เจ้าของร้านครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า “เกือบห้านาทีแล้วมั้ง”
“ขอบคุณมากครับ” ก่อนที่เย่เฉาเฉินจะเดินไปถึงประตูเขาก็ถูกเจ้าของร้านเรียกไว้”เดี๋ยวก่อน”
เย่ฉ่าวเฉินนึกว่าจะมีข้อมูลอะไรเปิดเผยออกมา แต่เจ้าของร้านกลับพูดว่า “รบกวนคุณจ่ายค่าขนมปังหมูหยองด้วย”
“ทำไมฉันต้องจ่ายฉันไม่ได้ซื้อ” เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความประหลาดใจ
เจ้าของร้านยิ้มเจื่อน “ผู้ชายคนนั้นไม่ได้จ่ายเงินตอนออกไป บอกว่าถ้าคุณไม่มาหาเขาสามารถหักเอาจากโทรศัพท์ได้ แต่ถ้าคุณกลับมาและเอาโทรศัพท์ไปคุณจะต้องจ่ายเงิน”
เย่ฉ่าวเฉินอยากจะด่าสาปแช่ง “ไอ้เวรเอ้ย” แต่เมื่อคิดว่าขนมปังที่เขาซื้อไปอาจจะให้ผิงอันกินก็พร้อมจ่ายเงินให้ทันที
กาวินค่อนข้างเป็นคนที่มีความตื่นตัวและระมัดระวังตัวสูง ไม่รู้ว่ามันจับประเด็นอะไรได้จากคำพูดของจ้าวถิงอวี่หรือเห็นจากการที่จ้าวถิงอวี่ถูกไล่ล่า
ควบคุมอารมณ์ให้สงบลง เสียงผู้คนนับร้อยนับพันรอบด้านดังเข้าในโสตประสาท เสียงคุยกันที่มีทั้งเสียงหัวเราะร้องไห้และก่นด่า แต่ไม่ได้ยินเสียงที่ไร้เดียงสาและอ่อนนุ่ม
ไม่รู้ว่าผิงอันยังคงหลับอยู่หรือไม่ได้อยู่บริเวณแถวนี้?
ผ่านไปแค่ห้านาที ไอ้บ้านั้นมันไปหลบอยู่ที่ไหน?
เย่ฉ่าวเฉินเดินช้าๆไปตามทิศทางที่เจ้าของร้านเค้กบอก สักพักโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้นไม่ใช่เสียงเรียกเข้าที่เขาคุ้นเคย แต่เป็นโทรศัพท์ของกาวิน
หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เย่ฉ่าวเฉินกดรับทันที
ฝั่งนั้นไม่พูดอะไร เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่พูดอะไรเหมือนกัน แต่ได้ยินเสียงรถเสียงคนดังเข้ามา
สิบวินาทีต่อมาเสียงที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยในเวลาเดียวกันของกาวินก็ดังขึ้น
“เย่ฉ่าวเฉิน?”
“ใช่ ฉันเอง” เย่ฉ่าวเฉินกวาดสายตาไปบริเวณรอบๆ” ถ้าแกอยากได้อะไรให้มาลงที่ฉัน จับเด็กคนหนึ่งไปมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
“ได้ งั้นเอาเงินจำนวนห้าสิบล้านหยวนกับเฮลิคอปเตอร์หนึ่งเครื่องมาให้ฉัน แลกกับตัวของลูกชายแก”
เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างไม่ลังเล “ได้ ฉันรับข้อเสนอนี้ของแก”
อย่าว่าแต่ห้าสิบล้านหยวนเลย ถ้ามันต้องการห้าร้อยล้านหยวนเย่ฉ่าวเฉินก็ยอมให้ ไม่ใช่ต้องการเงินเหรอ? เงินหมดเขายังหามาใหม่ได้แต่ถ้าลูกได้เป็นอะไรไปแล้วไม่สามารถกลับมาได้อีกตลอดไป
“ประธานเย่ผู้ร่ำรวยมั่งคั่ง นึกไม่ถึงเลยว่าจะยอมรับข้อเสนออย่างง่ายดายขนาดนี้”กาวินพูดประชดประชัน
“ไม่ต้องพูดมาก จะให้โอนให้หรือให้เป็นเงินสด แล้วเจอกันที่ไหน”
“วันนี้ตอนห้าโมงเย็นฉันจะรอแกที่ชายหาดฉันต้องการเงินสดและฉันหวังว่าแกจะเอาเงินวางไว้มันบนเฮลิคอปเตอร์”
“ได้ ห้าโมงเย็นใช่ไหม ฉันไปแน่นอน หวังว่าแกจะรักษาคำพูดนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง”
เย่ฉ่าวเฉินด่าในใจ นักธุรกิจ? อย่าเป็นตัวทำให้นักธุรกิจมีมลทินมัวหมอง
“เดี๋ยวก่อน ฉันอยากฟังเสียงของผิงอัน เพื่อยืนยันว่าลูกฉันยังไม่เป็นอะไรไป”
เย่ฉ่าวเฉินขอร้องอีกฝ่าย
“เขากำลังนอนหลับอยู่”
“ไอ้สารเลว แกทำอะไรลูกฉัน” เย่ฉ่าวเฉินร้องตะโกนอยู่บนถนน ทำให้ผู้คนต่างหันมามองเขา
“เย่ฉ่าวเฉิน ถ้าแกอยากช่วยชีวิตลูกแก นี่เป็นโอกาสเดียวแล้ว อย่ามาเรียกร้องนู่นนี่นั่นกับฉันมากมาย ถ้าแกไม่เชื่อว่าลูกแกหลับอยู่งั้นตอนห้าโมงเย็นก็ไม่ต้องมาแล้ว” พูดจบกาวินก็ตัดสายทันที
เดิมทีกาวินอยากเอาผิงอันไปด้วยแต่เหตุการณ์ตอนนี้เขาทำสิ่งนี้ไม่ได้ คิดแล้วคิดอีกทำไมเขาถึงเอาลูกชายของเย่ฉ่าวเฉินมาเดิมพันกับชีวิตตัวเองด้วย? ถึงเป็นการแก้แค้นแต่จะคุ้มค่าอะไร สู้เอาเงินก้อนหนึ่งไปเริ่มชีวิตใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ
ทางด้านเย่ฉ่าวเฉินหลังวางสายด้วยความโกรธเขาเขวี้ยงโทรศัพท์ลงที่พื้นแตกออกเป็นชิ้นๆ
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายสองโมง ยังเหลือเวลาอีกสามชั่วโมงที่จะถึงเวลานัดหมาย
เตรียมแผนการทุกอย่างให้เรียบร้อยและมิดชิด ครั้งนี้ต้องเอากาวินมาชดใช้ในสิ่งที่เขาทำให้สาสม
เย่ฉ่าวเฉินโทรไปที่ธนาคารเพื่อเตรียมเงินทำเอาผู้จัดการธนาคารตกตะลึงใจ “ประธานเย่ต้องการเงินสดจำนวนมากในคราวเดียว ทางเราไม่มีเงินในคลังที่เพียงพอขนาดนั้นครับ”
“นั้นมันเป็นเรื่องของพวกคุณ รีบไปคิดหาวิธีของพวกคุณเถอะ อีกหนึ่งชั่วโมงผมจะไปถึงและถอนเงินออกมา”
อีกฝ่ายไม่ทันได้พูดอะไรเย่ฉ่าวเฉินก็ตัดสายทันที ทุกปีเขาฝากเงินกับธนาคารนี้เป็นจำนวนหลายร้อยล้านหยวน แต่ทำไมถอนออกมาแค่ไม่กี่สิบล้านถึงถอนไม่ได้ล่ะ
หลังจากนั้นเย่ฉ่าวเฉินโทรหามู่เทียนเย่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ มู่เทียนเย่เงียบไปชั่วขณะและพูดอะไรบางอย่าง เย่ฉ่าวเฉินเลยพูดตอบกลับ “นายคิดเหมือนกันกับฉัน”
“งั้นพวกเราไปเจอกันที่ธนาคาร หลังจากนั้นไปที่ชายหาดนั้นด้วยกัน ฉันอยากเห็นหน้าไอ้สารเลวนั้นเต็มทนแล้ว”
“โอเค แล้วเจอกัน”
เมื่อเตรียมเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เย่ฉ่าวเฉินก็ขับรถไปยังธนาคารที่นัดหมายกันไว้
เมื่อเห็นว่าเขามาถึงที่ด้วยตัวเองผู้จัดการธนาคารก็รีบเชิญเขาเข้าไปในห้องรับแขก เสิร์ฟชาและรินน้ำด้วยความกระตือรือร้น “ประธานเย่เดี๋ยวเงินสดจะเตรียมพร้อมในไม่ช้านี้”
“คุณเพิ่งพูดว่ามีไม่พอไม่ใช่เหรอ” เย่ฉ่าวเฉินพูดประชด
ผู้จัดการธนาคารยิ้มแห้ง “คือไม่ได้มีมากขนาดนั้นอ่ะครับ เพิ่งไปเอาจากสาขาอื่นมาเพิ่ม ถึงจะยากแค่ไหนพวกเราก็ไม่อยากให้ธุระของประธานเย่ล่าช้า”
ในความเป็นจริงพวกเขาไม่กล้าขัดลูกค้าคนสำคัญของธนาคาร ผลงานในปีหน้ายังต้องพึ่งพาเศรษฐีที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอยู่
“ผมมีบางเรื่องจะให้คุณช่วย”
“สั่งมาเลยครับประธานเย่”
เย่ฉ่าวเฉินเข้าไปกระซิบข้างหูของเขา
ผู้จัดการธนาคารทำสีหน้าแปลกๆ “ทำแบบนี้มันจะเหมาะสมเหรอครับ”
เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ทำไมจะไม่เหมาะสม คุณแค่ทำตามแบบนี้ก็พอ อย่างอื่นอย่าถามเยอะ อีกอย่างให้รถขนเงินไปส่งให้ผมด้วย เงินสดจำนวนมากรถของผมใส่ได้ไม่พอ”
“โอเคครับ อันนี้ไม่มีปัญหา”ผู้จัดการธนาคารตอบรับอย่างเต็มที่
“รีบไปสั่งการเถอะ เวลานี้ผมค่อนข้างรีบร้อน” เย่ฉ่าวเฉินพูดเร่งเขา
“รับทราบครับ เชิญประธานเย่นั่งรอก่อนนะครับ ผมจะรีบไปจัดการให้ครับ”
“อืม”
ในห้องรับแขกเหลือแค่เย่ฉ่าวเฉินคนเดียวเขากำลังคิดแผนการที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ่านไปประมาณสิบนาทีมู่เทียนเย่เดินเข้ามาในห้องด้วยสภาพเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
มู่เทียนเย่ถามเขาว่า”การเตรียมเงินเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ธนาคารกำลังทำเรื่องอยู่” เย่ฉ่าวเฉินชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ “เชิญนั่งก่อน”
มู่เทียนเย่กดน้ำดื่มแล้วถามว่า “ทำไมอยู่ๆเขาถึงต้องการเงินค่าไถ่ล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน” เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว “แต่นี่เป็นความคิดของคนปกติไม่เช่นนั้นมันจะเอาตัวผิงอันไปทำไม? ต้องการแก้แค้นฉัน?”
“บางทีมันอาจต้องการเลี้ยงดูผิงอันให้เติบโต แล้วให้กลับมาเพื่อหาทางแก้แค้นนายก็ได้”
เย่ฉ่าวเฉินมองเขาด้วยความงงงัน “มู่เทียนเย่ นายดูซีรีส์ดูละครเยอะเกินไปหรือเปล่า อะไรที่มันเวอร์เกินไปยังนึกออกมาได้”
“ฮ่าฮ่า ไม่ใช่เพราะดูซีรีส์ดูละครหรอก แต่เป็นเพราะอ่านนิยายต่างหาก หลังจากที่เสี่ยวซีหร่านตั้งครรภ์เขาก็ชอบอ่านนิยาย พออ่านจบก็มาเล่าให้ฉันฟัง ”
เย่ฉ่าวเฉินลองจินตนาการตามที่มู่เทียนเย่พูดก็นึกขำออกมา
สิบนาทีต่อมาผู้จัดการธนาคารกลับมาเขาถึงกับผงะเมื่อเห็นมู่เทียนเย่ เขาจึงเข้าไปจับมือทักทายอย่างกระตือรือร้น“ สวัสดีครับประธานมู่ ผมเคยได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะได้เจอตัวเป็นๆ”
“เอาล่ะ อย่าเพิ่งมาพิธีรีตองตอนนี้ เงินเตรียมพร้อมหรือยัง?” เย่ฉ่าวเฉินขัดจังหวะคำทักทายของเขา
ผู้จัดการธนาคารยิ้มอย่างเก้อเขิน แล้วปล่อยมือของมู่เทียนเย่และกล่าวว่า “พร้อมแล้วครับ เชิญท่านทั้งสองไปตรวจสอบได้เลยครับ”
“อืม”
“เชิญทางนี้ครับ”
ผู้จัดการธนาคารเชิญทั้งสองคนไปยังคลังเก็บเงินของธนาคารที่อยู่ด้านนอก มีบอดี้การ์ดคุ้มกันหลายคนและมีอาวุธครบมือคุ้มกันอยู่ มีกล่องหนาสิบกว่ากล่องวางอยู่บนโต๊ะ เย่ฉ่าวเฉินลองเปิดสุ่มหนึ่งกล่องข้างในมีธนบัตรร้อยหยวนรวมกันเป็นปึกๆ
“กล่องนี้มีห้าล้านหยวนครับ ส่วนสิบกล่องนั้นมีห้าสิบล้านหยวนครับ เชิญประธานเย่ตรวจสอบอีกครั้งครับ” ผู้จัดการธนาคารพูดตามกฎของธนาคาร
เย่ฉ่าวปิดกล่องที่เพิ่งตรวจสอบทั้งหมดแล้วพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เอาล่ะ เอาเงินทั้งหมดใส่เข้าในรถ แล้วตามฉันไป”
“รับทราบครับ” ผู้จัดการธนาคารรีบสั่งการบอดี้การ์ดให้ขนเงินใส่เข้าไปในรถ
หลังจากนั้นเย่ฉ่าวขับรถนำไปยังลานจอดที่ตกลงกันไว้ มีเฮลิคอปเตอร์จอดรอเรียบร้อยแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินสั่งการขนย้ายเงินสดสิบกว่ากล่องไปไว้ในเฮลิคอปเตอร์ที่พื้นที่ในห้องโดยสารมีน้อยมาก
“ของที่ฉันต้องการล่ะ” เย่ฉ่าวเฉินหันไปถามสายสืบของเขา
สายสืบของเขายื่นรีโมทขนาดเล็กให้เขาแล้วชี้ไปที่มุมที่ลับที่สุดแล้วพูดว่า “อยู่ตรงนั้นครับ”
“ติดตั้งเสร็จแล้วเหรอ?”
“เจ้านายวางใจได้เลยครับ ไม่มีปัญหาแน่นอน”
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า “โอเค”
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสี่โมงเย็น
“ออกเดินทางเถอะ” เย่ฉ่าวเฉินสั่งการ
“เจ้านายครับ ผมต้องการไปด้วย” สายสืบที่อยู่ข้างๆเขาพูดขึ้นมา “ผมตามหาไอ้สารเลวนั้นมาครึ่งปี ผมไม่เคยเจอตัวมันเป็นๆอยากไปเห็นว่าหน้าตามันเป็นยังไงครับ”
เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองเขาและในที่สุดก็ตอบตกลงตามคำขอของเขา”ขึ้นรถ เอ่อ แล้วฉู่เซวียนล่ะ?”
“อยู่ในรถคันนั้นครับ”
เย่ฉ่าวเฉินหันหน้าไปมอง ก่อนเดินไปที่คันนั้น “กาวินเตรียมตัวจะหนีแล้ว นายต้องการจะไปเจอมันเป็นครั้งสุดท้ายไหม?”
ฉู่เซวียนที่นั่งอยู่ในรถมองเขาด้วยความประหลาดใจ “นายจะพาฉันไปเหรอ?”
“แน่นอน หลังจากนี้นายอาจจะไม่ได้เจอมันอีกตลอดไป” เย่ฉ่าวเฉินพูดกล่อมเขาด้วยความหมายที่ลึกซึ้งแต่ฉู่เซวียนกลับไม่ได้ยิน เพราะจมอยู่กับความตื่นเต้นที่จะได้พบเจอกาวิน
“งั้นก็ได้ ฉันจะไปด้วย มีเรื่องอยากถามเขาอยู่พอดี”
“โอเค ฉันให้โอกาสนี้แก่นาย” พูดจบเย่ฉ่าวเฉินก็กลับไปขึ้นรถของตัวเอง พร้อมกับยิ้มมุมปากเบาๆ เหตุผลที่เขาให้ฉู่เซวียนไปด้วยมันง่ายนิดเดียว ถ้ากาวินยังแคร์ฉู่เซวียนอยู่เขาก็มีแต้มที่เหนือกว่า มีแต่ผลดีไม่มีผลเสีย
รถสองคันมุ่งหน้าไปที่ชายหาดที่นัดหมาย
ช่วงเวลาห้าโมงเย็น พระอาทิตย์กำลังตกดินเฉดสีส้มอมแดงตกกระทบไปที่ผืนน้ำทะเล
รถของเย่ฉ่าวเฉินจอดอยู่ที่ริมชายหาดเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรออกไปยังหมายเลขที่เขาจำได้แม่น ภายในพริบตาอีกฝ่ายก็รับสายอย่างรวดเร็ว”ฉันถึงชายหาดแล้ว แกอยู่ที่ไหน”
“เงินที่ฉันต้องการอยู่ที่ไหน?” กาวินถาม
“อยู่ในเฮลิคอปเตอร์”
“ดีมาก ฉันกำลังจะไป”
เย่ฉ่าวเฉินไม่ทันได้ถามว่าผิงอันอยู่ไหน อีกฝ่ายก็ตัดสายทันที
มู่เทียนเย่ที่เพิ่งฟังพวกเขาสนทนากันทางโทรศัพท์ก็หัวเราะเยาะออกมาพร้อมกับกวาดสายตามองผู้คนที่กำลังพักผ่อนบนชายหาด” มันเลือกสถานที่ได้ไม่เลวเลย พวกเราไม่สามารถทำอะไรมันได้”
เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจ “ตรงนี้ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าที่อื่นไม่ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้มู่เทียนเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรเขาก้มลงไปหยิบบุหรี่ในรถออกมาหนึ่งซองแล้วยื่นบุหรี่หนึ่งม้วนให้เย่ฉ่าวเฉิน แต่เย่ฉ่าวเฉินส่ายหัวปฏิเสธ “ฉันเลิกสูบแล้วมู่เวยเวยไม่ชอบให้บนตัวฉันมีกลิ่นของบุหรี่”
มู่เทียนเย่โยนบุหรี่กลับเข้าไปในรถ จริงๆแล้วตัวเขาเองก็เลิกสูบแล้วแต่มองดู เย่ฉ่าวเฉินกำลังเคร่งเครียดอยากให้เขาสูบเพื่อผ่อนคลายเท่านั้นเอง
“ไอ้สารเลวนั้นรูปร่างหน้าตามันเป็นยังไง ทำไมมันยังไม่มาอีก?” มู่เทียนเย่กวาดสายตามองไปทั่วสารทิศ แต่มีเพียงผู้คนมากมายใส่ชุดว่ายน้ำเดินไปเดินมา
เวลานี้ฉู่เซวียนลงมาจากรถแล้วจ้องมองไปที่คนๆหนึ่งอย่างตื่นเต้น
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉู่เซวียนเขาทั้งสองก็จ้องมองตามไปด้วย ร่างสูงใหญ่กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาสวมใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าสวมเสื้อยืดสีขาวพร้อมกับกางเกงลายดอก ที่เท้าสวมใส่รองเท้าแตะ เขาแต่งตัวไม่เหมือนมาเจรจาแต่เหมือนมาพักร้อนมากกว่า
เขามาคนเดียวไร้เงาของผิงอัน
เย่ฉ่าวเฉินและมู่เทียนเย่มองหน้ากันผู้ชายคนนี้มาคนเดียวจริงๆ
กาวินเดินเข้ามาใกล้ๆ สิ่งแรกที่เขาเห็นคือเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่หน้ารถทั้งสองคัน จากนั้นเป็นเย่ฉ่าวเฉินและมู่เทียนเย่ สุดท้ายถึงพบว่าฉู่เซวียนก็มาด้วย
เขามาทำอะไร? หรือจะถูกเย่ฉ่าวเฉินจับตัวไปอีกครั้ง?
หลังจากเดินเข้ามาได้สามเมตร กาวินก็หยุดเดิน
“นานแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน เย่ฉ่าวเฉิน” กาวินพูดด้วยน้ำเสียงที่ดึงดูด “พาคนมาเยอะขนาดนี้ กลัวว่าฉันจะฆ่านายหรือไง?”
เย่ฉ่าวเฉินมองเขาอย่างเฉยเมยไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระอะไรกับเขา “ฉันเตรียมเงินสดที่แกต้องการแล้ว ลูกชายของฉันอยู่ที่ไหน”
“รีบร้อนอะไร” กาวินหัวเราะออกมา “รอให้ฉันหนีไปอย่างปลอดภัยก่อนถึงจะปล่อยตัวลูกชายของนาย”
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกโกรธมาก “แกยังมีจิตสำนึกอยู่ในใจหรือเปล่า แม้แต่ความซื่อสัตย์ขั้นพื้นฐานยังไม่สามารถทำได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เย่ฉ่าวเฉินอย่าคิดว่าฉันเป็นคนโง่สิ ฝั่งนายมีคนตั้งเยอะและฉันตัวคนเดียว ฉันไม่หลงกลกับดักนายหรอก”
ฉู่เซวียนมองไปยังคนที่เขาเคยรักและความเศร้าก็พุ่งออกมาจากใจของเขา ในเวลานั้นเขาเป็นคนที่เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาและมีกิริยามารยาทที่ดี แต่ตอนนี้? จิตใจของเขาเต็มไปด้วยแผนการและเล่ห์เหลี่ยม สภาพก็ดูแห้งเหี่ยวไม่สดใสเหมือนเดิม คนตรงหน้าดูเหมือนไม่ใช่คนที่เขาเคยตกหลุมรัก
เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองคนที่สภาพกำลังเหม่อลอย “ฉู่เซวียน เจอคนที่นายคุ้นเคยแล้ว ไม่ทักทายเขาหน่อยเหรอ?”
ฉู่เซวียนมีเรื่องอยากถามเขามากมาย อยากถามเขาว่าทำไมไม่รับสายโทรศัพท์ อยากถามว่าทำไมถึงหลบหน้า อยากถามว่าเขายังรักอยู่ไหม
แต่กลับพูดไม่ออก ทำได้เพียงถามแค่ประโยคเดียว “นายยังสบายดีอยู่ไหม?”
กาวินยิ้มแล้วพูดว่า “นายก็เห็นแล้วนี้ไงว่าฉันสบายดี”
“นาย……นายรู้ไหมว่าฉันตามหานายตั้งนาน?” น้ำเสียงของฉู่เซวียนมีความคาดหวังและรอคอยมานาน
“ฉันรู้มาโดยตลอด” กาวินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ถ้าอย่างนั้นทำไมนายไม่คิดจะติดต่อฉันเลย” น้ำเสียงที่น้อยใจของฉู่เซวียน
ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา เขาเริ่มตามหาจากเกาะฮ่องกงไปจนถึงหมู่เกาะแปซิฟิก จากหมู่เกาะแปซิฟิกมาถึงเมืองS จากนั้นนั่งเครื่องบินไปยังมณฑลF เป็นเวลานานกว่าครึ่งปีแล้วที่ตามหาเขา กี่ครั้งที่ครอบครัวของเขาข่มขู่เขาและบอกให้เขากลับไปมิฉะนั้นเขาจะตัดความสัมพันธ์กับเขา แต่เขาไม่สนใจอะไรเพียงแค่ต้องการพบเขา ในตอนนี้คนที่ตามหามานานมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว แต่ฉู่เซวียนกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่สนใจเขาเลย
กาวินจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไร้ความความเสน่หา “ฉู่เซวียนฉันไม่ติดต่อนายเพราะฉันไม่ได้รักนายตั้งแต่แรก ฉันแค่หลอกใช้นายตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อเข้าหาเย่ฉ่าวเฉิน เพื่อจะได้สิ่งที่ฉันต้องการไงล่ะ”
“นายพูดเรื่องจริงเหรอ?”ฉู่เซวียนกัดฟันถาม กลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ออกมา กลัวว่าจะขายขี้หน้าต่อคนอื่น
“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง” กาวินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง “ฉันชอบผู้หญิงเท่านั้นและฉันไม่ได้สนใจผู้ชายเลย”
“แล้วทำไมตอนแรกนายถึงยอมรับฉัน” ฉู่เซวียนแทบจะตะโกนออกมา
กาวินยักไหล่ “คนเราต้องการลิ้มลองรสชาติใหม่ๆในชีวิตอยู่เสมอ ถ้ายังไม่ได้ลองจะรู้ได้อย่างไรว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่หลังจากที่ฉันลองแล้วฉันพบว่าผู้หญิงยังคงเหมาะกับฉันมากกว่า
ฉู่เซวียนน้ำตาไหลเหมือนสายฝน โกรธจนสั่นไปทั้งตัว“ ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่เนิ่นๆ กลัวว่าฉันจะเข้าไปก่อกวนนายหรือยังไง?
“นายโง่หรือเปล่า”กาวินรู้สึกไม่แยแสต้องน้ำตาของเขา พร้อมกับพูดน้ำเสียงที่หัวเราะเยาะ “ก็ฉันบอกแล้วไงว่าหลอกใช้นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ บอกฉันมาสิว่านายยังช่วยเหลืออะไรฉันได้บ้าง ”
“ดีมาก ทำไมทำกับฉันได้ขนาดนี้” ฉู่เซวียนก้าวถอยหลังทีละก้าวพร้อมกับตะโกนเสียงดังออกมา “ฉันก็แค่คนโง่ เพื่อนายทำให้คนใกล้ชิดต่างก็พากันตีตัวออกห่าง ฮ่าฮ่าฮ่า……ในโลกใบนี้มีใครโง่กว่าฉันอีกไหม? กาวินจำใส่หัวไว้ซะว่าฉันเกลียดนาย ชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันให้อภัยนาย”
หลังจากพูดจบฉู่เซวียนก็หันหลังวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง สายสืบของเย่ฉ่าวเฉินจะวิ่งตามไป แต่โดนเย่ฉ่าวเฉินห้ามไว้ “ไม่ต้อง ปล่อยเขาไป”
เขาก็แค่ดูคนผิด ไว้ใจผิดคน
มู่เทียนเย่หันไปมองตามฉู่เซวียน ก่อนพูดว่า”มันจะไม่ฆ่าตัวตายใช่ไหม”
“น่าจะไม่นะ” เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกไม่แน่ใจคิดไปคิดมาก็สั่งให้สายสืบไปตามดูฉู่เซวียน “ตามไปดูเขาหน่อย อย่าปล่อยให้เขาตายนะ”
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉู่เซวียนที่เมืองA ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดท่านฉู่จะต้องคิดบัญชีกับเขาอย่างแน่นอน มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ทำไมจะต้องเพิ่มความวุ่นวายให้ตัวเองด้วยล่ะ อย่างไรก็ตามมีเพื่อนเพิ่มดีกว่ามีศัตรูเพิ่ม
“รับทราบครับเจ้านาย” หลังจากนั้นสายสืบก็วิ่งไปตามฉู่เซวียน
กาวินมองร่างที่สิ้นหวังวิ่งออกไป เขาบีบมือตัวเองแน่น นี่อาจจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุดสำหรับฉู่เซวียน
ฉู่เซวียนเป็นผู้ชายคนเดียวในตระกูลฉู่ ครอบครัวของเขาจะยอมรับความรักแบบชายรักชายได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นกาวินก็รู้สึกว่าตัวเองชอบผู้หญิงมากกว่า
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเยาะและพูดว่า “กาวินฉันนึกไม่ออกจริงๆว่าคนสารเลวอย่างแกมีดีหรือมีเสน่ห์อะไรที่สามารถทำให้องค์ชายแห่งตระกลูฉู่หลงใหลได้ถึงขนาดนี้”
กาวินหัวเราะเบา ๆ “นั้นสิ ฉันก็นึกเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ก็นึกไมออกสักที”
มู่เทียนเย่ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ”เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว บอกพวกเรามาว่าผิงอันอยู่ที่ไหนเอาเงินไปแล้วรีบไสหัวไปซะ แค่นาทีเดียวฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าแก”
กาวินพยักไหล่ “งั้นฉันต้องดูก่อนว่านายให้มาห้าสิบล้านหยวนจริงไหม”
“เงินอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ เชิญแกไปดูเองเลย” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเย็นชา
กาวินก้าวขาเข้าไปที่ห้องโดยสารมีกล่องสิบกว่ากล่องกระจายอยู่ในนั้นเขาลองเปิดสองกล่อง มันเป็นธนบัตรจริงและไม่มีหมายเลขซีเรียล
เขาตรวจสอบเฮลิคอปเตอร์อีกครั้งว่าเชื้อเพลิงเต็มเพียงพอที่เขาจะบินออกจากเมืองAหรือไม่ เมื่อใดที่เขาออกจากเมือง A เขาจะมีอนาคตที่สดใสและเป็นอิสระ
หลังจากเข้าไปในห้องโดยสาร กาวินก็ไม่คิดที่จะลงไป เขากดปุ่มหลายปุ่มพร้อมที่จะสตาร์ทเครื่องบินออกไป เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเยาะก่อนจะเข้าไปจับเขาโยนออกไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก กาวินไม่ทันได้ตั้งตัว จึงถูกจับโยนลงไปบนชายหาด
“กาวินแกคิดจะหนีโดยไม่บอกที่อยู่ฉันงั้นหรือ?”เย่ฉ่าวเฉินมองเขาอย่างไม่พอใจ
กาวินลุกขึ้นจากพื้นแล้วปัดทรายออกจากตัว “ฉันไม่ได้หนี ก็แค่ลองเฮลิคอปเตอร์ว่ามันดีหรือเปล่าแค่นั้นเอง”
เย่ฉ่าวเฉินขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง “ผิงอันอยู่ไหน”
“แน่นอนว่าเขาอยู่ในเมืองA ฉันจะให้ที่อยู่ทันทีที่ฉันไปจากที่นี่”
“ฉันไม่เชื่อ โทรไปหาเขาเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ฉันต้องการแน่ใจว่าผิงอันยังปลอดภัยดี”
กาวินเห็นท่าทีของเย่ฉ่าวเฉินหนักแน่นขึ้น ตัวเขาเองก็รีบที่จะหนีจากที่นี่จึงกดโทรศัพท์โทรหาลูกน้องตัวเอง
“ฮัลโหล เจ้าตัวเล็กตื่นหรือยัง?”
“ตื่นแล้ว สถานการณ์ทางนั้นเป็นไงบ้าง” ลูกน้องของกาวินถามอย่างวิตกกังวล
“ทุกอย่างราบรื่นดี ขอคุยกับเจ้าตัวเล็กหน่อย” พูดจบกาวินก็กดเปิดลำโพง
“ฮัลโหล” เสียงใสดังมาจากโทรศัพท์พร้อมกับเสียงหายใจที่งัวเงียซึ่งอาจเป็นเพราะเพิ่งตื่น
สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินกับมู่เทียนเย่เปลี่ยนไป หลังจากผ่านไปหลายวันในที่สุดพวกเขาก็ได้ยินเสียงของผิงอัน
กาวินยังไม่ได้พูดอะไรก็โดนเย่ฉ่าวเฉินพูดตัดก่อน “ผิงอัน นี่พ่อเองลูก หนูสบายดีไหม”
ผิงอันรู้สึกงงงันประมาณสองวินาทีแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “คุณพ่อ ใช่คุณพ่อจริงๆใช่ไหม”
“ใช่ลูก นี่พ่อเอง……” เขายังไม่ทันพูดจบกาวินที่ตัดสายทิ้ง
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกโกรธมากจึงซัดหมัดใส่กาวิน แต่กาวินหลบอย่างรวดเร็วและถอยไปอยู่ในระยะที่ปลอดภัย
“เย่ฉ่าวเฉินใจเย็นๆสิ ฮึกเหิมอะไรขนาดนี้”
เย่ฉ่าวเฉินกำหมัดแน่นอยากจะฆ่าผู้ชายคนนี้ด้วยมือของเขาเอง
“ตอนนี้นายก็รู้แล้วว่าฉันไม่ได้โกหก ไม่ต้องกังวลเจ้าตัวเล็กฉันเป็นคนเลี้ยงดูเขาอย่างดี ลูกของนายน่ารักขนาดนี้ ฉันจะฆ่าเขาลงได้อย่างไร”
ไม่พูดเรื่องนี้ยังดีกว่าเพราะยิ่งพูดเย่ฉ่าวเฉินยิ่งโกรธมากขึ้น ไม่ใช่เป็นเพราะไอ้บ้านี้ เหรอที่ทำให้เขาสูญเสียความสุขในการเป็นพ่อไป
“โอเคฉันไปได้หรือยัง ห้านาทีหลังจากบินออกไปฉันจะให้ที่อยู่ของผิงอันกับนาย” กาวินพูดอย่างเคร่งขรึม
เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ “ฉันหวังว่าแกจะเข้าใจว่าถ้าฉันไม่ได้รับข้อความหลังจากผ่านไปห้านาที ฉันก็จะทำเหมือนมะกี้โยนแกลงไปในทะเล แต่ก่อนที่จะโยนลงไปฉันจะฆ่าแกก่อน อย่าคิดเด็ดขาดว่าฉันจะไม่กล้าทำ”
กาวินรู้สึกสั่นสะท้าน ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเขาแปลกๆ
“ไม่ต้องห่วง ฉันทำตามที่คำพูดอยู่แล้ว”
“งั้นก็ดี ฉันจะรอข้อความจากแก”
กาวินกระโดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์อย่างรวดเร็วในไม่ช้าใบพัดก็หมุนและลมแรงพัดพาทรายก่อตัวขึ้นบนชายหาดราวกับว่าพายุทรายกำลังจะมา