มู่เวยเวยลิงโลดอยู่ในใจ ยังไงเธอก็ไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับเย่ฉ่าวเฉิน ผู้ชายคนนั้นน่ารังเกียจ แต่…ถ้าเธอไม่อยู่ห้องเดียวกับเย่ฉ่าวเฉิน เธอจะกลัวจนนอนไม่หลับทุกคืนรึเปล่า
คำถามนี้มันยุ่งเหยิงจริงๆ
ขณะที่มู่เวยเวยคิดอยู่นั้น ก็มีคนรับใช้คนหนึ่งเอาของเข้ามาจากด้านนอก โดยมีคุณอาหวังมาจัดการด้วยตัวเอง และบอกให้พวกเธอเอาขึ้นไปด้วยความระมัดระวัง
จากนั้น คุณอาหวังก็เดินมาพูดกับมู่เวยเวย “คุณหนู คุณชายให้ผมย้ายของคุณหนูจากบ้านตระกูลมู่มาหมดแล้วครับ ผมให้คนรับใช้เอาขึ้นไปให้บนห้องหมดแล้ว”
“ค่ะ โอเค” มู่เวยเวยพยักหน้า ถึงว่าทำไมของพวกนั้นคุ้นๆ แต่ของของเธอเอาไปไว้ห้องเย่ฉ่าวเฉินหมดเลยหรอ ไม่ใช่ว่า….
“คุณอาหวังคะ คือว่า…ของของฉันเอาไปไว้ห้องเย่ฉ่าวเฉินหมดเลยหรอคะ เป็นไปได้ไหมที่….” มู่เวยเวยตั้งใจถาม เพราะเธอตัดสินใจแล้วว่าจะมีห้องของตัวเอง
เย่ฉ่าวเฉิน กับผีตาสีม่วงนั่น…น่ากลัวพอๆกัน โดยเฉพาะผีตาสีม่วงนั่นหน้าตาเหมือนเขาไม่มีผิด คิดดูดีๆแล้ว เธออยู่คนเดียวดีกว่า
คุณลุงหวังฟังแล้วก็ตะลึงไป ก่อนจะตอบยิ้มๆ “คุณหนูเข้าใจผิดแล้วครับ คุณชายไม่ชอบให้ใครแตะต้องของของเขา ดังนั้นของของคุณ ผมเลยให้คนเอาไปไว้ห้องข้างๆ”
“ห้องข้างๆหรอคะ” มู่เวยเวยตื่นเต้นทันที นั่นก็หมายความว่า หลังจากนี้เธอจะไม่ต้องนอนห้องเดียวกับเย่ฉ่าวเฉินแล้ว เจ๋งสุดๆ
“ขอบคุณค่ะคุณอาหวัง ฉันอิ่มแล้ว ขอตัวนะคะ”
มู่เวยเวยกลืนซาลาเปาอย่างรวดเร็ว แล้วขึ้นไปข้างบน เมื่อเข้าห้องมา เธอก็จัดของอย่างเป็นระเบียบ
แม้ว่าห้องนี้จะไม่อุ่น และสะดวกสบายเท่าห้องที่บ้านตระกูลมู่ แต่เธอก็ไม่รังเกียจ แค่เธอคิดว่าตัวเองจะได้ไม่ต้องนอนกับเย่ฉ่าวเฉินทุกคืน ไม่โดนเขารังแก และทำให้อับอาย แค่นี้เธอก็รู้สึกสดชื่นมากแล้ว เธอไม่กลัวเรื่องผีนั่นอีกต่อไป
หลังจากจัดของเสร็จ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา และคนที่โทรมาก็คือ เฉียวซินโยว เพื่อนสุดที่รักนั่นเอง
“ฮัลโหล ซินโยว”
“หื้มม คุณมู่ของเรา เป็นไงบ้าง แต่งเข้าบ้านมหาเศรษฐีคงจะจำพวกเราไม่ได้ซะล่ะมั้ง ถึงไม่โทรหากันเลย” เฉียวซินโยวพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
“ใช่ที่ไหน ฉันเพิ่งเปลี่ยนที่อยู่ ก็เลยไม่ว่างมั้ย” มู่เวยเวยพูดติดตลก “สบายใจเถอะ ฉันไม่มีทางลืมพวกแกหรอก”
“งั้นก็ดี” เฉียวซินโยวพูดยิ้มๆ “เป็นไงบ้าง อยู่บ้านใหม่ชินมั้ย เย่ฉ่าวเฉินดูแลเธอดีรึเปล่า”
เมื่อมู่เวยเวยนึกถึงเย่ฉ่าวเฉิน เธอก็นิ่งไป ถ้าจะจัดให้เย่ฉ่าวเฉินเป็นผู้ชายที่เธอเกลียดที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยสักนิด
ผู้ชายคนนั้นนอกจากมีหน้าตาที่ดีแล้ว บุคลิกอย่างอื่นใช้ไม่ได้เลย อารมณ์ร้อน ไม่ทันไรก็โมโห และปากก็เอาแต่พูดเหยียดหยาม ไม่มีเหตุผล เขาเป็นเลวทุกอนูผิว โดยเฉพาะเรื่องตอนที่อยู่ในห้องหนังสือ ที่เธอยอมเขาในครั้งนั้น ก็ราวกับเขาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอให้จมดิน
แต่มู่เวยเวยคิดว่า เรื่องนี้ไม่ควรพูดให้เพื่อนกังวล เธอจึงกระตุกยิ้ม และพูด “เขาไม่เลวเลย ดูแลฉันดีมาก อยู่บ้านใหม่ก็ดีมาก เธอไม่ต้องเป็นห่วง”
พูดแล้ว มู่เวยเวยก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา ในขณะที่อีกฝั่งของโทรศัพท์รู้สึกอิจฉาเธอเป็นที่สุด ทำไมมู่เวยเวยถึงได้แต่งงานกับคนที่เฟอร์เฟคเช่นนี้ แต่เธอกลับไม่ได้…
โดยเฉพาะวันที่เธอได้เห็นเขาในห้องรับรองวันนั้น ใจของเธอก็ลอยไปอยู่ที่เขาแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอก็น่าเกลียดมากขึ้น น้ำเสียงของเธอเลยห้วนขึ้นเล็กน้อย “ทำไมไม่กลับมหาลัย คงไม่คิดจะกกคุณชายเย่เขาจนไม่กลับมหาลัยหรอกใช่ไหม”
“ไม่ ฉันยังไปเรียน” มู่เวยเวยพูด “จันทร์หน้าฉันก็กลับไปแล้ว”
“อ้อ…” เฉียวซินโยวพยักหน้า แล้วถามอย่างอดไม่ไหว “เวยเวย เธอรักคุณชายเย่มั้ย”
มู่เวยเวยนิ่งไป เธอรักเย่ฉ่าวเฉินไหม