แย่จริงๆ รู้อย่างนี้ ต่อให้เมื่อวานเหนื่อยมากแค่ไหน เขาก็ต้องกลับไปบริษัทอีกรอบ
“เมื่อกี้ทำไมเธอถึงไปแล้วล่ะ?” เย่ชูวเสวียพูดแทรกขึ้น
“โทรศัพท์เธอดังขึ้นมา”
เย่ชูวเสวียอยากรู้รูปร่างหน้าตาของต้วนอีเหยามาก หันไปพูดกับเย่จิงเหยียนที่สีหน้าไม่ค่อยดีนักว่า “พี่ เราไปที่ห้องกล้องวงจรปิดกัน น่าจะหาภาพของสาวน้อยเจอได้”
คำพูดนี้จึงเตือนสติเย่จิงเหยียนเล็กน้อย ใช่สิ เขายังไม่รู้ว่าต้วนอีเหยาโตขึ้นรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ยังไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเธอ ไปดูก่อนสักหน่อยน่าจะดีกว่า
“คุณตามมา” เย่ฉ่าวเฉินกล่าวกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ห้องกล้องวงจรปิดของเย่ฮวางอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เจ้านายใหญ่สองท่านให้เกียรติมาทำให้พนักงานตื่นตระหนกเล็กน้อย
“เมื่อวานตอนบ่ายกี่โมง?” เย่จิงเหยียนถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“ประมาณบ่ายสี่โมง” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดอย่างกลัวๆ
“เอาภาพกล้องวงจรปิดหลังจากบ่ายสามโมงสี่สิบของหน้าประตูทางเข้าบริษัทออกมาทั้งหมด”
“ครับ”
เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปสักพักหนึ่ง กล้องจงจรปิดทั้งสองอันตรงหน้าประตูทางเข้าบริษัทก็ขยายเข้าจอขนาดใหญ่ เริ่มตั้งแต่สามโมงสี่สิบ ไปถึงสี่โมงสิบ เจ้าหน้าที่ก็พูดขึ้นว่า “คือเธอ”
จาเลื่อนเร็วๆกลายเป็นหยุดเล่น ในกล้อง ปรากฏภาพหญิงสาวถือกระเป๋าเดินทาง สวมเสื้อผ้าธรรมดาเรียบง่าย ทว่าดูมีเสน่ห์กว่าใครๆ ให้ความรู้สึกเหมือนทะเลสาบที่ลึกจนไม่เห็นก้นทะเล ราวกับคมดาบในฝักที่สามารถออกมาฟันได้ทุกเมื่อ
เย่จิงเหยียนเห็นภาพนั้น สมองก็”บูม”ระเบิด เป็นเธอได้อย่างไร……
คนในภาพซ้อนทับกันกับคนนั้นที่แอฟริกาเมื่อสองปีก่อน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอ?
“ขยายภาพให้ใหญ่”
เมื่อใบหน้าของหญิงสาวปรากฏขึ้นชัดเจนบนหน้าจอ เย่จิงเหยียนถึงกับหยุดหายใจ เป็นเธอจริงๆด้วย
พวกเขาสองคนเคยพบกันที่แอฟริกาเมื่อสองปีก่อน อีกทั้งเธอยังช่วยชีวิตเขาไว้ นี่คงจะเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตงั้นหรอ?
เธอจำเขาไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะครั้งแรก เขาสวมแว่นกันแดด ครั้งที่สองก็เป็นเวลากลางคืน แน่นอนว่าเธอไม่สามารถมองเห็นดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน แถมตรเองก็ตาบอด คาดไม่ถึงว่านิดเดียวก็จำเธอไม่ได้
มิน่าล่ะ เขาสามารถเป็นห่วงเป็นใยผู้หญิงคนนั้นที่บังเอิญเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง เธอคือต้วนอีเหยานี่เอง
“พี่ คือสาวน้อยคนนี้หรอ?” เย่ชูวเสวียพูดตัดบทความคิดของเขา
เยาจิงเหยียนจ้องมองใบหน้าตรงหน้านั้น แววตาสว่างสดใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “คือเธอ คุณดูเครื่องประดับบนคอเธอสิ นั่นคือจี้หยกที่ฉันให้เธอในปีนั้น”
“อืม~คุณบอกว่าหายได้ยังไง ที่แท้ก็ให้สาวน้อยไปแล้ว” เย่ชูวเสวียเอียงคอ ยิ้มพูดว่า “สาวน้อยสวยมากเลยนะ”
เย่จิงเหยียนหัวใจถูกเติมจนเต็ม ตอนนี้เต็มไปด้วยใบหน้านี้ของต้วนอีเหยา พูดขานรับเบาๆว่า “อืม เธอสวยมาก” ไม่ใช่แค่สวยเท่านั้น เธอมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
“วิดีโอช่วงเวลานี้ที่ให้พวกคุณดู แล้วก็ดาวน์โหลดวิดีโอของการปรากฏตัวของหญิงสาวท่านนี้เมื่อเช้านี้ทั้งหมด ส่งไปที่อีเมลล์ของประธานเย่ด้วย” เย่ชูวเสวียสั่งการ
“ครับ ประธานเย่” แม้ว่าเย่ชูวเสวียจะไม่มีตำแหน่งหน้าที่ในบริษัท แต่ว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ด้วยเหตุนี้พนักงานของบริษัททั้งหมดจึงเรียกเธอว่าประธานเย่
เมื่อเย่จิงเหยียนกำลังใจลอยอยู่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น จึงรีบรับสาย “ได้ข่าวแล้วหรอ?”
“เจ้านาย คนที่คุณจามหิยู่ที่โรงแรมหงรุ่ย ฉันจะส่งเลขห้องให้คุณ”
“รู้แล้ว”
เย่จิงเหยียนรีบวิ่งออกไปข้างนอก เย่ชูวเสวียอยากร้วมสนุกด้วยก็เลยตามหลังไป
ใครจะรู้เย่จิงเหยียนเพิ่งจะขึ้นรถ ก็หายไปจากในรถแล้ว เหยี่ยวราตรีที่ขับอยู่ด้านหน้าเห็นจนชินแล้ว เหลือแค่เย่ชูวเสวียที่ตีอกชกหัว “ฮือฮือฮือ ทิ้งฉันอีกแล้ว ฉันต้องการไปดูสาวน้อย ลุงเหยี่ยว เร็ว ขับเร็วหน่อย”
“หรูอี้ คุณก็หายตัวได้นะ” เหยี่ยวราตรียิ้มแล้วพูด
“แต่ฉันไม่รู้ว่าโรงแรมหงรุ่ยอยู่ที่ไหนอ่ะ” เย่ชูวเสวียกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
เหยี่ยวราตรียิ้ม งั้นก็จำใจต้องนั่งรถไปแล้ว
เพื่อไม่ให้คนพบเห็น เย่จิงเหยียนหายตัวไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรมหงรุ่ย ไฟที่นี่สลัว คนผ่านไปผ่านมาน้อยมาก
หัวใจคล้ายกับถูกจุดไฟขึ้นมา เย่จิงเหยียนรีบมาที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งที่ชั้น8
สูดหายใจเข้าลึกๆ เย่จิงเหยียนจัดระเบียบเสื้อผ้าให้ดีเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุข ประโยคแรกต้องพูดว่ายังไง?
ต้วนอีเหยา ในที่สุดคุณก็มาหาฉันแล้ว
หรือว่า ต้วนอีเหยา เราเจอกันอีกแล้วนะ
ไม่สนใจแล้ว ให้เจอเธอก่อนแล้วค่อยพูด เย่จิงเหยียนดึงความกล้าขึ้นมาแล้วเคาะประตู หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง……
ด้านในไม่ได้ยินเสียงเท้าเลย เย่จิงเหยียนสงสัย เธอไม่อยู่ห้องออกไปเดินเล่นหรอ?
เคาะอีกครั้ง……
“คุณผู้ชาย คุณตามหาใครหรอ?” จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เย่จิงเหยียนหันกลับมา เป็นพนักงานโรงแรมในชุดทำงาน
“สวัสดีครับ ฉันตามหาแขกที่พักอยู่ที่ห้องนี้”
“อ้อ เธอเช็คเอาท์ไปเมื่อสิบกว่านาทีที่แล้ว”
“อะไรนะ?” เย่จิงเหยียนทำนองเสียงเปลี่ยนไป “คุณบอกว่าเธอเช็คเอาท์ไปแล้วหรอ?”
“ใช่ เช็คเอาท์ไปแล้ว”
ไฟในหัวใจของเย่จิงเหยียนนั้น”พริบ”ถูกดับมอดไป ความสดใสในดวงตาหายไปเกือบหมด
พนักงานเห็นสายตาของเขา ก็กำลังจะเดินออกไป ก็ถูกเขาเรียกไว้ “เดี๋ยว ขอถามหน่อย คุณผู้หญิงที่พักห้องนี้ชื่อต้วนหรือเปล่า?”
“เป็นคุณผู้หญิง แต่ไม่ได้แซ่ต้วน นี้ค้องอยู่ที่แผนกต้อนรับจึงจะตรวจสอบได้”
“ขอบคุณมาก” เย่จิงเหยียนลงไป เขาต้องการแน่ใจ 100% ว่าเธอใช่ต้วนอีเหยาไหม
มาถึงแผนกต้อนรับ สาวสวยหลายคนกำลังยุ่งอยู่กับงาน เมื่อเงยหน้ามาเห็นเย่จิงเหยียน ในแววตาก็ประกายความดีใจและแปลกใจ เห็นได้ชัด พวกเธอรู้จักหนุ่มน้อยรูปงามคนนี้”
“ประธานเย่ มีเรื่องสำคัญอะไรให้ช่วยหรอคะ?” สาวสวยคนหนึ่งยืนขึ้นถามด้วยความนอบน้อม
“คุณช่วยเช็คชื่อแขกที่เพิ่งเช็คเอาต์จาก 812 ให้ฉันหน่อยได้ไหม?” เย่จิงเหยียนถามอย่าวรีบร้อน
สาวสวยแสดงสีหน้าลำบากใจ “ประธานเย่ นี่ไม่ถูกกฎนะคะ”
“เธอเช็คเอาท์ไปแล้ว รบกวนคุณหน่อย นี่สำคัญกับฉันมากๆเลย”
ความเว้าวอนในสายตาของเย่จิงเหยียนทำให้ใจของสาวสวยสั่นไหว เป็นอย่างที่คิดไว้ รูปร่างหน้าตาดีได้เปรียบ แค่มองหน้านั้นก็คิดฟุ้งซ่านไปแล้ว
สาวสวยแค่ลังเลไม่กี่วินาที มองเพื่อนร่วมงานข้างๆ กัดฟันพูดว่า “โอเค ฉันจะยกเว้นช่วยคุณตรวจสองสักครั้งหนึ่ง”
ขอบคุณขอบคุณมาก
หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที สาวสวยก็เงยหน้าขึ้นพูดว่า “แขกที่เข้าพักชื่อต้วนอีเหยา เขาพักเมื่อวานตอนกลางคืน เช็คเอาท์ไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อน”
ในแววตาของเย่จิงเหยียนจุดไฟความหวังขึ้นมา เป็นเธอจริงๆด้วย ต้วนอีเหยามาหาเขาจริงๆด้วย
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่บังเอิญเจอกัน แต่ก็นับว่ามีข่าวคราวไม่ใช่หรอ? อีกทั้งพวกเขาก็เคยเจอกันเมื่อสองปีที่แล้ว
“ประธานเย่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” สาวสวยเห็นเย่จิงเหยียนยิ้มค้างอยู่ หน้าแดงเอ่ยถาม
“อืม ขอบคุณนะ” เย่จิงเหยียนขอบคุณอีกครั้ง เดินออกไปข้างนอกอย่างหดหู่เล็กน้อย พอดีกัยเย่ชูวเสวียวิ่งเข้ามา แทบจะโผเข้าอ้อมกอดของเขา
“พี่ สาวน้อยล่ะ?” คนล่ะ?” เย่ชูวเสวียมองไปข้างหลังเขา คนสักคนก็ไม่มี
เย่จิงเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้า “ก่อนฉันมา เธอเพิ่งจะเช็คเอาท์ออกไป”
“บังเอิญขนาดนี้เลยหรอ?” เย่ชูวเสวียประหลาดใจมาก
“ใช่บังเอิญมาก”
เย่ชูวเสวียเห็นดวงตาของพี่ชายแทบจะเป็นสีแดงแล้ว ใจก็รู้ว่าหญิงสาวท่านนี้อยู่ในใจของพี่ชาย ก็ไม่กล้าไปหยอกล้อ ได้แต่ปลอบเขา “พี่ คุณอย่าหมดกำลังใจเช่นนี้เลย ในเมื่อสาวน้อยมาหาคุณแล้ว แสดงว่าเขาก็ไม่ได้ลืมคุณ บางทีครั้งนี่เธออาจมีธุระด่วนต้องรีบไปก่อน เธอจะต้องมาหาคุณอีกครั้งเป็นแน่”
ธุระด่วน?
เย่จิงเหยียนนึกถึงการเจอกันเมื่อสองปีก่อน คิดไปถึงครอบครัวของเธอ เธอน่าจะเป็นทหาร ฉับพลันในใจฉันก็เต้นระรัวขึ้นมา ไม่มีเรื่องที่อันตรายและเร่งด่วนใช่ไหม
“พี่ ทำไมคุณไม่พูดล่ะ?” เย่ชูวเสวียเขย่าแขนของเขา
“ไม่มีอะไร ฉันคิดว่าที่คุณพูดก็ถูก”
เย่ชูวเสวียมองไปที่การแสดงออกของเขาอย่างจริงจัง หึ ชัดเจนว่าสิ่งที่คิดไม่ใช่เรื่องนี้ เพียงแต่เห็นว่าเขาซึมเศร้าเช่นนี้ก็ไม่ไปโต้เถียงอะไร
เย่ฉ่าวเหยียนกลับมาถึงบริษัท หลังจากเข้ามใจเรื่องราวแล้ว ก็ตรงไปไล่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับสาวน้อยแผนกต้อนรับออก และแจ้งให้พนักงานทุกคนของบริษัททราบ ถ้าวันข้างหน้าหญิงสาวที่ชื่อต้วนอีเหยามาที่บริษัทอีก ก็ให้เข้ามาทันทีและแจ้งให้เขาทราบโดยเร็วที่สุด
ควรจะแจ้งให้ทราบ พนักงานทุกคนในบริษัทคาดเดาอยู่ สรุปแล้วตู้อีเหยานี่ศักดิ์สิทธ์อย่างไร ทำให้ประธานคนใหม่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งเพียงสองวันก็แจ้งประกาศให้ทราบเช่นนี้
ไม่ต้องสงสัย ทุกคนพูดทุกอย่าง พนักงานบางคนถึงกับจัดแบบสำรวจความคิดเห็นแบบส่วนตัว อัตราการโหวตของแฟนคนแรกนั้นสูงลิ่ว
“What the f*ck ตาฉันฝาดไปใช่ไหม? คาดไม่ถึงว่าประธานเย่ก็โหวตเช่นกัน ” คนที่ริเริ่มการโหวตตะโกนไปพูดกับคนที่อยู่เบื้องหลัง
“อะไรนะ? ประธานเย่โหวตอะไร?” ทุกคนในสำนักงานรีบวิ่งเข้ามา เบียดเสียดกันดู
คนริเริ่มพูดไม่ออก กล่าวที่หน้าจอคอมพิวเตอร์กล่าวว่า “ประธานเย่ยอดเยี่ยมไปเลย เขาแก้ไขซอฟต์แวร์ของฉัน เพิ่มตัวเลือกเองอีกหนึ่งตัวเลือก จากนั้นก็โหวตเอง”
ทุกคนมองไปที่ตัวเลือกสุดท้าย ด้านบนเขียนอย่าน่าประทับใจว่า : นางฟ้าในใจ
“ว้าว——”
“โอ้พระเจ้า คาดไม่ถึงว่าจะเป็นนางฟ้า”
“ฮือฮือฮือ ฉันต้องบ้าไปแล้ว ไสตล์ของประธานเย่ช่างน่ารักเหลือเกิน เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น จู่ๆฉันก็ชอบเขา”
ชั่วขณะทั้งบริษัทก็แทบระเบิด ในเมื่อเจ้านายใหญ่ไม่ได้เก็บซ่อนไว้ ทุกคนก็ปล่อยวาง ดังนั้นผู้ที่ไม่ได้ลงคะแนนก็เดินตามรอยเจ้านายใหญ่ โหวตให้รายการสุดท้าย จนรายการสุดท้ายแซงหน้าแฟนคนแรกไปเป็นอันดับหนึ่ง
เย่จิงเหยียนที่นั่งอยู่ในห้องทำงานยิ้มอย่างสนุกสนาน
ชีวิตดูเหมือนมีความหวัง ทุกวันที่เย่จิงเหยียนไปทำงานยังให้ชะลอความเร็ว เพื่อมองหาคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยคนนั้น
ตอนเช้า เลขาหลิวซึ่งทำงานมากว่า 30 ปีแล้วเข้ามาพร้อมกับเอกสาร
“ประธานเย่ นี่คือข้อมูลของเลขาฯสองคนที่ประกาศรับสมัครมาใหม่ คุณลองดูสักเล็กน้อย”
เย่จิงเหยียนเชื่อใจเขา ไม่ได้รับเอกสารฉบับนี้ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ฉันเชื่อในสายตาของเลขาฯหลิว ไม่พลาดแน่”
“ขอบคุณประธานเย่มากที่ชมเชย” ผมของเลขาฯหลิวหวีจนเป็นระเบียบ ถึงแม้ว่าผมหงอกที่จอนจะเผยให้เห็นถึงอายุของเขา แต่ก็ยิ่งดูมั่งคงและมีประสบการณ์อย่างมาก
“งานเบื้องหลังของคุณส่งมอบกันเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้หลังจากเลขฯทั้งสองเข้ารับตำแหน่ง ฉันก็จะออกไปอย่างเป็นทางการ เลขาฯหวังจะทำหน้าที่แทนฉันในการฝึกสอนอบรมพวกเขา”
เย่จิงเหยียนพยักหน้า ถามอย่างห่งใยว่า “แล้วหลังจากคุณลาออกแล้วเตรียมจะไปไหนล่ะ?”
เลขาฯหลิวยิ้มอย่างอ่อนโยน “ทำงานมาสามสิบกว่าปีแล้ว ก็ควรจะพักสักหน่อย ไปเที่ยวกับภรรยา ให้ลูกชายพาลูกๆมาหา”
“งั้นก็ไม่เลว ถ้าภายหลังลุงหลิวต้องการความช่วยเหลือ เชิญมาหาฉันที่เย่ฮวางได้เลยนะ” เย่จิงเหยียนเปลี่ยนการเรียกชื่อด้วยความนอบน้อม ตั้งแต่เด็กก็ได้ยินพ่อเย่ฉ่าวเฉินพูดว่า เลขาฯหลิวเป็นคนที่ทำงานได้สุขุมรอบคอบมากคนหนึ่ง งานเมื่อถึงมือของเขาก็จะไม่เกิดปัญหา หลังจากเข้ามาในบริษัทเย่จิงเหยียนจึงได้รู้ว่า เลขาฯหลิวเป็นคนที่มีความสามารถที่หาตัวจับได้ยากจริงๆ มิน่าล่ะเขาถึงสามารถเป็นเลขาฯประธานและอยู่เคียงข้างพ่อมาได้หลายปีขนาดนี้
เลขาฯหลิวซาบซึ้งใจ พยักหน้าซ้ำๆ “อื้ม โอเคๆ ประธานเย่คุณงานยุ่ง ฉันออกไปแล้วนะ”
“โอเค”
เลขาฯหลิวยืดอกเชิดหน้าตรงแล้วออกไป เขามั่นใจและมีความหวังกับเย่จิงเหยียนอย่างมาก เขาฉลาดและมีพรสวรรค์ไม่ต่างจากเย่ฉ่าวเฉิน แต่มีน้ำใจและสุภาพอ่อนโยนกว่าเย่ฉ่าวเฉิน สิ่งเดียวที่ขาดไปก็คือประสบการณ์ที่มาก แบบนี้สำหรับพนักงานแล้ว เป็นเรื่องดีๆที่หาได้ยาก
วันต่อมา เลขาฯหลิวลาออกอย่างเป็นทางการ เลขาฯหวังกลายเป็นเลขาฯคนใหม่ของท่านประธาน เมื่อเขาออกไป เย่จิงเหยียนก็พาเขาไปส่งถึงหน้าประตูบริษัท เลขาฯหลิวบอกว่าไม่ต้อง เย่จิงเหยียนพูดตามตรงว่านี่คือความคิดเห็นของพ่อ เขาจึงยอมรับอย่างยินดีปรีดา
กลับถึงห้องทำงานประธาน ยังไม่ทันได้นั่งดี เลขาฯหวังก็เคาะประตูแล้วเข้ามา
“ประธานเย่ คุณต้องการพบเลขาฯทั้งสองคนไหม?”
“ไม่ต้อง ให้พวกเขาทำงานให้ดีๆก็พอแล้ว” เย่จิงเหยียนก้มหน้าก้มตาอยู่กับรายงานข้อมูล ไม่ได้ลืมตาขึ้นมามอง
“ครับ”
เลขาฯหวังกลับไปถึงแผนกเลขานุการ เงยหน้ามองเด็กผู้หญิงสองคนอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “ประธานเย่กำลังยุ่งอยู่ ไม่มีเวลาว่างพบพวกคุณ”
ในสายตาหนึ่งในเด็กผู้หญิงปรากฎความผิดหวัง เลขาฯหวังชำเลืองมองเธอ น้ำเสียงยิ่งเย็นชา “งานปกติประจำวันฉันก็ไม่พูดแล้วนะ พวกคุณล้วนก็มีประสบการณ์ แต่ฉันต้องบอกถึงกฎระเบียบของพวกเราที่นี่”
“ค่ะ เลขาฯหวัง” เด็กผู้หญิงสองคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ก้มหน้าก้มตาฟัง
“อันดับแรก ห้ามมีความคิดอะไรที่ไม่ดีกับประธานเย่ หากพบต้องออกทันที เข้าใจความหมายของฉันไหม?”
“เข้าใจ” เลขาฯหวังพูดชัดเจนมาก ก็เพื่อไม่ให้พวกเธอทั้งสองมายั่วยวนเย่จิงเหยียน อันที่จริงถึงแม้ว่าจะยั่วยวนประธานก็จะเอือมระอากับพวกเขา เพียงแต่เลขาฯหวังไม่อยากให้ทำผิดกฎระเบียบแผนกเลขานุการในมือของเขา
“ลำดับที่สอง……”
หลังจากพูดกฎสี่ข้อติดต่อกัน เลขาฯหวังจึงส่งมอบให้คนอีกคนพาพวกเธอไปทำความคุ้นเคยกับงาน
ตอนบ่าย เย่ชูวเสวียว่างมากๆจึงวิ่งมาก่อนกวน กวนเย่จิงเหยียนและเก็บเงินออกมาอย่างรวดเร็ว เธอต้องการเปิดร้านขนมหวาน
แผนกเลขานุการ เลขาฯหวังพูดกับพนักงานสองคนนี้ที่มาใหม่ว่า “พวกคุณหากใครไปเสิร์ฟกาแฟให้ประธานเสี่ยวเย่ จำไว้ว่าต้องใส่นมและน้ำตาลเพิ่มอีกช้อนหนึ่ง เธอชอบรสหวานสักหน่อย”
“ฉันไป” เด็กผู้หญิงที่กำลังเก็บแฟ้มข้อมูลยกมือขึ้นทันที วันนี้เธอรอโอกาสนี้มานานแล้ว จะปล่อยไปได้ยังไง
“รีบไป”
“ค่ะ”
ห้องทำงานท่านประธาน
“พี่ชาย คุณยังรักษาสัญญาที่พูดอยู่ไหม?” เย่ชูวเสวียนั่งบนโต๊ะทำงานของเขา ปากกาสวยงามด้านหนึ่งเซ็นต์อยู่ในอากาศ ปลายปากกากำลังหันไปทางเสื้อเชิ้ตสีขาวของเย่จิงเหยียน
“ฉันรักษาคำพูดแน่นอน เพียงแต่หลายวันมานี้ฉันยุ่งมาก รอสักสองวันได้ไหม?” เย่จิงเหยียนฝืนยิ้มอย่างจนปัญญา
“ไม่ได้” ปากกาเซ็นต์ชื่อเข้ามาใกล้อีกนิ้วหนึ่ง เย่ชูวเสวียหยิบอาวุธสังหารออกมา “คุณลืมแล้วหรอว่าใครเป็นคนบอกข่าวคราวคุณผู้หญิงของคุณ? ถ้าไม่มีฉัน คุณจะรู้ได้ยังไงว่าเธอเคยมาหาคุณ?”
พอพบหัวข้อสนทนาของต้วนอีเหยา เย่จิงเหยียนก็พุ่งประเด็นโดยตรง “โอเคๆ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ฉันจะจัดสรรเงินไว้ให้”
“ครั้งไม่หลอกต้มฉันแล้วใช่ไหม”
เย่จิงเหยียนยกสามนิ้วขึ้นสาบาน “ไม่แน่นอน”
ปากกาเซ็นต์ชื่อกลับไปยังสถานที่เมื่อกี้ เย่ชูวเสวียพูดอย่างพอใจว่า “จะเชื่อคุณสักครั้งหนึ่ง”
พอพูดจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เย่ชูวเสวียลงมาจากโต๊ะทันที เธอสามารถประพฤติตัวไม่ดีต่อคนในหน้าครอบครัวได้ แต่ต่อหน้าคนภายนอก เธอต้องรักษาหน้าของตระกูลเย่
“เข้ามา” เย่จิงเหยียนพูดอย่างเย็นชา
เลขาฯคนหนึ่งยกกาแฟถ้วยหนึ่งเข้ามา รูปร่างที่งดงามมีเสน่ห์ถูกห่อไว้ในเดรสสั้นสีชมพู มีกลิ่นอายของสาวน้อยอย่างมาก
“ประธานเย่ กาแฟของคุณ”
เย่จิงเหยียนยืนอยู่ข้างๆพี่ชาย เพ่งเล็งเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เคยเจอคุณ มาใหม่หรอ?”
“ใช่ค่ะ ประธานเย่” เสียงไพเราะของเด็กผู้หญิงตอบรับ แล้วเงยหน้ามองเย่ชูวเสวียเล็กน้อย
คนทั้งสองสบตากันพอดี เปลือกตาของเย่ชูวเสวียกระตุกสองครั้ง จ้องมองหน้าของเธอแล้วพูดว่า “เอ๊ะ? ทำไมฉันรู้สึกว่าเคยพบคุณที่ไหน?”
ความจำประธานเย่ดีจริงๆ คาดไม่ถึงว่ายังจำฉันได้ พวกเราเคยพบกันเมื่อหนึ่งปีก่อน” เด็กสาวกล่าวอย่างยิ้มเล็กน้อย
ได้ยินคำพูดนี้ เย่จิงเหยียนก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ คุ้นๆหน้าเล็กน้อย แต่นึกไม่ออกว่าเคยะบที่ไหน ที่จริงแล้วมีผู้หญิงจำนวนมากที่ปรากฎต่อสายตาเขา แต่เขากลับจำต้วนอีเหยาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
“เมื่อไรที่ไหน?” เย่ชูวเสวียรอกเรื่องยังไงก็นอกเรื่องอยู่อย่างนั้น ถามอย่างแปลกใจ
เด็กสาวจับที่สายตาของเย่ชูวเสวีย ในใจก็ดีใจ แต่บนใบหน้ายังสงบนิ่ง “หนึ่งปีก่อนบนถนนข้างทาง คืนวันนั้นฉันถูกไล่ตามต้องการหนี้พนันที่พ่อฉินติดหนี้ไว้ คือคุณและประธานเย่ช่วยฉันไว้ ไม่ทราบว่า…….พวกคุณยังจำได้ไหม?”
เย่ชูวเสวียขมวดคิ้วคิดอยู่นานมาก ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีกหรอ? ความทรงจำของเธอสักนิดก็ไม่มี
“คุณไม่ต้องคิดแล้วล่ะ เวลานั้นคุณเมามาก คิดเพียงแต่จะเข้าไปเป็นฮีโร่หญิง ฉันยังคงเล่นฉากที่ได้รับแทนคุณ” เย่จิงเหยียนจ้องมองเธออย่างเหยียดหยาม
“ความจริงก็เป็นแบบนี้เอง” มิน่าล่ะถึงคิดไม่ออก รู้สึกเพียงว่าเคยพบเธอที่ไหน
เด็กสาวก้มหน้าดีใจเล็กน้อย พูดกับเย่จิงเหยียนว่า “ที่แท้แระธานเย่ก็ยังจำได้ ฉันเอง จ้าวเสวียน”
การแสดงออกของเย่จิงเหยียนเรียบเฉยมาก “เพียงแค่ความทรงจำเล็กน้อย”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเย่ฉ่าวเหยียนจะเยือกเย็นมาก แต่จ้าวเสวียนมีความสุขมากที่จะตอบเองโดยไม่ต้องถาม “เดิมทีฉันอยากเป็นนักศึกษาฝึกงานของเย่ฮวางเมื่อปีที่แล้ว แต่เกณฑ์ของเย่ฮวางนั้นสูงมาก ด้วยเหตุนี้ฉันจึงได้ฝึกฝนในบริษัท อื่นมานานกว่าหนึ่งปี และในที่สุดก็ได้เข้ามาในปีนี้ด้วยประสบการณ์และความสามารถ”
“อื้ม ทำงานดีๆ”
จ้าวเสวียนกุมมือทั้งคู่ ยิ้มตาหยี “ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน”
“ออกไปเถอะ”
เป้าหมายของจ้าวเสวียนในครั้งนี้สำเร็จแล้ว แน่นอนว่าจะไม่อยู่ต่อไป เดินออกไปที่ประตูอย่างว่องไว
เย่ชูวเสวียยกกาแฟขึ้นจิบอึกหนึ่ง ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “พี่ ยัยเด็กคนนี้มีจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์”
“คุณรู้ได้ยังไง?” เย่จิงเหยียนกล่าวยิ้มอย่างจนใจ
เย่ชูวเสวียนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา ขั่งไขว่ห้างพูดอย่างลำพองใจว่า “ทำธุรกิจฉันไม่เข้าใจอะไรเลย แต่กับเรื่องนี้ ฉันฉลาดกว่าคุณมากนัก”
“เอาล่ะ ดื่มกาแฟแล้วก็รีบไป ในใจฉันรู้ดี”
“ก็กลัวว่าคุณจะจ้างเต้าหยินที่สำแดงเวทย์มนต์ของจิ้งจอกน้อยฉันจึงเตือนสติคุณ หวังดีคิดว่าเป็นเจตนาร้าย” เย่ชูวเสวียเบ้ปาก
เย่จิงเหยียนยิ้มอ่อน “คุณอย่าลืมล่ะ หลายปีมานี้เด็กผู้หญิงของพี่ชายคุณไม่ถึงหมื่นก็ถึงห้าพัน ในสายตาพวกเธอคืออะไร ในใจคิดอะไร ฉันแค่มองก็รู้แล้ว ฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องให้คุณเตือนสติ”
“โห คาดไม่ถึงว่าพี่ชายฉันจะมีเพื่อนเพศตรงข้ามมากมายแต่ไม่มีใครพัฒนาความสัมพันธ์ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันก็ไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่นแล้ว ไปล่ะ” เย่ชูวเสวียบิดเอวเล็กๆของเธอออกไป
เย่จิงเหยียนจนปัญญากับน้องสาวคนนี้จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนไหนในโลกนี้ที่จะปราบเธอได้อยู่มือ
แต่ต้วนอีเหยา นับตั้งแต่เธอไปเป็นทหารของทวีปแอฟริกานั้น จู่ๆเขาก็สูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่รู้ว่าเขาในปัจจุบันนี้จะสามารถเทียบรัสมีที่สูงส่งของเธอได้หรือไม่
สภาพอากาศค่อยๆร้อน เย่จิงเหยียนสืบทอดพรสวรรค์ในการทำธุรกิจของพ่อ ทำงานยิ่งนานวันยิ่งคล่องมือ การวางแผนงานใหม่หลายๆงานทำให้คนทั้งบริษัทนับถือไม่น้อย
แต่จ้าวเสวียนเสียใจมาก มาอยู่แผนกเลขาฯเกือบจะสองเดือนแล้ว เย่จิงเหยียนคล้ายกับไม่รู้สึกรู้สากับเธอเลย กระทั่งเล็กน้อยก็ไม่มี นี่เป็นสัญญาณที่แย่มาก
อย่างเช่นครั้งหนึ่ง เธอตื่นแต่เช้าตรู่ไปซื้อโจ๊กที่มีชื่อเสียงที่สุดทางตะวันตกของเมือง ถือโอกาสตอนที่ทำความสะอาดห้องทำงานเย่จิงเหยียนวางไว้บนโต๊ะของเขา เต็มไปด้วยการเฝ้ารอคาดหวังว่าเขาจะได้รับ คาดไม่ถึงว่าเย่ฉ่าวเฉินเขไปไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หยิบอาหารเช้าออกมา ถามคนที่แผนกเลขาฯอย่างนิ่งๆว่า “ใครเป็นคนส่งมา?”
จ้าวเสวียนลุกขึ้นมาทันที ยิ้มหวานกล่าวว่า “ฉันเอามาให้คุณเอง”
เย่จิงเยียนเดินเข้ามาแล้ววางอาหารเช้าลงบนโต๊ะของเธอ หน้าตาไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อย “ขอบคุณ คุณแค่ทำหน้าที่ปกติของตนเองก็พอแล้ว ไม่ต้อวทำเรื่องเหล่านี้ อีกอย่าง อาหารเช้าฉันทานแค่ที่บ้านเท่านั้น”
จ้าวเสวียนถูกลูกระเบิดเช่นนี้ ในสมองก็ว่างเปล่า เย่จิงเหยียนไปจากเธอตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ได้มีกีตอบสนอง กระทั่งเสียงหัวเราะของคนอื่นดึงเธอกลับมาสู่ความเป็นจริง
หน้าแดงในชั่วพริบตา ไม่เคยมีใครปฏิเสธเธอเลย มีแต่เธอปฏิเสธคนอื่น
เลขาฯหวังเดินไปพูดกับเธอด้วยความโกรธว่า “คุณตามฉันมา”
จ้าวเสวียนกระพริบตา กัดริมฝีปากแล้วเข้าห้องทำงานของเลขาฯหวัง
“วันแรกที่มาทำงานฉันพูดว่าอะไร ยังจำได้ไหม?”
จ้าวเสวียนใจสั่น รีบพูดว่า “ฉันจำได้ แต่ฉันไม่ได้จะต้องการยั่วยวนประธานเย่จริงๆ ตอนเช้าตรู่ฉันเดินผ่านร้านนี้ เห็นคนซื้อเยอะมาก ก็เลยถือโอกาสซื้อมาให้ท่านประธานเย่ชุดหนึ่ง ฉันเพียงแค่อยากเอาใจใส่เขา ไม่ได้อยากยั่วยวนเขา”
“จ้าวเสวียน!” เลขาฯหวังตวาดเสียงดัง “ในใจของคุณกำลังคิดอะไรอยู่ฉันรู้ชัดเจนดี ไม่ต้องมาแก้ตัวอีก เก็บข้าวของแล้วไปซะ”
จ้าวเสวียนยื่นอึ้งอยู่กับที่ เธอคาดไม่ถึงจริงๆว่าเลขาฯหวังจะจริงจังขนาดนี้ แต่เธอไม่สามารถไปแบบนี้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่เริ่มต้น เธอไปแล้วความปรารถนาของเธอล่ะจะทำยังไง?
ด้วยในที่หยาบช้า จ้าวเสวียนแสร้งพูดอย่างจริงจังว่า “หัวหน้าหวัง อันที่จริงฉันรู้จักกับประธานเย่ตั้งแต่เด็กแล้ว ที่ฉันเข้ามาทำงานที่บริษัทเย่ฮวางก็คือประธานเย่แจ้งให้ฉันเข้ามาสมัครงาน คุณจะมาขับไล่ฉันออกไปแบบนี้ไม่ได้”
เลขาฯหวังช็อก “คุณพูดอะไร?”
“ตอนฉันเรียนประถมก็ได้รู้จักกับประธารเย่…..” จ้าวเสวียนพูดบิดเบือนความจริงในความสัมพันธ์ของเธอกับเย่จิงเหยียน แล้วก็พูดเรื่องที่เจอกันเมื่อหนึ่งปีก่อน และพูดแสดงให้เห็นถึงความพิเศษอีกด้วยว่า แสดงออกชัดเจนว่าเย่จิงเหยียนให้เธอมาเข้าทำงานที่เย่ฮวาง เพียงแต่เวลานั้นความสามารถเธอไม่ได้ จึงต้องไปฝึกที่บริษัทอื่นปีหนึ่งก่อนแล้วจึงเข้ามา
เลขาฯหวังฟังนิทานของเธอแล้วนิ่งเงียบอยู่นาน “คุณพูดความจริงหรอ?”
“จริงทุกประโยค ไม่เช่นนั้นฉันก็คงไม่กล้าส่งอาหารเช้าให้ประธานเย่หรอก” จ้าวเสวียนพยายามกดความกลัวภายในใจ พูดสาบานอย่างน่าเชื่อถือ