เรื่องเมื่อวานเป็นขีดต่ำสุดของมู่เวยเวยแล้ว วันนี้…จะไม่มีครั้งที่สองแน่
“เย่ฉ่าวเฉิน คุณฝันไปเถอะ สถุน! ฉันจะไม่มีวันขอร้องคุณ คุณล้มเลิกความคิดนี้ไปเถอะ” มู่เวยเวยด่าเขายกใหญ่ พร้อมผลักเขาอย่างรุนแรง อย่างต้องการจะหลุดพ้น
แต่ยิ่งมู่เวยเวยดิ้นรนมาเท่าไหร่ เย่ฉ่าวเฉินก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น เขาขยับชิดเธอมากขึ้น พร้อมหายใจอย่างรุนแรง “ผมไม่ได้เอาคุณสองคืน คุณดูจะปากดีขึ้นมาอีกแล้วนะ”
เขาพูด พลางเริ่มลงมือจัดการกับเสื้อผ้าของเธอ
มู่เวยเวยวิตกจนตัวสั่น ทันในนั้นสมองของเธอก็ปิ๊งขึ้นมา อย่างนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบพูดว่า “พี่ชาย คือพี่ชายของฉัน คุณลุงโทรมาบอกว่ามีข่าวของพี่ชายแล้ว ให้พวกเรากลับบ้านตระกูลมู่หน่อย”
มู่เทียนเย่….
สามพยางค์นี้พุ่งเข้าใจเขาอย่างจัง เย่ฉ่าวเฉินหยุดมือ ก่อนจะถามด้วยแวบตาเย็นยะเยือก “คุณแน่ใจนะ”
มู่เวยเวยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “จริง คุณลุงเป็นคนบอกฉันกับปากเลย”
ตั้งแต่รอบที่แล้ว มู่เวยเวยก็รู้ในทันทีว่าเฉ่ฉ่าวเฉินอยากรู้เรื่องของพี่ชายมาก ถึงเธอจะไม่รู้ว่าทั้งคู่มีความบาดหมางอะไรกัน แต่สิ่งที่เธอพูดก็เป็นความจริงทั้งหมด
เย่ฉ่าวเฉินจ้องเธอโดยไม่พูดอะไร ราวกับกำลังประเมินในสิ่งที่เธอพูดอยู่ ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็บอกว่า “เตรียมตัว ให้คุณอาหวังเตรียมรถ”
มู่เวยเวยรีบพยักหน้า และหลังจากจัดแจงเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยเรียบร้อยแล้ว เธอก็พูดว่า “เสื้อผ้าขาดแล้ว ฉันจะไปเปลี่ยน”
พูดจบ มู่เวยเวยก็ยกเท้าเดินไปจนถึงประตู แต่เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่มีท่าทีหรือปฏิกิริยาอะไรกลับมา
ในที่สุดมู่เวยเวยก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ และทันใดนั้น เย่ฉ่าวเฉินก็พูดขึ้นมากะทันหัน “อย่าให้ผมรู้ว่าคุณหลอกผม”
เสียงของเขาเย็นยะเยือกราวกับมาจากน้ำแข็งขั้วโลก มู่เวยเวยขนลุก รีบเปิดประตูออกไปจากสายตาเขาทันที โดยไม่ตอบอะไรกลับไป
คุณลุงพูดอย่างนี้จริงๆ เธอไม่ได้หลอกเขาซะหน่อย
……
เมื่อคุณอาหวังเตรียมรถ เพื่อที่จะให้ทั้งคู่มุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลมู่แล้ว
มู่เวยเวยก็ขึ้นรถมา ก่อนจะพบว่าไม่มีคนขับ และในขณะที่เธอยังคงงงอยู่นั้น เย่ฉ่าวเฉินก็เดินออกมา นั่งประจำที่คนขับทันที
วันนี้เขาจะขับรถหรอ
มู่เวยเวยสงสัย แต่ไม่ได้ถามออกไป ไม่นานเย่ฉ่าวเฉินก็สตาร์ทรถ มุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลมู่
ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่า ทั้งคู่ก็ขับรถเข้ามาในบริเวณบ้านของตระกูลมู่
เมื่อจอดรถแล้ว มู่เวยเวยก็พาเย่ฉ่าวเฉินเข้าบ้านอย่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มู่จางรุ่ย ฟางซินยี่และมู่อี้เหยา จึงอยู่บ้านครบทั้งสามคน เมื่อคนกระกูลมู่เห็นมู่เวยเวยเข้า ก็ไม่มีดีสีหน้ายินดีนัก แต่เมื่อเห็นว่าข้างหลังของเธอมีเย่ฉ่าวเฉินเดินตามมา สายตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
มู่จางรุ่ยไม่มองมู่เวยเวยเลยสักนิด เขาเดินผ่านเธอไป โค้งคำนับ และยื่นมือออกมาทักทาย อย่างประจบประแจง “ประธานเย่ ผมมู่จางรุ่ยประธานบริษัทมู่ซื่อ คุณลุงของเวยเวย คราวก่อนพวกเราเคยเจอกันแล้ว…..”
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองไปที่มู่จางรุ่ยแค่แวบเดียว ไม่แม้แต่จะยื่นมือออกไปด้วยซ้ำ ขนาดใช้ตามองยังเสียสายตาเลย
ใบหน้าของมู่จางรุ่ยตึงขึ้นมาทันที ก่อนจะค่อยๆลดมือลง และรีบพูดใหม่ยิ้มๆ “มาครับ ประธานเย่ เชิญทางนี้ คุณมาบ้านผมเป็นครั้งแรก รับแขกไม่ดีเอาซะเลย”
เย่ฉ่าวเฉินเดินตามมู่จางรุ่ยเข้าไปเงียบๆ อย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
หลังจากเข้ามาในบ้าน ฟางซินยี่ก็เสนอตัวออกมาทันที ด้วยสายตาเป็นประกาย “คุณชายเย่ คุณหล่อกว่าในหนังสือพิมพ์เป็นร้อยๆเท่าเลยนะคะ รีบมานั่งตรงนี้สิคะ ฉันจะเตรียมชาให้”
สองสามีภรรยาตระกูลมู่อายุมากแล้ว แต่พวกเขาก็ยังปรนนิบัติเยาฉ่าวเฉินอย่างกระตือรือร้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความนอบน้อม ทำให้มู่เวยเวยที่ฟังแทบจะขนลุกขึ้นมา
เธอยืนเด๋อมองทั้งสามคนอยู่ข้างๆ โดยที่ไม่รู้จะพูดอะไรดี ก่อนจะเดินไปนั่งตรงข้ามเย่ฉ่าวเฉิน เพราะยังไงจุดประสงค์ที่เธอมาในวันนี้ ก็เพื่อที่จะรู้ข่าวของพี่ชายเท่านั้น”
มู่เวยเวยคิด พลางเปิดปากจะถามมู่จางรุ่ย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดออกมา ก็มีร่างสวย ฉีดน้ำหอมฟุ้งปรากฏตัวขึ้นข้างบน เธอปิดประตูดัง ‘ปัง’ และรีบพุ่งมาหาเย่ฉ่าวเฉินด้วยความรวดเร็วทันที
แต่สิ่งที่ร่างนั้นคิดไม่ถึงก็คือ เย่ฉ่าวเฉินเป็นคนที่ว่องไว เขารีบลุกขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างๆอย่างรักษาระยะห่าง ด้วยความรวดเร็วทันที
ร่างนั้นก็คือร่างของมู่อี้เหยา เธอยู่ปาก และพูดว่า “พี่เขย อี้เหยาชอบคุณมากเลยนะคะ เทิดทูนคุณมาก ฉันอ่านข่าวของคุณบ่อยๆ”
มู่เวยเวยตะลึง เพราะอยากรู้คำตอบของมู่จางรุ่ยเธอเลยกลับมา แต่เมื่อเห็นเย่ฉ่าวเฉิน กับมู่อี้เหยาตรงหน้าแล้ว เธอก็รู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหมือนจะ…ไม่นานมานี้ มู่อี้เหยาก็พูดอย่างนี้กับลู่จื่อหางเหมือนกัน
หึ ที่แท้ อะไรที่เป็นของเธอมู่อี้เหยาก็อยากแย่งไปทั้งหมด