วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 315 พวกเราอย่าได้เจอกันอีกเลย

ต้วนอีเหยามองหน้าเขา “นี่ตกลงนายกำลังช่วยเย่จิงเหยียนพูด หรือห้ามให้ฉันคบกับเขากันแน่?”

ชิงหลง พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมอยู่ข้างกัปตันอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นเลยอยากให้กัปตันคิดให้ดีๆครับ”

ต้วนอีเหยาถอนหายใจ “นายว่าทำไมชอบใครสักคนทำไมซับซ้อนแบบนี้นะ?”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมยังไม่เคยมีแฟน” ชิงหลงตอบ

“อ่าใช่ ฉันลืมเรื่องพวกนายเลย เอางี้ดีกว่า รอกลับไปครั้งนี้ ฉันจะให้จัดให้มีงานนัดหาคู่บ่อยๆ ถึงตอนนั้นนายต้องพยายามเอานะ โอเคไหม?”

“จริงหรือครับ?” ชิงหลงตาเป็นประกาย

“ฉันเคยโกหกนายหรือ?”

“เยี่ยมไปเลยครับ ฮ่าๆๆ กัปตันวางใจได้ ผมจะทำตัวดีๆครับ”

ต้วนอีเหยายื่นไอศกรีมที่อยู่ในมือให้เขา และพูดว่า “ไม่ใช่แค่นายที่พยายามนะ ทุกคนต้องพยายามด้วย”

“รับทราบครับ ผมจะรีบบอกให้ทุกคนรู้เรื่องนี้ครับ” ชิงหลงพูดจบหันไปมองเห็นร้านเกม จึงชักชวนเธอ กัปตัน เราไปเล่นเกมกันครับ”

“ไปซิ” ต้วนอีเหยามุ่งหน้าไปทางร้านเกม ส่วนเรื่องของเย่จิงเหยียน เอาไว้ค่อยคิดพรุ่งนี้แล้วกัน ไม่แน่ตื่นมาเธออาจจะผุดคิดอะไรมาบ้างก็ได้

ทางด้านเย่จิงเหยียน

หลังจากถูกต้วนอีเหยาตัดสายไป เขาก็ยิ่งดื่มหนักเข้าไปอีก ทำให้เขาเมาหนักกว่าเดิม นอนหลับตาอยู่บนโซฟา

สักพักมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมานั่งข้างๆเขา เขาลืมตามองเธอ ถามอย่างสะลึมสะลือว่า “จ้าวเสวียน?”

“ค่ะ ฉันเอง ท่านประธานโอเคไหมคะ? ให้ฉันไปส่งเถอะ”

เย่จิงเหยียนส่ายหัว “ไม่กลับ ไม่อยากกลับ” ถ้ากลับไปพ่อต้องหัวเราะเยาะเขาแน่ๆ

จ้าวเสวียนยื่นหน้าเข้าไปใกล้และกระซิบว่า “ถ้างั้นประธานจะดื่มต่อใช่ไหมคะ? เดี๋ยวฉันดื่มเป็นเพื่อนค่ะ”

“อืม ดื่ม ฉันไม่ได้เมา” เย่จิงเหยียนพูดอย่างมึนๆ

จ้าวเสวียนกวักมือเรียกพนักงาน “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง มีอะไรให้รับใช้คะ?”

“วิสกี้แก้วหนึ่ง” จ้าวเสวียนพูด

“ค่ะ” ตอนที่พนักงานสาวสวยเดินออกไป ได้เหลือบมองไปทางเย่จิงเหยียน ผู้ชายแบบนี้ผู้หญิงหน้าไหนบ้างจะไม่ชอบ?

จ้าวเสวียนมองเย่จิงเหยียน หน้าตาเขาแดงเล็กน้อย ท่าทางดูสะลึมสะลือ รอมาตั้งนาน ในที่สุดวันนี้ก็ได้โอกาส

เด็กเสริ์ฟยื่นแก้วมาให้จ้าวเสวียน เธออาศัยจังหวะเทยาลงไป แกว่งแก้วเล็กน้อยจนยาละลาย และยื่นให้เย่จิงเหยียน “ประธานคะ ดื่มนี่ซิคะ”

เพราะเย่จิงเหยียนก็เมามากระดับหนึ่งแล้ว จึงไม่ทันได้ระวังอะไร รับแก้วจากเธอมาดื่มพรวดเดียวหมด

จ้าวเสวียนกลัวเย่จิงเหยียนจะเมาไม่มากพอ จึงเทเหล้าให้เขาเพิ่ม และเนียนๆดทให้ตัวเองด้วย “ประธานเย่คะ เป็นเกียรติชนแก้วกับฉันหน่อยนะคะ ขอบคุณสำหรับการดูแลมาตลอดค่ะ”

เย่จิงเหยียนไม่ได้พูดอะไร รับแก้วมาและดื่มพรวดเดียว

เขาดื่มติดต่อกันสามแก้วรวด ตอนนี้เขาเมาเต็มที่แล้ว

จ้าวเสวียนมองดูเวลาได้ที่แล้ว รีบไปเช็คบิล จากนั้นแบกเย่จิงเหยียนเดินออกจากบาร์ไป

ถึงแม้ค่าเหล้าวันนี้จะเทียบเท่ากับเงินเดือนตั้งสามเดือน แต่พอคิดถึงสิ่งที่จะได้รับวันนี้ เธอก็ไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิด

เธอโบกรถพาเขามาถึงโรงแรม จากนั้นโยนเขาลงบนเตียง หนักจริงๆ

อยู่ๆเย่จิงเหยียนก็ชันตัวขึ้น และตะโกนว่า “อีเหยา อย่าไป”

จ้าวเสวียนหายเหนื่อย ก็รีบถอดเสื้อผ้าของเย่จิงเหยียนออก ไม่เหลือแม้กระทั่งกางเกงใน ตอนที่เธอทำเธอรู้สึกหน้าแดงร้อนผ่าวๆ

“เย่จิงเหยียน ฉันชอบคุณขนาดนี้ ทำไมคุณมองไม่เห็นบ้าง? นังนั่นมีอะไรดี? นับตั้งแต่วันนี้ คุณเป็นของฉันแล้ว” เธอจูบเบาๆและเดินเข้าห้องน้ำไป

จากนั้นเอาร่างกายเปลือยเปล่า เข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกัน ทั้งกอดเขา จูบเขาตั้งแต่ปาก ลำคอ ไล่มาเรื่อยๆตรงแผงอก แต่เพราะเย่จิงเหยียนเมามาก และเพราะฤทธิ์ยา ทำให้เขาไม่ได้ตอบสนองอะไร แต่เธอไม่ได้สนใจอะไร

จ้าวเสวียนมองเย่จิงเหยียนเงียบๆ และฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ต้องทำอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาดิ้นไม่หลุด

เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็ไปหยิบมีดกันคิ้วในกระเป๋ามา กัดฟันปาดเข้าไปที่นิ้วของเธอ

เย่จิงเหยียน คุณหนีฉันไม่พ้นแน่

เมื่อเธอจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็นอนหลับไป

วันรุ่งขึ้น ต้วนอีเหยาตื่นตั้งแต่เช้า และตัดสินใจแล้วว่าจะเชื่อเย่จิงเหยียนสักครั้งหนึ่ง

คิดได้ดังนั้นเธอก็กดโทรศัพท์หาเขา แต่ไม่ทันรับก็วางสายไป เมื่อวานปฏิเสธเขาไปแบบนั้น วันนี้ลองส่งข้อความไปก่อนดีกว่า

ทางด้านฝากของโรงแรม จ้าวเสวียนตื่นเช้ามากๆ ผู้ชายที่เธอชอบนอนอยู่ข้างๆแบบนี้ จะหลับลงได้อย่างไร พระเจ้า ทำไมเขาถึงได้เพอร์เฟ็คแบบนี้นะ และตั้งแต่วันนี้ไป เขาคือของเธอแล้ว

ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเย่จิงเหยียนดังขึ้น มีข้อความเข้า จ้าวเสวียนยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์เขามาเปิดดู ชื่อที่เมมไว้คือ ที่รักของผม

จ้าวเสวียนจ้องเขม็ง หรือจะเป็นนังนั่น?

เธออยากรู้ว่าต้วนอีเหยาส่งอะไรมา แต่เพราะโทรศัพท์ของเขาต้องใช้ลายนิ้วมือปลดล็อค เธอจึงยกนิ้วของเขาทุกนิ้วมาลอง จนในที่สุดก็ปลดล็อคได้

เธอเปิดอ่าน : ตื่นหรือยัง?

จ้าวเสวียนถือวิสาสะตอบกลับ : ตื่นแล้ว

เธอรีบเปิดระบบสั่นเพราะกลัวว่าฝั่งนั้นจะโทรมา สักพักก็มีเสียงข้อความเข้า : นายอยู่ไหน? ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย

จ้าวเสวียนมองดูข้อความที่เธอส่งมา ดีใจจนแทบจะกรี้ดออกมา โชคของเธอมาถึงแล้ว เธอกดพิมตอบว่า : เมื่อวานฉันเมามาก เลยมาพักที่โรงแรม คุณมานี่ซิ”

จากนั้นเธอก็ส่งโลเคชั่นและเบอร์ห้องให้เธอ

เพียงอึดใจเดียวก็มีข้อความส่งกลับ : โอเค

เมื่อเธอส่งข้อความเสร็จ ก็รีบทำลายหลักฐาน แม้กระทั่งในถังขยะก็ลบทิ้งหมด ก่อนจะวางโทรศัพท์คืน เธอไม่ลืมที่จะเช็ดลายนิ้วมือเธอ และปรับโหมดเสียงคืน

ตอนนี้เธอคิดว่า ถ้าเย่จิงเหยียนตื่นแล้ว จะแสดงท่าทีอย่างไรดี

ต้วนอีเหยาคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน เธอจะลองเปิดอกคุยกับเย่จิงเหยียนดูสักครั้ง บอกให้เขารู้ความรู้สึกในใจเธอ เขาคือผู้ชายคนแรกที่เธอชอบ เธออยากจะตั้งใจกับมันที่สุด และคาดหวังมากว่ามันจะจบอย่างสวยงาม

เธอลุกขึ้นและเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นไปหาผู้ที่เธอชอบ

บรรยากาศยามเช้าของเมืองช่างสดชื่น ต้วนอีเหยาสูดบรรยากาศและเริ่มเดินทาง

เมื่อขึ้นรถเธอก็บอกชื่อโรงแรมกับคนขับ

ตัดภาพมาทางเย่จิงเหยียน เขาเริ่มรู้สึกตัว

ความรู้สึกแรกเขาสัมผัสได้ถึง ผิวนุ่มๆและอุ่น จากนั้นเขาก็ตกใจรีบลืมตา มองเห็นจ้าวเสวียนหลับอยู่ข้างๆเขา

สมองของเย่จิงเหยียนคิด นี่..นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจ้าวเสวียนนอนอยู่กับเขา? เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น?

มองดูทั้งสองไม่ได้ใส่เสื้อผ้า และเขาเองก็เหมือนจะ..ไม่ได้ใส่กางเกงใน

เย่จิงเหยียนตกใจรีบลุกขึ้น สะบัดหัวและหวังว่านี่จะเป็นแค่ฝัน แต่ไม่ว่าเขาจะสะบัดหัวกี่ที่ หญิงที่นอนอยู่ตรงนี้ยังคงเป็นจ้าวเสวียน

เขามองดูรอบๆ ที่นี่น่าเป็นโรงแรมที่ไหนสักที่ บนพื้นเกลื่อนกลาดไปด้วยเสื้อผ้าของเขาทั้งคู่ เย่จิงเหยียนรีบหยิบกางเกงมาสวม และผลักจ้าวเสวียนออก

จ้าวเสวียนแสร้งทำเหมือนเพิ่งตื่น จากนั้นแกล้งทำท่าทีตกใจดึงผ้าห่มมาปิดคอ และพูดว่า “ประธานคะ คุณ…คุณตื่นแล้ว”

“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น?” เย่จิงเหยียนถาม

จ้าวเสวียนตอบด้วยท่าทีเขินอายว่า “เมื่อวานฉันไปดื่มกับเพื่อนๆ และบังเอิญเจอกับประธาน ตอนแรกแค่จะเข้าไปถามว่าท่านประธานโอเคหรือเปล่า ท่านประธานเมามาก เลยลากฉันเข้ามาดื่มด้วย ดื่มไปดื่มมา ก็พาฉันมาที่โรงแรมด้วย…”

เย่จิงเหยียนตกใจจนไม่รู้จะสีหน้าอย่างไร เพราะเขาไม่เคยเมามาก่อน เขาเลยไม่รู้ว่าเมาอาการเป็นอย่างไง แต่ถ้าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงไม่มีความรู้สึกหรือความทรงจำอะไรเลย

“เธอพูดจริงหรือ?” เย่จิงเหยียนถาม

จ้าวเสวียนบีบน้ำตา และพูดว่า “ประธานเย่ ฉันจะโกหกเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรคะ?”

เย่จิงเหยียนมองเห็นเธอร้องไห้ ใจรู้สึกสงสาร ถ้าเป็นเรื่องจริง เธอก็คือผู้ถูกกระทำ

จ้าวเสวียนร้องไห้ฟูมฟายและพูดต่อว่า “เมื่อวานท่านประธานเอาแต่ตะโกนชื่อต้วนอีเหยา แถมยังคิดว่าฉันเป็นเธออีก ฉันรู้ค่ะว่าท่านประธานชอบเธอมาก แต่คุณสบายใจได้นะคะ ฉันจะไม่รบกวนอะไรท่าประธานค่ะ”

ยิ่งฟังจ้าวเสวียนพูด เขายิ่งเชื่อ เพราะถ้าบอกว่าเขาเอาเธอมาเป็นต้วนอีเหยา ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ที่น่าแปลกคือนอกจากอาการปวดหัว ร่างกายของเขาไม่มีอาการอะไรแปลกเลย

“คุณอย่าเพิ่งร้อง” เย่จิงเหยียนปลอบ

ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เย่จิงเหยียนคิดว่าเป็นพนักงานของโรงแรม ค่อยๆเดินไปเปิดประตู และไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าสะใจของจ้าวเสวียน

ทันทีที่ประตูเปิดออก เย่จิงเหยียนถึงกับช็อก

เธอ…มาได้อย่างไร?

“เย่จิงเหยียน ฉันมาคุยกับนาย เรื่องเมื่อวานที่ฉันบอก” ต้วนอีเหยากล่าว และเห็นสีหน้าอึ้งของเขาจึงถามว่า “เป็นอะไร?”

“ประธานเย่คะ ใครมาหรือคะ?” เสียงผู้หญิงในห้องดังขึ้น

ต้วนอีเหยาได้ยินดังนั้น รีบเดินเข้ามาในห้อง เย่จิงเหยียนก็รีบเดินตามเข้ามา

บนเตียง มีผู้หญิงหนึ่งคนพันตัวด้วยผ้าห่มผืนใหญ่ เธอแกล้งตกใจถามว่า “ประธานคะ นี่ใครคะ?”

ต้วนอีเหยาใจแตกเป็นเสี่ยงๆ หัวเราะเสียงดังออกมา และพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือกว่า “เย่จิงเหยียน นี่นะหรือที่นายบอกว่าชอบฉัน? ชอบฉันขนาดนี้เลยหรือ?”

เย่จิงเหยียนมองที่เธอ และพูดด้วยสายตาอ้อนวอนว่า “อีเหยา ฟังผมอธิบายก่อน”

“โอเค ไหนอธิบายมาซิ ฉันรอฟังอยู่” ต้วนอีเหยากดอารมณ์ไว้ กัดฟันพูด

“เมื่อวานตอนที่คุณจากไป ผมเบื่อๆอารมณ์ไม่ดี เลยไปดื่มที่บาร์ ดื่มเยอะมาก เรื่องต่อจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้แล้ว ผมจำไม่ได้จริงๆว่าเธอมาตอนไหน และก็จำไม่ได้ว่า….” เย่จิงเหยียนอธิบาย สายตาของต้วนอีเหยาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ

“จำไม่ได้?” ต้วนอีเหยาพูดแทรกขึ้น “พูดเหมือนง่ายๆ แค่บอกว่าจำไม่ได้ ก็เหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น?”

“ผม…” เย่จิงเหยียนเตรียมจะเข้าไปจับแขนเธอ แต่ถูกเธอปฏิเสธ “อย่าเอามือสกปรกมาแตะต้องตัวฉัน”

มือเขาค้างอยู่กลางอากาศ

ต้วนอีเหยา น้ำตาค่อยๆรื้นมาที่ขอบ พูดกับเขาเสียงสั่นว่า “เย่จิงเหยียน เมื่อวานฉันคิดทั้งคืนถึงได้รู้ว่าฉันชอบนาย และอยากลองศึกษาดูใจกันดูสักตั้ง ดูนายตอนนี้ นายกำลังทำอะไร? หัวใจฉันยังไม่ได้ให้นายด้วยซ้ำ แต่นายกลับขว้างมันลงพื้นแล้ว ฉันมันดูเป็นคนน่าเหยียดหยามง่ายๆมากเลยใช่ไหม?”

มองดูหญิงที่รักน้ำตาตก ใจเขาก็เจ็บปวดเจียนจะตาย พลันทำให้น้ำตาร้อนผ่าวๆ “หรือนายจะบอกฉันว่านายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน คุยกันทั้งคืน?”

พูดจบ ต้วนอีเหยาก็กระชากผ้าห่มออก สังเกตเห็นผ้าปูเตียงสีขาว มีคราบเลือดอยู่

ทุกอย่างสงบนิ่ง ผ่านไปครู่หนึ่ง ต้วนอีเหยายิ้มเยาะว่า “เย่จิงหยียน ฉันมองนายผิดไปจริงๆ ตั้งแต่วันนี้นายอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก แม้แต่ความเป็นเพื่อน นายก็จะไม่ได้รับจากฉัน”

พูดจบ ต้วนอีเหยาเตรียมจะหมุนตัวออกไป เย่จิงเหยียนรีบวิ่งไปขวาง หน้าซุกที่คอเธอ น้ำตาไหลและบอกเธอว่า “อีเหยา ผมผิดไปแล้ว”

น้ำตาเขาไหลลงกระทบที่ไหล่ของอีเหยา น้ำตาของเธอก็ไหลพรุเหมือนกัน “ปล่อย”

“ผมไม่ปล่อย ถ้าผมปล่อย ผมก็จะไม่ได้เจอคุณอีก”

ต้วนอีเหยาปาดน้ำตาและบอกว่า “นายไม่ปล่อยฉันแล้วยังไงต่อ? นายจะให้ฉันอภัยในนายหรือ? เย่จิงเหยียน ฉันไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น”

ถ้าเย่จิงเหยียนยังไม่เคยสารภาพรักกับเธอ เธอคงคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องตลก แต่นี่ เขาบอกเขาชอบเธอมาก แต่กลับนอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ถ้าเธอยังให้อภัยเขา ก็ไม่ใช่ต้วนอีเหยาแล้ว

เย่จิงเหยียนกอดเธอแน่นไม่พูดอะไร ต้วนอีเหยาโกรธมาก จับเขาทุ่มลงพื้น

เย่จิงเหยียนไม่รู้สึกถึงความเจ็บ รีบวิ่งตามเธอไป เขายื่นมือเข้าไปทันก่อนที่ลิฟต์จะปิด ภายในลิฟต์มรต้วนอีเหยากับพนักงานของโรงแรมอยู่

“คุณผู้ชายคะ ทำแบบนี้อันตรายมากนะคะ” พนักงานกล่าวเตือนอย่างสุภาพ

แต่เมื่อสังเกตเห็นบรรยากาศรอบๆ ก็รีบหุบปากไป

เวลานี้เย่จิงเหยียนเพิ่งสังเกตว่า ต้วนอีเหยาใส่เสื้อกันลมสีเบจสวยงาม น้อยมากที่เธอจะใส่แบบนี้

“ติ้๊ง” เสียงลิฟต์ถึงชั้น 1 ต้วนอีเหยารีบเดินออกไป และเย่จิงเหยียนก็วิ่งตามเธอไป เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะตามเธอมาทำไม เพราะอย่างไรเขาก็ไม่กล้าขอให้เธออภัย เรื่องนี้มันหยามเธอเกินไปจริงๆ แต่เขาก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นเดินจากไปแบบนี้

ยังไม่ 8 โมง แต่บนถนนก็เต็มไปด้วยผู้คน เย่จิงเหยียนใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาว วิ่งไล่ตามต้วนอีเหยา ภาพเหมือนครั้งแรกที่เขาสารภาพรักกับเธอ

แต่ที่ต่างกันคือ ครั้งก่อนเต็มไปด้วยความคาดหวัง ครั้งนี้มีแต่ความผิดหวัง

หัวใจของเย่จิงเหยียนตอนนี้เหมือนสับเละไม่มีชิ้นดี เขาไม่รู้ว่าผ่านวันนี้ไป จะได้เจอเธออีกไหม

ด้านต้วนอีเหยาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก ไปสารภาพรักกับผู้ชายถึงที่ แต่กลับโดนปฏิเสธหน้าหงาย แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ทำไมเขายังให้เธอมา?

หรือว่าเขาต้องการแก้แค้นที่เมื่อวานเธอปฏิเสธเขา?

เย่จิงเหยียน ฉันไม่เคยรู้เลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้

ยังไม่ได้เริ่ม ก็จบอย่างลงเจ็บปวดเช่นนี้ ต้วนอีเหยาเสียใจมาก ความครุกรุ่นในใจอยากหาที่ระบาย

เธอเบรกกะทันหัน และหมุนตัวไปพูดกับเขาว่า “แม่งเอ้ยนายจะตามมาทำบ้าอะไร ไสหัวไป!”

เย่จิงเหยียนมองไปที่เธอด้วยสายตาเจ็บปวด ผู้คนรอบข้างมองต่างก็ประหลาดใจ น่าจะเป็นแฟนทะเลาะกัน

ต้วนอีเหยาด่าจบก็หันหน้าเดินต่อ ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหน แต่ความรู้สึกเจ็บปวดภายในใจไม่ได้ลดลงเลย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาชิงหลง

“มารับฉันเดี๋ยวนี้”

“กัปตันอยู่ที่ไหนครับ”

ต้วนอีเหยาพาลเขา “แม่งเอ้ย ดูพิกัดในโทรศัพท์ไม่เป็นหรือไง?”

ชิงหลงรีบตอบกลับ “ครับๆๆ กัปตันอย่าเพิ่งโกรธครับ ผมไปเดี๋ยวนี้”

เธอยืนรออยู่ที่ข้างถนน พลางมองไปที่ตึกสูงๆเหล่านั้น พลันรู้สึกได้ว่าเธอไม่เหมาะกับสถานที่แห่งนี้ และไม่เหมาะกับคนที่นี่เลย เธอควรกลับไปอยู่ในที่ของเธอ

เย่จิงเหยียนได้แต่มองเธอ แม้ไม่อยากให้เธอจากไป แต่ก็ไม่รู้จะรั้งเธอไว้ด้วยเหตุผลอะไร

ยี่สิบนาทีต่อมา รถทหารคันหนึ่งมาจอดรับเธอ และเมื่อเธอเตรียมจะขึ้นรถ เย่จิงเหยียนก็รีบคว้าแขนเธอไว้

“ปล่อย” ต้วนอีเหยากล่าวเสียงเย็นยะเยือก

เย่จิงเหยียนกัดริมฝีปาก และบอกเธอว่า “อีเหยา ผมคงไม่กล้าขอให้คุณอภัยผม ผมทำได้แค่เพียง…ขอให้คุณปลอดภัย อย่าได้มีเรื่องทุกข์ใจอะไรอีก”

“ขอบใจสำหรับคำอวยพร ฉันจะอยู่จนร้อยปีแน่ ปล่อย” ต้วนอีเหยากล่าว ยิ่งนึกถึงภาพผู้หญิงที่อยู่บนเตียง เธอยิ่งเจ็บ

เย่จิงเหยียนยังไม่คลายมือออก ถึงแม้สมองจะสั่งให้เขาปล่อย แต่หัวใจกลับไม่ทำตาม

ต้วนอีเหยาหักมือเขาและสะบัดมือออก มองเห็นน้ำตาของเขา หัวใจเจ็บปวด

“ไป”

ชิงหลงมองเห็นทั้งสองบอกลากัน และท่าทีเสียใจของหัวหน้าตน เขาไม่ขัดหรือพูดอะไร และออกรถตามคำสั่ง ครั้งนี้เย่จิงเหยียนไม่ได้วิ่งตาม เขารอจนรถหายไปจากสายตา และทรุดลงที่พื้น สมองว่างเปล่า นี่เขาเสียเธอไปแล้วใช่ไหม

บนรถ ต้วนอีเหยาร้องไห้ออกมาไม่หยุด ร้องจนชิงหลงตกใจ เพราะเขาไม่เคยเห็นกัปตันเสียใจขนาดนี้มาก่อน

ชิงหลงวางกระดาษไว้ข้างเธอ และบอกว่า “กัปตัน ไอ้เลวนั่นมันทำกัปตันใช่ไหม? ผมจะกลับไปแก้แค้นให้”

ต้วนอีเหยาร้องไห้หนักกว่าเดิม ชิงหลงรีบจอดรถ “กัปตันเป็นอะไรบอกผมได้ไหม?”

ต้วนอีเหยายังคงร้องต่อไป และไม่ได้พูดว่าเธอเห็นอะไรมาบ้าง

ในขณะที่ทั้งสองกำลังเศร้าโศกเสียใจอยู่นั่น มีอยู่หนึ่งกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอยู่ จ้าวเสวียนยิ้มหัวเราะอยู่บนเตียงคนเดียว ดีจัง ตอนนี้เย่จิงเหยียนเป็นของเธอแล้ว

ดีใจอยู่สักพัก เธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้

ไม่ได้ แค่เรื่องบนเตียงน่าจะยังไม่พอที่จะจับเย่จิงเหยียน และก็น่าจะไม่พอที่จะทำให้เธฮได้ไปอยู่ที่คฤหาสต์ตระกูลเย่ เธอต้องท้องถึงจะได้ แต่เย่จิงเหยียนคงจะไม่แตะต้องเธอ

แล้วเธอจะทำอย่างไรดี?

เธอคิดอยู่สักพัก ก็กดโทรศัพท์โทรหาแฟนเก่า

“นายทำอะไรอยู่?” จ้าวเสวียนถาม

แฟนเก่าเธอตกใจเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เลิกกันก็ไม่ค่อยได้ติดต่อเลย “ฉัน..ฉันกำลังจะไปทำงาน”

“ตอนกลางวันว่างไหม? ฉันอยากเจอ”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

จ้าวเสวียนพูดเสียงเรียบๆว่า “ฉันคิดถึงน่ะ ตอนกลางวันฉันไปหาที่ห้องดีไหม?”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset