เสียดายที่เมื่อก่อนเธอหูหนวกตาบอด ถึงได้ดูไม่ออก
มู่เวยเวยแสยะยิ้มออกมา แล้วจ้องไปที่ทั้งสองคน ด้วยสีหน้าอย่างเดิม
“หรอ”
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมู่อี้เหยาเข้ามาใกล้ น้ำหอมของผู้หญิงคนนี้ไม่น่าดมเอาซะเลย แต่เหมือนมู่อี้เหยา กับพ่อของเธอมู่จางรุ่ยจะดูไม่ออก มู่จางรุ่ยหัวเราะ และพูดประจบ “ฮ่าๆๆ ยัยอี้เหยาชื่นชมประธานเย่มาตลอดจริงๆ งั้นหนุ่มสาวคุยกันไปก่อนนะ ลุงจะไปเตรียมอะไรก่อน”
มู่จางรุ่ยพูดและเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งห้องเหลือแค่ลูกสาวของเขา และเย่ฉ่าวเฉิน โดยไม่สนใจมู่เวยเวยที่อยู่ตรงข้ามเลยสักนิด
มู่อี้เหยาเข้าใจความหมายของพ่อของเธอดี จึงรีบขยับเข้าไปนั่งใกล้เย่ฉ่าวเฉินมากขึ้น พร้อมกับทำตัวเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ “จริงนะคะ พี่เขย คุณหล่อกว่าในหนังสือพิมพ์มากจริงๆ พอเห็นคุณ ฉัน…ฉัน…”
มู่อี้เหยาพูด แล้วก็ก้มหน้าลง พร้อมจับหน้าของตัวเองอย่างเขินๆ….นี่ไม่ใช่การแกล้งทำ ตอนที่เธอขยับเข้าไปใกล้เย่ฉ่าวเฉิน และได้จ้องใบหน้าหล่อเหลา สมบูรณ์แบบของเขา ใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะเต้นแรงขึ้นมา พร้อมใบหน้าแดงก่ำ
คนตรงหน้าหล่อเกินไป ถ้าเทียบกับลู่จือหางแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหว
มู่อี้เหยาแสดงออกอย่างชัดเจน ถ้าเย่ฉ่าวเฉินยังไม่เข้าใจความหมายของตระกูลมู่ ก็คงจะเสียดายไอคิวที่สูงส่งของเขามาก เขายกมุมปากขึ้น และมองไปที่มู่อี้เหยา “งั้นเธอชอบฉันตรงไหน”
มู่อี้เหยาอึ้งกับคำถามของเขา ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงตอบว่า “ชอบที่คุณหล่อ และรวย มีเงินเยอะ และยังชอบ….”
เหตุผลตื่นๆ
ปลอมเปลือก!
มู่เวยเวยได้แต่กลอกตาอย่างเอือมระอา
ท่าทางอย่างนั้นของเธอ เย่ฉ่าวเฉินมองเห็นทั้งหมด เขาจึงหยักยิ้มมากขึ้น แล้วพูดกับมู่อี้เหยา โดยที่สายตาจ้องอยู่ที่มู่เวยเวย “แต่ ฉันเป็นสามีของลูกพี่ลูกน้องเธอแล้วนี่นา….”
มู่อี้เหยาอึ้ง มองไปตามสายตาของเขา ที่ยังคงจ้องอยู่ที่มู่เวยเวย และตอนนี้เธอถึงเพิ่งรู้ว่าในนี้มีมู่เวยเวยอยู่ด้วย นั่นทำให้สายตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธขึ้นมา
นังมู่เวยเวยทำไมแกโชคดีขนาดนี้ เพิ่งถูกลู่จื่อหางทิ้ง ก็ได้แต่งงานกับเย่ฉ่าวเฉิน คิดถึงตรงนี้เธอก็แทบจะกระอักเลือดออกมา
เมื่อเห็นสีหน้าที่ของมู่อี้เหยา มู่เวยเวยก็เปิดปากพูดยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี “ใช่ น้องรักจ๊ะ ผู้ชายที่อยู่ข้างเธอ เพิ่งจะแต่งงานกับพี่เมื่อเมื่อวันก่อนนี่เอง”
เป็นดังคาด เมื่อเธอพูดจบ ประกายไฟในตาของมู่อี้เหยาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีกราวกับจะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ
เย่ฉ่าวเฉินมองรอยยิ้มของเธอ และรู้สึกว่า ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาเพิ่งจะเห็นรอยยิ้มมีความสุขแบบนี้บนใบหน้าของเธอเป็นครั้งแรก
เมื่อมู่อี้เหยาเห็นเย่ฉ่าวเฉินเอาแต่จ้องมู่เวยเวย เธอก็อิจฉาแทบบ้า และเหมือนเธอจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดว่า “พี่เขย พี่คงไม่รู้ล่ะสิ ก่อนหน้านี้พี่เวยเวยมีแฟนมาก่อน และก็เพิ่งจะเลิกกันก่อนวันแต่งงานแค่วันเดียวเอง เธอน่ะเป็นคนละโมบโลภมาก และไร้ยางอาย เพื่อที่จะแต่งงานกับพี่ เธอรีบทิ้งแฟนเก่าไปอย่างไม่ไยดีเลย”
เมื่อได้ยินเธอพูดถึงลู่จื่อหาง สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็เปลี่ยนไปทันที พร้อมกับสายตาของเขาที่ดุดันขึ้นด้วย เมื่อเห็นอย่างนี้ มู่อี้เหยาก็พอใจมาก
มู่เวยเวยอยากจะหัวเราะผู้หญิงคนนี้นัก มีใครหน้าด้านได้มากกว่านี้อีกมั้ย เหตุผลที่เธอเลิกกับลู่จื่อหาง เธอเป็นคนที่รู้ดีที่สุด แต่ตอนนี้กลับพูดแบบนี้ออกมา ช่างเป็นคนที่หน้าด้านหน้าทนจริงๆ
“มู่อี้เหยาเธอรีบหุบปากเถอะ เรื่องที่เธอทำไปน่ะ ถึงแม้เธอจะไร้ยางอาย แต่ฉันยังมียางอายอยู่” มู่เวยเวยส่งยิ้มเย็นกลับไป
มู่อี้เหยาฟังเธอพูดจบ ก็หดคอลง และคิดตาม แต่เมื่อเห็นเย่ฉ่าวเฉินจ้องเธออย่างสงสัย เธอจึงก้มหน้าพูดว่า “ก็เห็นๆอยู่ว่าพี่ละโมบโลภมาก ถึงได้ยอมทิ้งลู่จื่อหาง เพื่อไปแต่งงานกับพี่ฉ่าวเฉิน ทำต้องห้ามฉันพูดด้วย หรือเพราะกลัวฉันจะพูดถึงรอยจูบที่มีอยู่เต็มตัวพี่ในคืนนั้น”
มู่อี้เหยาพูดจบ และเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขาเป็น ‘พี่ฉ่าวเฉิน’ เองเสร็จสรรพ