เขารู้สึกไม่สบายใจ แค่ถามไปคำถามเดียวทำไมเธอถึงโกรธ แล้วเขาจะกล้าบอกข่าวที่เปรียบเสมือนระเบิดนั้นกับเธอได้ยังไง? เขาต้องถูกตัดสินให้ออกอย่างแน่นอน
ในตอนที่กินอาหารเย็น เย่จิงเหยียนเห็นเธอดูไม่ค่อยมีความสุข เพื่อทำให้เธอมีความสุขเลยพูดว่า ” ฉันจะเล่าเรื่องตลกของฉันสมัยเรียนให้เธอฟังนะ ”
ต้วนอีเหยาดื่มน้ำสุขอย่างกับคนไร้เรี่ยวแรง เธอตอบเพียงว่า ” อือ ”
” ตอนที่ฉันอยู่มหาวิทยาลัยปีสอง ฉันก่อตั้งบริษัทเกมส์ขึ้นมาแห่งหนึ่ง เพราะว่าฉันมักจะใช้เวลาอยู่นอกมหาวิทยาลัยมากกว่า ดังนั้นวิชาเลือกบางวิชาฉันเลยไม่ได้ตั้งใจเรียน มีครั้งหนึ่งเป็นวันสอบ ฉันไปห้องสอบแต่เช้าเพื่อเลือกที่นั่ง เห็นมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ฉันเลยเข้าไปคุยกับเขาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ เพื่อน เดี๋ยวตอนสอบให้ฉันยืมลอกหน่อยนะ เขาหันมามองหน้าฉันแวบหนึ่งแล้วไม่ได้พูดอะไร ฉันเลยถือว่าเขาตอบตกลงแล้ว ไม่นานเสียงกริ่งก็ดังขึ้น สุดท้ายผู้ชายคนนี้กลับเดินขึ้นไปบนแท่นพูด……”
พอเล่าถึงตรงนี้เย่จิงเหยียนก็หยุดพูด ด้วยความที่ต้วนอีเหยาก็อยากรู้เลยถามเขาว่า ” เขาขึ้นไปทำไม? ”
เย่จิงเหยียนยิ้มอย่างขมขื่น ” แจกข้อสอบไง เขาเป็นอาจารย์ประจำวิชานั้นของพวกเรา ”
” ฮ่าๆๆๆ……” ต้วนอีเหยาหัวเราะเสียงดัง อารมณ์ที่เศร้าหมองของเธอก็หายไป ” หลังจากนั้นละ? ”
” เขาก็ให้ฉันสอบตกนะสิ ” เย่จิงเหยียนพูด ” ครั้งนั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันสอบตกตั้งแต่เรียนมา อีกทั้งในวันสอบวันนั้น เขาจงใจมานั่งข้างๆฉัน อยากใช้โทรศัพท์ออกมาค้นหาก็ทำไม่ได้ การสอบครั้งนั้นมันน่าจดจำจริงๆ ”
” ไม่คิดเลยนะว่าคุณจะมีช่วงเวลาแบบนี้ด้วย ”
” ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะเป็นอาจารย์ ดูภายนอกยังหนุ่มอยู่เลย ” พอเย่จิงเหยียนเห็นเธอมีความสุข เขาเองก็มีความสุขมาก ตักซุปเพิ่มให้เธอแล้วพูดว่า ” ดื่มอีกหน่อยนะ นี่เป็นซุปที่ฉันสั่งทำพิเศษเลยนะ ผู้หญิงดื่มแล้วช่วยบำรุงเลือดได้ดี ”
” ฉันดื่มไปถ้วยใหญ่มากแล้ว ” ต้วนอีเหยาทำปากจู๋แล้วพูด เผยให้เห็นถึงความขี้อ้อนแสนอ่อนโยนแบบที่ผู้หญิงมี
” คนดี ดื่มอีกหน่อยนะ จะได้หายเร็วๆ ”
ต้วนอีเหยาพอได้ยินคำว่า ” คนดี ” ใจก็แทบละลาย เธอจึงก้มหน้าดื่มต่อ
เย่จิงเหยียนยิ้มตั้งแต่ปากจนถึงตาเลย
ภายใต้การดูแลเอาใจใส่ของเย่จิงเหยียน แผลของต้วนอีเหยาก็หายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ซีดเซียวก็กลับมามีชีวิตชีวา สำหรับเย่จิงเหยียนนั้นเขาแข็งแรงไม่ต่างจากคนปกติทั่วไปเลย
บ่ายของวันนั้น เย่จิงเหยียนถือถุงสองใบลงมา แล้วเคาะประตู ด้านในไม่มีเสียงใดๆ
” หัวหน้านอนกลางวันอยู่ มีเรื่องอะไร? ” ชิงหลงที่ไม่รู้ว่าโผล่ขึ้นมาจากไหน
เย่จิงเหยียนสะบัดถุง ” ฉันเอาชุดมาให้เธอเปลี่ยนสองสามชุด เธอไม่ควรจะใส่แต่ชุดผู้ป่วย ”
” อ้อ อย่างนั้นคุณก็เข้าไปเถอะ แต่ว่าเสียงเบาๆหน่อยนะ ” พอพูดจบ ชิงหลงก็หันหลังแล้วเดินไปยังห้องผู้ป่วยข้างๆ
ในห้องผู้ป่วยมีผ้าม่านปิดอยู่และมีแสงส่องเข้ามาแบบสลัวๆ หญิงสาวนอนตะแคงหลับอยู่ในผ้าห่ม แต่ก่อนเธอนอนตัวตรงตลอด แต่เป็นเพราะตอนนี้หลังของเธอได้รับบาดเจ็บ เธอเองก็พึ่งชินกับการนอนตะแคง
เย่จิงเหยียนวางเสื้อผ้าลงบนโซฟา เดินไปนั่งลงข้างเตียง แล้วมองหน้าเธอเงียบๆ
หน้าของเธอกลมกว่าเมื่อสองวันก่อนเยอะมาก เธอขมวดคิ้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอฝันถึงอะไร
เย่จิงเหยียนโน้มตัวไปจูบที่หน้าผากเธอหนึ่งที ตอนที่ลุกขึ้นก็สังเกตเห็นว่าเธอลืมตาแล้ว ลูกปืนในมือของเธอจ่ออยู่ที่หน้าอกของเขา
” ทำไมเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย “ต้วนอีเหยาเก็บปืนเข้าไปในผ้าห่มเหมือนเดิม เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
” ชิงหลงบอกว่าเธอหลับแล้ว ฉันไม่อยากรบกวนเธอ ” ท่าทีของเย่จิงเหยียนไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นห่วงเธอมากขึ้น นอนหลับยังหลับไม่สนิท
ต้วนอีเหยาขยี้ตาแล้วเธอก็ยิ้ม ” ไม่ได้ทำให้คุณตกใจใช่ไหม? ”
เย่จิงเหยียนเสยผมหน้าม้าขึ้นแล้วพูดอย่างอ่อนโยน ” สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดในโลกก็คือการที่เธอต้องจากฉันไป นอกเหนือจากนั้นไม่ว่าอะไรฉันก็ไม่กลัว ”
ดวงตาของต้วนอีเหยาเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น จากนั้นก็มุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม และพูดพึมพำว่า ” ฉันยังอยากนอนอยู่ ”
” เธอนอนไปเลย ฉันจะอยู่กับเธอตรงนี้ ”
ต้วนอีเหยาลังเลอยู่พักหนึ่ง ตบไปข้างเตียงตัวเองแล้วพูดว่า ” คุณง่วงไหม? ถ้าง่วงนอนก่อนได้นะ ”
เย่จิงเหยียนรู้สึกประหลาดใจสองวินาที จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมและรองเท้าออก เขามุดตัวเข้าไปในผ้าห่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นอนมองหน้าเธอ มองใบหน้าที่เขินแดงของหญิงสาว เขากระซิบบอกเธอ ” ฉันก็ง่วงอยู่พอดี ”
หญิงสาวหลับตาอยู่ ตาของเธอกระตุกรัวมาก และเธอก็ยิ้มอย่างอดใจไม่ไหว
อาจจะเป็นเพราะว่าใกล้กันมาก ใกล้ถึงขั้นได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของกันและกัน เย่จิงเหยียนถูกลมหายใจของเธอดึงดูด เขามองไปที่ริมฝีปากของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวนสุดๆ ” เหยาเหยา ฉันอยากจูบเธอ ”
ต้วนอีเหยาลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ ดวงตาของเธอเป็นประกายและแววตาเธอแสดงถึงความไม่เห็นด้วย กำลังจะตอบว่า ” ไม่ได้ ” แต่ริมฝีปากของเธอถูกชายหนุ่มจูบไปแล้ว……”
เหมือนมีขนนกเกาะอยู่บนหัวใจเธอ รู้สึกคันแต่ก็รู้สึกมีความสุข ต้วนอีเหยามองไปที่ดวงตาคู่นั้น ในแววตามีแต่เงาของตัวเธอเอง แล้วเธอก็หลีบตาลง
เย่จิงเหยียนเห็นว่าเธอยินยอม เลยยิ่งจูบอย่างลึกซึ้งขึ้นไปอีก เขาคิดถึงเธอมาตั้งนาน แต่นี้จะไปพอได้ไง? แลบลิ้นเข้าไปพันลิ้นของเธอ ลิ้นทั้งสองพันกันเป็นเกลียว จูบกันอย่างดูดดื่มและโหยหิว เขากระหายที่จะลิ้มลองรสชาติที่เป็นของเธอ……
ทั้งสองบรรลุนิติภาวะแล้ว และมีความรักที่ดีต่อกัน พอเจอกันก็เหมือนไฟที่โหมกระหน่ำ แตะกันก็จุดติดในทันที
อ่อนโยนราวกับน้ำ ครอบงำอย่างดุเดือด
เย่จิงเหยียนกอดเอวของเธอแน่น ราวกับว่าอยากจะฝังเธอไว้บนร่างการตัวเอง มือของเขาล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าของเธออย่างไม่สามารถควบคุมได้ รู้สึกบ้าคลั่งกับความบอบบางและความอ่อนโยนของเธอ……
จนกระทั่งต้วนอีเหยารู้สึกว่ามีบางอย่าง เธอก็เลยเรียกสติกลับมา แล้วใช้มือบิดหูใครบางคน แล้วพูดว่า ” หยุด หยุด ”
รอยจูบของเย่จิงเหยียนลามไปถึงไหปลาร้าของเธอ พอได้ยินเสียงเธอเขาก็หยุด เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่เปล่งประกายและอ่อนโยนราวกับน้ำของหญิงสาว ขากนั้นก็จูบที่ริมฝีปากของเธอแล้วเอาตัวเธอมากอด
” เหยาเหยา เหยาเหยา……” เขากระซิบอยู่ข้างหูเธอครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับว่าจะตะโกนเข้าไปฝังในจิตวิญญาณของเธอให้ได้ ในวินาทีนั้น ต้วนอีเหยาเกือบจะละทิ้งความต่อต้านของเธอมีในใจแล้ว
” คุณทรมานมากหรอ? “ต้วนอีเหยาถามด้วยน้ำเสียงอึดอัด
เย่จิงเหยียนไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไร เละแกล้งทำเป็นน่าสงสาร ” ใช่ ทรมานมาก แต่ว่าถ้าเธอไม่อยากฉันก็จะไม่บังคับ ”
ต้วนอีเหยาเงียบไปสักพัก แล้วพึมพำออกมาว่า ” ฉันรู้สึกว่าเราพัฒนาไปเร็วเกินไป ”
” ฉันรู้ ฉันรอได้ ” เย่จิงเหยียนขยี้ผมสั้นของเธอ แล้วพยายามระงับไฟในตัวของตัวเอง ” คนดี นอนสะนะ ”
ต้วนอีเหยาหลับด้วยวิธีนี้ครั้งแรก แต่ก็หลับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเป็นเพราะมีเขาอยู่ข้างกายแล้วรู้สึกสบายใจ
เย่จิงเหยียนยิ้มเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของเธอ
เดิมทีเขาแค่อยากจะมาส่งเสื้อผ้าให้เธอ คิดไม่ถึงเลยว่าจะโชคดีขนาดนี้ เขารู้สึกดีใจและพอใจมาก
ในช่วงบ่ายที่เงียบสงบ ทั้งสองคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน เป็นการนอนกลางวันที่สุดแสนงดงามที่สุด
ในวันต่อมา หลังจากที่คุณหมอได้ทำการตรวจเช็คร่างกานของเย่จิงเหยียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งมาก ” คุณเย่ คุณสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ”
” หะ? ไวขนาดนี้เลยหรอ? ” เย่จิงเหยียนรู้สึกประหลาดใจ
” คุณหายดีแล้ว เลยสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ” หลังจากผ่านการรักษาตัวมาหลายครั้ง หมอก็เริ่มคุ้นเคยกับความสามารถที่รักษาตัวเองอันทรงพลังของเขา
ร่างกายของตัวเอง ตัวเองย่อมรู้ดีที่สุด แน่นอนว่าเย่จิงเหยียนรู้ตัวดีว่าเขาหายดีแล้ว แต่ว่าต้วนอีเหยายังไม่หายดี ” คุณหมอ ฉันของอยู่ต่ออีกสองวัยได้ไหม? ”
คุณหมอลำบากใจ ” คุณเย่ ฉันยังไม่เคยเห็นคนที่ไม่อยากออกจากโรงพยาบาลเลยสักครั้ง ต้องขอโทษด้วย ห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลเรามีจำกัด คุณควรหลีกให้กับคนที่ต้องการต้องใช้จริงๆจะดีกว่า ”
” แล้วต้วนอีเหยาจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่? ”
เยาจิงเหยียนคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า ” แล้วเธอสามารถออกไปพักฟื้นที่บ้านได้รึเปล่า? ”
” ไม่ได้ ก่อนที่หัวหน้าจะไปเขาเคยสั่งไว้ ตราบใดที่เธอยังไม่หายดีเธอห้ามก้าวขอออกจากโรงพยาบาลแม้แต่ก้าวเดียว อีกทั้งตอนเวลาให้ยา ทายา ก็ไม่สะดวกด้วย ”
เย่จิงเหยียนล้มเลิกความคิดนี้ แล้วถามขึ้นอีกครั้ง ” ฉันขออยู่อีกสองวันไม่ได้จริงหรอ? ”
” ไม่ได้ ท่านลองไปถามพยาบาลที่โต๊ะดูสิ ว่ายังคนไข้อีกกี่คนที่รอเตียงนี้อยู่ ”
เย่จิงเหยียนพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ” ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล”
” ท่านไม่ต้องเสียค่ารักษาแล้ว ค่ารักษาทั้งหมดยกให้เป็นภาระของโรงพยาบาลของเรา ”
เรื่องนี้เย่จิงเหยียนไม่มีอะไรจะพูด น่าจะเป็นคำสั่งของคนเบื้องสูงคนนั้น ” ฉันรู้แล้ว ”
หลังจากที่คุณหมออกไปแล้ว เย่จิงเหยียนก็โทรหาน้องสาว ให้เธอมารับเขาออกจากโรงพยาบาลหน่อย และรวดเดินไปบอกลาต้วนอีเหยาชั้นบนสักหน่อย
” ไปเถอะๆ อย่าลืมมาส่งอาหารอร่อยๆให้ฉันนะ ” ต้วนอีเหยาใส่ชุดที่เขาเอามาให้เมื่อวาน นอนเล่นเกมส์อยู่บนเตียง สำหรับเรื่องที่เขาได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกอะไร ถึงเขาจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่เขาก็ต้องมาบ่อยๆอย่างแน่นอน
” ถ้าเธอมีอะไรที่อยากกินก็โทรบอกฉันนะ ”
” รู้แล้ว ”
” ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ ” เย่จิงเหยียนอาลัยอาวรณ์ ในตอนนั้นต้วนอีเหยากำลังเล่นเกมส์อย่างดุเดือดเลยไม่ได้สนใจเขา เย่จิงเหยียนมีแรงกระตุ้นบางอย่าง เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วเสยคางเธอขึ้นจากนั้นก็ก็จูบเธออย่างดุเดือด
ต้วนอีเหยาอึ้งไปสองวินาที ได้ยินคำว่า ” โอเค ” ดังมาจากในโทรศัพท์ เธอก็ตะโกนออกมา ” โอ๊ย เป็นเพราะคุณเลย ฉันเล่นเกมส์ตายเลย ”
” ใครให้เธอไม่สนใจฉันละ? ” เย่จิงเหยียนรู้สึกร้อนรน
ต้วนอีเหยายังไม่เคยชินกับบทบาทของแฟน เลยพูดออกไปด้วยความมึนๆงงๆ ” คุณก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มาที่นี่อีกนี่นา คุณต้องการให้ฉันล่ำลาคุณอย่างเศร้าโศกเสียใจหรอ? ”
เย่จิงเหยียนรู้สึกหดหู ” ได้ เธอเล่นเกมส์ไปเถอะ ฉันไปละ ”
” เดี๋ยวก่อน ” ต้วนอีเหยาเห็นว่าเขาโกรธ เลยชี้แล้วบอกเขาว่า ” มานี่ ”
เย่จิงเหยียนเชื่อฟังคำสั่งเธอและโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอ ต้วนอีเหยากอดคอเข้าไว้ แล้วจูบริมฝีปากเขาอย่างสบายๆแล้วพูดว่า ” พรุ่งนี้ฉันอยากดื่มซุปไก่ ”
เย่จิงเหยียนโน้มตัวเข้าไปกัดริมฝีปากที่ชุ่มชื้นของเธอไปหนึ่งที แล้วพูดเสียงต่ำ ” รับทราบครับ ผู้พัน ”
ในระหว่างทางกลับบ้าน เย่จิงเหยียนก็เอาแต่รำลึกถึงรสชาติการจูบนั้น หญิงสาวที่เธอชอบบางทีเธอก็อ่อนโยนมาก บางทีเธอก็โหดมาก แต่ว่าไม่ว่าจะตอนไหน เขาก็ชอบทั้งนั้น
ในตอนที่รถขับไปจนเกือบจะถึงคฤหาสน์แล้ว เย่จิงเหยียนก็พึ่งสังเกตเห็นว่านี่ไม่ใช่ทางกลับคอนโด เขาขมวดคิ้วแล้วหันหน้าไปถามหรูอี้ ” ทำไมเธอถึงขับกลับบ้านละ? ”
” ข้าน้อยทำตามคำสั่งของแม่ว่าจะต้องพาตัวพี่กลับบ้านให่ได้ น้องจะไปกล้าขัดคำสั่งได้ไง? ” เย่ชูวเสวียพูดด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
” ฉันไม่กลับบ้าน หยุดรถ ฉันจะกลับคอนโดเองก็ได้ ”
เย่ชูวเสวียจะเชื่อฟังเขาได้ยังไง ” เฮ้ย พี่ชาย ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว พี่ก็กลับไปเดินเล่นสักรอบก็ได้ ไม่ได้มีไรเสียหายสักหน่อย เดี๋ยวฉันค่อยส่งพี่ออกมาก็ได้ อย่างน้อยต้องให้ฉันทำภารกิจให้สำเร็จก่อนได้ไหม? ”
เย่จิงเหยียนจ้องหน้าเธอและไม่ได้พูดอะไร
เย่ชูวเสวียหัวเราะดีใจ ” พี่จะโทษฉันไม่ได้นะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวเอง ระหว่างทางก็เอาแต่คิดถึงพี่อีเหยาอยู่ได้ ขับไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ตัวเอง ช่วยไม่ได้ ”
พอเอ่ยถึงต้วนอีเหยา ความโกรธของเขาก็สลายหายไปเกือบครึ่ง ” ทำไมเธอถึงได้ไปยืนเข้าข้างแม่ละ? เธออยู่ข้างฉันไม่ใช่หรอ? ”
” ฉันต้องอยู่ข้างพี่อยู่แล้วสิ แต่ว่าแม่เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านเรา ท่านออกคำสั่งฉันก็ไม่กล้าไม่ทำตาม ” ตอนที่เย่ชูวเสวียพูดอยู่ก็เหลือบตาไปมองพี่ชายเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า ” นอกจากนี้ คนที่อยู่ที่บ้านนับวันท้องก็โตขึ้นเรื่อยๆ พี่คิดว่าแค่พี่ไม่กลับบ้าน ไม่ไปเจอหน้าเธอ แล้วทำเป็นเหมือนว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นหรอ? พี่ชาย นี่มันปิดหูขโมยระฆังชัดๆ ”
เย่จิงเหยียนนั่งพิงเบาะแล้วพูดอย่างงัวเงีย ” แล้วฉันจะทำอะไรได้? ไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ยืนยันที่จะคลอดเด็กคนนี้ให้ได้ แม่ก็ยังจะปกป้องเธออีก ฉันก็ทำได้แค่ไม่เจอหน้าเธอก็จะได้ไม่ร้อนใจ ”
” พี่บอกเรื่องนี้กับพี่อีเหยารึยัง? ”
” ยัง ไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงดี ” นี่เป็นเรืองใหญ่ที่สุดในใจเขาช่วงนี้
เย่ชูวเสวียพูดด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ เหมือนเป็นคนที่รู้ใจเขา เธอเกลี้ยกล่อมเขา ” พี่ชาย เรื่องแบบนี้ต้องจัดการให้เร็วที่สุดนะ ยิ่งพี่อีเหยารู้เรื่องนี้เร็วเท่าไหร่ พี่อีเหยาก็จะเสียใจน้อยเท่านั้น ”
” ถ้าเธอไม่ยกโทษให้พี่ละ? ”
” แต่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับตลอดไปไม่ได้ ปิดยังไงก็ปิดไม่มิดหรอก ถึงแม้ว่าพี่จะไม่พูด แล้วเธอจะไม่มีวันรู้หรอ? และยิ่งไปกว่านั้นถ้าเธอรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น ให้เธอรู้จากปากพี่ไม่ดีกว่าหรอ ยังน้อยก็มีโอกาสมากกว่า ”
เย่จิงเหยียนตกอยู่ในความเงียบ เหตุผลที่น้องสาวพูดมาเขาเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ว่าเขาไม่กล้า
ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเขาเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมาก นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับต้วนอีเหยา
รอไปอีกหน่อย รอให้เธอหายดีก่อน รอมีโอกาสที่ดีก่อน
หลังจากนั้น ถ้าเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เขาคงจะบอกกับเธอด้วยตัวเองในวันพรุ่งนี้แล้ว
นอกประตูคฤหาสน์ มู่เวยเวยตั้งหน้าตั้งตารอคอยด้วยความดีใจ จ้าวเสวียนที่ยืนอยู่ข้างก็อารมณ์เดียวกัน
พอรถของเย่ชูวเสวียจอดสนิทแล้ว มู่เวยเวยเห็นถึงคนที่นั่งในตำแหน่งข้างคนขับเธอถึงยิ้มออก ” ลูกออกจากโรงพยาบาลสักทีนะ ”
” แม่ ” หลังจากลงรถเย่จิงเหยียนก็ตะโกนเรียก โดยไม่ได้มองหน้าจ้าวเสวียนเลย
” จางเห่อ ให้คนเอากระเป๋าเดินทาวออกจากท้ายรถหน่อย ” มู่เวยเวยพูดด้วยความดีใจ เมื่อกี้เธอยังกังวลอยู่เลยว่าเยาชูวเสวียจะไม่สามารถพาเขากลับมาบ้านได้
เย่จิงเหยียนขวางจางเห่อไว้ด้วยท่าทีนิ่งๆ ” คุณลุงจาง ไม่ต้องเอาลงหรอก เดี๋ยวผมก็ออกไปแล้ว ”
” ไป? ลูกจะไปไหน? ” รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่เวยเวยหายไปทันที
” ผมจะไปอยู่ที่คอนโด ”
ทันใดนั้นความโกรธของมู่เวยเวยก็พุ่งขึ้น ” ในคอนโดของลูกไม่มีอะไรเลย ช่วงที่ผ่านมาที่ลูกไปอยู่แม่ไม่ห้าม แต่ว่าตอนนี้ลูกบาดเจ็บอยู่ถ้าลูกไปอยู่แล้วใครจะทำอาหารให้ลูก? ”
น้ำเสียงของเย่จิงเหยียนยังคงนิ่ง ” ผมทำเองได้ครับแม่ ”
” มีความสามารุเพิ่มขึ้นแล้วหรอ? ทำอาหารเองเป็น แล้วทำซุปละ? ลูกไม่ทำงานหรอ? ลืมไปแล้วหรอว่ายังมีใครอีกคน? ” มู่เวยเวยชี้ไปที่จ้าวเสวียนทำหน้าเรียบเฉย แต่ว่าในใจของเธอรู้สึกอึดอัดมาก
เขาเกลียดเธอมากถึงขั้นไม่อยากมองหน้าเธอเชียวหรอ
เย่จิงเหยียนเงียบไปอยู่นาน แล้วพูดกับจากเห่อว่า ” คุณลุงจาง เอากระเป๋าเดินทางลงมาก็ได้ ” เพื่ออาหารของอีเหยา เขาอดทนหน่อยก็ได้
พอได้ยินประโยคนี้ ทุกคนก็รู้สึกโล่งอก
ตอนหัวค่ำ เย่จิงเหยียนนั่งตรวจเอกสารอยู่ที่ห้องรับแขก จ้าวเสวียนเดินเข้ามานั่งข้างเขาอย่างช้าๆ เย่จิงเหยียนลุกไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามโดยไม่พูดอะไรสักคำ
พอเกลียดใครสักคนไปแล้ว ก็ไม่อยากแม้แต่ได้กลิ่นบนตัวเธอด้วยซ้ำ
เล็บของจ้าวเสวียนแทบจะจิกทะลุไปจนถึงหัวใจแล้ว แต่ว่าเธอก็พยายามยับยั้งความโกรธเอาไว้ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า ” จิงเหยียน ลูกของเราสองเดือนแล้ว หมอบอกว่าทุกอย่างปกติดี ”
เย่จิงเหยียนเอาแต่ดูเอกสารในมือราวกับว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด
” คุณไม่อยากสัมผัสเขาดูหรอ? ” จ้าวเสวียนลุกมายืนตรงหน้าเขา เธอนั่งยองๆและเงยหน้ามองเขาอย่างน่าสงสาร เธอจะใช้เด็กคนนี้เพื่อเปลี่ยนใจเขา
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ เย่จิงเหยียนก็มีเรื่องอยากจะถามเธอพอดี
” ฉันถามเธอ ครั้งที่แล้วที่โรงแรม เธอเป็นคนส่งข้อความบอกสถานที่และเบอร์ห้องให้กับอีเหยาใช่ไหม? ”
จ้าวเสวียนหน้าซีด แล้วรีบพูดว่า ” ไม่ใช่ฉัน ”
” อย่ามาเล่นละครตบตาฉัน ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร?” เย่จิงเหยียนแสยะยิ้ม ” ฉันหลับลึกขนาดนั้น ได้แตะตัวเธอรึเปล่ายังไม่รู้เลย แล้วจะบอกกับอีเหยาว่าอยู่ที่ไหนได้ชัดเจนขนาดนั้นได้ยังไงกัน? ”
แน่นอนว่าจ้าวเสวียนไม่กล้ายอมรับเรื่องทั้งหมดนี้อยู่แล้ว เธอแก้ตัวว่า ” จิงเหยียน ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ชอบฉัน จะไม่อยากได้เด็กคนนี้ แต่ว่าคุณจะมาใส่ร้ายฉันแบบนี้ไม่ได้ อีกอย่างฉันจะไปรู้รหัสปลดล็อกโทรศัพท์ของคุณได้ยังไง? ”
” เธอจะไม่ใช้วิธี ใช้นิ้วของฉันลองทีละนิ้วเชียวหรอ? ”
คำพูดของเย่จิงเหยียนรู้ทันเธอ เธอรู้สึกกระวนกระวายมาก ” ฉัน……ฉันคิดวิธีนี้ไม่ออกด้วยซ้ำ อีกอย่าง อีกอย่างต้วนอีเหยายังเป็นทหารหญิงอีก ถ้าเธออยากรู้อะไรเธอก็หาได้ไม่ยากอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงโยนความผิดมาให้ฉันละ? ”
เย่จิงเหยียนมองเธอด้วยสายตาเกลียดชัง ” เหอะ! เธอคิดว่าอีเหยาว่างขนาดนั้นเลยหรอ? เธอไม่ต้องมาแก้ตัวแล้ว ฉันถามเธอมาแล้ว เช้าวันนั้นมีคนส่งข้อความบอกรายละเอียดเธอจริงๆ ในห้องนั้นมีแค่เธอกับฉัน และจะเป็นผีที่ไหนส่งละ? ”
ต่อให้ตายจ้าวเสวียนก็ไม่ยอมรับ ” ทำไมคุณถึงไม่เชื่อฉัน? ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ ”
” เชื่อเธอ? ” จ้าวเสวียน ตอนนี้ฉันรู้สึกเสียใจมาก เมื่อยี่สิบปีที่แล้วฉันไม่น่าช่วยเธอไว้เลยจริงๆ ยี่สิบปีหลังจากนั้นยิ่งไม่น่าช่วยเธอเข้าไปใหญ่ ” พอพูดจบ เย่จิงเหยียนก็โยนเอกสารลงโต๊ะชา ” ฟุ่บ ” ลุกออกจากห้องรับแขกด้วยอารมณ์โกรธ
จ้าวเสวียนมองดูเขาที่เดินออกไป ในใจก็ราวกับว่าถูกมีดอันแหลมคมแทง ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายขนาดนี้? ในท้องของเธอยังมีลูกของเขาอยู่อีก เขาโหดร้ายกับเธอมาก ตั้งแต่ลงจากรถจนถึงตอนนี้เขาไม่มองหน้าเธอเลยสักนิด
พูดไปพูดมา ทั้งหมดนี้ก็เพราะผู้หญิงคนนั้น ที่เขายอมอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ ก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะเอาอาหารไปส่งให้กับผู้หญิงที่ยังอยู่ในโรงพยาบาลคนนั้น
” จ้าวเสวียน ทำไมถึงไปนั่งบนพื้นแบบนั้น? รีบลุกขึ้นเร็ว ” เสียงของมู่เวยเวยดังมาจากด้านหลัง เจ้าเสวียนรู้สึกเศร้า น้ำตาก็ไหลลงมา
” คุณป้า “น้ำเสียงของจ้าวเสวียนเยือกเย็น เขาจับโซฟาแล้วลุกขึ้น
มู่เวยเวยเห็นว่าเธอร้องไห้ก็รีบถามว่า ” เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมถึงร้องไห้? ”
จ้าวเสวียนเช็ดน้ำตาและส่ายหัว ” ไม่มีอะไรค่ะ ”
มู่เวยเวยมองไปที่เอกสารบนโต๊ะชา ก็รู้เลยว่าเป็นเพราะลูกชายอารมณ์เสียใส่เธอแน่นอน ถอนหายใจในใจแล้วพูดปลอบเธอว่า ” ตอนนี้เธอท้องอยู่ อย่าร้องไห้บ่อยไม่ดีต่อเด็ก ”
” ค่ะ รู้แล้วค่ะ ” จ้าวเสวียนไม่ได้พูดถึงเย่จิงเหยียน แต่ว่าเธอแน่ใจจากความฉลาดของมู่เวยเวยแล้ว เธอต้องรู้แน่นอนว่าใครเป็นคนทำให้เธอร้องไห้
” พอแล้วๆ ไม่ต้องร้องแล้ว นั่งพักก่อนนะ เดี๋ยวป้าไปคุยกับผิงอันสักหน่อย ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ”
จ้าวเสวียนจับแขนเธอไว้ ” คุณป้า อย่าโทษจิงเหยียนเลยค่ะ เขาไม่ได้ชอบเด็กคนนี้แต่แรกอยู่แล้ว ก็สมควรแล้วที่เขาจะทำกับหนูแบบนี้ ”
มู่เวยเวยแตะไหล่เธอแล้วพูด ” ไม่ว่าจะเป็นยังไง เด็กไม่เกี่ยว เธอนั่งรออยู่ตรงนี้เถอะ ”
” คุณป้า ป้าอย่าทำให้จิงเหยียนลำบากใจเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นเขาต้องเกลียดหนูมากขึ้นแน่ๆ ” ในขณะที่จ้าวเสวียนกำลังพูด น้ำตาของเธอก็ไหลลงมา
” สบายใจได้ ฉันไม่ทำให้เขาลำบากหรอก ” มู่เวยเวยเอามือเธออกแล้วเดินไปทางประตู
ในช่วงที่ได้ใช้เวลาร่วมกับเธอ เธอรู้สึกว่าจ้าวเสวียนเป็นผู้หญิงที่ใจกว้าง อ่อนโยน และสุภาพมาก พูดอะไรก็ไม่เคยให้ร้ายเย่จิงเหยียนเลย ผู้หญิงที่ดีมากขนาดนี้ ทำไมจิงเหยียนถึงได้เกลียดเธอมากขนาดนี้?
เธอเจอตัวลูกชายที่ริมทะสาบภายในบ้าน มู่เวยเวยนั่งลงข้างเขา ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเมื่อกี้แต่กลับถามเขาว่า ” พรุ่งนี้เช้าจะส่งซุปอะไรไปให้อีเหยาละ? แม่จะได้บอกให้แม่ครัวเตรียมวัตถุดิบไว้ตั้งแต่คืนนี้ ”
เย่จิงเหยียนมองไปที่แม่ของตัวเองด้วยความประหลาดใจ เขาก็คิดว่าแม่จะมาตำนิเขาสะอีก
” แม่รู้ว่าลูกเสียใจ ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ลูกมากไปกว่านี้ ” มู่เวยเวยลูบไปที่หัวของลูกชาย ” เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ แต่กระพริบตาลูกก็โตกันหมดแล้ว ตั้งแต่เด็กลูกก็เป็นคนที่ฉลาดแล้วจิตใจดี แม่เชื่อว่าครั้งนี้ลูกก็จะจัดการมันได้เป็นอย่างดี ”
” แม่ มันยากมากจริงๆ ” เย่จิงเหยียนพูดความในใจออกมา ใช้มือทั้งสองกุมหน้าตัวเองไว้ ” ผมรู้ที่ผมทำกับจ้าวเสวียนแบบนี้มันไม่ถูกต้อง แต่ว่าผมปล่อยอีเหยาไปไม่ได้จริงๆ ผมชอบเธอมายี่สิบปี เธอเป็นเหมือนครึ่งชีวิตของผม ถ้าไม่มีเธอแล้วโลกนี้ยังมีความหมายอะไรกับผมอีก? ”
มู่เวยเวยเองก็เคยผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่น เธอเข้าใจความรู้สึกของลูกชายดี ตอนนั้นที่เย่ฉ่าวเฉินหายตัวไป เธอเองก็เคยคิดแบบนี้ ลูบหลังลูกชายเบาๆแล้วพูดว่า ” ทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจเถอะ ชอบใครก็ตามจีบเลย แต่ว่าอย่าทำร้ายคนที่ไม่รู้เรืองอะไรด้วย ถ้าพวกลูกมีบุญวาสนาต่อกัน และรักกันและกัน ไม่ว่าจะห่างไกลกันมากเท่าไหร่ สุดท้ายก็จะได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี ”
ระยะไกลๆ จ้าวเสวียนที่กำลังมองดูสองแม่ลูกก็ยิ้มอย่างพอใจ
เธอยังไม่สามารถชนะใจมู่เวยเวยได้หรอ?
ตอนกลางคืน เย่ฉ่าวเฉินกลับบ้านแล้ว พอเห็นหน้าลูกชายคำแรกที่พูดก็คือ ” พรุ่งนี้ไปทำงานด้วย กูจะพักผ่อน เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ”
” พ่อ พ่อจะไม่ให้เวลาผมพักหน่อยหรอ ” เย่จิงเหยียนจงใจแกล้งเขา
” พักมานานขนาดไหนแล้ว? อย่ามาทำเป็นอ่อนแอหน่อยเลย ร่างกายของลูกคิดว่าพ่อไม่รู้หรอ? ”
” อ้อ รู้แล้วครับ ” การแกล้งทำเป็นอ่อนแอของเย่จิงเหยียนล้มเหลว
ในเช้ารุ่งวันต่อมา เย่จิงเหยียนนำรีบไปโรงพยาบาลพร้อมกับซุปไก่ที่ทำเสร็จแล้ว โจ๊กข้าวฟ่างและเกี๊ยวกุ้งเป็นชุดอาหารเช้า ต้วนอีเหยากำลังอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันอยู่
” ซุปไก่ที่เธออยากกิน โจ๊กข้าวฟ่างดีต่อกระเพราะมาก เธอดื่มเยอะๆนะ ” เย่จิงเหยียนจัดอาหารวางลงบนโต๊ะทีละอย่าง ถ้าเขาไม่ได้ใส่ชุดเป็นทางการมากขนาดนี้เขาดูเหมือนพ่อครัวมาก
ต้วนอีเหยาล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ไปเรียกชิงหลงจากห้องข้างๆมากินด้วยกัน
” พวกเธอค่อยๆกินนะ ตอนเที่ยงจะมีคนที่บ้านมาส่งอาหารให้ บริษัทอยู่ไกลจากที่นี่มาก ไปกลับฉันต้องใช้เวลาตั้งสองชั่วโมง เดี๋ยวเลิกงานแล้วฉันจะมาหาใหม่นะ ” สายตาของเย่จิงเหยียนมองไปที่เธอ และรายงานการเคลื่อนไหวของเขาให้เธอ
ต้วนอีเหยาตอบว่า ” อือๆ คุณไม่จำเป็นต้องไปๆมาๆก็ได้ ลำบากคุณมากเกินไป มาทุกเช้าก็พอแล้ว ”
” ไม่ได้ ฉันขับรถมาไม่ได้วิ่งมาสักหน่อย ฉันรู้ว่าอะไรสำคัญกับฉันมากกว่า รีบกินเถอะ ฉันไปทำงานก่อนนะ ”
” ไปเถอะ เดินทางปลอดภัยนะ ”
เย่จิงเหยียนใช้เวลาที่เธอไม่ทันระวังตัว หอมแก้มเธอไปหนึ่งที ชิงหลงเข้ามาพอดี ” โอ้โห” แล้วหันมาพูดว่า ” ฉันไม่เห็นอะไรเลย เชิญพวกคุณทำต่อได้เลย ”
ต้วนอีเหยาหน้าแดงเล็กน้อย และยังคงต้องรักษาภาพลักษณ์ของหัวหน้าอยู่ และตำนิเขาแก้เขินว่า ” ทำต่อบ้าอะไรของแก นั่งลงกินข้าว ”