“อืม” จางเฉินผิดหวังอย่างมาก เดิมทีเขาอยากอวดต่อหน้าทุกคนเล็กน้อย แต่หัวหน้าก็สุดยอดจริงๆ มีน้องชายอยู่บริษัทใหญ่ขนาดนี้
ทางด้านนี้ สาวน้อยแผนกต้อนรับได้ยินชื่อคุณต้วน ก็ตื่นเต้น มีแรงกระตุ้นที่จะวิ่งออกไปดูนางฟ้า มือสั่นยกหูโทรหาเลขา
“ฮัลโหล ฉันคือพนักงานต้อนรับของที่นี่”
“มีเรื่องอะไร?” น้ำเสียงด้านนั้นฟังออกว่าหงุดหงิด
“รบกวนแจ้งประธานเย่ด้วย ว่ามีคุณผู้หญิงแซ่ต้วนมาหาท่าน”
จ้าวเสวียนรับสายพอดี เธอขมวดคิ้ว “แซ่ต้วนอะไร? วันนี้ประธานไม่มีนัดกับผู้หญิงแซ่ต้วน ไล่เธอออกไป”
พูดจบ ไม่รอให้ด้านนั้นอธิบาย จ้าวเสวียนก็วางสายไป
พนักงานต้อนรับตกตะลึง พูดกับร.ป.ภ.ว่า “วางสายไปแล้ว”
“วางสายไปก็โทรไปอีกสิ มิเช่นนั้นเราไม่มีงานทำแน่” ร.ป.ภ.เร่งเร้าเธอ
สาวน้อยพนักงานต้อนรับก็โทรต่อ ขณะรับสายก็พูดว่า “ฉันคือพนักงานต้อนรับ……”
เพิ่งจะพูดออกไป ด้านนั้นก็พูดขึ้นว่า “พูดไปหมดแล้ว วันนี้ท่านประธานเย่ไม่มีเวลา พวกคุณปฏิบัติหน้าที่ยังไง” จากนั้น ก็วางสายไปอีกครั้ง
ร.ป.ภ.เกาหัวเลย แล้วนี่จะทำอย่างไรต่อ?
“มิเช่นนั้นคุณก็ต้องขึ้นไปแจ้งประธานเย่ด้วยตนเอง?” สาวน้อยพนักงานต้อนรับพูด
“ให้ฉันไป?”
“ใช่ คุณรีบไปเถอะ ถ้าคุณต้วนท่านนี้รอจนหงุดหงิดแล้วจากไป เราก็จะน่าเวทนาแล้ว”
ร.ป.ภ.พยักหน้าทันที “งั้นคุณช่วยฉันดูประตูทางเข้าด้วย ฉันจะขึ้นไปเลย”
“อืมอืม รีบไปเถอะ”
ร.ป.ภ.ตรงไปที่ลิฟท์ เขาไม่เคยไปที่ห้องทำงานของท่านประธานมาก่อน ทุกๆครั้งที่เจอเขาก็แค่ตอนเข้างานเลิกงาน ไม่เคยพูดอะไรด้วยสักคำ ครั้งนี้ทว่าต้องคุยกับเขาคนเดียวลำพัง ร.ป.ภ.รู้สึกว่า หัวใจเต้นเร็วเล็กน้อย
“ติ๊ง——”
ลิฟท์มาถึงชั้นสูงสุด ร.ป.ภ.หาห้องทำงานของท่านประธานได้อบ่างราบรื่น เพื่อการทำงานของตนเอง สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเคาะประตู
“เข้ามา” เย่จองเหยียนพูดอยู่ด้านใน
ร.ป.ภ.ผลักประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง คาดไม่ถึงว่าด้านในทั้งเป็นผู้บริหารระดับสูง ยังมีเลขาอีกสองสามคน มิน่าล่ะด้านนอกไม่เจอใครเลยสักคน
ทุกคนเห็นการปรากฏตัวของร.ป.ภ.ก็แปลกใจเล็กน้อย เขามาทำอะไรในห้องทำงานของท่านประธาน
ร.ป.ภ.เหงื่อออกหน้าผาก คอแห้งไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร
เย่จิงเหยียนเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารที่ต้องลงนาม จำได้ว่าเขาเป็นร.ป.ภ.ยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าทุกวัน พูดเรียบๆว่า “มีเรื่องอะไรหรอ?”
“เอ่อ……ท่านประธานเย่ ที่ชั้นล่างมีคุณผู้หญิงแซ่ต้วนมาหาท่าน”
ร.ป.ภ.เสียงเบามาก แต่เย่จิงเหยียนได้ยิน ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที ถามอย่างกระตือรือร้นผ่านหน้าผู้บริหารระดับสูงหลายคนมาที่เขา “คุณว่าอะไรนะ?”
ร.ป.ภ.ยิ่งเพิ่มความตึงเครียด “คือ……มีคุณผู้หญิงแซ่ต้วน……”
“เธออยู่ที่ไหน?” เย่จิงเหยียนพูดตัดบทเขา
“อยู่หน้าประตูทางเข้าบริษัท เธอบอกว่าจะรอคุณอยู่ด้านล่าง……” ร.ป.ภ.ยังพูดไม่ทันจบ ภาพคนตรงหน้าเขา เย่จิงเหยียนหายไปแล้ว
ทุกคนในห้องทำงานก็ไม่เป็นอันสงบ เห็นเย่จิงเหยียนออกไป ทุกคนก็หันมาถามร.ป.ภ. “คือหญิงสาวแซ่ต้วนหรอ?”
ร.ป.ภ.พยักหน้า
“รูปร่างหน้าตาดีไหม?” มีคนถามต่อ
ร.ป.ภ.นึกเล็กน้อยแล้วพูดว่า “สง่างามมาก เท่มาก”
“ไม่สวยหรอ?”
“สวย”
ทุกคนในห้องท่านประธานเริ่มกระสับกระส่าย พวกเขาอยากจะเห็นนางฟ้าของประธานเย่
ผู้จัดการใหญ่พูดว่า “ฉันว่าทุกคนแยกย้ายกันน่าจะดีกว่า นางฟ้าของประธานเย่มาแล้ว เขาคงไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำงานไปสักพัก”
“พูดถูก กลับเถอะกลับเถอะ”
ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็ไปกันหมดห้องทำงาน ทุกคนกระตือรือร้นที่จะพบเจอนางฟ้าในรูปแบบต่างๆ
ร.ป.ภ.เดินท้ายสุด ถูกเลขาหวังเรียกไว้ ถามเบาๆว่า คุณให้พนักงานต้อนรับโทรมาหาเลขาก็พอแล้ว ทำไมต้องขึ้นมาเองล่ะ?”
ร.ป.ภ.พูดด้วยสีหน้าจนปัญญา “พนักงานต้อนรับโทรมาสองสายแล้ว เลขาบอกว่าท่านประธานยุ่ง ไม่พบ ฉันหมดหนทางแล้วจึงต้องวิ่งขึ้นมา”
เลขาหวังสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “คุณพูดจริงหรอ?”
ร.ป.ภ.พูดอย่างจริงจัง “เลขาหวัง ฉันจะโกหกคุณทำไม? ถ้าคุณไม่เชื่อก็กลับไปตรวจสอบข้อมูลที่บันทึกทางโทรศัพท์ก็รู้แล้ว ฉันลงไปก่อนนะ”
เลขาหวังผลักประตูห้องประธานเย่ออกอย่างง่ายดาย ในดวงตามีความเย็นชาเล็กน้อย เมื่อกี้เลขามีเพียงจ้าวเสวียนเท่านั้นที่อยู่ หากสิ่งที่ร.ป.ภ.พูดเป็นความจริง งั้นคนที่ทำเรื่องนี้ก็คือเธอ
โชคดีที่ร.ป.ภ.วิ่งมาแจ้งให้ทราบด้วยตนเอง ถ้าหากว่า……ถึงเวลาประธานเย่ต้องโมโหเลขาทุกคน……
นึกถึงผลลัพธ์นี้ เลขาหวังก็อยากจะตบหน้าจ้าวเสวียนสักที ความสามารถในการทำงานก็ดี คิดแผนการเช่นนี้กับประธานเย่ได้อย่างไร
ไม่ได้การ เขาต้องจัดการผู้หญิงคนนี้สักหน่อยแล้ว อย่าอาศัยความเกี่ยวข้องกับประธานเย่ ก็เลยก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของประธานเย่ได้
ในลิฟท์
ใจเย่จิงเหยียนเต้นจนจะออกมา เป็นเธอจริงๆใช่ไหม? รู้สึกเหมือนฝันไปเลย
กล่องลิฟต์ด้านในที่แวววาวสะอาดสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นของเขา เย่จิงเหยียนหันหน้าไปทางที่สะท้อนแสงจัดทรงผมและเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อยเล็กน้อย หวังว่าเธอเห็นตนเองแล้วจะไม่ผิดหวัง
ออกไปจากลิฟท์ เย่จิงเหยียนบอกตนเองให้เดินช้าๆหน่อย สง่างามหน่อย แต่สมองของเขาไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของเขาได้เลย แทบจะวิ่งเหยาะๆไปที่ประตูทางเข้าบริษัท จากนั้นก็เห็นเธอแล้ว
ผู้หญิงสวมชุดลายพรางเหยียดศอกบนรถด้านหลัง งอขาทั้งสองข้างเล็กน้อย สวมแว่นกันแดดพูดคุยอะไรกับผู้ชายข้างๆอยู่ ตอนเธอยิ้ม ริมฝีปากแดงฟันขาวช่างดูดีเหลือเกิน
คือเธอ ผู้หญิงคนนั้นที่เจอกันที่แอฟริกา
เดิมทีคิดว่าได้เจอเธอ ตนเองก็จะผ่อนคลาย ใครจะรู้หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้น เหมือนมีกวางน้อยกระโดดๆโลดเต้นอยู่ ต้องการทะลุอกออกมา เวลานี้ เธอเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในโลก เย่จิงเหยียนเห็นเพียงแค่รอยยิ้มของเธอ
เท้าก็ยกไม่ขึ้นอีกต่อไป แข็งทื่ออยู่กับที่เช่นนี้ กลัวว่านี่จะเป็นความฝัน เดินเข้าไปความฝันก็แตกสลายทันที
ต้วนอีเหยาพบว่ามีชายร่งสูงใหญ่วิ่งออกมา เมื่อมองไปที่เขา รอยยิ้มก็เปล่งประกาย เป็นเขา ดวงตาคู่นี้คือความทรงจำที่ดีที่สุด
เพียงแต่ว่า หมอนี่รูปร่างน่าตาองอาจกล้าหาญเป็นลูกผู้ชายกว่าตอนเด็กๆ แล้วก็หล่อมากด้วย
ตอนเด็กเป็นตุ๊กตาเซรามิคสวยงาม ตอนนี้เป็นชายแท้แล้ว
ต้วนอีเหยาชี้นิ้วไปทางเขา พูดเสียงดัง “เย่จิงเหยียน มาแล้ว”
ถูกคนนั้นตะโกนเรียก เหมือนถอนจากการถูกตราตรึง ก้าวยาวๆเข้าไปหาเธอ
“อีเหยา ในที่สุดคุณก็มาหาฉัน” พูดอย่างคอแห้งๆ
ต้วนอีเหยาถอดแว่นกันแดดออกแล้วเสียบไว้ในคอเสื้อ เผยให้เห็นลูกตาสีดำสนิท ด้านในเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ยอดเยี่ยมไปเลย จะเจอคุณยังต้องนัดล่วงหน้าด้วย”
เย่จิงเหยียนยิ้มอายๆ “คุณมีเวลาก็มาหาฉันได้ทุกที่ทุกเวลา”
“ดีนะ ที่ยังไม่ลืมฉัน” ต้วนอีเหยายิ้ม
“หลายปีมานี้ฉันรอคุณให้มาหาฉันตลอด จะลืมคุณได้อย่างไร?” เย่จืงเหยียนระงับความคิดถึงอย่างเกินหน้าเกินตาไว้ในใจ ฝ่ามือเหงื่อออกไปหมด
เมื่อเทียบกันแล้ว ต้วนอีเหยาก็สงบมากๆ ยื่นมือมาตีไหล่ของเขา ทอดถอนใจพูดว่า “เด็กน้อยเมาอก่อนที่เคยอยู่ข้างหลังฉันโตแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ”
ไหล่ของเย่จิงเหยียนชาเล็กน้อย เมื่อเห็นผิวของเธอที่ราวกับข้าวสาลี จู่ๆก็อยากกอดเธอมากๆ
ในใจคิดแบบนี้ สองมือของฉันก็กางออกนำเธอมาไว้ในอ้อมกอดแล้ว เธอค่อนข้างผอม ห่อหุ้มด้วยชุดลายพรางขนาดใหญ่ แต่มีกล้ามเนื้อเป็นสัดเป็นส่วน น่าจะเกิดจากการฝึกซ้อมเป็นระยะเวลานาน กลิ่นตัวเธอสะอาดมาก มีเพียงกลิ่นน้ำยาซักผ้าจางๆ
การกอดนี้ทำให้จางเฉินแทบจะกรีดร้อง ฮือฮือฮือ หัวหน้าพูดว่าไม่ใช่แฟน ไม่ใช่แฟนแล้วจะกอดเธอได้ยังไง? จะใช้สายตาลึกซึ้งเช่นนี้มองเธอได้อย่างไร
ต้วนอีเหยาตัวแข็งทื่อไปสองสามวินาที ตั้งแต่เด็กจนโต นอกจากเขา ไม่มีชายคนไหนกอดเธอได้อย่างสนิทสนมเช่นนี้ สิ่งที่แปลกคือ เธอไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งกลิ่นตัวเขาก็หอมมาก ไม่เหมือนพวกผู้ชายเหม็นๆเหล่านั้นในค่ายทหาร กลิ่นเหงื่อแรงตลอดเวลา
อย่าช้าๆ ร่างกายของเธอก็อ่อนโยนลงมา เหมือนกับพี่สาวตีหลังเขาเบาๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เจอกันหลายปีแบบนี้ ทำไมคุณยังคงขี้อ้อนขนาดนี้ล่ะ?”
ตัวเขาสูงมาก หัวของเธออยู่แค่คางของเขา
เย่จิงเหยียนเลิกคิ้วแล้วยิ้ม เขาไม่เคยขี้อ้อนกับใคร นอกจากเธอ
ปล่อยเธออย่างไม่เต็มใจ ยิ้มของเย่จิงเหยียนอบอุ่นกินใจ “คิดถึงคุณเหลือเกิน ก็เลยอยากกอดคุณ”
“พูดจาดี จุดนี้ก็ไม่เปลี่ยนเลย”
เย่จิงเหยียนยิ้ม ดูเหมือนเขาจะพูดแต่สิ่งดีๆกับเธอเท่านั้น
ต้วนอีเหยาพบว่าประตูทางเข้าบริษัทที่ว่างเปล่าไม่มีคนเมื่อกี้นี้ ตอนนี้มีคนเข้าๆออกๆเยอะมาก และสายตาของทุกคนก็มองมาที่นี่
เอกลักษณ์ของตัวเองคงพิเศษเกินไป ต้วนอีเหยาพูดว่า “ไปเถอะ ไปหาที่กินข้าวกัน ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”
เย่จิงเหยียนพูดทันที “อยากกินอะไรล่ะ? ฉันเลี้ยงเอง”
“แน่นอนว่าคุณต้องเลี้ยงฉัน ตอนนี้คุณเป็นเจ้านายของบริษัทใหญ่โต ฉันเป็นแค่ทหารคนหนึ่ง จนจะตาย” ต้วนอีเหยาจงใจหยอกล้อเขา
จางเฉินนั่งฟังอยู่ข้างๆ น้องชายหรือแฟนของหัวหน้า (รอการตัดสินใจ) คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้านายใหญ่ เพียงแต่……เขายังรู้สึกว่า ชายรูปร่างหน้าตาหล่อเกินไปเช่นนี้ไม่คู่ควรกับหัวหน้า ถึงอย่างไรหัวหน้าก็เป็นดอกไม้ของกองทัพC
“เลี้ยงเท่าไหร่ก็ได้ อยากกินอะไรล่ะ?”
“ของเผ็ดๆ ฉันชอบกินเผ็ด”
“ฉันรู้แล้ว ต้องการนั่งรถไปไหม? สถานที่ไม่ไกลมาก ระยะห่างถนนหนึ่งสาย”
ต้วนอีเหยามองรถของตนเองแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ เดินไปเถอะ รถมันสะดุดตาเกินไป”
“อันที่จริงชุดนี้ของเธอก็สะดุดตามากเลยนะ” เย่จิงเหยียนยิ้มแล้วกล่าว
“หรอ?” ต้วนอีเหยาก้มหน้ามอง จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแล้วโยนไปบนรถอย่างรวดเร็ว เกลือไว้เพียงเสื้อยืดสีดำ เสื้อยืดสีดำเพียงตัวเดียวนั้น ครั้งนี้ก็ยิ่งเผยให้เห็นหุ่นที่ดีของเธอมากขึ้น หน้าอกที่เต็ม เอวแขนขาที่เล็ก เพราะสาเหตุจากการออกกำลังกาย มิงดูแล้วแข็งแรงมาก
“ไปเถอะ” ต้วนอีเหยาพูดอย่างไม่เอาใจใส่
เย่จิงเหยียนใบหูค่อยๆแดง เขานี่ปากมากจริงๆ ทำไมต้องพูดว่าเสื้อคลุมตัวนอกของเธอสะดุดตาด้วยนะ? ก็ชัดเจนอยู่ว่าแบบนี้จะดึงดูดสายตาคนจำนวนมาก
จางเฉินเห็นความแปลกประหลาดจนชิน อีกทั้งก็ไม่กล้าหยาบคายกับนางฟ้าชื่อเยี่ยนโดยสิ้นเชิง จึงถามต้วนอีเหยาด้วยใบหน้าที่ไม่แดงใจที่ไม่สั่นว่า “หัวหน้า ฉันต้องติดตามคุณไป หัวหน้าฝ่ายชี้แนะกำชับสั่งว่า ไม่ให้ฉันห่างคุณแม้ครึ่งก้าว”
“นี่คุณพูดไร้สาระหรอ? คุณไม่ตามฉันมาแล้วจะกินอะไร?”
“แล้วรถ……”
“รถก็เอาไว้ตรงนี้แหละ ไม่เป็นไร” เย่จิงเหยียนยิ้มแล้วกล่าว
“โอเค”
สองสามคนเดินไปยังร้านอาหาร ต้วนอีเหยาถามเขาอย่างอยากรู้อยากเห็นถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงสองสามปีนี้ ระหว่างคนทั้งสองคล้ายกับว่าเพิ่งแยกจากกันมาเมื่อวานนี้ ไม่มีสถานการณ์ที่เขินอายไม่มีอะไรจะพูดจากการที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลานานนั้น
พนักงานเล็กใหญ่ของบริษัทเย่ฮวางที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ได้หลบซ่อน ทั้งหมดวิ่งเฮโลกันออกมาชม ในสายตาแฝงไปด้วยความตื่นเต้น หลายคนก็กระซิบกระซาบพูดคุยกัน
“นี่ก็คือนางฟ้าของท่านประธานหรอ เดิมทีก็เป็นทหาร ดูท่าแล้วจะเก่งมาก”
“ร่างกายนั้นมัเสน่ห์มาก เทียบไม่ได้กับผู้หญิงธรรมดาทั่วไป”
“อีกทั้งยังขับรถทหารมาอีก ระดับน่าจะไม่ใช่ต่ำๆเลย”
คุณดูประธานเย่ที่อยู่ตรงหน้าเธอสิเหมือนกับนักเรียนที่เชื่อฟัง อำนาจของประธานสักนิดก็ไม่มี เห็นได้เลยว่าประธานเย่ให้ความสำคัญต่อนางฟ้า…….”
มีคนอิจฉาก็มีคนริษยา
“ฉันยังคิดว่ารูปร่างหน้าตาจะสวยมาก ก็เพียงแค่นี้”
“ใช่ เทียบไม่ได้กับสาวสวยของบริษัทพวกเราเลยสักนิด”
มีคนทนหังไม่ได้ โต้แย้งทันทีว่า “เธอเป็นนายทหารหญิง ปกป้องประเทศ พวกคุณทำได้หรอ?”
ผู้หญิงสองคนนั้นเบ้ปาก ไม่กล้าพูดอีก
สายตามองภาพเงาบุคคลสามคนหายไปทางเข้าของถนน ทุกคนไปทานข้าวแล้วยังอารมณ์ค้างอยู่ แลกเปลี่ยนของกลุ่มสามถึงห้าคนพากันซุบซิบนินทาในประสบการณ์ครั้งนี้ เกี่ยวกับการโอบกอดของเย่จิงเหยียน
ห้องทำงานเลขาฯหวังหลายนาทีก่อนหน้านี้
“จ้าวเสวียน ทำไมต้องวางสายโทรศัพท์ของพนักงานต้อนรับ? อีกอย่างพนักงานต้อนรับก็บอกกับคุณชัดเจนว่า มีคนมาพบประธานเย่”
จ้าวเสวียนพูดอย่างมั่นใจว่า “คนๆนั้นไม่ได้นัดล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานั้นประธานเย่กำลังประชุมกับผู้บริหารระดับสูงทุกท่าน คุณก็อยู่ในสถานที่เกิดเหตุนี่”
“คุณลืมคำพูดที่กำชับสั่งคุณในวันรับตำแหน่งวันนี้ไปแล้วว่า ถ้ามีมีคุณผู้หญิงแซ่ต้วนมาหาประธานเย่ ไม่ว่าเวลาไหนต้องแจ้งให้ประธานเย่ทราบเป็นลำดับแรก” เลขาฯหวังพูดเตือนสติเธอด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
จ้าวเสวียนเหมือนสะดุ้งตื่นจากฝัน ใช่แล้ว เธอลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง?
“เอ่อ…..ขอโทษหัวหน้าหวัง เมื่อกี้ฉันยุ่งมาก ไม่ได้ยินว่าพนักงานต้อนรับได้พูดว่าแซ่ต้วนหรือไม่…….”
เลขาฯหวังตัดบทคำเถียงข้างๆคูๆของเธอ พูดอย่างเฉียบขาดว่า “จ้าวเสวียน คุณผู้หญิงแซ่ต้วนคนนี้สำหรับประธานเย่ล้วมีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าวันนี้สาเหตุเพราะคุณที่ทำให้คุณผู้หญิงต้วนท่านนี้จากไปอีกครั้ง ประธานเย่ไม่ได้พบเธอ ไม่เพียงแต่คุณ พวกเราแผนกเลขานุการทั้งหมดก็สามารถถูกไล่ออกได้”
ในใจจ้าวเสวียนปรากฎความไม่สบายใจเล็กน้อย พูดกระซิบเบาๆว่า “ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอ?”
“คุณคิดว่าไม่ร้ายแรงอย่างนั้นหรอ? คุณรู้ไหมว่าวันที่สองที่ประธานเย่เข้าดำรงตำแหน่งก็มาแจ้งประกาศนี้ให้ทราบด้วยตนเอง? คุณรู้ไหมว่าประธานเย่เปลี่ยนโปรแกรมการลงคะแนนส่วนตัวของทุกคน แล้วยังเพิ่มตัวเลือกหนึ่งโดยเฉพาะ เจาะจงคำชี้แจงเป็นพิเศษว่าคุณผู้หญิงแซ่ต้วนท่านนั้นคือนางฟ้าในใจของเขา? เลขาฯห้าคนเท่านั้น เขาเปลี่ยนแปลงในไม่กี่นาที จ้าวเสวียน ยังไงก็อย่ามองตนเองสูงเกินไป บางทีในใจของคนอื่น คุณก็ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”
คำพูดของเลขาฯหวังเฉียบขาดมาก แต่ในสมองของจ้างเสวียนหลงเหลือเพียงคำพูดประโยคนนั้นของเขา นางฟ้าในใจของเขา
ผู้ชายที่สูงส่งแบบนั้น มีนางฟได้ยังไง?
เขาควรจะเป็นเทวดาในใจของผู้หญิงถึงจะถูก
เลขาฯหวังเห็นเธอใจลอย ก็รู้ว่าความคิดของผู้หญิงคนนี้ไปไกลอีกแล้ว เรียกเสียงดังมาคำหนึ่ง “จ้าวเสวียน!”
จ้าวเสวียนไม่อยากถูกไล่ออกเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้ เลยจำต้องพูดอย่างรู้สึกน้อยใจว่า “หัวหน้าหวัง ฉันมาเย่ฮวางค่อนข้างช้า ไม่รู้ประกาศนี้ที่ประธานเย่ได้แจ้งไว้ แล้วฉันก็ประมาทเลินเล่อลืมใจความสำคัญเรื่องคำสั่งในวันแรกที่เข้าทำงาน คือฉันผิดไปแล้ว แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจ ต่อไปฉันจะไม่กล้าทำอีก”
การแสดงออกของจ้าวเสวียนจริงใจอย่างมาก ถคงแม้ว่าเลขาฯหวังจะเห็นเธอไม่สบายใจแต่ก็เชื่อในคำพูดสองสามคำของเธอ ตอนนี้ไฟที่เก็บซ่อนอยู่ก็ได้ระบายแล้วในใจก็สบายมากขึ้น น้ำเสียงก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย “จ้าวเสวียน เรื่องนี้ประธานเย่ไม่ทราบ ฉันก็จะไม่บอกเขา ถ้ามีครั้งต่อไป ฉันคิดว่า ถึงแม้คุณและประธานเย่จะมีความสัมพันธ์ส่วนตัว เขาก็คงจะไม่ให้อภัยคุณ”
“ขอบคุณมากหัวหน้าหวัง คุณวางใจได้ ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว”
“ออกไปเถอะ”
จ้าวเสวียนถอยออกไปเคารพแล้วปิดประตู นี้จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่เย่จิงเหยียนไม่รู้เรื่องนี้ ก็ไม่ต้องใช้สมองตนเองไปอธิบาย
เพียงแต่เขาอยากรู้มากว่า ผู้หญิงคนนั้นที่ถูกเย่จิงเหยียนถวายให้เป็นนางฟ้าตกลงหน้าตาเป็นยังไง
คำถามนี้ของเธอได้รับคำอธิบายอย่างรวดเร็ว เพราะที่โรงอาหารของพนักงานในตอนกลางวัน เสียวที่คนโดยรอบพูดคุยกันคือนางฟ้า จ้าวเสวียนถือจานอาหารนั่งลงข้างพนักงานสองสามคนนั้นที่ปกติมีความสัมพันธ์กันค่อนข้างดี กล่าวทักทายแล้วก็ให้ความสนใจกับบทสนทนาของพวกเธอ
“คิดไม่ถึงจริงๆ ที่แท้ประธานเย่ก็ชอบแบบนี้” สาวสวยใบหน้างดงามคนหนึ่งพูด
ผู้หญิงอีกคนหนึ่งพูดแทรก “ประธานเย่อาจจะไม่ได้ชอบ ที่จริงแล้วคนที่ถูกนับถือว่าเป็นนางฟ้า ล้วนถูกใช้เพื่อเลื่อมใสศรัทธา”
“ชู่ ประธานเย่ไม่ชอบจะไปกอดนางฟ้าหรอ? ประธานเย่ที่เคร่งขรึมแบบนั้น คุณเห็นเคยยิ้มกับพนักงานหญิงคนไหนไหมล่ะ?”
ฟังถึงประโยคนี้ มือจ้าวเสวียนก็สั่นเล็กน้อย มันฝรั่งบนตะเกียบก็ตกลวบนจานอาหาร
เย่จิงเหยียน……ไปกอดผู้หญิงคนหนึ่ง?
“ผู้หญิงคนนั้นสวยมากไหม?” จ้าวเสวียนอดไม่ได้ที่จะถาม
“คุณยังไม่เห็นหรอ?”
จ้าวเสวียนพูดอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า “เวลานั้นฉันมีธุระพอดี ก็เลยไม่ได้เห็น”
“อ้อ นางฟ้าของประธานเย่เป็นทหารหญิงคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว มีเสน่ห์อย่างมาก อีกทั้งพอถอดชุดลายพรางออก รูปร่างนั้นสมบูรณ์แบบดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา”
มุกคำชมเชยของเพื่อนร่วมงาน ความอิจฉาริษยาในใจจ้าวเสวียนก็ยิ่งมากขึ้น
ถ้าสวยเหมือนกับเย่ชูวเสวีย จ้าวเสวียนเธอก็ยอมรับ แต่นี่เป็นทหารหญิง คาดไม่ถึงว่าเย่จิงเหยียนจะสามารถให้เธอเป็นนางฟ้าได้ ในความทรงจำของเธอ ทหารหญิงล้วนคือรูปร่างบึกบึน หรือว่าเย่จิงเหยียนจะชอบของแปลก?
คนสองคนที่ผู้หญิงจากทั้งบริษัทพูดถึงกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารเสฉวนระดับสูง ทานไปพลางรำลึกอดีตไปพลาง
“ปีนั้นคุณก็หวาดกลัว ภูมิหลังวงศ์ตระกูลเพรียบพร้อมแบบนี้ เจ้าอ้วนมารุมโจมตีคุณก็ไม่สู้? ถ้าฉันเป็นคุณ ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกชายของใคร ตีไปก่อนแล้วค่อยคุยกัน “ต้วนอีเหยาเต็มไปด้วยความกล้าหาญ พูดถึงเรื่องราวในตอนเด็กยังอารมณ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว
เย่จิงเหยียนแทบจะไม่ได้ทาน จิตใจจดจ่อคีบอาหารให้เธอ ต้วนอีเหยาก็ไม่ได้เกรงใจ เขาคีบอะไรก็ทานอย่างนั้น
หน้าตาของผู้ชายพูดแฝงรอยยิ้มว่า “อันที่จริงเวลานั้นฉันก็อยากจะตอบโต้ เพียวแต่สุดท้ายคุณก็ปรากฎตัว ต่อมาฉันก็เลยติดตามคุณไปเลย”
ต้วนอีเหยามองเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ที่แท้คุณก็หน้าเนื้อใจเสือนี่เอง”
“ที่ไหนกัน ฉันคิดว่าตามคุณถึงจะดีต่างหาก ฉันเศร้าอยู่นานหลังจากที่คุณจากไป” เย่จิงเหยียนหยุดชะงักไปแล้วพูดว่า “จดหมายเหล่านั้นที่คุณเขียนมาให้ฉันไม่รู้ว่าฉันอ่านไปกี่รอบ เพียงแต่ สุดท้าย ทำไมคุณถึงไม่เขียนจดหมายมาให้ฉันแล้วล่ะ?”
จางเฉินทีแสร้งทำตัวเป็นคนโปร่งใสมาโดยตลอดดวงตาก็เป็นประกายขึ้น เชี่ย เขาปฏิญาณต่อเนื้อตุ๋นน้ำแดงสามเดือนว่า ชายคนนี้มีใจกับหัวหน้าพวกเราอย่างแน่นอน เพียงแต่กลัวว่าหัวหน้าใหญ่นี้จะคิดกับเขาเป็นเพียงพี่น้องที่แสนดีน่ะสิ
ต้วนอีเหยาไม่หยุดตะเกียบ “ฉันจบมัธยมก็สอบเข้าโรงเรียนทหาร ยุ่งมาก อีกทั้งโรงเรียนก็ไม่สะดวก เรื่องราวภายหลังฉันก็ไม่สามารถบอกคุณได้ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลหลายประการ ฉันก็ไม่สามารถเขียนจดหมายได้อีก”
เมื่อเย่จิงเหยียนรู้ว่าเธอเป็นทหารคนหนึ่ง ก็เข้าใจถึงสาเหตุที่เธอไม่ได้เขียนจดหมาย เพียงแต่การถามในขณะนี้เป็นเพียงตวามปรารถนาหนึ่งในวัยเด็ก
“คุณอย่ามัวแต่คีบอาหารให้ฉันอยู่ ทานเองเถอะ” ต้วนอีเหยาคีบเนื้อชิ้นหนึ่งวางในถ้วยของเขา
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน” เย่จิงเหยียนก็มองเห็นรอยถลอกที่แขนซ้ายของเธอโดยบังเอิญ คล้ายกับเป็นรอยมีดบาด ในใจก็กังวล อดไม่ได้ที่จะถาม “อีเหยา หลายปีมานี้คุณลำบากใช่ไหม”
“ลำบาก?” ใบหน้าต้วนอีเหยาสับสนงุนงง มองตามสายตาของเขา ยิ้มๆอย่างไม่สนใจ “อันนี้หรอ เป็นรอยแผลที่ทิ้งไว้ตอนการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เจ็บเท่าไรหรอก”
เธอยิ่งไม่สนใจ เย่จิงเหยียนก็ยิ่งเจ็บปวดใจ นี่แสดงให้เห็นว่าในชีวิตประจำวันของเธอ การบาดเจ็บกลายเป็นเรื่องปกติ
“ในครอบครัวของฉันมียาลบรอยแผลเป็นโดยเฉพาะ ไม่ว่ารอยแผลเป็นอะไรก็หายหมด พรุ่งนี้ฉันจะเอามาให้คุณ” ยาครอบจักรวาลที่เย่จิงเหยียนพูด ก็คือพลาสเตอร์ยาของหมอหาน
อย่างไรก็ตามต้วนอีเหยาปฏิเสธโดยตรงโดยไม่ต้องคิดเลยว่า “ไม่ต้อง อ่อนแอแบบนั้นซะที่ไหน”
“แต่คุณเป็นเด็กผู้หญิง ไม่ควร……”
คำพูดของเย่จิงเหยียนยังไม่ทันจบ สีหน้าของต้วนอีเหยาก็เปลี่ยนไป มองตาของเขาโดยตรง พูดด้วยน้ำเสียงที่ช้าและน่าเกรงขามว่า “จิงเหยียน ฉันเป็นทหารคนหนึ่ง รองลงมาก็คือผู้หญิง”
เย่จิงเหยียนตกตะลึง มองเธอด้วยสายตาที่สับสนงุนงง เงียบอยู่นานจึงถอนหายใจแล้วพูดว่า “อีเหยา ฉันเป็นคนที่รักคุณอย่างสุดหัวใจ”
จางเฉินตัวสั่นเล็กน้อย เชี่ย คำพรอดรักนี้ เขาอยากจะจดลงในสมุดเล่มเล็ก เอาไว้ใช้ต่อไปพอมีแฟนสาว อย่างไรก็ตามนักแสดงนำหญิงต้วนอีเหยาไม่สามารถรับสัญญาณของเย่จิงเหยียนได้โดยสิ้นเชิง ฉีกรอยยิ้มที่ปาก ตบๆไหล่ของเขาเหมือนเพื่อนแล้วก็พูดว่า “เอาล่ะ นี่คือบาดแผลเมื่อก่อน เวลานั้นฉันเรียนศิลปะยังไงชำนาญ ตอนนี้ไม่มีใครมาทำร้ายฉันได้แล้ว”
จางเฉินคุยโม้ทันที “หัวหน้าของพวกเราครองที่หนึ่งในรายการสำคัญของกองทัพCมาโดยตลอด เป็นผู้นำระดับสูงในกองทัพC แม้แต่ทหารใหม่ ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้กับเธอได้สักคน เธอยังพูดปลงอยู่บ่อยๆนะว่า จะโดดเดี่ยวและพ่ายแพ้ตั้งแต่อายุยังน้อยได้อย่างไร”
ต้วนอีเหยาหันไปจ้องมองเขา “คุณไปฟังใครพูดเหลวไหลมา?”
“ไม่ได้พูดเหลวไหลนะ บอร์ดเกียรติยศของคุณถูกโพสต์บนกระดานข่าวตลอด วันแรกที่ฉันเข้าร่วมเป็นทหาร หัวหน้าหน่วยของพวกเราก็พาฉันเข้าไป ชี้รูปของคุณแล้วพูดว่า เห็นไหม นี่ก็คือเป้าหมายของคุณ ถ้าวันหนึ่งคุณสามารถชนะเธอได้ คุณก็จะกลายเป็นราชาแห่งทหาร” จางเฉินพูดอธิบายเลียนแบบหัวหน้าหน่วย ทำให้ต้วนอีเหยายิ้มโดยตรง
คำพูดนี้ที่จางเฉินพูดเป็นความจริง เกือบทุกคนที่เข้าร่วมกองทัพเคยได้ยินเกี่ยวกับวีรกรรมของต้วนอีเหยา เริ่มแรกทุกคนก็คิดว่าก็เป็นเพียงทหารหญิงคนหนึ่งจะมีอะไรเก่งกาจนัก อย่างไรก็ตามเมื่อเดินเข้าสนามฝึกซ้อมจริง เข้าสู่การฝึกซ้อมสู้รบจริง จึงได้รู้ว่าเธอยอดเยี่ยมแค่ไหน
เย่จิงเหยียนฉีกยิ้ม ในใจทั้งดีใจแทนต้วนอีเหยา ทั้งไม่สบายใจเล็กน้อย
เขาสามารถจินตนาการได้ว่าต้วนอีเหยาเป็นคนยอดเยี่ยมเมื่อเขาเติบโตขึ้น แต่คาดไม่ถึงว่าจะดีเลิศเช่นนี้ แต่เธอจะดีเลิศขนาดไหน ก็ยังขยันทุ่มเทอย่างมาก
“อย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของเจ้าหมอนี่ มีตำนานแบบนั้นที่ไหนกัน” ต้วนอีเหยาถ่อมตัวอย่างหาได้ยาก
จางเฉินยืนยันต่อหน้าเย่จิงเหยียนว่าหัวหน้าเป็นคนเก่งที่สุดทั้งบนท้องฟ้าและบนพื้นโลก “หัวหน้า ฉันไม่ได้พูดเกินจริงนะ”
“พอล่ะ ทานข้าวของคุณเถอะ”
“อ้อ” จางเฉินหุบปากทันที ก้มหน้าทานข้าว สำหรับคำสั่งของต้วนอีเหยา เขาเชื่อฟังโดยไม่มีเงื่อนไข
เย่จิงเหยียนหัวเราะโดยไม่มีเสียง สายตาของทหารผู้น้อยนี้เต็มไปด้วยความเคารพบูชา กับตอนที่เขาได้พบกับต้วนอีเหยาครั้งแรก ช่างเหมือนกัน!