“ลาก่อน”
“ลาก่อน”
รอจนฟานเสี่ยวเหมยกับแฟนหนุ่มเดินไปไกลแล้ว เสี่ยวซีหร่านถึงพูด”ทำไมฉันมองสาวน้อยคนนี้ไม่ได้มีความเกลียดชังเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ?”
มู่เวยเวยก็รู้สึกรับรู้ได้เหมือนกัน”ฉันก็มีความรู้สึกอย่างนั้น”
เสี่ยวซีหร่านทอดถอนหายใจพูดว่า”สิ่งแวดล้อมเป็นผลกระทบต่อคนมาก ใครจะเป็นรู้เด็กน้อยตัวดำๆ วันนี้จะสามารถเปลี่ยนมาใสเหมือนกับน้ำได้”
ตอนเย็นกลับมาถึงคฤหาสน์ มู่เวยเวยบอกเรื่องนี้กับเย่ฉ่าวเฉิน ขนาดหนังตาเขายังไม่เงยขึ้นมาเลย ตอบเสียงราบเรียบว่า”อ้อ” เหมือนกับฟานเสี่ยวเหมยไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาสักนิดหนึ่ง
มองเห็นท่าทีอย่างนี้ของเย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวยพึงพอใจมาก
เวลาเข้ามาถึงช่วงปลายเดือนสิบ การขยับตัวของทารกในครรภ์ยิ่งถี่ขึ้น บางครั้งเธอรับรู้ได้ว่าลูกกำลังพลิกตัว ตัวของเธอยิ่งเทอะทะขึ้น ขาและเท้าก็บวมอย่างรุนแรง
ตอนเย็นเย่ฉ่าวเฉินกลับมา เห็นขาและน่องทั้งสองข้างของเธอบวมอย่างรุนแรงเช่นนี้ ก็ให้เธอนอนลงที่เตียง ตัวเองก็นวดแทนเธอช้าๆ
“ฉันคุยกับมู่เทียนเย่แล้ว จัดการให้เธอกับพี่สะใภ้ไปที่โรงพยาบาลแผนกสูตินรีเวชที่ดีที่สุดในเมืองA”
มู่เวยเวยกำลังดูหนังการ์ตูนอยู่ เสี่ยวซีหร่านเป้นคนแนะนำ “อ้อ เรื่องพวกนี้พวกคุณเป็นคนจัดการก็ดีแล้ว”
“อีกไม่กี่วันก็เป็นวันเกิดครบรอบสองขวบของผิงอัน ฉันอยากจัดงานวันเกิดให้กับเขา เชิญเพื่อนๆของเขามา หลังจากที่เขาเกิดมา ฉันยังไม่ได้จัดวันเกิดให้เขาเลย”
มู่เวยเวยวางหนังสือการ์ตูนลง “โอเค เขาต้องมีความสุขแน่นอน ครั้งก่อนเขาอยากได้รถยนต์เล็กๆนั้น คุณก็ซื้อให้เขาเป็นของขวัญวันเกิดนะ”
“เรื่องเหล่านี้เธอไม่ต้องห่วงหรอก ฉันซื้อมาแล้ว ” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
มู่เวยเวยมองเขาแล้วยิ้ม”คุณเป็นพ่อที่ยิ่งเอาจริงเอาจังขึ้นเรื่อยๆเลย”
“เอาจริงเอาจังอะไร? เดิมทีฉันก็ดีอยู่แล้วไหม?”
“รีบร้อนอะไร? ฉันก็ไม่ได้พูดว่าไม่ใช่เลย”
วันเกิดช่วงเช้า คฤหาสน์ตระกูลเย่ก็เริ่มตกแต่ง ผิงอันวิ่งไปวิ่งมาอย่างมีความสุข ถามมู่เวยเวยว่า”แม่ วันเกิดคืออะไรครับ?”
มู่เวยเวยเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขา “ก็คือวันที่ลูกเกิดวันนั้นครับ ครอบครัวกับเพื่อนต้องการที่จะเฉลิมฉลอง ยินดีต้อนรับลูกสู่โลกใบนี้”
“อย่างนั้นต่อไปทุกปีผมก็สามารถที่จะมีจัดงานวันเกิดใช่ไหม?” ผิงอันเบิกตากว้างถามอย่างมีความสุข
“แน่นอน ทุกปีของวันนี้ลูกก็จะสามารถมีจัดงานวันเกิด”
“ว้าว เยี่ยมจริงๆ”
แม่กับลูกกำลังคุยกัน เย่ฉ่าวเฉินหิ้วกล่องใหญ่ๆเดินมา ผิงอันวิ่งไปถามอย่างประหลาดใจ”พ่อครับ นี่คืออะไร?”
“นี่เป็นขอขวัญวันเกิดที่คุณอาลูกให้”
“อย่างนั้นคุณอาของผมจะกลับมาเมื่อไหร่?ผมคิดถึงเขาแล้ว” ผิงอันชอบรอยยิ้มที่อบอุ่นของคุณอาคนนั้น
เย่ฉ่าวเฉินแกะกล่องพัสดุแล้วก็พูด”ฉลองปีใหม่ตรุษจีนเขาก็จะมา”
“รีบเอามาให้ผมดู คุณอาให้ของขวัญอะไร?” ผิงอันถามอย่างตื่นเต้น
เย่ฉ่าวเฉินนำกล่องพัสดุฉีกออก ด้านในมีกล่องที่ละเอียดงดงามอยู่ เปิดออกอีกแต่ละชั้นของพัสดุก็เจอหุ่นยนต์ตัวเล็ก
นี่เป็นหุ่นยนต์ที่สูงเหมือนกันกับผิงอัน สีขาว ศีรษะกลมๆ แขนยาวอวบกลมเหมือนรากบัว สองขายืนอยู่บนแผ่นรอง
“พ่อครับ นี่คืออะไร?”เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างแปลกใจ
เย่ฉ่าวเฉินพลิกกล่องไปมา หาหนังสือคู่มือกับรีโมท “อันนี้ก็คือหุ่นยนต์”
“หุ่นยนต์เป็นคนอะไร?”ผิงอันพลิกหุ่นยนต์อยู่หนึ่งรอบ “พูดได้ไหมครับ?”
“ลองดูก็รู้แล้ว” เย่ฉ่าวเฉินกดปุ่มเปิดปิด
ทันใดนั้นหุ่นยนต์ก็ลืมตาขึ้นส่งเสียงออกมา”สวัสดีผิงอัน ฉันคือเสี่ยวไป๋ สุขสันต์วันเกิดนะ”
หลังจากที่ผิงอันแปลกใจก็มีความสุข ถามเสี่ยวไป๋ว่า”เสี่ยวไป๋ คุณทำอะไรได้บ้าง?”
“อยากให้ฉันทำอะไรล่ะ?”
ผิงอันเอียงศีรษะคิดแล้วคิดอีก “คุณเดินได้ไหม?”
“เดินได้สิ”
“อย่างนั้นคุณเดินสองก้าวให้ดูหน่อย”
หุ่นยนต์เดินตามโปรแกรม ฝีเท้ามีแสงประกายก้าวลงจากแผ่นรองกลมๆเดินไปทางด้านหน้า พบเจอสิ่งกีดขวางสามารถที่จะหลบหลีกเองได้ หลังจากเดินไม่เมตรก็หันกลับมาอยู่ข้างกายผิงอัน
“ว้าว มหัศจรรย์”ผิงอันตาค้าง”คุณร้องเพลงได้ไหม?”
“ร้องได้” เสี่ยวไป๋พูดจบก็เริ่มร้องเพลง”Happy Birthday to You Happy Birthday to You……. ”
มู่เวยเวยก็เดินมาดู “ตอนนี้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว?มีความรู้ความสามรถมากเลยนะ”
เย่ฉ่าวเฉินพูดจากใจ”เก่งมากจริงๆ เอาอย่างนี้ไหม ฉันก็เปิดบริษัทพัฒนาความรู้ความสามารถของหุ่นยนต์?”
“คุณก็ไม่เคยลืมที่จะหาเงินอยู่ทุกเวลา”
“แน่นอนอยู่แล้ว ต้องเลี้ยงดูลูกกับภรรยา ไม่หาเงินเยอะๆได้อย่างไร?”
……..
วันนี้ผิงอันใส่ชุดสูทอย่างหล่อเหลา เท้าก็สวมรองเท้าหนัง บุคคลิกลักษณะเหมือนเจ้าชาย
ตอนบ่ายของของผิงอันก็เริ่มทยอยกัน ผิงอันยืนต้อนรับอยู่หน้าประตูอย่างน่ารัก
“ผิงอัน สุขสันต์วันเกิด นี่คือตุ๊กตาผ้าที่ฉันตั้งใจเลือกให้เลยนะ ชอบไหม?”
ของที่เอ่อตัวมอบให้ เป็นตุ๊กตาผ้าที่ผู้หญิงชอบเล่นกัน ถึงแม้ว่าผิงอันจะไม่ค่อยชอบมากเท่าไหร่ แต่เป็นของขวัญที่เพื่อนมอบให้ เขาก็มีความสุขและรับไว้ ต่อไปก็เอาไว้ให้น้องเล่นได้
“ขอบคุณนะเอ่อตัว ฉันชอบมาก”
เพิ่งจะผ่านบ่ายสามโมงไป รถBugatti Veyronสีแดงขับมาจอดหน้าคฤหาสน์ เย่ฉ่าวเฉินแค่มองก็รู้สึกหงุดหงิด เพราะว่ารถคันนั้นเป็นคันที่เขาแพ้ให้มู่เทียนเย่
“คุณลุง คุณมาแล้ว”ผิงอันโห่ร้องดีใจวิ่งไปหา
“สุขสันต์วันเกิดผิงอัน”
ผิงอันมองเข้าไปในรถแวบหนึ่ง ถามว่า”คุณป้าล่ะ?”
ในระหว่างที่พูด ประตูหลังก็เปิดออก ใบหน้าที่สวยงดงามของเสี่ยวซีหร่านก็ปรากฎต่อสายตา “ดูเหมือนว่าป้าไม่ได้เสียแรงที่รัก ยังจำคุณป้าได้”
“แน่นอนอยู่แล้ว ผมรักคุณป้าที่สุด”ผิงอันปากหวาน พยุงเสี่ยวซีหร่านลงจากรถเหมือนผู้ใหญ่
ในเวลานี้ท้องของเสี่ยวซีหร่านโตมากแล้ว ยังดีที่เธอตัวสูง สามารถรับน้ำหนักที่มากได้
“คุณป้าครับ เด็กน้อยเป็นเด็กดีไหมครับ?” ผิงอันลูบที่หน้าท้องของเธอแล้วถาม
“ไม่เลย ถีบท้องคุณป้าทุกวันเลย”
“น้องสาวของผมก็ซุกซน ถีบท้องแม่ของผมอยู่เป็นประจำ”ผิงอันหันศีรษะกลับไป สายตาเหมือนกับทะเลกว้างท้องฟ้ามีหมู่ดาว “รอพวกเขาสามคนคลอดออกมา ผมก็ได้เป็นพี่ชายแล้ว ดีจริงๆ”
“ใช่แล้ว “เสี่ยวซีหร่านบีบแก้มเล็กรูปไข่ของเขา “ผิงอันเป็นพี่ชายต้องสั่งสอน้องสาวน้องชายดีๆ เข้าใจไหมครับลูก?”
“เข้าใจแล้วครับ ” ผิงอันตอบอย่างสดใส สายตามองแล้วมองอีก ถามเบาๆว่า”คุณป้าครับ ของขวัญวันเกิดผมล่ะ?”
“สบายใจได้ ไม่มีทางไม่มีหรอก” เสี่ยวซีหร่านหยิบเอกสารมาจากมือมู่เทียนเย่หนึ่งชุดให้ผิงอัน “นี่ นี่คือของขวัญวันเกิดผิงอันนะ”
“ขอบคุณครับคุณป้า” ผิงอันรับมาอย่างชอบใจ เปิดดู แล้วไม่รู้จักสักคำ “คุณป้า นี่คืออะไรครับ?”
“นี่คือหุ้นของบริษัทมู่ซื่อ” เสี่ยวซีหร่านพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
มู่เวยเวยหยิบมาดู พูดด้วยความประหลาดใจ “พี่ชายพี่สะใภ้ นี่มันมากเกินไปนะ”
ด้านบนเอกสารคือหุ้นสิบเปอร์เซ็นของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ที่ต้องรู้ มู่เวยเวยก็มีหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
“ไม่มากๆ ไม่ว่าพูดอย่างไร ผิงอันก็มีเลือดครึ่งหนึ่งของพวกเราตระกูลเย่ไหลเวียนในร่างกาย นี่คือเรื่องที่พี่กับซีหร่านปรึกษากันแล้ว” มู่เทียนเย่พูดอธิบาย
เย่ฉ่าวเฉินนำเอกสารจากมู่เวยเวยมา รีบกวาดสายตาดูอย่างรวดเร็ว วางไว้ที่ด้านหลัง พร้อมพูดกับภรรยาด้วยความไม่อายว่า “พวกเขาสองคนทั้งคู่เป็นคนร่ำรวย หุ้นจำนวนเล็กน้อยพวกเขาขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก? พวกเขาให้ พวกเราก็รับ ก็ถือเป็นค่าเล่าเรียนให้ผิงอัน”
มู่เทียนเย่มองไปที่ท่าทางกวนตีนของเขา อยากให้กำปั้นหนึ่งมัดแก่เขา “เย่ฉ่าวเฉิน ฉันยิ่งนานวันฉันยิ่งเห็นว่านายหน้าไม่อายนะ”
“อย่างน้อยก็ดีกว่านาย” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “รู้อยู่แก่ใจว่าได้รถคันนั้นไปจากการชนะฉัน วันนี้ยังมาโอ้อวด นี่นายไม่ได้ตั้งใจกระตุ้นฉันใช่ไหม?”
“เฮ้ นายพูดถูกแล้ว ฉันก็มากระตุ้นนาย อย่างนั้นเราต่อสู้กันหน่อยไหม นายก็ชนะแล้วเอาเขากลับไป?”
“เชอะ! ถึงแม้ว่าจะต่อสู้กันวันนี้ก็ไม่เป็น วันนี้ผิงอันก็คือเป็นบุคคลสำคัญ”
“ฉันว่านายกลัวที่จะแพ้แล้วเสียรถในโรงรถให้ฉันทั้งหมดนะ” มู่เทียนเย่หัวเราะเยาะเย้ย
วันนี้เย่ฉ่าวเฉินอารมณ์ดีไม่อยากโต้เถียงกับเขา พูดด้วยอวดดีว่า “ตั้งแต่กูเกิดมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่รู้เลยว่าคำว่ากลัวเขียนอย่างไร”
“เหอๆ ใช่เหรอ? อย่างนั้นฉันจะเปลี่ยนวันทำให้นายรู้เอง”
“ทั้งหมดนี้ไม่มีความจำเป็นเลย”
ผู้ชายสองคนพูดจาตอบโต้กันไปมา อีกสามคนที่ยืนอยู่ด้านข้างทั้งหมดได้แต่ส่ายศีรษะและยิ้ม ที่จริงแล้วขี้เกียจที่จะว่าพวกเขา ทั้งสามคนจูงมือกันเข้าห้องไป
เสี่ยวซีหร่านยิ้มจางๆพูดว่า “ทุกครั้งที่มองพวกเขาทะเลาะกัน ฉันมักจะรู้สึกว่าพวกเขานั้นชอบเป็นคู่กัดกัน”
มู่เวยเวยผงกศีรษะอย่างหนักแน่น “ฉันก็มีความรู้สึกเช่นนี้”
“คุณป้าครับ ชอบเป็นคู่กัดคืออะไรครับ?” ผิงอันเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็น
เสี่ยวซีหร่านไม่คิดที่จะอธิบาย ใช้ประโยคที่ใช้บ่อยที่สุดบอกเขาอย่างลวกๆ “ผิงอันโตขึ้นก็รู้แล้ว”
“อ้อ”ผิงอันรับปากแล้ววิ่งไปเล่นกับพวกเด็กๆ
แม่ของเด็กไม่กี่คนมองเห็นเสี่ยวซีหร่านเดินเข้ามาก็ตะลึง ที่ผ่านมาพวกเธอยังไม่เคยเห็นผู้หญิงตั้งครรภ์แล้วสวยงามเช่นนี้ แค่มองเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
บรรยากาศอึมครึมทำให้พวกเธอเคอะเขิน ดีที่เสี่ยวซีหร่านเป็นคนโอนอ่อนตามสถานการณ์ สักครู่ก็คุ้นเคยกับทุกคนขึ้นมา ผู้หญิงไม่กี่คนนั่งอยู่บริเวณรอบๆพูดคุยแลกเปลื่ยนประสบการณ์การตั้งครรภ์กับการคลอดลูก
ประมาณห้าโมงเย็น เค้กก้อนใหญ่ที่เย่ฉ่าวเฉินสั่งมาถึงแล้ว
เค้กเป็นหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์บัมเบิ้ลบี แค่เปิดกล่องออกมา เด็กน้อยทั้งหมดส่งเสียงร้องเสียง “ว้าว”กันออกมา
“เท่มากเลย” ผิงอันสายตาไม่กระพริบ เดินรอบเค้กหนึ่งรอบ “หล่อเท่มากจริงๆ”
เย่ฉ่าวเฉินมองดูลูกชายที่ดีใจเช่นนี้ รู้สึกว่าครั้งนี้ตนเองไม่เสียกำลังกายโดยไร้ประโยชน์
“พวกเราเป่าเทียนอธิษฐานก่อน หลังจากนั้นก็ตัดเค้กกิน เป็นอย่างไร?” เย่ฉ่าวเฉินถามเด็กน้อย
“โอเค”
ปักเทียนสองเล่มลงบนไหล่ของหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์บัมเบิ้ลบี จุดไฟ ทุกคนร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด แสงเทียนเปล่งประกายระยิบระยับในดวงตาของผิงอัน เขาปิดตาลงแล้วก้มศีรษะอธิษฐานเงียบๆ เขาปรารถนาให้แม่คลอดน้องสาวอย่างราบรื่น ผมต้องรักเธอแน่นอน
เพิ่งจะอธิษฐานเสร็จ เสียงแผ่วเบาผ่านเข้าไปในหู “พี่ชาย อย่าปล่อยให้เทียนไหม้หมด”
ผิงอันชะงักงัน เหมือนเคยได้ยินเสียงนี้จากที่ไหน
“พี่ชาย ยังไงต้องอย่าให้เทียนไหม้หมด มันสามารถระเบิดได้”
ผิงอันลืมตาขั้นทันที ช่วงเวลาที่ยังร้องเพลงไม่เสร็จ ใช้นิ้วดับไฟเทียนสองเล่มอย่างรวดเร็ว อีกอย่างเวลานี้ แสงเทียนที่จะไหม้หมดอยู่ห่างไม่ถึงห้าเซนติเมตร
การกระทำของผิงอันครั้งนี้ทำให้ทุกคนนั้นประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าควรเป่าเทียนเหรอ? ทำไมดับไฟแล้วล่ะ?
มู่เวยเวยรีบดึงมือเล็กของผิงอันขึ้น ถามอย่างตื่นตระหนกว่า “ปวดร้อนไหม? ทำไมถึงใช้มือเด็ดดับไฟ? ”
สายตาของผิงอันมองไปที่ท้องของแม่ แสดงท่าทางอารมณ์อย่างน่าเกรงขามและอย่างจริงจัง เขาอยากบอกแม่ว่าเขาเพิ่งจะได้ยินอะไร แต่ว่าที่นี่คนเยอะเกินไป
เย่ฉ่าวเฉินพบว่าลูกชายผิดปกติไป ถามเสียงเบา “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ผิงอันเงยศีรษะมองพ่อ อีกทั้งมองผู้คนที่ประหลาดใจ พูดทันทีว่า “พ่อครับ พาผมไปดูเสี่ยวไป๋หน่อย ผมอยากพาเขามาร้องเพลง”
เย่ฉ่าวเฉินสงสัยมึนงง สองชั่วโมงก่อนหน้าไม่ใช่ว่าเล่นกับเสี่ยวไป๋แล้วเหรอ? แต่เนื่องจากผิงอันเป็นดาวเด่นก็ตอบตกลงอย่างยินดีปรีดา “โอเค”
ผิงอันจูงมือพ่อเดินออกไป ยังไม่ลืมหันกลับมากำชับ “ทุกคนอย่าแตะต้องหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์บัมเบิ้ลบี รอเรากลับมาตัดเอง”
“เข้าใจแล้ว”
เลี้ยวโค้งมาถึงห้องของเล่น ผิงอันรีบพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า “พ่อ เมื้อกี้ตอนที่ผมอธิษฐานได้ยินเสียงพูดของน้องสาว”
เย่ฉ่าวเฉินตกใจ “น้องสาว? ลูกหมายถึงน้องสาวในท้องของแม่เหรอ?”
“ใช่ เป็นเธอ เธอยังเรียกผมว่าพี่ชาย”
“เธอพูดอะไร?” เย่ฉ่าวเฉินถาม เขาไม่สงสัยว่าผิงอันพูดโกหกเลยสักนิดหนึ่ง เพราะว่าลูกชายมีพละกำลังแข็งแกร่งมากกว่าเขา ได้ยินเสียงลูกสาวพูดเป็นเรื่องปกติมาก
“เธอพูดว่าไม่ต้องให้เทียนเผาไหม้หมด มันสามารถระเบิดได้”
“ห้ะ?” เย่ฉ่าวเฉินตกตะลึง รีบนั่งยองๆลง “ลูกแน่ใจเหรอว่าน้องพูดอย่างนั้น?”
“ผมแน่ใจ เธอยังพูดอยู่สองรอบ”
เย่ฉ่าวเฉินเปลื่ยนสีหน้าเคร่งขรึม วิ่งสาวเท้าพุ่งออกไปทางห้องรับแขก ถ้าหากว่าเค้กนั้นมีปัญหา อย่างนั้นก็อันตรายมาก ทุกคนที่อยู่ในห้องต้องถูกระเบิดบดละเอียด
“ขอโทษทุกท่าน เค้กนี้ไม่สามารถกินได้ คุณอาหวัง รีบนำเค้กนี้ออกไปทันที ระวังด้วยนะ ” เย่ฉ่าวเฉินไม่สนใจสีหน้าประหลาดใจของทุกคน ได้สั่งพ่อบ้านหวังทำเรื่องนี้
พ่อบ้านหวังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูสีหน้าเย่ฉ่าวเฉินผิดปกติ ก็รู้แน่นอนว่าเค้กนี้มีปัญหา เรียกบอดี้การ์ดสองคนเข้ามา ยกเค้กขึ้นอย่างระวังออกจากห้องนั้น
สายตาเย่ฉ่าวเฉินมองเค้กตามตลอดทาง มองดูเค้กก็จะยกออกจากที่นี่แล้ว ฝีเท้าของคนยกด้านหลังนั้นไม่รู้ว่ามีสื่งมาผสมร่วมด้วยอย่างไร หุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์บับเบิ้ลบียืนอยู่ล้มเอียงสั่นไหวลงสี่สิบห้าองศา
ช่วงเวลานั้นไม่รู้ว่าช้าหรือเร็ว ร่างเล็กๆรีบวิ่งตรงเข้าไปเหมือนฟ้าแลบ
เย่ฉ่าวเฉินกลัวว่าทุกคนเห็นพิรุธ ก็หยุดเวลาที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาสามารถหยุดเวลาของคนธรรมดาทั่วไป แต่ทว่าไม่มีวิธีหยุดเวลาของผิงอันที่เข้มแข็งกว่าเขาได้
ดังนั้น ผิงอันแต่เดิมอยู่หน้าประตูเวลานี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เย่ฉ่าวเฉินกลัวเขาเกิดเรื่อง รีบตามออกไป สุดท้ายก็เห็นร่างเล็กๆเขาอยู่สนามหญ้า
เย่ฉ่าวเฉินวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่มองเห็นคือหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์บัมเบิ้ลบีล้มนอนหงายบนสนามหญ้า อีกทั้งภายในท้องนยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์บัมเบิ้ลบีก็เป็นลูกระเบิดขนาดเล็กอยู่ บนลูกระเบิดพันสายเยอะมาก ถ้าหากเดาไม่ผิด สายทั้งสองพันเชื่อมต่ออยู่ที่ไหล่ของหุ่นยนต์
ถึงแม้ว่าลูกระเบิดชนิดนี้ดูขนาดเล็ก แต่อย่าดูถูกพลังระเบิดไม่น้อยอย่างแน่นอน
ฝ่ายตรงข้ามต้องการแก้แค้นเขาอย่างชัดเจนมาก พูดตามหลักการเวลาที่ผิงอันเป่าเค้กคนที่ยืนอยู่ด้านข้างคือญาติสนิทของเขาเพราะฉันนั้นไม่ต้องจัดงานศพผิงอัน เพียงแค่ตัวเอง เวยเวย มู่เทียนเย่ รวมทั้งเสี่ยวซีหร่าน แค่เกิดเรื่องกับใครสักคนหนึ่ง ก็ส่งผลกระทบหนักกับทั้งสองตระกูล
“พ่อครับ อย่างนี้จะทำอย่างไรดี” ผิงอันนั่งยองๆบนสนามหญ้า ขมวดคิ้วถามด้วยสีหน้าทุกข์ใจ
“อย่ากลัว พ่อจะจัดการมันเอง” เย่ฉ่าวเฉินใช้ความสามารถสั่งเค้กกับลูกระเบิดให้ลอยขึ้นมาพร้อมกัน หลังจากนั้นก็เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วไปไว้หลังเขาให้ห่างไกลจากคฤหาสน์ที่สุด วางไว้บนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง แล้วค่อยย้อนกลับมา
ตอนนี้ยังไม่ควรรื้อระเบิด ไม่แน่บางทีมันอาจจะมีประโยชน์ให้ใช้สอย
แต่ว่า สุดท้ายแล้วใครเป็นคนส่งระเบิดนี้มา? และยังรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผิงอัน?
เย่ฉ่าวเฉินคิดแล้วคิดอีก ทันใดนั้น ใบหน้าคนหนึ่งปรากฎในสมอง
โอ้โห! ไอ้สารเลวนั่นยังไม่ตายอีก
อุ้มผิงอันกลับคฤหาสน์ เวลานี้ยังคงหยุดเวลาอยู่ ดูเหมือนว่าเขาควบคุมเวลาได้นานขึ้นเรื่อยๆ
“รออีกสักครู่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องอื่นมอบหมายให้พ่อ ลูกมีความสุขหน่อยสิ วันนี้เป็นวันเกิดลูก ยังมีเพื่อนมาร่วมเป็นแขกภายในบ้าน ไม่ต้องสลดเศร้าใจรู้ไหม?” เย่ฉ่าวเฉินพูดน้ำเสียงนุ่มนวลปลอบโยนลูกชาย
ผิงอันผงกศีรษะ แต่ในดวงตายังเก็บความกังวลไว้ไม่มิด “พ่อครับ ใครต้องการทำร้ายพวกเรา?”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าพ่อเอาเค้กที่ไม่ดีนั้นออกมาแล้ว อย่างกังวลเลย”
“อืม”
เสียงพูดเพิ่งจะดังออกมา บรรยากาศเริ่มเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นทุกคนไม่รู้ว่าเมื้อกี้เกิดอะไรขึ้น ควรจะพูดก็พูด ควรจะหัวเราะก็หัวเราะ
บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่หน้าประตูไม่เห็นเค้กในมือ กำลังที่จะถาม ก็ยังเป็นพ่อบ้านหวังที่สมองเร็ว มีการตอบสนองอย่างรวดเร็วเมื้อกี้ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน เลยพูดเสียงต่ำว่า “อย่าพูด เดินออกไปข้างนอกต่อเนื่องเลย”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนมองกันสลับไปมา ได้ยินคำสั่งของพ่อบ้านหวัง ก็แกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินออกจากคฤหาสน์อย่างรีบร้อน
ในห้องรับแขก ไม่มีผู้ใหญ่สักคนถามทำไมถึงไม่ควรกินเค้กนั้น ก็ไม่มีคนพูดคุยสนทนาเกี่ยวกับเงาดำนั้นว่าคืออะไร แน่นอน บางทีพวกเขาก็ไม่ได้มองการกระทำของผิงอัน เพราะว่าเวลานั้นเกิดขึ้นเร็วมาก อีกอย่างก็ไม่ใช่ทุกคนที่สนใจเค้ก
“อาหารมื้อเย็น เตรียมพร้อมแล้ว ทุกคนเข้านั่งประจำทีเถอะ” เย่ฉ่าวเฉินเชื้อเชิญด้วยน้ำใจไมตรี
ทุกคนเข้านั่งประจำที่อย่างมีความสุขปรองดอง เด็กน้อยนั่งข้างผู้ปกครองของตัวเอง เสียงพูดเบาๆเจื้อยแจ้วไม่หยุด พวกเด็กๆไม่ได้คิดอะไรมาก ยังคงนึกถึงโหยหาหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์บัมเบิ้ลบีสุดเท่นั้นกันอยู่เลย
“ผิงอัน เค้กเมื่อกี้นี้สวยมากเลย ทำไมถึงไม่ควรกินเหรอ?”
ไม่รอให้ผิงอันพูด เย่ฉ่าวเฉินก็พูดขึ้น ก็ถือว่าเป็นการอธิบายกับทุกคน “ขอโทษจริงๆ เมื่อกี้ผมเพิ่งจะได้รับโทรศัพท์จากทางร้านเค้ก เค้กอันนั้นวัตถุดิบไม่สดใหม่ ผมกลัวว่าเด็กๆกินแล้วจะไม่ดีต่อกระเพาะอาหารกับลำไส้ ดังนั้นก็เลยรื้อนำออกไป”
“อ้อ แท้จริงเป็นเช่นนี้”
ผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งค่อยๆทยอยคล้อยตาม แต่ทว่าในใจของทุกคนนั้นรู้ชัดเจน ไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้อย่างแน่นอน ลองคิดดู ร้านเค้กร้านไหนของเมืองAกล้าที่จะไม่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ทำให้เย่ฉ่าวเฉิน คือไม่คิดที่จะอยู่ในเมืองAแล้วเหรอ?
แต่ ในเมื่อเย่ฉ่าวเฉินไม่อยากพูด แน่นอนว่ามีสาเหตุที่ไม่สามารถพูดได้ เพราะฉะนั้นทุกคนรู้แก่ใจแต่เลือกที่จะมองข้ามไม่พูดออกมา
ถึงแม้ว่าเหตุผลนี้จะไม่มีวิธีการทำให้คนอื่นเชื่อ ก็ยิ่งปิดบังมู่เวยเวย มู่เทียนเย่กับเสี่ยวซีหร่านไม่ได้ ตั้งแต่ที่ผิงอันกับเย่ฉ่าวเฉินออกไป พวกเขาสามคนก็รู้สึกว่ามีเรื่องลับลมคมใน
ตอนนี้ได้ยินอธิบายเช่นนี้ ในใจยิ่งสงสัยเพิ่มมากขึ้น
สาวใช้รินเหล้าให้พวกผู้ใหญ่ พวกเด็กๆรินเครื่องดื่ม เย่ฉ่าวเฉินถือเป็นเจ้าของบ้านยกแก้วชูขึ้นแล้วพูด “ขอบคุณแขกทุกท่านที่มาอวยพรวันเกิดลูกผม โดยเฉพาะเด็กๆทุกคน ขอบคุณที่เห็นผิงอันเป็นเพื่อน พวกเราทุกคนมาดื่มหมดแก้ว วันนี้อวยพรขอให้ดาวเด่นตัวน้อยเติบโตแข็งแรงมีความสุข”
“ชนแก้วๆ……”
ดื่มเหล้าครึ่งแก้วลงท้อง มู่เวยเวยดึงเสื้อของเขาอยู่ใต้โต๊ะซ้ำๆ เย่ฉ่าวเฉินถือโอกาสกุมมือเธอไว้
“สรุปว่าเมื่อกี้เกิดเรื่องอะไร?” มู่เวยเวยใช้แววตาถามเขา
เย่ฉ่าวเฉินกุมมือของเธอแน่น ดวงตาแสดงออกถึงรอยยิ้ม ไร้การตอบกลับ “ตอนกลางคืนค่อยคุย”
มู่เวยเวยทำได้เพียงล้มเลิก
อาหารมื้อนี้มีคนกินอย่างสบายใจ แต่ทว่าก็มีคนกินอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ในระหว่างทางมู่เทียนเย่ประคองภรรยาไปเข้าห้องน้ำ เวลานั้นเดินผ่านเย่ฉ่าวเฉินเอาไหล่กระแทกเขานิดหน่อย แสดงเจตนากับเขาให้เดินตามมา เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเขาอยากถามอะไร พูดกับเวยเวยประโยคหนึ่งว่า “เดี๋ยวฉันมานะ” หลังจากนั้นก็ออกมากับมู่เทียนเย่”
เสี่ยวซีหร่านอยากไปห้องน้ำจริงๆ หลังจากส่งเธอเข้าไปแล้ว มู่เทียนเย่รีบหันตัวกลับมาถามเย่ฉ่าวเฉิน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ในเค้กมีระเบิด”เย่ฉ่าวเฉินพูดกระชับได้ใจความ
“เฮ้ย! ใครพวกมันอำมหิตเช่นนี้? ต้องการให้พวกเราตระกูลมู่ตระกูลเย่กับตระกูลเสี่ยวสิ้นสุดการสืบเชื้อสายลูกหลานวงศ์ตระกูลเหรอ?”มู่เทียนเย่ด่าหนึ่งประโยค ในสมองปรากฏใบหน้าคนคนหนึ่ง “แย่แล้ว! ไม่ใช่เป็นไอ้สารเลวนั่นนะ ไม่ใช่มันตายในทะเลแล้วเหรอ?”
“ฉันก็ไม่รู้มันเป็นใคร แต่มันน่าจะเป็นไปได้ที่สุด เพราะว่าที่ผ่านมามีน้อยคนรู้วันเกิดของผิงอัน” เย่ฉ่าวเฉินพิงผนังพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาด “ถ้าเป็นมันจริง ครั้งนี้แน่นอนฉันลงมือฆ่ามันเอง ดูมันขาดใจต่อหน้าฉัน”
“อย่างนั้นตอนนี้นายเอาระเบิดไปทิ้งที่ไหน?”นี่เป็นปัญหาที่มู่เทียนเย่กังวลใจที่สุด
“ด้านหลังเขาที่อยู่ด้านนอกคฤหาสน์ ที่นั่นไม่มีคนรู้ ในเวลานี่ยิ่งไม่มีคนไป รอส่งแขกเสร็จ ฉันจะกลับไปดู”
“ไม่ควรส่งแขกเสร็จ” เสียงของเสี่ยวซีหร่านดังขึ้นมา เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เทียนเย่หันศีรษะกลับไปดู เสี่ยวซีหร่านล้างมือประคองเอวเดินออกมา “ถึงนับว่าต้องไป ก็ไม่ควรออกไปทางประตูใหญ่อย่างเปิดเผย”
เย่ฉ่าวเฉินแปลกใจกับความคิดเห็นี้”ทำไม?”
เสี่ยวซีหร่านพูดเรียบเฉย”จากการคาดเดาของฉัน ฉันคิดว่าคนที่ส่งระเบิดมาต้องซ่อนตัวอยู่บริเวณรอบคฤหาสน์อย่างแน่นอน ถ้าหากฉันเป็นมัน ฉันก็อยากจะดูผลที่ตัวเองกระทำแน่นอน ในกรณีที่คุณส่งแขกกลับไปหมดแล้วก็นับว่างานเลี้ยงสังสรรค์วันเกิดก็ได้จบลง อีกทั้งแผนการร้ายของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ปรากฎ อย่างนี้เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว ต่อไปก็จะเก็บซ่อนให้ลึกละเอียดกว่าเดิม อยากจะหามันให้เจอก็ยากแล้ว”
มู่เทียนเย่เห็นด้วยกับวิธีการพูดของภรรยา “ซีหร่านพูดถูก ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามอยู่ในที่ลับพวกเราอยู่ในที่แจ้ง ครั้งนี้มันทำไม่สำเร็จก็จะมีครั้งหน้า พวกเราก็ยากที่จะป้องกัน”
“แต่ฉันประเมินอานุภาพของระเบิดไม่ได้ เวยเวยกับพี่สะใภ้อยู่ที่นี่อันตรายมาก ฉันไม่สามารถที่จะเสี่ยงได้”
“คุณโง่เหรอ ” เสี่ยวซีหร่านด่าเขาหนึ่งคำ “พวกเราไม่สามารถที่จะออกไปอย่างเปิดเผย แต่สามารถที่จะออกไปอย่างไปอย่างเงียบๆ หรือว่าคฤหาสน์ของคุณนอกจากประตูหน้าแล้ว ไม่มีประตูทางออกอื่นแล้วเหรอ?”