พื้นผิวทะเลเงียบผิดปกติในตอนเช้าตรู่ มีนกทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนบินขึ้นบินลงหาอาหารอยู่ไกลๆ ในบางครั้งก็บินมาวนเวียนอยู่บนท้องฟ้าเหนือเรือยอชต์ มีนักท่องเที่ยวเอาขนมปังฉีกให้เป็นอาหาร จากนั้นก็ถือโอกาสให้เพื่อนร่วมทางถ่ายรูปให้ตัวเอง
สี่สิบนาทีกว่าต่อมา เรือยอชต์ก็เทียบท่า เย่ฉ่าวเฉินสวมหมวกกับเหยี่ยวราตรีตามนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งไป
หลังจากทั้งสองแกล้งเป็นเดินชมทัศนียภาพ แล้วพบว่าไม่มีคนสะกดรอยตามมา ก็ซื้อไอศกรีมหนึ่งแท่งแล้วเดินเข้าไปในเกาะเล็กๆ ลึกขึ้น พลางทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปพลางเดินถ่ายรูปไป หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็ส่งไปให้มู่เวยเวยอย่างรวดเร็ว
น่าเสียดาย มู่เวยเวยไม่คุ้นเคยกับรูปถ่ายที่เขาส่งมา
“พี่ใหญ่ คุณดู” เหยี่ยวราตรีกระซิบเขา ใช้สายตามองไปทางถนนที่มีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่น
ถนนสายนี้ไม่เหมือนสายอื่น ไม่มีคนขายของตามถนน และไม่มีผู้สัญจรไปมา มองผ่านต้นไม้สูงเขียวชอุ่มไป ดูเหมือนจะมีอาคารยุโรปสีขาวอยู่ด้านในหนึ่งหลัง
“ไป ไปดูกันหน่อย”
เย่ฉ่าวเฉินหยิบแว่นกันแดดของเขาออกจากกระเป๋าและสวมใส่ พูดกระซิบว่า “พูดภาษาญี่ปุ่นได้เหรอ? ”
“นิดหน่อย”
“ไม่เป็นไร ฉันพูดได้” เย่าฉ่าวเฉินพูดจบประโยคนี้ ก็เปลี่ยนเป็นภาษาญี่ปุ่นทันที บอกว่าอากาศที่นี่ร้อนมาก ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมากต่างๆ นานา
เหยี่ยวราตรีสามารถใช้ภาษาได้แค่ในชีวิตประจำวันเท่านั้น ไม่ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะพูดอะไร เขาก็ดีอกดีใจ โอเค โอเค
เมื่อเดินเข้าไปเกือบจะถึงหน้าประตูคฤหาสน์ เย่ฉ่าวเฉินใช้ภาษาญี่ปุ่น “มา ฉันจะถ่ายรูปให้คุณ”
เหยี่ยวราตรีฟังออกอย่างฝืนใจ ชูสองนิ้วยืนอยู่หน้ากล้อง เย่ฉ่าวเฉินถ่ายรูปแล้วพูดว่า “ถอยหลังไปหน่อย แสงไม่ค่อยดี……โอเค ไปข้างหลังอีก……”
เย่ฉ่าวเฉินปรับชัตเตอร์ให้มืดลงอย่างรวดเร็ว ในเลนส์กล้อง จู่ๆ ประตูเหล็กขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ก็เปิดออก ชายร่างใหญ่สองคนในชุดเสื้อแขนสั้นสีเขียวทหารเดินออกมา ผิวดำ เย่ฉ่าวเฉินถ่ายรูปและแสร้งทำเป็นไม่เห็นพวกเขา ยังแสดงภาพถ่ายให้เหยี่ยวราตรีดู
ไม่นานเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลัง นึกไม่ถึงว่าจะพูดภาษาจีน “ที่นี่ไม่อนุญาตให้อยู่ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
เย่ฉ่าวเฉินกับเหยี่ยวราตรีหันกลับไปมองเวลาเดียวกัน เย่ฉ่าวเฉินโค้งคำนับหนึ่งที ใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดว่า “คุณพูดอะไร? พวกเราไม่เข้าใจ”
ชายร่างใหญ่ทั้งสองถูกเย่ฉ่าวเฉินโค้งคำนับอย่างสุภาพมากให้เช่นนี้ ก็ใช้ภาษาอังกฤษอย่างไม่ค่อยดีว่า “ที่นี่ไม่ใช่เขตพื้นที่เยี่ยมชม กรุณาออกไปเดี๋ยวนี้”
เย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ “ขอโทษนะ พวกเราเห็นว่าวิวทิวทัศน์ที่นี่สวยมาก ไม่ทันระวัง ขอโทษด้วย”
“รีบออกไป” บอดี้การ์ดขับไล่พวกเขาแล้วชี้ไปที่ทางแยก
“OK พวกเราจะไปตอนนี้เลย” เวลาจะไปเย่ฉ่าวเฉินไม่ลืมที่จะโค้งคำนับขอโทษ จากนั้นก็พูดกับเหยี่ยวราตรีว่า “ไปกันเถอะ เราไปดูที่อื่นกันเถอะ”
โค้งคำนับหนึ่งทีแล้วกลับไปที่ทางเดิม เย่ฉ่าวเฉินมองเห็ร้านอาหารทะเลร้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว พอดีกับที่จะไปทานข้าว
เข้าไปในร้าน พนักงานสาวสวยแต่งตัวร้อนแรงพาทั้งสองไปยังที่นั่งว่าง เย่ฉ่าวเฉินถอดหมวกและแว่นกันแดดออก สุ่มสั่งอาหารทะเลพิเศษในท้องถิ่นสองสามอย่าง สั่งน้ำมะพร้าวเย็นอีกสองแก้ว สาวสวยใช้ภาษาอังกฤษพูดว่า”รอสักครู่”แล้วก็ไป
“คุณเห็นว่ายังไง? ” เย่ฉ่าวเฉินพลางถามเหยี่ยวราตรีไปด้วย พลางส่งภาพถ่ายให้มู่เวยเวยไปด้วย
เหยี่ยวราตรีพูดอย่างระมัดระวังว่า “น่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของแซ่เซี่ย”
“ถ้าสถานที่ถูกยืนยันแล้ว ตอนกลางคืนฉันจะเข้าไปดูหน่อย”
เหยี่ยวราตรีกังวลใจเล็กน้อย “อันตรายเกินไป ฉันเพิ่งสังเกตว่า ถนนนั้นมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดอยู่หลายตัว ไม่ต้องพูดถึงด้านใน”
“ฉันมีวิธีของฉัน” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเรียบๆ เวลานี้แจ้งเตือนโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มู่เวยเวยส่งกลับมา
เหมือนที่ที่ฉันถูกพาไป แต่ฉันไม่แน่ใจ คฤหาสน์หลายหลังมีลักษณะคล้ายกันมาก
รู้แล้ว
เย่ฉ่วเฉินเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า เหลือบมองพนักงานสาวสวยที่กำลังทักทายลูกค้าอยู่ใกล้ๆ พูดเบาๆ กับเหยี่ยวราตรีว่า “เดี๋ยวคุณใช้ชั้นเชิงพูดกับเธอหน่อย”
เหยี่ยวราตรีพยักหน้า
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ท่าทางที่ดูดีของเย่ฉ่าวเฉินจะเหมาะสมมาก แต่ตอนนี้ เป็นเหยี่ยวราตรีลงมือจะดีกว่า
ถือน้ำมะพร้าวที่เย็นสดชื่นเข้ามา เหยี่ยวราตรีส่งสายตาเร่าร้อนให้พนักงานเล็กน้อย สาวสวยยิ้มให้เขาอย่างสดใส
รอครั้งที่สองให้สาวสวยยกกุ้งมังกรตัวใหญ่มา เหยี่ยวราตรีก็ใส่ทิปไว้ที่ขอบกระโปรงที่ดูไม่เรียบร้อยของสาวสวย
สาวสวยเห็นจำนวนเงิน ก็รีบพูดภาษาอังกฤษว่า “ขอบคุณขอบคุณ”
เมื่ออาหารหมดจานแล้ว เหยี่ยวราตรีก็เรียกสาวสวยมา “เราเป็นนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น รบกวนสอบถามหน่อยว่าที่นี่ของพวกคุณมีที่ไหนที่สนุกๆ ไหม? ”
สาวสวยแนะนำอย่างกระตือรือร้นมาก “ช่วงบ่ายพวกคุณสามารถไปรดน้ำได้ ชมโลกใต้ทะเลที่สวยงาม ถึงตอนเย็น ที่นี่มีเต้นระบำที่ครึกครื้นมาก”
“ขอบคุณ เราไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในตอนเช้า สวยมากจริงๆ ” เหยี่ยวราตรีลังเลเล็กน้อย ชี้ไปทางถนนที่มีร่มไม้ที่เพิ่งออกมาเมื่อกี้ “ฉันเห็นถนนทางด้านนั้นสวยมาก เพิ่งจะไปถ่ายรูป ทำไมถึงถูกขัดขวางล่ะ? ”
สาวสวยมองไปตามที่เขาชี้ รอยยิ้มบนใบหน้าจางลงทันที อีกทั้งมองไปรอบๆ ก้มลงมาพูดว่า “อย่าไปทางด้านนั้นเลย ในนั้นเป็นอาณาบริเวณของเซี่ย เขาไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าไป”
“เซี่ย? ” เหยี่ยวราตรีแกล้งทำเป็นไม่รู้จึงถาม “ฟังดูดุร้ายมาก เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลพวกคุณที่นี่เหรอ? ”
“ไม่ใช่ แต่เขาน่ากลัวยิ่งกว่าเจ้าหน้าที่ที่ดูแล พวกคุณอย่าไปกวนเลย” สาวสวยพูดสิ่งเหล่านี้จบ รีบออกไปโดยเร็ว เธอไม่อยากให้เกิดภัยกับตัวเอง
เย่ฉ่าวเฉินกินอาหารด้วยสีหน้าเย็นชา มองหน้ากับเหยี่ยวราตรี แล้วไม่พูดอะไรอีก
ยามค่ำคืนมาถึงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนสนุกสนานกับการเต้นระบำแบบท้องถิ่นในบาร์กลางแจ้ง แล้วก็กลับไปที่โรงแรม
ดึกสงัด เกาะที่สนุกครึกครื้นก็เงียบสงบลง ในบรรยากาศมีกลิ่นของทะเล ได้ยินเสียงคลื่นทะเลและเสียงลม
เงาดำก็มาถึงกำแพงคฤหาสน์ด้านนอก ในเวลาชั่วพริบตา จู่ๆ ก็หายไป
ปรากฏตัวอีกครั้ง ก็คือด้านในคฤหาสน์
เย่ฉ่าวเฉินซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ สังเกตสภาพและการป้องกันอย่างจริงจัง ที่นี่เป็นป่า จะไปถึงบริเวณคฤหาสน์ ต้องผ่านสนามหญ้า แต่มีบอดี้การ์ดสี่คนพร้อมปืนลาดตระเวนอยู่ เป็นเรื่องยากมากที่จะผ่านไปอย่างปลอดภัย ในเวลานี้เขาไม่จำเป็นต้องบุ่มบ่ามกับความเสี่ยงอย่างนี้
เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองไปที่ห้องที่ไม่มีแสงสว่างในคฤหาสน์อันห่างไกล หลับตาสีม่วงลง
ห้องที่เข้ามานี้เล็กมาก ทว่ามีสองเตียง ผู้หญิงหลับสนิทอยู่ด้านบน อายุไม่มาก ถอดเสื้อผ้าวางไว้บนม้านั่งเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ
ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นคนรับใช้ที่อยู่ที่นี่
เย่ฉ่าวเฉินดึงประตูเปิดออกไปอย่างเบาๆ ในคฤหาสน์เงียบสงัด ไม่มีใคร
นี่คือนี่คือมุมเดียวของคฤหาสน์ เป็นที่อยู่ของคนรับใช้ เช่นนั้นตามที่คุ้นเคย เดินไปตรงกลางก็จะเป็นห้องรับแขก ชั้นสองชั้นสามน่าจะห้องนอนของเจ้าของบ้าน
เย่ฉ่าวเฉินไม่สามารถใช้ความสามารถมากเกินไป ได้แต่อาศัยขาทั้งคู่เพื่อเข้าใกล้ชั้นสองเล็กน้อย
คฤหาสน์ทั้งหมดนี้มีสี่ชั้น เดินไปทางทิศตะวันตกและตะวันออก ชั้นสองมีเพียงสามห้องนอน นอกจากนี้ยังมีหนึ่งห้องรับแขกที่กว้างขวาง มีเครื่องปั้นดินเผาจีนหลายชิ้นในวางโชว์อยู่ในห้องรับแขก มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นของโบราณ ราคาไม่เบา
เย่ฉ่าวเฉินมาถึงหน้าประตูห้องหนึ่ง หมุนประตูเบาๆ เปิดออก
ในด้านในห้องไม่ได้เปิดไฟ ห้องนี้ใหญ่กว่ามาก เตียง โซฟา ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำทุกอย่างเพียบพร้อม เตียงเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่ไม่มีคน ที่นี่น่าจะเป็นห้องพักของแขก
เย่เฉ่าเฉินออกมาอย่างผิดหวังเล็กน้อย แล้วขึ้นไปชั้นสามต่อ
ชั้นสามพื้นที่ใหญ่กว่าชั้นสอง มีแค่ห้องเดียวเท่านั้น พื้นที่ที่เหลือ เป็นสระว่ายน้ำในร่มขนาดใหญ่ เหนือสระว่ายน้ำเป็นกระจกใส เวลานี้เห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว
ถ้าเดาไม่ผิด ชั้นสามน่าจะเป็นห้องนอนของเจ้าของบ้าน
เย่ฉ่าวเฉินยืนแอบฟังอย่างระมัดระวังอยู่หน้าประตูสักพัก ทว่าไม่ได้ยินเสียงใดๆ ไม่มีใครอยู่ในนั้นเหรอ? สูดหายใจลึกๆ ค่อยๆ เปิดประตู
เป็นอย่างที่คิดไว้ เตียงไม่มีคน เดี๋ยวนะ ผ้าปูที่นอนไม่เป็นระเบียบแบบนั้น……
แย่แล้ว ถูกคนพบแล้วอย่างแน่นอน เย่ฉ่าวเฉินหันกลับวิ่งออกไป เพิ่งลงบันไดมา คฤหาสน์ที่มืดสลัวก็สว่างขึ้นทันที แสงสว่างเข้ามาในตาของเขา
“กล้าบุกเข้ามาในอาณาบริเวณของเซี่ยซื่อเย่
ตอนนี้ชายคนหนึ่งในชุดนอนอยู่บ้านปรากฏตัวขึ้นหลังแสงจ้า ถึงแม้จะเรียกว่าเซี่ยซื่อเย่ แต่ผู้ชายคนนี้ดูอายุแค่สามสิบกว่าเท่านั้น รูปร่างสูงทรงพลัง ใบหน้า หน้าตาเหมือนลูกครึ่งมาก
“อย่ายิง มีเรื่องปรึกษากัน” เย่ฉ่าวเฉินยกมือขึ้นและยอมจำนน เห็นกล้องวงจรปิดที่มุมบันได เขาประมาทเกินไป
“คุณเป็นคนจีนใช่ไหม? เหมือนว่าเป็นคนร่วมชาติกัน ฉันจะให้โอกาสคุณ พาเขาลงมาหาฉัน” เซี่ยซื่อเย่หันลงไปชั้นล่าง บอดี้การ์ดสองคนพร้อมปืนลงมาข้างล่างกับเขา
ถึงห้องรับแขกชั้นสอง เซี่ยซื่อเย่จ้องมองเขาด้วยดวงตาเหมือนหมาป่า ถามเบาๆ ว่า “มาเยี่ยมเยียนกลางดึก มีอะไรให้รับใช้เหรอ? ”
เย่ฉ่าวเฉินทำตัวสบายๆ ยิ้มนิดๆ พูดว่า “ได้ยินมาว่าเซี่ยซื่อเย่มีแผนที่สมบัติ ฉันอยากจะยืมมาดูหน่อย”
มีความสงสัยและประหลาดใจในแววตาของเซี่ยซื่อเย่เล็กน้อย “แผนที่สมบัติอะไร? ”
เย่ฉ่าวเเช็กสังเกตอาการของเขาอย่างรอคอย พูดว่า “ทำไมเซี่ยซื่อเย่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วยล่ะ? คุณเพิ่งจะคว้าแผนที่สมบัติจากในมือเย่เฉ่าเฉินเมื่อไม่นานมานี้ คุณคิดว่าฟ้าไร้ตะเข็บเหรอ? แต่บนโลกใบนี้ไม่มีกำแพงไหนปิดสนิทหรอก? ”
เซี่ยซื่อเย่ประหลาดใจมากยิ่งขึ้น “เย่ฉ่าวเฉิน? ที่คุณพูดคือ……เย่ฉ่าวเฉินคนนั้นที่โด่งดังมากในเมืองAอะเหรอ? ”
“แน่นอนว่าเป็นเขา” เย่ฉ่าวเฉินจับความประหลาดใจในสายตาของเขาได้ ในใจอดไม่ได้ที่จะสงสัย เซี่ยซื่อเย่คนนี้ไม่ใช่คนที่ตนเองตามหาเหรอ?
เซี่ยซื่อเย่เริ่มเดินในห้อง “คุณบอกว่ามีคนแย่งแผนที่สมบัติจากเย่ฉ่าวเฉินไปเหรอ? ”
“คงไม่ใช่คุณใช่ไหม? ” เย่ฉ่าวเฉินถามกลับ
เซี่ยซื่อเย่หยุดเดิน “คุณมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินฉัน? ”
“พูดตามความจริง ฉันได้ยินข่าวมาว่า แผนที่สมบัตินี้ถูกส่งไปยังเกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก อำนาจของคนคนนี้เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ ยังมีเชื้อสายจีน ฉันรู้สึกว่าเซี่ยซื่อเย่เป็นไปได้มากที่สุด ดังนั้น……”
เซี่ยซื่อเย่ได้ยินคำพูดของเขา “คุณทึกทักเอาเองเกินไป หมู่เกาะเล็กๆ มากมายในมหาสมุทรแปซิฟิก ฉันเป็นคนจีนคนเดียวที่มีอิทธิพลเหรอ? ”
“ไม่ใช่คุณจริงๆ เหรอ? ” คำพูดนี้ของเย่ฉ่าวเฉินออกมาจากใจจริง
เซี่ยซื่อเย่หัวเราะ “ถ้าเป็นฉัน คุณคิดว่าฉันจะเสียเวลาคุยกับคุณ นานขนาดนี้เลยเหรอ? ก็เอาคุณโยนลงบ่อจระเข้แล้ว น้อยคนบนโลกที่จะรู้ความลับนี้”
ความหดหู่ก็เข้ามาในใจ ผิดแล้ว ข่าวผิดพลาด
เซี่ยซื่อเย่เห็นใบหน้าของเขาหดหู่ลง ก็พูดว่า “อย่าหงุดหงิดไปเลย ตอนนี้ทางออกเดียวของคุณคือคายทุกสิ่งที่คุณรู้ออกมา บางทีฉันอาจจะปล่อยคุณไปก็ได้”
เย่ฉ่าวเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับยอมรับชะตากรรม “สิบกว่าปีก่อน มีข่าวซุบซิบมาว่า ในมุมหนึ่งของโลกมีขุมทรัพย์ของประเทศศัตรู แล้วก็มีผู้คนมากมายที่กำลังตามหาสมบัติชิ้นนี้ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ผู้คนที่เข้าร่วมในการค้นหาในภายหลังได้หายตัวไปอย่างลึกลับ แม้แต่เสียชีวิตโดยเหตุสุดวิสัย ฉะนั้นข่าวคราวก็เลยหายไป”
การแสดงออกของเซี่ยซื่อเย่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างอยู่ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
“พูดต่อสิ”
ก่อนหน้าที่เย่ฉ่าวเฉินพูดนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เพียงแค่เก็บซ่อนความจริงบางส่วนไว้
“ฉันคิดว่าสมบัตินี้จะถูกฝังไว้ในพื้นดินตลอดไป ไม่คาดคิดว่าสิบกว่าปีต่อมา จู่ๆ ฉันก็ได้ยินว่ามีคนแย่งแผนที่สมบัติจากเย่ฉ่าวเฉินไป ฉันจำได้ว่ามีคนเคยบอกฉันว่า ในปีนั้นพ่อแม่ของเย่ฉ่าวเฉินก็เป็นส่วนหนึ่งของการล่าสมบัติเช่นกัน แต่ต่อมาก็ตายไป สัญชาตญาณบอกฉันว่า แผนที่สมบัติชิ้นนี้ต้องเป็นของจริง”
“งั้นคนที่แย่งชิงแผนที่สมบัติไปล่ะ? ” เซี่ยซื่อเย่สอบถาม
เย่ฉ่าวเฉินส่ายหัว “อีกฝ่ายเป็นใคร ฉันก็ไม่มีข่าวที่แม่นยำ เพียงแต่……ฉันรู้ว่าหนึ่งในนั้นมีหนึ่งคนที่ชื่อจางเหิง เป็นลูกน้องของเจ้านายฝ่ายตรงข้าม”
“จางเหิง? ” เซี่ยซื่อเย่กัดฟันเบาๆ พูดสองคำนี้ ดูเหมือนจะค้นหาคนคนนี้ในสมอง “จางเหิง จางเหิง……สองพยางค์เหรอ? ”
เย่ฉ่าวเฉินยักไหล่ “ไม่รู้สิ”
เซี่ยซื่อเย่เงียบแล้วถามเขาอย่างเสียเวลามาก “พูดจบแล้วเหรอ? ”
“พูดจบแล้ว”
“คุณแน่ใจ? ” เซี่ยซือเย่ยิ้ม ทว่าเย่ฉ่าวเฉินฟังความหน้าเนื้อใจเสือเขาออก
“คุณคิดจะทำอะไร? ”
เซี่ยซื่อเย่พูดกับบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า “ในเมื่อคุณพูดสิ่งที่รู้ออกมาหมดแล้ว งั้นก็ไม่มีค่าอะไรแล้ว ก็ให้เป็นอาหารลูกของฉันจะดีกว่า พวกคุณจับเขาโยนลงไปในบ่อจระเข้ พอดีเลยพวกเด็กๆ หิวมาหลายวันแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าเย็นชา “คุณพูดแล้วไม่รักษาสัญญาเหรอ? ”
เซี่ยซื่อเย่ผายมือออก “เมื่อกี้นี้ฉันแค่บอกว่าจะพิจารณา แน่นอนไม่ได้บอกว่าฉันต้องปล่อยคุณไป เพื่อน ทำไมคุณไร้เดียงสาขนาดนี้ เมื่อมาแล้วก็ไม่ต้องถาม ไม่มีใครที่บุกเข้ามาในตระกูลเซี่ยของฉันที่สามารถรอดชีวิตออกไปได้”
เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจอย่างเย็นชา “ฉันคิดว่าเซี่ยซื่อเย่จะเป็นผู้ชายที่คำพูดมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมาก ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้ เป็นคนไม่รักษาคำพูด
บางทีประโยคหลังนี้อาจจะเป็นการยั่วโมโหเซี่นซื่อเย่ เขาตวาดด้วยความโกรธมาคำนึง “ยังยืนเซ่อทำอะไรล่ะ? พาเขาไปให้พ้นฉัน”
คนด้านหลังสองคนเข้ามาคว้าเย่ฉ่าวเฉิน แต่เย่ฉ่าวเฉินจะปล่อยให้ถูกจับมัดมือได้ยังไง? หันกลับมาแล้วต่อสู้กับพวกเขา
เซี่ยซื่อเย่มองด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่ครู่หนึ่ง หลบกระสุนปืนของบอดี้การ์ดด้านข้างโดยตรง และเหนี่ยวไกไปที่ร่างของเย่ฉ่าวเฉิน
“ปัง——”
ชั่วพริบตาที่เสียงปืนดังขึ้น เย่ฉ่าวเฉินก็หายตัวไปต่อหน้าฝูงชนอย่างไร้สุ้มเสียง
คนทั้งหมดนิ่งอึ้งไป เซี่ยซื่อเย่ก็ไม่เว้น คิดว่าตนเองตาลาย ยังตั้งใจขยี้ๆ ตาอีก คนได้หายสาบสูญไปจริงๆ
เขาเดินไปยังสถานที่ที่เย่ฉ่าวเฉินและบอดี้การ์ดทั้งสองชกต่อยกันเมื่อกี้ ถามด้วยใบหน้าที่สับสนงุนงงว่า “คนล่ะ? ”
บอดี้การ์ดสองสามคนพูดไม่ออก “เมื่อกี้ เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้เลย ทำไมจู่ๆ ก็…..”
“เพีเช็กะ——”เสียงดังของฝ่ามือหนึ่งตบไปที่หน้าของบอดี้การ์ด เซี่ยซื่อเย่กล่าวด้วยฝ่ามือที่เจ็บปวด “ไม่ใช่ความฝัน หรือว่าจะเจอผี? ”
กลุ่มคนทั้งหมดไม่พูดจา แต่บนใบหน้าปรากฏให้เห็นถึงสีหน้าที่หวาดกลัว พวกเขากำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดอย่างมาก แน่นอนว่ายิ่งทำให้เชื่อเรื่องผีสางเทวดา
ตอนนี้ปรากฏเรื่องที่เกินความคาดหมาย เย่ฉ่าวเฉินที่อยู่ในใจของพวกเขา ไม่ใช่เทพเจ้าแล้วยังถูกระบุว่าเป็นผีด้วย
“รีบค้นหาทั่วทั้งเกาะทันที ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะบินได้จริงๆ ”
“ครับ” กลุ่มคนทั้งหมดรับคำสั่งและกระจายกำลังกันทันที
เวลานี้ เย่ฉ่าวเฉินกำลังวิ่งอย่างรวดเร็วบนถนนที่ไม่มีคน มาถึงโรงแรมก็ไม่ได้มีทางเข้าด้านหน้า จึงเข้าจากด้านหลังโรงแรมโดยตรง จึงเข้าไปที่ห้องตนเองอย่างรวดเร็ว
ในห้อง เหยี่ยวราตรีที่รอยคอยอย่างร้อนใจมาโดยตลอด เห็นเย่ฉ่าวเฉินกลับมา ก็ระงับความตกใจภายในใจแล้วถามเขาว่า “เจ้านาย เป็นยังไงบ้าง? ”
เย่ฉ่าวเฉินถอดเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วไปพลาง พูดไปพลาง “ผิดแล้ว ไม่ใช่แซ่เซี่ย”
เหยี่ยวราตรีสีหน้าไร้ความรู้สึกไปสองสามนาที ความรู้สึกผิดลึกๆ ก็พรั่งพรูขึ้นมา
เย่ฉ่าวเฉินนำเสื้อผ้ากดไว้ด้านล่างฟูกที่นอน ตบๆ ไหล่เขาแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเรื่องราวมันไม่ง่ายขนาดนั้น”
“เจ้านาย ขอโทษด้วย ฉัน…..”
เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้าห้องน้ำเริ่มโกนหนวดและถอนคิ้วปลอม พูดเรียบๆ ว่า “อย่าเพิ่งรับกล่าวขอโทษไปก่อน คุณฟังฉันบรรยาย ฉันนำเรื่องแผนที่สมบัติที่ถูกขโมยไปบอกกับเซี่ยซื่อเย่ เขาเป็นคนละโมบโลภมากแบบนี้ จะต้องไปหามือมืดเบื้องหลังตัวจริงได้อย่างแน่นอน อีกทั้งเขาก็คุ้นเคยกับสถานการณ์ทางด้านนั้น มีเขานำทาง พวกเราก็จะสามารถหาคนนั้นที่เป็นฝ่ายตรงข้ามได้”
ความรู้สึกไม่สบายใจของเหยี่ยวราตรีก็สูงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พูดสัญญาด้วยน้ำใสใจจริงว่า “เจ้านาย ครั้งนี้ฉันจะทำงานที่รับผิดชอบให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน”
“กลับไปนอนเถอะ ตามประสบการณ์ของฉัน ครึ่งคืนหลังของแซ่เซี่ยจะต้องค้นหาคนในทุกๆ โรงแรมอย่างแน่นอน ถึงอย่างไร ความประทับใจที่ฉันมอบให้เขานั้นน่าตกใจมากเกินไป”
“งั้นเจ้านายก็เข้านอนเร็วหน่อย”
“อืม”
เมื่อเอนตัวลงบนเตียง พลังสีม่วงในดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินก็หายไปทั้งหมด คืนกลับสู่สีน้ำทะเล เวลานี้ค่อนข้างดึกมากแล้ว แต่ทำไมเขากลับนอนไม่หลับ
เขาพึ่งพาเบอร์โทรศัพท์ที่มู่เวยเวยให้ไว้มากเกินไปอีกฝ่ายร้ายกาจและเจ้าเล่ห์กว่าที่เขาคิด เพื่อระงับไม่ให้มู่เวยเวยเปลี่ยนข้างไปชั่วคราว ดังนั้นจึงซื้อเบอร์โทรอีกเบอร์หนึ่ง
กำลังหลับสะลึมสะลืออยู่ จู่ๆ โรงแรมก็มีเสียงดังเอะอะโวยวาย เย่ฉ่าวเฉินลืมตามองเวลา เช้ามืดตีสี่
พวกเขามาช้าเกินไปเล็กน้อย
เสียงเปิดประตูและเอะอะโวยวายยิ่งเข้าใกล้ขึ้น ในจำนวนนั้นยังปะปนไปด้วยเสียงกรีดร้องของผู้หญิง ไม่ว่าใครที่ฝันหวานอยู่ถูกกลุ่มพวกโจรทำให้กระเจิดกระเจิง ล้วนก็มีปฏิกิริยาแบบนี้
“โครม——” ประตูของเหยี่ยวราตรีถูกผลักออก หลังจากสองนาที เสียงเท้าก็มาถึงหน้าประตูห้องของเขา เสียง”โครม”ดังขึ้นอีก ประตูถูกถีบเปิดออก
ไฟที่ผนังหน้าประตูถูกเปิด
เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้นจากเตียง มองคนสองคนที่เดินเข้ามาอย่างงัวเงีย บีบเสียงแล้วกล่าวถามด้วยภาษาอังกฤษว่า “พวกคุณเป็นใคร? ทำไมโผล่เข้ามาที่ห้องของฉัน? ”
ชายรูปร่างสูงใหญ่สองคนจ้องมองตาของเขาอยู่ครู่หนึ่ง จ้องมองตากัน ไม่ได้พูดอะไร แล้วหันเดินออกไป
สองคนนี้เขาไม่เคยเจอที่ตระกูลเซี่ยมาก่อน พวกเขาต้องการค้นหาคน วิธีที่เร็วที่สุดคือการหาคนที่ดวงตาคู่สีม่วง เพราะว่าบนโลกนี้ดวงตาสีม่วงหาได้ยากมาก
คืนนี้ ในที่สุดก็ผ่านไป
นอนต่ออีกสองชั่วโมงกว่า เสียงรถยนต์บนถนนจากที่ไกลๆ ส่งเสียงดังจากหน้าต่างเข้ามา ปลุกเข้าหูของเขาจนตื่น
เหยี่ยวราตรีไปเช็กเอาท์ที่หน้าเคาท์เตอร์ ถือโอกาสค่อนแคะว่าความสงบเรียบร้อยของที่นี่แย่เกินไปจริงๆ เมื่อพนักงานเคาท์เตอร์โรงแรมโค้งคำนับไม่หยุด เย่ฉ่าวเฉินสวมหมวกรีบเดินผ่านหน้าเคาท์เตอร์ไป
ทรมานมาทั้งคืนโดยไม่พบใคร เซี่ยซื่อเย่ไม่ยินยอมอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นจึงจัดกำลังคนที่ทำเรื่องในการเข้าออกเกาะเล็กๆ ตรวจสอบนักท่องเที่ยวทุกคนที่กลับไป
เย่ฉ่าวเฉินเห็นใบหน้าสองสามคนที่คุ้นเคยจากไกลๆ เป็นสมุนที่สถานที่เมื่อคืนวาน
เหยี่ยวราตรีพูดกระซิบด้านข้าง “คุณผ่านไปก่อน”
“พี่ชาย คุณผ่านไปก่อน ถ้าหากว่าเกิดเรื่อง ฉันก็จะได้ช่วยชีวิตได้”
“ไม่ต้อง ฉันอยากจะออกไปอย่างง่ายๆ ” เย่ฉ่าวเฉินตบเบาๆ ที่บ่าของเขา แสดงเจตนาให้เขาเดินไปข้างหน้า ตนเองเอียงไปหาแผงขายผลไม้ที่อยู่ด้านข้าง
คัดเลือกผลไม้ท้องถิ่นไปพลาง แอบสังเกตความเคลื่อนไหวของท่าเรือไปพลาง มองเหยี่ยวราตรีผ่านไปอย่างปลอดภัย จึงใช้ภาษาจีนถามเจ้านายว่า “อันนี้ราคาเท่าไร”
“เสาวรสครึ่งกิโลกรัมยี่สิบหยวน” เจ้านายตอบกลับ ถือโอกาสส่งถุงพลาสติกถุงหนึ่งให้เขา
เย่ฉ่าวเฉินแสร้งทำอยู่ไม่นาน เมื่อเจ้านายกำลังชั่งน้ำหนัก ผู้หญิงคนหนึ่งที่มองเขาอยู่ด้านข้างหลายครั้งก็รวบรวมความกล้าแล้วถามเขาเป็นภาษาอังกฤษว่า “คุณเป็นคนจีนหรือเปล่า? ”
เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองเธอ สาวสวยสูงๆ ผอมๆ คนหนึ่ง ผิวขาวหมดจดที่ตากแดดจนแดง สวมหมวกฟางใบใหญ่ๆ ใบหนึ่ง บนตัวแขวนกระเป๋าเป้หนึ่งใบ ดูแล้วก็คงเป็นแขกที่มาท่องเที่ยว
“ไม่ใช่ ฉันเป็นคนญี่ปุ่น” เย่ฉ่าวเฉินใช้ภาษาอังกฤษพูด
เด็กผู้หญิงดีอกดีใจขึ้นมาทันที ใช้ภาษาญี่ปุ่นแลกเปลี่ยนกับเขาโดยตรง “ฉันก็เป็นคนญี่ปุ่น อะ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะพบเพื่อนร่วมชาติที่นี่ วันนี้คุณจะกลับแล้วเหรอ? ”
“ใช่ นั่งเรือทางด้านนั้นออกไป” จู่ๆ เย่ฉ่าวเฉินก็มีแผนในใจ ทำท่าทีอ่อนโยนกับเด็กผู้หญิงคนนี้อย่างมาก “คุณล่ะ? ”
“ฉันก็จะกลับแล้ว พวกเราไม่ด้วยกันดีกว่า” เด็กผู้หญิงใช้สายตามองเข้าอย่างกระตือรือร้น
เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้นคำนับแล้วยิ้ม “นี่ช่างเป็นเกียรติกับฉัน”
จ่ายเงินแล้ว เย่ฉ่าวเฉินและหญิงสาวเดินไปยังท่าเรือ ทราบชื่อเด็กผู้หญิงคือยามากูชิ ฮิเดโกะ อยู่ที่ฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น เมื่อเด็กผู้หญิงถามเขา เย่ฉ่าวเฉินก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันชื่อซาโต้ อาศัยอยู่ในโตเกียว”
บางทีเย่ฉ่าวเฉินอาจจะหน้าตาดีเกินไป ยังไม่ทันถึงท่าเรือ สองสามคนเห็นก็เดินเข้ามา
แต่เย่ฉ่าวเฉินเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ พูดคุยกับเด็กผู้หญิง คล้ายกับว่าไม่พบความผิดปกติในนี้ จนกระทั่งมีเสียงคนคนหนึ่งเรียกเขา “คุณ หยุด”
ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินเป็นคนญี่ปุ่น ฝ่ายตรงข้ามพูดภาษาจีน แน่นอนว่าเขาจะต้องทำเป็นพูดไม่รู้เรื่อง
ฝ่ายตรงข้ามถูกยั่วให้โมโหเล็กน้อย ชักปืนเดินเข้ามา “ฉันบอกให้คุณหยุดไม่ได้ยินเหรอ? ”
เย่ฉ่าวเฉินมอฃเขาอย่างตกใจ รีบโค้งคำนับทีหนึ่ง ใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดอย่างคล่องแคล่วว่า “ขอโทษครับ มีเรื่องอะไรเหรอ? ”
ฝ่ายตรงข้างเพียงได้ยินว่าที่เขาพูดคือภาษาญี่ปุ่น ก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ลดละ และใช้สายตาที่เฉียบแหลมมองใบหน้าของเขา เค้าโครงของใบหน้านี้มีความละเอียดมากเกินไป รู้สึกว่ามีความคล้ายกับคนคนนั้นเมื่อคืนวานเป็นอย่างมาก
“เมื่อคืนวานคุณอยู่ที่ไหน? ” เขาถาม
เย่ฉ่าวเฉินมองเขาอย่างสงสัย บีบเสียงใช้ภาษาญี่ปุ่นตอบกลับว่า “ขอโทษด้วย ฉันฟังคำพูดของคุณไม่ออก พูดภาษาอังกฤษได้ไหม? ”
เด็กผู้หญิงหวังดีอย่างมากใช้ภาษาจีนที่ไม่ค่อยดีแปลให้ “ท่านนี้คือคุณซาโต้ เขาฟังคำพูดของพวกคุณไม่ออก สามารถถามเป็นภาษาอังกฤษได้ไหม? ”
“ข้าพูดไม่ได้” เขาส่งเสียงตวาดอย่างโมโหไปยังเด็กผู้หญิง หลังจากนั้นก็กวักมือเรียกคนสองคนเข้ามา เย่ฉ่าวเฉินเห็น สองคนนี้คือคนที่เคยลงมือกับเขา
“พวกคุณสองคนลองดูซิ เขาเหมือนคนเมื่อคืนวานไหม? ”
ชายรูปร่างสูงใหญ่ทั้งสองเดินมองเย่ฉ่าวเฉินรอบหนึ่ง ขมวดคิ้วพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “ส่วนสูงและรูปร่างคล้ายคลึงกันมาก รูปร่างหน้าตาก็คล้ายกันมาก แต่ว่า คนเมื่อวานดวงตาเป็นสีม่วงไม่ใช่เหรอ? นี่เป็นสีฟ้า”
“งั้นทำยังไงล่ะ? พวกเราหามาทั้งคืนแล้ว ขนเพียงเส้นเดียวก็ไม่เห็น กลับไปจะบอกกับเซี่ยซื่อเย่ยังไง? ”
อีกคนหนึ่งพูดกระซิบว่า “เมื่อคืนวานแปลกประหลาดมาก ตามที่ฉันเห็น คนคนนั้นวิ่งหนีไป เขาสามารถหายสาบสูญไปต่อหน้าพวกเรา ยังจะรอให้พวกเราจับอยู่อีกเหรอ? ”
สองคนที่เหลือพยักหน้าอย่างเห็นพ้องต้องกัน สายตาทั้งคู่มองค้างอยู่ที่เย่ฉ่าวเฉินสักพักแล้วพูดว่า “ไม่เช่นนั้น ก็จับเขากลับไปก็สิ้นเรื่อง ก็จะตัดปัญหาที่ซื่อเย่จะด่าพวกเรา”
“มีเหตุผลมีเหตุผล”
เด็กผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างฟังภาษาจีนออก ได้ยินการตัดสินใจของพวกเขา ก็รีบขวางตรงหน้าเย่ฉ่าวเฉินแล้วกล่าวว่า “พวกคุณทำแบบนี้ไม่ได้ พวกเราเป็นพลเมืองญี่ปุ่น ฉันจะไปฟ้องร้องพวกคุณที่สถานทูต”
ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะ “อาณาบริเวณนี้พวกเราเป็นใหญ่สุด ถึงแม้เอกอัครราชทูตของพวกคุณจะมา ก็ต้องเชื่อฟังคำพูดของซื่อเย่ของพวกเรา ไสหัวไป ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ไม่ พวกคุณทำแบบนี้ผิดกฎหมาย”
เย่ฉ่าวเฉินตบเบาๆ ที่บ่าของเธอ ใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดว่า “คุณยามากูชิ ฉันจัดการเรื่องนี้เอง”
ยามากูชิ ฮิเดโกะหันกลับไปมองเขาอย่างกังวลใจ หลีกทางให้อย่างจำใจ
เย่ฉ่าวเฉินหยิบกระเป๋าเงินจากในกระเป๋า ควักเงินตราท้องถิ่นที่มีอยู่ทั้งหมดจากด้านในออกมา แล้วก็เงินดอลลาร์อีกปึกหนึ่ง ยัดใส่มือคนหนึ่งในจำนวนนั้นอย่างเป็นกันเอง “รบกวนคุณช่วยผ่อนผันสักหน่อย ฉันมีประชุมที่สำคัญมากต้องกลับโตเกียวทันที ไม่สามารถล่าช้าได้”
ถึงแม้จะไม่เข้าใจคำพูดที่เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับ แต่เห็นการกระทำและสีหน้าที่แสดงออกของเขาก็รู้ว่าหมายความว่าอะไร เรียงๆ เงินในมือ และคนสองคนก็จ้องมองตากัน หลังจากนั้นก็เอียงตัวปล่อยให้ผ่าน
“ไสหัวไปเถอะ”
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มขอบคุณพวกเขา เดินไปยังท่าเรือ
ขึ้นเรือนำเที่ยวแล้ว เพิ่งถึงเวลาออกเรือ หลังจากเสียงหวูดแตรดัง เรือนำเที่ยวก็เคลื่อนไปช้าๆ เวลานี้ เย่ฉ่าวเฉินก็เห็นไม่ไกลมีรถRolls-Royceคันหนึ่งขับเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนหนึ่งที่ลงมาจากด้านใน คือเซี่ยซื่อเย่
เขายืนที่ท่าเรือสอดส่ายตามองเรือนำเที่ยว ข้ามท้องฟ้าทะเลสีคราม คล้ายกับว่าเย่ฉ่างเฉินจะรับรู้ได้ถึงดวงตาที่มืดครึ้มของเขา
“ผู้ชายคนนั้นบนดาดฟ้าของเรือคือใคร? ”
ลูกน้องรีบตอบกลับว่า “เป็นคนญี่ปุ่นคนหนึ่ง พวกเราเพิ่งบังคับซักถามไปเมื่อกี้ ถึงแม้ว่ารูปร่างเขาจะคล้ายมาก แต่หน้าตาไม่เหมือน อีกทั้งดวงตาเป็นสีฟ้า”
เซี่ยซื่อเย่หันกลับไปมองเรือนำเที่ยวอีกครั้ง ก็ไม่พบชายรูปร่างสูงคนนั้นบนดาดฟ้าเรือแล้ว
พลิกหาทั้งเกาะรอบหนึ่งแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะหาไม่พบ หรือว่าเขาจะเป็นผีจริงๆ?
ไม่ แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเชื่อเรื่องผี
“คำสั่งต่อไป คนอื่นๆ ในอาณาบริเวณ หาคนคนหนึ่งที่ชื่อจางเหิง และคนที่เคยกลับไปประเทศในช่วงนี้ ได้ข่าวแล้วแจ้งให้ฉันทราบทันที”
“ครับ ซื่อเย่”
บนเรือนำเที่ยว เย่ฉ่าวเฉินหาบริเวณที่มีคนน้อยๆ พูดคุยกับเหยี่ยวราตรี “คุณหน้าแบบนี้พวกเขาสามารถจำได้ จะมาบนเกาะอีกคงไม่ปลอดภัย คุณกลับไปแล้วควรส่งคนอื่นสองสามคนเข้ามา ทางที่ดีคือต้องสามารถเข้าไปด้านในของตระกูลเซี่ย
“ฉันเข้าใจแล้ว”
เหยี่ยวราตรีเหลือสายตาเห็นยามากูชิ ฮิเดโกะเดินเข้ามา ส่งสายตากับเย่ฉ่าวเฉิน
“คุณซาโต้ เมื่อกี้ฉันตกใจแทบแย่เลยจริงๆ โชคดีจริงๆ ที่คุณไม่เป็นไร” ยามากูชิ ฮิเดโกะพูดด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน
ท่าทีเย่ฉ่าวเฉินเย็นชาอย่างมาก แต่ยังคงกล่าวแบบขอไปทีว่า “เมื่อกี้ขอบคุณมากที่คุณช่วยเหลือ”