วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 209 เอาอะไรไปแลกลูกชายกลับมา?

จางเห่อมือสั่นสักพักหนึ่ง การเคลื่อนไหวเบามาก

มู่เวยเวยไม่กล้าไปดูจางเห่อ สายตามองอยู่ที่มือของเย่ฉ่าวเฉิน เขาคงจะเจ็บมาก มือที่จับอยู่บริเวณโซฟาขาวซีดมาก

“คุณชาย คุณอดทนหน่อย ผมเริ่มเก็บแผ่นกระจกสไลด์แล้ว ” จางเห่อถือที่คีบแบบหมอใช้ไว้ในมือ ชักช้าไม่กล้าที่จะลงมือ

เย่ฉ่าวเฉินรอไปสักพักเห็นเขาไม่กล้าลงมือ หัวเราะด้วยความหงุดหงิด”นายลงมือสิ”

“ผมกลัวคุณเจ็บ”จางเห่อบ่นพืมพำ

เย่ฉ่าวเฉินอยากถีบเขาสักหนึ่งทีจริงๆ เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความโมโห “ลงมือ”

จางเห่อกลืนน้ำลายลงคอ เคลื่อนที่คีบเข้าใกล้อย่างช้าๆ

แผ่นกระจกสไลด์ที่อยู่ในผิวหนัง

“โอ๊ย——” เย่ฉ่าวเฉินร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ทำให้จางเห่อตกใจยิ่งไม่กล้าลงมือ

“ทำต่อสิ” เย่ฉ่าวเฉินด่าเขาอีกรอบ

จางเห่อกัดฟันแล้วทำต่อ เร็วมาก แผ่นกระจกสไลด์หนึ่งแผ่นถูกนำออกมาจากผิวหนังวางลงที่กาละมังน้ำ เลือดค่อยๆไหลออกมา

มู่เวยเวยมองแขนที่แข็งแรงของเย่ฉ่าวเฉินเจ็บจนสั่นเทา นิ้วมือซีดขาวมากขึ้น ร้อนใจขึ้นมา นั่งลงไปมือเล็กของเธอวางอยู่ที่มือของเขา

แย่ฉ่าวเฉินรู้สึกมึนงงสักพักหนึ่ง หันศีรษะกลับไปมองมู่เวยเวย สายตามองด้วยความดีใจ

แต่ทว่าสีหน้าของมู่เวยเวยเย็นชาเรียบเฉย “ฉันก็แค่เห็นว่าคุณช่วยฉัน อย่าคิดไปไกล”

เย่ฉ่าวเฉินพลิกมือกลับไปดึงมือของเธอมากุมไว้ สิบนิ้วประทับลง พูดเสียงสั่นเทาว่า”เธอเป็นภรรยาของฉัน แน่นอนว่าฉันต้องช่วย”

คำพูดของเย่ฉ่าวเฉินทำให้พ่อบ้านหวางตกใจอีกนิดหนึ่งถาดรองที่ถืออยู่ในมือแทบร่วง สมองของคุณชายเลอะเทอะแล้ว?ฉู่เหยียนจะเป็นภรรยาของคุณได้อย่างไร? ภรรยาของคุณคือมู่เวยเวย

“ฉันไม่ได้ให้คุณช่วยฉันสักหน่อย” มู่เวยเวยพูดอย่างเสแสร้ง ไม่มองสายตาที่เจ็บปวดและอบอุ่นของเย่ฉ่าวเฉิน

ริมฝีปากของเย่ฉ่าวเฉินมีรอยยิ้มออกมา “ใช่ เพราะฉันคิดว่าฉันเป็นคนในดวงใจเธอแต่ฉันไม่สามารถทิ้งเธอไว้คนเดียวโดยที่ไม่สนใจ เธอเกิดเป็นอะไรไปฉันก็ไม่มีภรรยาแล้ว ฉันไม่สามารถปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ดีกับเธอได้”

“คุณเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงอยากได้ผู้หญิงแบบไหนก็ได้?สองวันก่อนหน้าก็ไม่ใช่ว่ามีดาราสาวสวยมาติดเหรอ?” มู่เวยเวยไม่รู้ตัวว่าคำพูดที่เธอพูดออกมามีความหึงหวง

“แต่ฉันต้องการแค่เธอ ผู้หญิงคนอื่นแล้วอย่างไร ทั้งหมดไม่ใช่สเปคของฉัน”

มู่เวยเวยฟังคำพรอดรักของเขา รู้สึกขนลุกวูบขึ้นมา ที่นี่ยังมีคนนอกอีกสองคน สรุปว่าเขาอายหรือไม่อาย?เงยศีรษะขึ้นมองเขาด้วยความโกรธ”สรุปว่าคุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ตั้งแต่ที่เธอกลับมาเมืองAในตอนนั้น ฉันสงสัยมาตลอด แต่ฉันแค่ไม่มีหลักฐาน เวยเวย หน้าตาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เธอใช้ชีวิตที่คุ้นเคย ลักษณะท่าทางเธอไม่ได้เปลี่ยนไป เธอเผยออกมาเยอะมาก”เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ ก้มศีรษะมองดูจางเห่อ เขาเอาแผ่นสไลด์แก้วออกมาชิ้นที่สามแล้ว “จนถึงคืนงานเลี้ยงสังสรรค์ที่คฤหาสน์ในวันนั้น ฉู่เซวียนเข้าไปในห้องหนังสือของฉัน”

“คุณรู้ว่าเป็นเขา?” มู่เวยเวยแปลกใจมากขึ้นอีก

“ตอนนั้นยังไม่รู้ มารู้หลังจากนั้น”

พ่อบ้านหวางได้ฟังที่ทั้งสองคนพูดคุยกันความรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงมา อ้าปากค้างเหวออยู่ มองใบหน้าของมู่เวยเวยด้วยความมึนงง ไม่สามารถที่จะยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้

มู่เวยเวยพูดสะบัดด้วยเสียงเย็นชา “ฉันเข้าใจแล้ว คุณใช้การทำงานพิเศษของคุณแน่นอน ดึกดื่นวิ่งมาที่ห้องของฉัน เย่ฉ่าวเฉิน คุณทำอย่างนี้เลวทรามต่ำช้ามาก”

เย่ฉ่าวเฉินรีบอธิบายทันที “ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันยังไม่ได้ยืนยันเรื่องฐานะของเธอก่อน ฉันจะทำเรื่องอย่างนั้นได้อย่างไร? วันนั้นที่เธอโทรศัพท์หาฉู่เซวียน ประจวบเหมาะกับที่ฉันบังเอิญเอาซุปปลามาให้ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินเธอคุยแล้ว”

มู่เวยเวยได้ฟัง คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะเป็นคนทำความลับแตก สีหน้าเปลี่ยนเป็นเศร้าปวดร้าวใจ แต่เมื่อคิดอีก เขารู้มาตั้งนานแล้ว ยังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ดูเธอกับฉู่เซวียนแสดงละคร อย่างนี้ทำเกินไปมาก

มู่เวยเวยโกรธมาก ต้องการสบัดมือของเธอออก แต่ทว่าถูกเย่ฉ่าวเฉินกุมไว้แน่นไม่สามารถสบัดออกได้ “ในเมื่อคุณรู้ว่าฉันเป็นใคร ทำไมต้องแกล้งทำเป็นเหมือนไม่รู้อะไรด้วย ตอนที่คุณดูการแสดงละครของฉัน คุณรู้สึกว่าฉันโง่มาก?”

ในเวลานี้ แผ่นสไลด์แก้วชิ้นที่ห้าได้วางลงในกาละมัง

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันไม่พูด เป็นเพราะฉันไม่กล้าพูด ฉันกลัวว่าถ้าฉันพูดทำให้เธอโกรธแล้วก็หนีไป ถึงเวลานั้นแล้วฉันจะไปตามหาเธอที่ไหน?”

มู่เวยเวยพูดด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา “ได้ ในเมื่อตอนนี้คุณก็รู้แล้ว อย่างนั้นฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องปิดบัง เอาของที่ฉันต้องการมา ฉันต้องไปช่วยลูก”

“เธอสัญญากับฉันว่าจะไม่ไปไหนอีก ลูกฉันสามารถช่วยกลับมาได้แน่นอน” เย่ฉ่าวเฉินเจรจาต่อรองกับเธอ

มู่เวยเวยโมโห “คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงปลอมตัวเองกลับมาที่นี่?ฉันอยากช่วยลูกของตัวเอง หลังจากนั้นก็หาที่อยู่ใหม่ สถานที่ที่คุณไม่สามารถตามหาฉันเจอ พาเขาไปใช้ชีวิตแต่ละวันที่เรียบง่าย ตอนนี้คุณสั่งให้ฉันอยู่ ทำไมฉันต้องอยู่? เย่ฉ่าวเฉิน คุณฆ่าพี่ชายของฉัน แล้วก็ช่วยชีวิตฉันไว้ ก็ถือว่าเสมอกัน พวกเราไม่มีใครติดครั้งอะไรกันอีกแล้ว”

อารมณ์โมโหของเย่ฉ่าวเฉินก็ถูกเธอกระตุ้นขึ้นมา “เธอคิดว่าเอาของให้พวกเขาแล้ว พวกเขาจะให้เธอเอาลูกไปเหรอ? เธอไร้เดียงสาเกินไป พวกเขาก็จะโลภในเงินทองมากขึ้น ก็ใช้ลูกบีบบังคับเธอกลับมา หลังจากนั้นก็จะต้องการของที่มากกว่านั้นจากฉัน ตระกูลเย่หมดตัว จนกระทั่งบังคับให้ฉันไปค้ายาเสพติดค้าอาวุธบังคับขู่เข็ญหลอกลวง เพื่อลูก สิ่งเหล่านี้ฉันสามารถทำได้ แล้วคนที่ไม่ได้ทำความผิดเหล่านั้นล่ะ?เธอแข็งใจทำได้เหรอ?”

คำพูดของเย่ฉ่าวเฉินทำให้คิดได้อย่างแจ่มแจ้ง ในใจของเธอมีเงามืดมาโดยตลอด ในกรณีที่เธอเอาแผนที่ล้ำค่านั้นให้ชายคนนั้นไป เขาไม่คืนลูกของเธอให้จะทำอย่างไร เธอไม่กล้าที่จะคิดคาดคะเน แต่ตอนนี้ถูกเย่ฉ่าวเฉินพูดเปิดโปงกระจ่างออกมาแล้ว น้ำตาของเธอไหลรินลงมา

เพียงแค่เห็นผู้หญิงร้องไห้ ไฟความโกรธของเย่ฉ่าวเฉินก็มอดดับ ในใจเจ็บปวดแปลบๆ จูบแล้วจูบอีกที่หลังมือของเธอ “ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรที่จะพูดเช่นนี้ แต่นี่คือเรื่องจริง ฉันเชื่อว่าเธอเคยคิดสงสัย เวยเวย เรื่องนี้มอบหมายให้ฉันจัดการ ลูกคือเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน ฉันจะต้องช่วยเขากลับมาได้แน่นอน เธอวางใจฉันก็พอ?”

มู่เวยเวยยึดติดกับสงครามครั้งสุดท้าย ถามอย่างดื้อรั้นว่า”คุณอยากให้ฉันอยู่?”

“ใช่ ไม่ต่อรองอะไรแล้ว” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างแน่วแน่

มู่เวยเวยเช็ดน้ำตาออก ยิ้มอย่างเย็นชาพูด”คุณรู้อะไรไหม ที่จริงแล้วแผนการลักพาตัวครั้งก่อนเป็นฉันกับฉู่เซวียนคิดไว้ แต่ระหว่างนั้นเกิดความผิดพลาด ยังมีอีก แหล่งสถานที่บุกเบิกของคุณถูกโจมตี ก็เป็นฉันเองที่เผยแพร่ข่าวนั้นให้ฉู่เซวียน อย่างนี้แล้วคุณยังอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ไหม?”

เย่ฉ่าวเฉินชะงักไปไม่กี่วินาที ชั่วพริบตาเดียว เรื่องทั้งหมดที่คิดไม่ออกก็คิดออกทันที มิน่าเล่าแหล่งสถานที่บุกเบิกของเขาเป็นความลับอย่างนั้น คาดไม่ถึงว่าจะถูกคนหาเจอ ที่แท้ก็เป็น……..

“เย่ฉ่าวเฉิน คุณเกลียดคนทรยศหักหลัง?อีกนิดหนึ่งฉันก็จะฆ่าคุณตายแล้ว คุณยังจะอดทนอดกลั้นกับฉันอยู่ไหม?” มู่เวยเวยแสยะริมฝีปากยิ้มเย็น จ้องเขม็งมองที่ดวงตาของเขา

เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ตอบกลับคำถามของเธอ แต่หยิบมีดหนึ่งเล่มมาจากถาดรองของพ่อบ้านหวาง

“คุณชาย คุณอย่าวู่วาม…..” พ่อบ้านหวางพูดอย่างตื่นตกใจ

แต่ทว่ามู่เวยเวยไม่ได้มีความหวาดกลัว จ้องดวงตาไม่กระพริบ และหนึ่งวินาทีถัดมาเย่ฉ่าวเฉินนำมีดเล่มนั้นยัดเข้าที่มือของเธอ

“เวยเวย เรื่องเมื่อก่อนฉันขอโทษ ฉันทำเรื่องที่ผิดมากมาย ฆ่ามู่เทียนเย่ตาย ไม่ว่าตอนนี้ฉันจะพูดหรือทำอะไร ฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางอภัยให้ฉันได้จริงๆ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเธอจะทำเรื่องอะไรฉันจะไม่เก็บมาใส่ใจ ถ้าหากในใจของเธอยังมีความเกลียด อย่างนั้นก็แทงมาตรงนี้” เย่ฉ่าวเฉินจิ้มซ้ำๆที่หัวใจของตัวเอง พูดอย่างจริงจังว่า”แทงตรงนี้ลงไป แก้แค้นให้กับมู่เทียนเย่ และชี้ขาดกับฉัน ถ้าหากว่าฉันตายแล้ว จางเห่อกับพ่อบ้านหวางก็อยู่ที่นี่ ฉันสาบาน พวกเขาไม่มีทางไปก่อกวนเธอ ถ้าหากฉันโชคดีไม่ตายก็ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งหนึ่ง โอกาสอีกครั้งหนึ่งที่จะดูแลเธอกับลูก”

มู่เวยเวยจับมีดแหลมคมอยู่ในมือ มึนงงมองที่สีหน้าที่เรียบเฉยของเย่ฉ่าวเฉิน ที่เขาพูดคือความจริง?

“คุณหนู คุณ……”

“หุบปาก!” เย่ฉ่าวเฉินตะคอก ห้ามจางเห่อพูด”พวกคุณทั้งสองคนออกไป”

“ออกไป! ฉันไม่ได้เรียกห้ามใครเข้ามา”

พ่อบ้านหวางกับจางเห่อสบสายตากัน ลังเลใจอยู่สักพัก ก่อนที่จะวางของอยู่ในมือลงและออกจากห้องรับแขกไป

“โอเคแล้ว เธอลงมือเลย มีดเล่มนี้แทงลงมา บุญคุณความแค้นของพวกเราก็จบกัน ” เย่ฉาวเฉินมองเะอด้วยความสงบ แน่นอนว่าเขาไม่อยากตาย แต่เขาต้องการที่จะให้มู่เวยเวยเปิดใจ เขาจำเป็นต้องใช้ชีวิตมาเดิมพัน พนันว่าในใจของเธอยังมีความรักความห่วงใยเขาอยู่เล็กน้อย ถ้าไม่อย่างนั้น ถึงเธอจะแกล้งปลอมตัวเป็นฉู่เหยียน ในแววตาของเธอก็ไม่สามารถที่จะหลุดความรู้สึกที่แท้จริงออกมาในบางครั้ง

มีดที่อยู่ในมือของมู่เวยเวยสั่นไหว มู่เวยเวยหายใจเข้าลึกๆ มองเย่ฉ่าวเฉินด้วยสายตาเย็นชาพูดว่า”คุณเป็นคนพูดเองนะ ถึงนรกแล้วก็อย่ามาโทษฉัน”

“ฉันไม่มีทางโทษเธอ นี่คือสิ่งที่ฉันติดค้างเธอ ฉันควรที่จะคืน”

มู่เวยเวยกำมีดแน่น ภาพที่เคยเกิดขึ้นปรากฏแวบหนึ่งเข้ามาในสมองของเธอ เธอถูกทำให้อับอายขายหน้า ถูกทรมานอีกนิดหนึ่งก็ตาย ยังมีพี่ชายที่ถูกถีบตกทะเล ความเกลียดชังปะทุขึ้นมา แทงมีดลงไปทันที ในเวลานั้นกำลังจะถูกเสื้อเชิ้ต เธอก็นึกถึงตอนถูกลักพาตัว เขามาช่วยเธออย่างไม่คิดชีวิต ตอนเช้าเพื่อที่จะเอาเธอออกมาจากซากปรักหักพัก หัวเข่าถูกแทงแตกเป็นแผล เขาแบกเธอลงมาจากชั้น19….

ทำไม? ทำไมต้องคิดมากอะไรขนาดนั้น? เพียงแค่แทงลงไป เธอก็จะหลุดพ้นจากเขาแล้ว หลังจากนั้นก็ไปบอกชายหน้ากากเงิน เย่ฉ่าวเฉินตายในแผ่นดินไหวแล้ว ทำไม ทำไมมีดถึงไม่แทงลงไป?

เธอไม่ต้องเป็นคนดี เขาเคยโหดเหี้ยมป่าเถื่อนทำร้ายตัวเอง ฆ่าพี่ชายของตัวเอง เธอไม่ควรที่จะคิดว่าเพราะบุณคุณเล็กน้อยที่เขาเคยช่วยเหลือ แล้วลืมทุกอย่างที่เขาเคยทำไปอย่างหมดสิ้น

อีกอย่างเธอก็ไม่เชื่อว่าเขาจะไม่หลบ

รำลึกถึงตรงนี้ มู่เวยเวยก็ยกมีดขึ้นมาอีกครั้ง

พ่อบ้านหวางและจางเห่อที่ยืนอยู่หน้าประตูหัวใจก็เหมือนกับยกขึ้นสูง จางเห่อแทบอยากจะพุ่งเข้าไปยึดมีดเล่มนั้น แต่คำสั่งของเย่ฉ่าวเฉินก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่กล้า

แสงสะท้อนของมีดกระพริบ มีดที่คมกริบทิ่มแทงเข้าไปในหน้าอกของเย่ฉ่าวเฉิน เลือดไหลทะลักออกมา

มู่เวยเวยแข็งทื่อ”ทำไมไม่หลบ?เย่ฉ่าวเฉิน ทำไมคุณไม่หลบ?”

เย่ฉ่าวเฉินใช้มือปิดที่หน้าอก ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า”เธอก็ตัดใจที่จะฆ่าฉันไม่ลง?”

มู่เวยเวยแทงมีดลงไป แต่เบี่ยงข้างไปเล็กน้อย แทงเข้าที่ห้องหัวใจข้างขวาของเขา

“คุณเป็นคนบ้า” มู่เวยเวยวางมีดลง แล้วร้องตะคอกใส่เขาพร้อมกับเอาผ้าก๊อชปิดปากแผลที่หน้าอกเพื่อห้ามเลือด

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มแห้งมองเธอที่กำลังลุกลี้ลุกลน ถามเธอว่า”เธอยอมให้โอกาสฉันแล้วใช่ไหม?”

“คุณอย่าเพิ่งพูดได้ไหม?”มู่เวยเวยด่าด้วยความโมโห เพราะว่าเขายิ่งพูดเลือดก็ยิ่งไหลออกมา

“ถ้าหากเธอยังยึดมั่นยืนยันที่จะไปจากฉัน ฉันมีชีวิตอยู่จะมีความหมายอะไร? สู้ตายด้วยน้ำมือเธอครั้งนี้ ก็นับว่าทำให้เธอสมความปรารถนาแล้ว ”

มู่เวยเวยอยากให้ผู้ชายที่แข็งแกร่งคนนี้ตายให้จบๆไป จนถึงปานนี้แล้วยังพูดเรื่องเหล่านี้ พูดด้วยความใจร้อนว่า”เย่ฉ่าวเฉิน คุณอยากให้ฉันอยู่ที่นี่ คุณก็ต้องมีชีวิตอยู่ ถ้าหากคุณตาย ก็กำลังดี ฉันจะรีบไปหาผู้ชายหล่อรวยแล้วแต่งงานด้วย สอนให้ลูกของคุณเรียกผู้ชายคนอื่นว่าพ่อ”

การใช้วิธีกระตุ้นใช้ได้ผลดีจริงๆ เย่ฉ่าวเฉินตะโกนเรียกด้วยความโกรธทันที “เธอหยุดคิด จางเห่อ จางเห่อ เรียกหมอหานมา”

จางเห่อที่อยู่หน้าประตูพูดเสียงดังว่า”อีกสักครู่ หมอหานก็จะมาถึงแล้ว คุณชาย คุณอดทนไว้ก่อน”

บรรยากาศอึมครึมเช่นนี้ แต่ทว่ามู่เวยเวยอยากจะหัวเราะขึ้นมาทันที ตอนนี้ไม่สามารถอดทนได้”ฮ่าๆๆๆๆ” หัวเราะเสียงดังออกมา ผู้ชายทั้งสามคนมองเธอด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าเธอกำลังหัวเราะอะไร

“ฉันเป็นอย่างนี้แล้ว เธอยังหัวเราะได้?” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างไม่อะไร

เสียงหัวเราะที่เงียบไปเมื่อกี้ก็ดังขึ้นมาอีก ไม่ง่ายที่จะได้หัวเราะอย่างนี้ มู่เวยเวยเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากการหัวเราะ พูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า”นี่คือคุณหาเรื่องเอง ทำไมฉันถึงจะหัวเราะไม่ได้?”

“เธอ…..”

“คุณชาย คุณอย่าเพิ่งพูดเลย ” พ่อบ้านหวางรีบมาเกลี้ยกล่อมเขา สีหน้ารีบร้อนเป็นกังวล “ยิ่งพูดมาก เลือดก็จะยิ่งออกมามาก คุณไม่อยากมีชีวิตแล้วเหรอ” พูดกับเย่ฉ่าวเฉินจบ ก็หันศีรษะกลับมาเกลี้ยกล่อมมู่เวยเวย ถึงแม้ว่าเขาจะเกร็งนิดหน่อยกับใบหน้านี้ของฉู่เหยียน แต่เพื่อคุณชาย ก็จำใจจะต้องพูด “คุณ……คุณหนู คุณก็แสดงความมีเมตตาหน่อย อย่าทะเลาะกับคุณชายเลย เขาสุขภาพดีแล้วคุณอยากจะทะเลาะอย่างไรก็แล้วแต่ ตอนนี้อย่าเพิ่งเลย ได้ไหม? ”

มู่เวยเวยยักไหล่ ปิดปากเงียบ

เธอเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น มีดแล้วนี้แทงเข้าไปบุญคุณความแค้นที่ทั้งสองมีต่อกันก็หายไป แต่ว่าอยากให้เธอรักเขา? เธอรู้สึกว่ายากมาก ตอนนี้มากสุดเธอสามารถทำเหมือนเขาเป็นคนทั่วไป เพื่อนก็ยังนับว่าเป็นไม่ได้

หมอหานมาอย่างรวดเร็ว เพราะว่าเขาได้รับสายจากจางเห่อ บอกว่าเย่ฉ่าวเฉินถูกคนแทงหนึ่งครั้ง ยังเป็นบริเวณหน้าอกอีก บาดแผลหนักอย่างนี้ เขากลัวล่าช้าจะทำให้เย่ฉ่าวเฉินจะตาย

“พระเจ้า ทำไมถึงเป็นอย่างนี้” หมอหานมองเห็นเย่ฉ่าวเฉินก็เวียนหัวกลัว หน้าอกของเขามีเลือดแทรกซึมอยู่ ริมฝีปากขาวซีดทำให้คนต้องตกใจ

“คุณอย่าถามเลย รีบช่วยชีวิตคนเถอะ” พ่อบ้านหวางรีบพูดเร่งเขา

“จางเห่อ รีบเข็นเปลนอนที่อยู่ห้องปฐมพยาบาลมา เรียกคนมาสองคน ” หมอหานออกคำสั่งเสร็จ ถามเย่ฉ่าวเฉินว่า”ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“เวียนศีรษะนิดหนึ่ง” เย่ฉ่าวเฉินพูดอิดโรยไร้เรี่ยวแรง

“ไร้สาระ เลือดออกมาเยอะขนาดนี้จะไม่เวียนศีรษะได้อย่างไร?” หมอหานเริ่มอารมณ์ไม่ดี ถึงแม้ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะให้เงินเดือนตามสภาพจริง แต่หนึ่งปีมานี้ แต่เขาก็ถูกเจ้านายคนนี้ก่อกวนทำเรื่องวุ่นวายตลอด

มู่เวยเวยยืนมองเขาอยู่ด้านข้างเงียบๆ ในใจเริ่มรู้สึกเป็นกังวลห่วงใย

จางเห่อเข็นเปลนอนมา ช่วยกันกับลุงอีกสองคนค่อยๆเอาเย่ฉ่าวเฉินนอนลงเปลเบาๆ ในระหว่างที่กำลังจะเข็นออกด้านนอก เย่ฉ่าวเฉินยกมือขึ้นเบาๆยื่นไปทางมู่เวยเวย

นานอยู่หลายนาที มือเล็กที่ค่อยข้างเปื้อนกำมือใหญ่นั้นไว้แน่น เดินพร้อมกับรถเข็นไปที่ห้องปฐมพยาบาล

คล้ายกับว่าเย่ฉ่าวเฉินกำลังอยู่ในความฝันที่ยาวนานและเหนื่อย ในฝันเขาวิ่งจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง ต้องการตามหาคนในใจคนนั้น แต่ทว่าก็ยังหาไม่พบ

ท้ายที่สุดเขาวิ่งต่อไม่ได้แล้ว หยุดฝีเท้าลง เขาพบเห็นดาดฟ้าของตึกสูง ยังไม่ทันได้พูดเอ่ยอะไร ก็กระโดดลงไปด้านล่าง

“เวยเวย——”เย่ฉ่าวเฉินตะโกนเสียงดัง ลุกขึ้นจากเตียงมานั่งอยู่

“คุณชาย คุณฟื้นแล้ว” จางเห่อพูดด้วยความดีใจ

เย่ฉ่าวเฉินถึงได้สติกลับมา นึกถึงสถานการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บ รีบถามจางเห่อว่า”เวยเวยล่ะ? เธออยู่ที่ไหน?”

“คุณหนูน่าจะนอนอยู่ ตอนนี้ช่วงดึกสี่ทุ่มกว่าแล้วครับ” จางเห่อไม่กล้าที่จะมองสายตาของเย่ฉ่าวเฉิน

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกผิดหวัง เขายังคิดว่าเธอจะเฝ้าอยู่รอจนกว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากไปเอง

จางเห่ออดไม่ได้เมื่อเห็นคุณชายเป็นอย่างนั้น พูดอย่างอวดอ้างว่า “คุณชาย ตอนที่คุณยังไม่ได้สติ คุณหนูเป็นคนอยู่ดูแลเฝ้าตลอดเวลาครับ เพิ่งจะกลับไปครับ”

เย่ฉ่าวเฉินมองเขาปราดหนึ่ง พูดออกมาทั้งที่ใจเข้าใจอยู่แล้ว”นายอย่าโกหก เธอจะเฝ้าฉันได้อย่างไร?”

จางเห่อใจฝ่อก้มศีรษะลง ความจริงมู่เวยเวยมาดูเขาแค่ครั้งเดียว ก่อนจะกลับพูดกับเขาว่า”อย่างนั้นคุณก็อยู่ที่นี่นะ ฉันกลับแล้ว”

หลังจากนั้น ก็กลับไปจริงๆ จางเห่อก็กระดากใจที่จะขอร้องให้เธออยู่ต่อ

“ตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่ม เธอน่าจะยังไม่นอน จางเห่อ พยุงฉันไป ฉันมีธุระจะคุยกับเธอ” พูดแล้วก็ถลกผ้าห่มออกจะลงจากเตียง ถูกจางเห่อยับยั้งไว้ก่อน

“คุณชาย ผมขอร้อง คุณอย่าเคลื่อนไหว ผมจะไปบอกคุณหนูมาที่นี่” จางเห่อกลัวเย่ฉ่าวเฉินห้าม พูดจบก็วิ่งอย่างรวดเร็ว

ในขณะนั้น ที่จริงมู่เวยเวยยังไม่ได้นอน เธอกำลังถอดหน้ากากออก ยังมาส์กหน้าอยู่ กำลังนอนอยู่บนเตียงคิดแผนการถัดไป

“ตุ๊งๆๆ——”เสียงเคาะประตูดังขึ้น

มู่เวยเวยลุกจากเตียงอย่างระมัดระวังตัว ถามเสียงต่ำว่า”ใคร?”

“ผมเอง จางเห่อ คุณชายฟื้นแล้ว อยากจะเชิญคุณไปพบ” จางเห่อพูดอย่างเคารพ

“รู้แล้ว” พอดีกับมู่เวยเวยก็ต้องการปรึกษาเขาเรื่องหนึ่ง ถึงแม้ความแค้นจะจางหาย อย่างนั้นก็มาทำแนวรบปรึกษาว่าจะช่วยลูกชายออกมาได้อย่างไร

ดึงมาส์กออก ก็ทาครีมเก็บความชุ่มชื้น มู่เวยเวยเพียงแค่เปิดประตูออกก็ตกใจ “ทำไมคุณยังไม่ไป?”

จางเห่อมองเห็นมู่เวยเวยก็ชะงักสักครู่หนึ่ง ก้มศรีษะลงรีบพูดว่า”ถ้าคุณหนูไม่ไป ผม….ผมไม่รู้จะรายงานอย่างไร”

มู่เวยเวย”อ้อ”ออกมา นึกถึงอารมณ์ร้ายของเย่ฉ่าวเฉิน อาจจะสามารถพาลใส่คนอื่น

จางเห่อเดินตามหลังมู่เวยเวย สีหน้ายังไร้ความรู้สึกอยู่บ้าง ที่แท้ก็คือคุณหนูจริงๆ ถึงแม้คุณชายจะพูดแล้ว แต่พอเห็นกับตาตัวเอง ตอนนี้ ยาสงบใจเม็ดนั้นก็กินได้แล้ว

ถึงบริเวณหน้าประตู จางเห่อไม่ได้เข้าไปด้วย กลับรู้ใจใส่ใจที่จะปิดประตู

เย่ฉ่าวเฉินได้ยินเสียงฝีเท้า เงยศีรษะขึ้น ใบหน้าที่อยู่ในความฝันปรากฎอยู่ด้านหน้า แต่ว่าค่อนข้างเย็นชา

“เธอมาแล้ว นั่งสิ” เย่ฉ่าวเฉินตบลงที่ข้างเตียง แสดงออกว่าให้เธอมานั่ง แต่มู่เวยเวยไม่ได้ฟังเขา แต่มุ่งตรงไปด้านหน้านั่งลงบนโซฟา

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างเศร้าฝืนๆ ช่างเถอะ ค่อยเป็นค่อยไป

“คุณเรียกฉันมาจะคุยอะไร?” มู่เวยเวยถามตรงประเด็น

“ฉันอยากจะรู้หลังจากที่เธอหนีไปเกิดอะไรขึ้น ลูกอยู่ที่มือใคร เธอจำเป็นต้องบอกกับฉันทุกเรื่อง อย่างนี้ฉันถึงจะมีเบาะแส รีบตามหาลูกกลับมา ”

มู่เวยเวยมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เงียบสักพักแล้วพูดว่า”เริ่มต้นฉันถูกเครื่องบินลำหนึ่งพาไปที่เกาะเงียบสงบไม่มีคน มีแค่ผู้หญิงวัยกลางคนเป็นคนในพื้นที่คนหนึ่งดูแลฉัน หลังจากนั้นลูกก็กำลังใกล้คลอด ฉันถูกคนพาไปส่งที่โรงพยาบาล หลังจากที่ลูกคลอดออกมาสามวัน ลูกก็ถูกผู้ชายคนนั้นแย่งไปแล้ว”

“ผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?” เย่ฉ่าวเฉินพูดตัดบทถามเธอ

มู่เวยเวยหวนรำลึกสักพักหนึ่ง พูดว่า”มองไม่ชัด เขาใส่หน้ากากสีเงิน แต่ว่าวัยรุ่นมาก น่าจะประมาณอายุสามสิบปี เป็นคนจีน”

“แล้วคือที่ไหน?”

มู่เวยเวยผงกศีรษะ “ไม่แน่ใจ น่าจะเป็นเกาะที่เงียบมาก”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว เกาะที่เงียบนับแล้วก็นับไม่ได้ หาทีละเกาะความยากก็มากแล้ว

”หลังจากนั้น?”

“หลังจากนั้นเขาก็ใช้ลูกมาข่มขู่ให้ฉันกลับมาหาคุณ ใช้เวลาครึ่งปีหาแผนที่ล้ำค่านั้นให้เจอ ยังทำหน้ากากที่เหมือนฉู่เหยียนตัวจริงให้ฉันหนึ่งอัน หลังจากนั้นเรื่องที่กลับมาเมืองAคุณก็รู้แล้ว”

เวลาช่วงนั้นผ่านไปช้ามาก แต่ว่าตอนนี้พูดขึ้นมา ไม่กี่คำก็ผ่านไปแล้ว

มู่เวยเวยนึกถึงลูกแล้วรู้สึกอีดอัดใจ “ระยะเวลาที่เขาให้ฉันเหลือแค่สองเดือนกว่า เวลาฉันมีไม่มากแล้ว สรุปคุณจะทำอย่างไร? ถ้าไม่ได้ คุณให้แผนที่ล้ำค่าส่วนที่เหลือกับฉัน?”

เย่ฉ่าวเฉินอยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา “ที่จริง ที่พวกเขาแย่งไปคือแผนที่ทั้งหมดนะ”

มู่เวยเวยลุกขึ้นจากโซฟา ถามอย่างประหลาดใจว่า”อะไรนะ? ทั้งหมด? แต่…..แผนที่ส่วนนั้นพวกเขาบอกว่าไม่ใช่สมบูรณ์แบบ”

เย่ฉ่าวเฉินผงกศีรษะ “ใช่ แผนที่ส่วนนั้นยังไม่สมบูรณ์ พ่อของฉันมอบให้ในเวลานั้น แผนที่ล้ำค่านั้นก็ขาดแล้ว”

“อย่างนั้นทำไมคุณถึงบอกว่าอีกส่วนอยู่ที่ห้องคลัง?”

“ฉันไม่พูดอย่างนั้น พวกเขาก็ยิงฉันนัดเดียวตาย ฉันจะมีชีวิตถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”

มู่เวยเวยมึนงง พูดอย่างไร นึกไม่ถึงว่าเธอทำเพื่อแผนที่ล้ำค่าที่ไม่มีอยู่จริงและยังลำบากเหน็ดเหนื่อย?

“อย่างนั้น ในเมื่อไม่มีของ พวกเราจะเอาอะไรไปแลกเอาลูกกลับคืนมา?”

เย่ฉ่าวเฉินได้ฟังที่เธอพูดว่า”พวกเรา”รู้สึกดีใจ กวักมือไปทางเธอ”เธอมานั่งนี่ ฉันจะบอกเธอ”

มู่เวยเวยจ้องเขาเขม็ง มู่เวยเวยเดินอย่างช้าๆไปนั่งที่หัวเตียง ห่างจากเขาไกลมาก

เย่ฉ่าวเฉินพบว่าเขาหาจุดอ่อนของมู่เวยเวยเจอแล้ว ดีใจอยู่เงียบๆสักพักหนึ่ง พูดอย่างจริงจังว่า”ฉันรู้ว่าแผนที่ล้ำค่าที่ขาดไปไม่มีอยู่ แต่ว่าฝั่งตรงข้ามไม่รู้ เธอเพียงแค่ยืดเวลาออก ก็พูดว่ากำลังหา ฉันทางด้านนี้ จะให้คนรีบออกตามหาลูก พวกเราเคลื่อนไหวสองทาง วางใจ เพียงแค่มีทิศทางคร่าวๆ ก็นับว่าพลิกหาเกาะนั้นแล้ว ฉันก็สามารถที่จะหาลูกเจอ”

มู่เวยเวยฟังที่เขาพูด ใจที่วิตกกังวลก็คลายลง ใจก็สงบขึ้น

“แต่ว่า ฉันยังต้องการให้เธอช่วย” เย่ฉ่าวเฉินพูดต่อ

“ช่วยอะไร? เพียงแค่สามารถช่วยลูกได้ อะไรฉันก็ทำได้หมด”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มให้กำใจเธอ “ที่จริงง่ายมาก ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่ เวลาที่เธอใกล้ชิดกับฉู่เซวียน พยายามที่จะเอาข่าวคราวที่จะออกจากปากเขาได้ ยังมีอีก ครั้งหน้าเวลาคุยกับฝั่งตรงข้าม บอกว่าอยากเห็นลูก ให้พวกเขาถ่ายคลิปกับรูปภาพมาเยอะๆ”

“อันนี้ได้……” มู่เวยเวยตอบตกลง แต่ว่าครั้งหน้าหมายความว่าอย่างไร?

เริ่มรู้ตัวว่าอะไรทันที มู่เวยเวยมองเย่ฉ่าวเฉินด้วยความโมโห “คุณแอบดูโทรศัพท์ฉัน?”

เย่ฉ่าวเฉินยอมรับทันที “ฉันก็ถูกเธอบังคับจนไม่มีวิธีการเลยต้องใช้แผนนี้ ……..ลูกชายฉันน่ารักมาก เธอตั้งชื่อให้เขาหรือยัง?”

พอพูดถึงเรื่องนี้ มู่เวยเวยรู้สึกแสบจมูก “เขาอยู่ข้างกายฉันเพียงแค่สามวัน ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปตั้งชื่อ…….ตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าเขาโตมากแค่ไหนแล้ว……”

พูดคำนี้ น้ำตาของมู่เวยเวยก็ไหลพรั่งพรูออกมา คาดว่าเหมือนในที่สุดก็หาคนที่รับฟังการระบายความในใจได้ คำพูดของเธอที่เก็บซ่อนไว้ก็เปิดออกมา “ตอนที่เขากำลังเกิดมาทำฉันตกใจแทบแย่ ร้องไห้ก็ไม่ร้อง ฉันคิดว่า….ฉันคิดว่าเขาเป็นอะไรไป ผลสรุปหมออุ้มเขาพาดที่บ่าตบเบาๆหลายครั้ง นึกไม่ถึงว่าเขาหัวเราะ…..หัวเราเหมือนกับทูตสวรรค์ ช่วงเวลานั้นฉันรู้ เขาเป็นเด็กที่แข็งแกร่งในโลกนี้……แต่…..”

มู่เวยเวยสะอื้นพูดไม่ออก เย่ฉ่าวเฉินเจ็บปวดใจ ดิ้นรนเคลื่อนตัวไปอยู่ข้างกายเธอ ยื่นมือซ้ายออกมาโอบกอดเธอ พูดด้วยความอบอุ่นว่า”เขาไม่มีทางโทษเธอ เขาเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุด…..”

“อยู่ในโรงพยาบาลสามวัน เขาไม่เคยร้องไห้ หิวก็ไม่ร้อง กินนมแล้วก็นอนหลับอย่างว่านอนสอนง่าย….. ฉันไม่ใช่แม่ที่ดี ไม่ได้ปกป้องลูกของตัวเองดีๆ เขาถูกคนแย่งไปในเวลานั้น ร้องไห้เสียใจมาก…..แต่ทว่าฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย…….ฮือๆๆๆๆๆๆ”มู่เวยเวยซบอยู่ในอ้อมกอดของเขาร้องไห้ออกมา ร้องจนเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเจ็บปวดใจ

เย่ฉ่าวเฉินเสียงแหบแห้งพูดว่า”ไม่โทษเธอ เธอเป็นแม่ที่ดี เรื่องนี้โทษฉัน ฉันไม่สามารถทำหน้าที่พ่อได้ ฉันไม่ได้ปกป้องเธอกับลูกให้ดี ทั้งหมดคือความผิดของฉัน”

มู่เวยเวยกำหมัดแน่นทุบลงที่หน้าอกข้างที่ไม่มีบาดแผล “แน่นอนว่าต้องโทษคุณ ถ้าหากว่าคุณไม่มีแผนที่ล้ำค่านั้น ลูกของฉันจะเป็นตัวประกันได้อย่างไร? เพราะคุณ เป็นเพราะคุณ”

เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าในใจของเธอมีความแค้นเจ็บปวดและเกลียดชัง เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้ห้ามเธอ ให้เธอทุบลงที่หน้าอกของเขาตามสบาย รอจนมือของเธอไม่มีแรงแล้ว เสื้อของเขาบริเวณหน้าอกก็ชื้นเป็นวงกว้าง

เย่ฉ่าวเฉินใช้มือของเขาเช็ดน้ำตาให้เธอ จูบที่บริเวณน้าผากแล้วพูดว่า”ใช่ เป็นเพราะฉัน ฉันจะต้องเอาลูกกลับมาให้ได้ อย่าเป็นกังวล มีฉันอยู่”

มู่เวยเวยร้องไห้สะอึกสะอื้นพักหนึ่ง ความโมโหที่อยุ่ในใจลดลงมาบ้าง เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเขา รีบผละออกจากเขาแล้วพูดว่า”คุณพักผ่อนเถอะ ฉันจะกลับแล้ว”

เย่ฉ่าวเฉินรีบจับข้อมือเธอไว้ พูดเสียงเบาด้วยความอ้อนวอนว่า”คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม? ฉันจะไม่แตะต้องเธอ เวลานอนฉันแค่อยากกอดเธอ”

มู่เวยเวยปฏิเสธอย่างไม่ลังเลใจ สะบัดมือเขาออกเบาๆ ตาแดงก่ำมองเขาพูดว่า”ตอนนี้คือตอนกลางคืน คุณไม่ต้องฝันกลางวันแล้ว”

เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าตัวเองไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้ ถือโอกาสที่เธอยังเดินไม่ไกล พูดเสียงดังว่า”คืนนี้บางทีอาจจะอาฟเตอร์ช็อก เธอกลับไปที่ห้องก็ตั้งขวดเหล้าไว้ที่พื้นนะ พอขวดเหล้าล้มลงไปเธอก็จะตื่นขึ้นมา รู้ไหม?”

ตอบกลับเขามาเพียงแค่เสียงปิดประตู

เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจอย่างใจคอเหี่ยวแห้ง กลับมานึกถึงเรื่องที่เธอพูดถึงลูกเมื่อกี้ อดไม่ได้ที่จะภูมิใจขึ้นมา สมภาคภูมิที่เป็นลูกของเย่ฉ่าวเฉิน ขนาดคลอดออกมายังไม่เหมือนคนอื่น จะเป็นคนที่ทำเรื่องยิ่งใหญ่

ค่ำคืนที่แผ่นดินไหวผ่านไปยากที่จะนอนหลับ คนจำนวนไม่น้อยมีบ้านแต่ไม่สามารถกลับได้ อยู่ด้านนอกปูเสื่อยาวนอน ถึงเวลากลางคืน ฝนที่อดทนทั้งวันตกเทลงมาอย่างกะทันหัน ทำให้หลายอำเภอที่อยู่รอบเมืองAได้รับผลกระทบ ทั้งหมดถูกน้ำท่วมแล้ว

วันนี้เหนื่อยจริงๆ อาจจะเพราะการแกล้งทำอย่างนี้เป็นเวลานานถูกยกออกแล้ว เธอรู้สึกผ่อนคลายลงมาก เพราะฉะนั้นเลยหลับลึกมาก ขวดเหล้าที่ตั้งอยู่กระทบกันแล้วก็ยังไม่ตื่น

อาฟเตอรืช็อกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่สักพักก็จบลง โดยรวมไม่ได้มีผลกระทบที่รุนแรง

ในที่สุดเรื่องที่น่าหวาดกลัววุ่นวายเมื่อคืนก็ผ่านพ้นไปแล้ว ช่วงเช้า พระอาทิตย์ขึ้นตามปกติ

มู่เวยเวยยังคงใส่หน้ากากต่อ ลงมาด้านล่าง ตอนที่ยังช่วยลูกกลับมาไม่ได้ อยู่ด้านนอกเธอก็คือฉู่เหยียน ไม่แน่มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองเธออยู่ล่ะ? เกมส์นี้เธอก็เล่นต่อไปไม่ได้

เย่ฉ่าวเฉินฟื้นตัวดีมาก มู่เวยเวยลงมาก็เห็นเขานั่งอยู่ห้องรับแขกดื่มน้ำร้อนอยู่

“ทำไมคุณ…….” มู่เวยเวยมองเขาด้วยความประหลาดใจ ถึงจะเป็นคนเหล็ก ถูกเธอแทงไปหนึ่งที ก็ต้องนอนสามถึงห้าวันเถอะ เขายังไม่ถึงหนึ่งวันเลย

เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างลำพองใจว่า” นั่นต้องขอบคุณเะอที่ให้อภัย กำลังดีที่เมื่อวานมีดไม่ได้แทงลงไปในจุดอันตราย เพราะฉะนั้นก็นับว่ารุนแรงที่บริเวณผิวหนังบาดเจ็บ”

มู่เวยเวยเห็นสีหน้าของเขารู้สึกหงุดหงิดใจ “อย่างนั้นต้องการที่จะเพิ่มมีดอีกไหม?”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างอบอุ่น”ฉันรุ้ว่าเธอตัดใจทำฉันไม่ลง ให้ฉันมีดฉันเพิ่มมาอีก็ไม่ทำให้ฉันเป้นอันตราย”

“เย่ฉ่าวเฉิน หน้าคุณยังสามารถหนาได้กว่านี้?” มู่เวยเวยหันหน้าเดินไปทางห้องครัว

เขายังต้องการจะพูดอะไรอีก โทรศัพท์ในคฤหาสน์ดังขึ้นทันที

เย่ฉ่าวเแินลุกขึ้นเดินไปรับสาย เสียงร้อนรนใจของเย่ฉ่าวเหยียนดังกลับมา”ฮัลโหล? ใช่พ่อบ้านหวาง?”

“ฉ่าวเหยียน ฉันเอง”

เย่ฉ่าวเหยียนชะงักไปไม่กี่วินาที คาดว่ากำลังปรับอารมณ์ตัวเอง “พี่ ที่คฤหาสน์เป็นอย่างไรบ้าง? ฉันดูข่าวบอกว่าเมืองAเกิดแผ่นดินไหวแล้ว รุนแรงมาก”

เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าน้องชายเป็นห่วง ปลื้มใจมาก “ที่คฤหาสน์โอเคดีทุกอย่าง ทุกคนไม่เป็นอะไร แต่ว่าเมืองAเสียหายหนักมาก งานก่อสร้างหลายแห่งพังลงมา”

“ฉันเห็นในข่าวแล้ว พอเกิดแผ่นดินไหวฉันก็โทรหาพี่แล้ว แต่ติดต่อไม่ได้เลย โทรมาที่คฤหาสน์ก็ติดต่อไม่ได้ ” เย่ฉ่าวเหยียนอธิบายสาเหตุที่เขาเพิ่งจะโทรมาตอนนี้

เย่ฉ่าวเฉินมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “นายอยู่ทางนั้นดึกมากแล้ว รีบนอนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงกับพวกเราทางนี้”

“อืม อย่างนั้นผมวางแล้วนะ” เย่ฉ่าวเหยียนเงียบสักพัก พูดขึ้นว่า”พี่ ระวังความปลอดภัยด้วยนะ”

ในเวลารับประทานอาหาร ฉินหม่าปฏิบัติกับมู่เวยเวยอย่างมีมิตรไมตรีมากขึ้น ขนาดเย่ฉ่าวเฉินยังรับรู้ได้

“ฉินหม่า คุณอย่าเพิ่งยุ่งอยู่กับงานเลย ไปเรียกพ่อบ้านหวางกับจางเห่อมา” เย่ฉ่าวเฉินพูด

ฉินหม่าตอบรับคำ”ได้ค่ะ” รีบเร่งออกไปเรียก

“คุณคิดจะทำอะไร?” มู่เวยเวยรับประทานซาลาเปาอยู่ถามขึ้น

เย่ฉ่าวเฉินมองเธอแวบหนึ่ง “รอสักครู่เธอก็รู้เอง”

“ชิ”มู่เวยเวยเหยียดหยาม

ทั้งสามคนยืนอยู่ในห้องอาหาร เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างจริงจังว่า”คิดว่าเมื่อวานพวกคุณคงรู้เรื่องตัวตนที่แท้จริงของฉู่เหยียนแล้ว แต่ฉันนอกจากพวกคุณทั้งสามคนแล้วฉันไม่อยากให้มีคนที่สี่รู้เรื่องนี้ ต่อไปไม่ว่าจะอยู่ที่คฤหาสน์หรืออยู่ด้านนอก เธอก็ยังคงเป็นฉู่เหยียน เข้าใจใช่ไหม?”

“ทราบแล้ว คุณชาย” ทั้งสามคนโค้งตัวลงตอบกลับ

“โอเคแล้ว ไปทำงานเถอะ จางเห่อ อีกสักครู่เตรียมรถด้วยนะ ฉันจะออกไปข้างนอก”

จางเห่อเงยศีรษะขึ้น”คุณชาย แผลของคุณยังไม่หายดีเลย”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset