอบให้เธอเลย เก็บไว้เป็นที่ระลึกเถอะ”
เก็บยายของเธอเป็นที่ระลึกเถอะ!มู่อี้เหยาด่าอยู่ในใจ
“พวกแกหลีกทางให้ฉัน ฉันจะไปพบพี่เขยของฉัน ” มู่อี้เหยาร้องตะคอกใส่พนักงานรักษาความปลอดภัย
ทั้งสองคนมองตากัน หนึ่งคนพยุงแขนของเธอหนึ่งข้าง ลากเธอมุ่งตรงเข้าไปลิฟท์ ออกไปโยนที่หน้าประตูบริษัท
“ดูให้ชัดเจน อย่าให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาอีก ไม่อย่างนั้นจะถูกหักโบนัสครึ่งปี” พนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพูดกับลูกน้อง
“ครับ ผมทราบแล้ว”
มู่อี้เหยาหมอบอยู่ที่พื้น อยากจะด่าคนทั้งยังอยากจะร้องไห้ ชาตินี้เธอยังไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูอย่างนี้มาก่อนเลย
ตอนนี้เธอจะทำอย่างไร? โอกาสเดียวที่จะได้ใกล้ชิดกับเย่ฉ่าวเฉินหายไปแล้ว?
ไม่ เธอไม่สามารถ
มู่อี้เหยาตัดสินใจรอเย่ฉ่าวเฉินที่หน้าประตู เธอไม่สามารถที่จะยอมแพ้ละทิ้งอย่างนี้
เวลาผ่านไปแต่ละนาที ในที่สุดก็ทนทุกข์มาจนถึงเวลาเลิกงาน มู่อี้เหยามองเห็นผู้ชายที่แข็งแกร่งมีพลังคนนั้น แต่ข้างกายของเขายังมีเมียน้อยที่ทำให้เธอเสียหน้าเมื่อเช้านี้อยู่ด้วย
“ฉันไม่อยากไปรับประทานอาหารร้านครั้งที่แล้ว ค่อนข้างเผ็ด รับประทานร้านใกล้ๆนะ หลังจากนั้นก็ส่งฉันกลับโรงแรม”
“เอาตามที่เธอว่าเลย”
เย่ฉ่าวเฉินเพียงแค่ก้าวเดินออกมา มู่อี้เหยาก็โผเข้าไปหา บนตัวของเธอยังคงใส่ชุดพนักงานทำความสะอาดอยู่
“พี่เขย ” มู่อี้เหยาน้ำตาคลอเบ้า น้ำเสียงที่กล้ำกลืนฝืนทนพูดไม่ออก
เย่ฉ่าวเฉินมองเธอด้วยสายตาเย็นชา”เธอยังทำอะไรอยู่ที่นี่?”
“พี่เขย พวกเธอไล่ฉันออกมา ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้วุ่นวาย ฉันไม่เคยทำงานอย่างนี้มาก่อนเลย กำลังอยู่ในช่วงที่ฝึก” มู่อี้เหยาพูดออกมาทั้งน้ำตา
มู่เวยเวยที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นเธอบีบน้ำตาออกมาเหมือนสั่งได้ก็รู้สึกนับถือเธอจริงๆ
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ใส่ใจกับการที่เห็นน้ำตาเธอไหลออกมา “ฉันรับผิดชอบแค่การปลดและแต่งตั้งของชั้นผู้จัดการ ส่วนเรื่องของพนักงานชั้นล่างจะเป็นฝ่ายบุคคลดูแล เรื่องนี้ฉันไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้”
“แต่ว่า พี่เขยคุณเป็นผู้บริหารของเย่ฮวางนะคะ คุณพูดคำเดียวพวกเขาก็ฟังแล้ว”
“มู่อี้เหยา เธอยังไม่มีคุณสมบัติที่จะสั่งให้ฉันใช้สิทธิของตัวเองนะ” เย่ฉ่าวเฉินพูดน้ำเสียงเย็นชา
มู่อี้เหยาชะงัก น้ำตาของเธอเหมือนกับเป็นอาวุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชาย แต่ทำไมใช้ไม่ได้กับเขา?
“พี่เขย คุณช่วยฉันเถอะนะ ฉันกับแม่ไม่มีหนทางแล้วจริงๆ” มู่อี้เหยาต้องการที่จะจับแขนของเขา แต่ทว่าเขาหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว
“เธอสามารถแต่งงานกับคนที่รวยได้ อย่างนี้ก็ไม่หิวอดตายแล้ว” มู่เวยเวยพูดออกมาทันที เธอยังจำได้ว่าฟางซินยี่กับมู่จางรุ่ยเคยพูดอย่างไรให้เธอแต่งงานกับเย่ฉ่าวเฉิน
มู่อี้เหยามองมู่เวยเวยด้วยสายตาเกลียดชัง กัดริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไรออกมา
“อันที่จริงหน้าตาสะสวยอย่างเธอ แต่งกับวัยรุ่นมีเงินทองก็คงจะยากนิดหนึ่ง แต่ว่าถ้าแต่งงานกับคนที่อายุเยอะนิดหนึ่งก็ได้ แบบประเภทที่เขามีลูกแล้ว” คาดว่ามู่เวยเวยไม่เห็นสายตาที่เธอทำเหมือนจะกินตัวเองเข้าไป ได้แต่พูดอยู่คนเดียว
“นี่ เมื่อเช้าฉันก็แค่เดินชนนิดหนึ่งไหม?ทำไมเธอจะต้องมุ่งเป้ามาที่ฉัน?” มู่อี้เหยาพูดด้วยความโมโห
มู่เวยเวยผายมือออก “ฉันไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เธอเลยนะ เธอบอกว่าเธออดตายหิวตายแล้ว ฉันก็แค่ให้คำแนะนำก็เท่านั้น เธอรู้สึกว่าไม่เหมาะสมก็แค่ไม่ต้องยอมรับคำแนะนำสิ”
มู่อี้เหยาถูกเธอทำให้โกระแทบจะบ้าคลั่ง เธอพุดกระตุ้นมู่อี้เหยา ยังมาพูดอย่างน่าเกรงขามตั้งใจจริง
“เรื่องของฉันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเงินของเธอแม้แต่ครึ่งสตางค์เลย เธอกรุณาหุบปาก” มู่อี้เหยาตะคอกใส่เธอ
“ได้ ” มู่เวยเวยยิ้มให้กับเย่ฉ่าวเฉิน พูดว่า”ไปกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”
“อืม” เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ให้ความสนใจมู่อี้เหยาอีก ในเวลาเดียวกันคนขับรถก็ขับมาพอดี
“พี่เขย คุณไม่สามารถที่จะช่วยฉันอีกสักครั้งเลย?” มู่อี้เหยายังไม่ยอมแพ้
“ฉันเคยช่วยเธอแล้ว แต่เธอไม่ได้เห็นคุณค่า เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ให้โอกาสเธออีก มู่อี้เหยา ไม่ต้องมาเย่ฮวางอีก ฉันไม่อยากเจอหน้าเธอ”พูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็เดินเข้าไปในรถ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
มู่อี้เหยามองรถจนหายลับไปจากสายตา น้ำตาไหลรินลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอโศกเศร้าเสียใจมากจริงๆ
ทำไมเธอถึงแตะต้องผู้ชายที่ดีอย่างนี้ไม่ได้?
ทำไมเธอถึงต้องมาประสบกับทุกข์เหล่านี้?
สถานที่รับประธานอาหารอยู่ไม่ไกล เยฉ่าวเฉินเลือกอาหาร ดูแล้วก็ถามมู่เวยเวยตามอำเภอใจ “ปกติฉันเห็นเธอเป็นคนพูดจาดี อีกทั้งยังใจกว้าง ทำไมวันนี้ถึงพูดกับมู่อี้เหยาเหมือนกับวิจารณ์อย่างดุเดือด
“จริงเหรอ?” มู่เวยเวยตึงเครียดขึ้น ไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอปฏิบัติกับมู่อี้เหยาเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายปะปนกันมาก แต่นี่ก็นับว่าควบคุมอารมณ์แล้ว “แต่ฉันเกลียดผู้หญิงประเภทนี้ ปลอมไม่ธรรมชาติ ไม่มีเหตุผลมาอธิบาย ยังเสแสร้งทำตัวน่าสงสารอย่างนั้น เหมือนกับว่าทุกคนบนโลกนี้หมุนอยู่รอบตัวเธอ เชื่อฟังคำพูดของเธอ”
เย่ฉ่าวเฉินฟังที่เธอวิเคาระห์ ก็ถามอีกว่า”เมื่อก่อนเธอเคยเจอผู้หญิงประเภทนี้เหรอ?”
มู่เวยเวยอยากพูดมากว่า นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินครึ่งสตางค์อะไรทำนองนั้นเลย นี่คือความเกลียดโดยเฉพาะ แต่เธอไม่อยากจะพัวพันกับหัวข้อนี้แล้ว หลีกเลี่ยงที่เย่ฉ่าวเฉินจะระแคะระคาย
แต่ทว่าเวลานี้ เย่ฉ่าวเฉินในใจก็มีข้อโต้แย้งแล้ว ฉู่เหยียนกับมู่อี้เหยาเจอกันเพียงแค่สองครั้ง แต่สามารถพูดถึงนิสัยของมู่อี้เหยาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ มีความน่าสนใจมาก
เย่ฉ่าวเฉินเริ่มดำเนินการหนึ่งระดับ ในวันเดียวกันหลังจากที่มู่เวยเวยขอร้องเขาให้เป็นคนกลางในสร้างความสัมพันธ์เพื่อช่วยฉู่เซวียน วันที่สอง การ์ดเชิญของเย่ฉ่าวเฉินก็ถูกส่งให้คนตระกูลดังมีชื่อเสียงในเมืองA เชิญพวกเขาให้มางานเลี้ยงที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ในวันที่สาม และเหตุผลก็ง่ายมาก ก็คือนานแล้วที่ไม่ได้เจอเพื่อนเก่า ทุกคนมารวมตัวสังสรรค์กันหน่อย
จากอิทธิพลของเย่ฉ่าวเฉินที่มีอยู่ในเมืองA เพียงแต่ว่าการ์ดเชิญส่งถึง ไม่มีใครสักคนที่พูดว่าไม่มา
ฉู่เซวียนถือการ์ดอยู่ในมือพร้อมกับเคาะประตูห้องมู่เวยเวย “พรุ่งนี้ตอนเย็น”
“ทำไมเร็วจัง?” มู่เวยเวยประหลาดใจ
ฉู่เซวียนเดินเข้ามา “พวกเราคุยกันเรื่องแผนการพรุ่งนี้กันหน่อยสิ ทางที่ดีเธอวาดรูปตำแหน่งทิศทางของคฤหาสน์ตระกูลเย่ให้ฉันหนึ่งชุด ฉันจะได้ทำความเข้าใจ”
“ไม่มีปัญหา “มู่เวยเวยหยิบสมุดออกแบบออกมา ฉีกกระดาษมาหนึ่งแผ่นเริ่มต้นวาด เธอพักอาศัยที่คฤหาสน์นั้นอยู่นาน ทุกซอกทุกมุมรู้ตำแหน่งหมด เดิมทีไม่ต้องระลึกถึงก็ปรากฎชัดเจน
ไม่กี่นาที มู่เวยเวยนำภาพวาดแผนที่ตำแหน่งของคฤหาสน์ให้ฉู่เซวียน หลังจากที่ดู สายตาแวววาวเป็นประกาย “ฝีมือการวาดของเธอไม่เลว’
“ฉันเรียนการออกแบบเสื้อผ้า การวาดภาพเป็นพื้นฐาน” มู่เวยเวยใช้ดินสอชี้ภาพวาดแต่ละตำแหน่งอธิบายให้เขาฟัง ที่ไหนคือห้องนอน ที่ไหนคือห้องหนังสือ ที่ไหนคือห้องรับแขก
“ตามที่เธอรู้จักเข้าใจเย่ฉ่าวเฉิน เขาสามารถที่จะวางของไว้ตรงไหนมากที่สุด?” ฉู่เซวียนถาม
มู่เวยเวยขมวดคิ้วขึ้น”พูดตามจริง ฉันไม่ค่อยจะเข้าใจเขา เพราะว่าเขาให้ความประทับใจที่เลวร้ายกับฉัน ฉันก็ไม่อยากจะเข้าใจเขา”
ฉู่เซวียนงงงัน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเธอพูดความในใจที่แท้จริงเรื่องเย่ฉ่าวเฉินออกมา ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอกับเย่ฉ่าวเฉินไปมาหาสู่กัน ยังคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ไม่เลว
“อย่างนั้นเธอก็ต้องให้ทิศทางกับฉัน คืนเดียว ฉันอยู่ใต้สายตาของเย่ฉ่าวเฉินไม่สามารถพลิกทั้งคฤหาสน์ตระกูลเย่ได้”
มู่เวยเวยตั้งใจคิดแล้วคิดอีก “ฉันคิดว่าเป็นห้องหนังสือ ที่คฤหาสน์เย่ฉ่าวเแินอยู่นานที่สุดมีสองที่ ที่แรกคือห้องหนังสือ อีกที่เป็นห้องนอน ห้องนอนของเขามองตาเดียวก็เห็นหมดแล้ว และอีกอย่างฉันเคยวางเพลิงมาครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้รีบที่จะไปปกป้องของอะไรเลย เหลือก็แค่ห้องหนังสือ”
“เธอเผาห้องนอนเขา?” ฉู่เซวียนถามอย่างประหลาดใจ
แต่ทว่ามู่เวยเวยพูดอย่างไม่คิดอะไร”ใช่ น่าเสียดาย เผาได้แค่ครึ่งเดียว”
“ทำไมเธอถึงเผาห้องนอนเขา?”
“เหอะๆ เรื่องนี้ถ้าพูดถึงก็ยาว ช่วงเวลานั้นเป็นวันมืดมนที่สุด ฉันไม่สนใจที่อยากจะรำลึกย้อนถึงมันอีกรอบ เพราะฉะนั้น ฉู่เซวียน คุณสามารถข้ามหัวข้อเรื่องนี้ไปได้หรือยัง?”
ฉู่เซวียนรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนเรื่อง เม้มริมฝีปากอย่างทำตัวไม่ถูก กลับมามองที่ภาพวดแผนที่ “อย่างนั้นฉันจะไปสำรวจที่ห้องหนังสือก่อน”
“ปกติประตูห้องหนังสือก็ไม่ได้ล็อค ก็ไม่มีใครที่จะกล้าเข้าไปด้วย แต่ว่าพรุ่งนี้ที่คฤหาสน์คนเยอะ ไม่รู้ว่าพ่อบ้านหวางจะล็อคไหม”
แต่ทว่าฉู่เซวียนไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ “เรื่องนี้เธอสบายใจได้ เพียงแค่ไม่ใช่รหัสล็อค การล็อคแบบธรรมดาไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉัน”
ครั้งนี้ถึงคราวที่มู่เวยเวยประหลาดใจแล้ว เขาเป็นคุณชายของตระกูลมู่ที่สง่างาม ยังสามารถใช้เทคนิคอย่างนี้?
ฉู่เซวียนเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แน่นอนว่าไม่คิดที่จะตอบกลับแววตาที่สงสัยของเธอ
“พรุ่งนี้หลังจากที่เธอแยกกับเย่ฉ่าวเฉิน หน้าที่สำคัญของเธอคือรั้งเขาไว้ กระจายขจัดความสนใจของเขา ทำให้เขาไม่ว่าฉันหายไป”
“OK เรื่องนี้มอบให้ฉัน” มู่เวยเวยนั่งซึมๆอยู่บนโซฟา ใบหน้าไม่ได้ใส่หน้ากาก เป็นใบหน้าของเธอเอง
ฉู่เซวียนมองเธอโดยอัตโนมัติอยู่สักพักหนึ่ง ที่จริงก็มองอยู่นานแล้ว เธอก็สวยดี ไม่เหมือนกับที่ตัวเองพูดในตอนแรกว่าไม่สวย
“ใช่แล้ว ” มู่เวยเวยนึกขึ้นมาได้ทันที พูดว่า”บอดี้การ์ดคฤหาสน์ตระกูลมู่แน่นหนามาก คุณต้องระวัง อย่าให้พวกเขาจับได้”
ฉู่เซวียนนึกว่าเธออยากจะพูดอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้
เพียงแต่เป็นตระกูลร่ำรวย บอดี้การ์ดต้องแน่นหนาอยู่แล้ว
“ฉันรู้แล้ว ภาพวาดแผนที่แผ่นนี้ฉันเอาไปนะ เธอรีบพักผ่อน”
“บายๆ”มู่เวยเวยโบกมือ ไม่ได้หมายความว่าจะลุกขึ้นไปส่งเขา
ใกล้ชิดไม่กี่วัน ฉู่เซวียนคุ้นเคยกับความตรงไปตรงมาของเธอแล้ว ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป
อาจจะเป็นเพราะฉู่เซวียนพูดขึ้นมา ทั้งคืน มู่เวยเวยฝันถึงอดีตความทรงจำที่ผ่านมา ความทรงจำที่น่ากลัวเหล่านั้น เกี่ยวกับเย่ฉ่าวเฉิน เฉียวซินโยว เย่ฉ่าวเหยียน และยังมีพี่ชายเธอมู่เทียนเย่
ช่วงเช้าตรู่ มู่เวยเวยสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย แสงพระจัทร์นอกหน้าต่างสาดส่องเข้ามาอย่างชัดเจน มีบางเวลาที่มู่เวยเวยไม่เข้าใจข้อบกพร่องที่อยู่ในนั้น อีกนิดหนึ่งก็จะลืมแล้ว ที่จริงระหว่างเธอกับเขาก้าวข้ามผ่านความแค้นในไม่ได้
เธอไม่มีสามารถรักศัตรู และก็ไม่มีทางที่จะรักศัตรู
มู่เวยเวย ถึงแม้จะยิ้มให้เขา จูบกับเขา ขึ้นเตียงกับเขา ก็ไม่ต้องรักเขา ไม่อย่างนั้นในใจของเธอจะได้รับการประนามอยู่ตลอดวันตลอดคืน
………
วันงานเลี้ยงตอนบ่าย มู่เวยเวยไปร้านชุดผู้หญิงเพื่อซื้อชุดราตรีหนึ่งชุด ซื้อชุดแบบเรียบง่ายเหมาะสม ตามรูปร่างหน้าตาของฉู่เหยียนแล้ว ถึงจะใส่ชุดธรรมดาทั่วไป ก็สามารถดึงดูดสายตาผู้คนได้ไม่น้อย
ฉู่เซวียนแต่งอย่างเป็นทางการมาก อาการร้อนขนาดนี้ยังใส่ชุดสูทรองเท้าหนัง
รถBentleyสีดำมุ่งตรงไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่อย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนที่อยู่ในรถกำลังพูดคุยกัน
“คุณใส่เยอะอย่างนี้ ก็ยังไม่ร้อน” มู่เวยเวยหยอกล้อเขา
“เล่นเกมส์ แน่นอนว่าต้องทำทั้งหมด เห้ย เธอยังมาตลกฉัน ฉันทำอย่างนี้เพื่อใคร?” ฉู่เซวียนยักคิ้วถาม
มู่เวยเวยรีบยกมือยอมแพ้ “อ้อ ฉันผิดไปแล้วๆ”
“แต่ว่า ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นหน้าตาตัวแทนของตระกูลฉู่ของพวกเรา ทำไมไม่ซื้อชุดสวยหรูมาหนึ่งชุด?” ฉู่เซวียนพินิจพิเคราะห์กระโปรงของเธอ ถึงแม้จะสวยมาก แต่เรียบร้อยไปสักนิดหนึ่ง คล้ายกับดอกลิลลี่หนึ่งช่อที่ผลิบาน
มู่เวยเวยดวงตาหมุนติ้วหนึ่งรอบ หัวเราะคิกคักพูดว่า”พี่ น้องสาวของคุณเป็นธรรมชาติมาตั้งแต่กำเนิด ถึงจะใส่เสื้อเชิ้ต ก็ยังงดงามสวยกินใจ”
ฉู่เซวียนหัวเราะฮ่าๆ พูดคำเดียวสื่อออกมาสองความหมายว่า”นี่เธอกำลังชื่นชมใคร?”
“แน่นอนว่าชมน้องสาวของคุณ ก็คือฉันเอง”
“หลงตัวเอง”
รถมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่แล้ว ด้านในคนมาแล้วจำนวนไม่น้อย มู่เวยเวยกวาดสายตามองไป ใบหน้าคุ้นเคยอยู่หลายคน แน่นอนว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาในเมืองA
มู่เวยเวยเข้าไปใกล้ๆฉู่เซวียน พูดเบาๆว่า”ฉู่เซวียน ความคิดที่คุณให้เย่ฉ่าวเฉินออกรับเป็นสื่อกลางในการสานสัมพันธ์ให้ที่จริงก็คือยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ”
“ฉลาด “ฉู่เซวียนไม่ได้ปิดบัง จะหาแผนที่ล้ำค่าแทนเธอคือความจริง อาศัยโอกาสในครั้งนี้เข้าหาคนตำแหน่งสูงและมีอำนาจก็คือเรื่องจริง นำสองอย่างมารวมกันแล้วรวมเป็นหนึ่งได้ทั้งหมดก็ยินยอมที่จะทำ?