วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 330 ถ้ายังโกรธอยู่ฉันจะจูบเธอ

“ จ้าวเสวียน เธอ……. ”

“คุณน้า ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ” จ้าวเสวียนขัดจังหวะเธอ หันหน้ามาและพูดว่า “ฉันอยากอยู่สงบสติอารมณ์คนเดียว”

มู่เวยเวยทำอะไรไม่ถูก “ ก็ได้ ถ้ายาใกล้หมด เธอตะโกนเรียกสาวใช้ข้างนอกนะ”

“ขอบคุณค่ะ”

เหลือเพียงจ้าวเสวียนในห้องคนเดียว ก็เผยตัวตนที่ชั่วร้ายออกมา คิดๆแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากด้านข้างและส่งข้อความไปยังเบอร์แปลกๆ

เย่จิงเหยียนเธอทำโหดเหี้ยมมาก อย่าโทษว่าฉันไม่ยุติธรรม ยังมีต้วนอีเหยา ฉันไม่ปล่อยไปแน่

โรงพยาบาลทหาร

ต้วนอีเหยายืนอยู่ที่หน้าต่าง ดูฝนที่ตกลงมาข้างนอกด้วยความกังวล

เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเย่จิงเหยียน แต่เป็นพ่อของเธอที่อยู่ต่างประเทศเป็นเวลาหลายวัน จนถึงวันนี้ยังไม่มีข่าวสารอะไรแจ้งมาเลย ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังใช้แผนอะไรและพวกเขาจะกำจัดกองกำลังก่อการร้ายพวกนั้นได้ไหม

ในขณะที่กำลังคิด โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อหยิบมันขึ้นมาก็ยืดตัวขึ้นทันที เธอรับโทรศัพท์และตะโกนด้วยความเคารพว่า “สวัสดีค่ะคุณนาย”

“ อีเหยา ดีขึ้นบ้างหรือยัง?” เสียงนุ่มฟของคุณนายดังเข้ามาในโทรศัพท์

“ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ”

“ดีขึ้นมากก็ดีแล้ว ฉันเป็นห่วงมาก แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นล่ะ? ฉันได้ยินมาว่าอาการบาดเจ็บสาหัส”

ต้วนอีเหยาตอบอย่าเจ็บใจ “เขาก็ไม่เป็นอะไรแล้วเหมือนกัน”

“งั้นก็ดีแล้ว” คุณนายพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนแรกฉันว่าจะแนะนำใครสักคนให้เธอ แต่ไม่คิดว่าเธอมีคนในใจแล้ว ฉันได้ยินจากผู้นำว่า ผู้ชายคนนั้นไม่เลว อย่าลืมบอกฉันนะถ้ามีงานแต่งแม้ว่าฉันจะไปไม่ได้ แต่จะส่งของขวัญไปแน่นอน ”

ต้วนอีเหยากัดริมฝีปากของเธอและพูดเบาๆ “ขอบเธอค่ะคุณนาย นี่เป็นเกียรติของฉันมาก” เธอไม่รู้ว่าไม่มีวันนี้เกิดขึ้น

“ดูแลตัวเองดีๆนะ ฉันวางสายก่อน”

“ สวัสดีค่ะคุณนาย”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ ต้วนอีเหยาจ้องมองไปที่สายฝนนอกหน้าต่าง หัวใจของเธอก็เหมือนฟองน้ำที่เปียกโชกหนักและอึดอัด

ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องทำให้เมือง A กลายเป็นทะเลสาบ เย่ชวูเสวียเองก็กังวลเรื่องที่บ้าน เธอจึงขับรถกลับบ้านทันทีที่เอากุญแจรถมา

เมื่อครึ่งทาง เซียวอวี้หลินโทรมาคุยกับเธอ พอดีกับที่เธอรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว เธอจึงพ่นออกมาเล่าให้เขาฟังทั้งหมด

“เธอไม่ได้กำลังบอกว่าพี่ชายเราสมองตื้อ จะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นหรอนะ ฉันไม่ชอบเธอจริงๆ เธอเต็มไปด้วยกลิ่นควันของคนชั่วร้าย” เย่ชวูเสวียสวมหูฟังสีฟ้าและน้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ

เซียวอวี้หลินยิ้มและพูดว่า “พี่ชายของฉันจะไม่โง่ขนาดนั้นหรอก เขาไม่ทหารหญิงคนนั้นแล้วหรอ?”

“ชอบแล้วจะทำอะไรได้? จ้าวเสวียนมาเป็นก้านขวางอยู่ไม่ใช่หรอ? ตอนนี้ยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ฉันว่าเขากับพี่อีเหยาคง…….โอ้ย ” ในขณะที่กำลังพูด เย่ชวูเสวียเบรกกะทันหัน กระตุกไปข้างหน้า และถูกเข็มขัดนิรภัยดึงกลับมา

เซียวอวี้หลินถามอย่างกังวล “หรูอี้ เธอเป็นอะไร? รถชนหรอ?”

เย่ชวูเสวียมองไปที่ด้านหน้าและพูดอย่างหดหู่ว่า “ไม่ได้ชน ถนนเต็มไปด้วยฝนและล้อหน้าขวาดูเหมือนจะติดอยู่ในท่อระบายน้ำ”

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เธอกำลังจะไปไหน? ฉันจะไปรับ”

“ไม่ต้อง ฝนตกหนักขนาดนี้ คงใช้เวลากว่าชั่วโมงกว่าเธอจะมาจากบ้าน ฉันนั่งแท็กซี่กลับเอง ไว้ค่อยคุยกันนะ ฉันจะลงไปดูสักหน่อย”

“ระวังด้วยนะ”

“รู้แล้ว ฉันวางก่อนนะ” เย่ชวูเสวียโยนหูฟังออก เปิดไฟคู่หน้ารถ และลงจากรถ กำลังจะไปที่ท้ายรถเพื่อเอาร่ม หยดน้ำจำนวนมากเทลงบนตัวเธอ เย่ชวูเสวีย ได้รับความชุ่มชื้นทั้งตัวในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีพร้อมกับฝนที่ตกหนัก

เย่ชวูเสวียตะโกนใส่รถที่เพิ่งขับผ่านไปมา “ แม่งเอ้ย ขับรถเร็วขนาดนี้รีบไปตายหรือไง” เอาล่ะ ทีนี้ก็ไม่ต้องเอาร่มแล้ว

เมื่อฝนตกหนักลงมาที่หน้ารถ น้ำฝนทำให้มองไม่เห็นทาง ล้อหลังจึงตกลงไปในท่อน้ำ

การทำงานของฝ่ายเทศกิจห่วยเป็นบ้า ฝาท่อระบายน้ำหายไปยังไม่รู้ ถ้ามีคนตกลงไปจะทำยังไง?

เมื่อมองไปรอบๆ นอกเหนือจากม่านฝนอันกว้างใหญ่ ไม่มีรถหรือรถแท็กซี่ผ่าน เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ฉันน่าจะให้เซียวอวี้หลินมารับเธอ ในตอนนี้ฉันจะหาแท็กซี่ได้ที่ไหน?

เมื่อหันกลับไปที่รถเพื่อขอความช่วยเหลือ มีรถรับด้วยความเร็วอีกคันเข้ามาในเลนถัดไป เย่ชวูเสวียไม่ต้องการที่จะโดนน้ำสกปรกสาดเข้าอีกครั้ง เธอจึงก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว

ถอยหลังไปก็ตกลงไปในรอยหลุมที่รถทับผ่านไว้

คำนั้นพูดยังไงนะ เย่ชวูเสวียรู้สึกว่าคนจะซวยนี่มันซวยจริงๆ

ช่วงนี้เธอก็ไม่ได้ทำอะไรชั่วร้าย ทำไมวันนี้เธอถึงมีชะตากรรมแบบนี้? ถ้ารู้แบบนี้วันนี้ไม่มาทำงานดีกว่า

ฝนตกหนัก น้ำฝนก็ไหลลงท่อระบายน้ำ เย่ชวูเสวียมองไม่เห็นว่าเท้าของเธอติดอยู่ที่ไหน รู้สึกเจ็บขึ้นมา

นี่จะทำยังไงดี?

เย่ชวูเสวียยืนอยู่อย่างว่างเปล่าท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ด้วยภาพราวกับว่าถูกทิ้งโดยคนทั้งโลก ณ จุดๆนี้ถ้ามีผู้ชายปรากฏมาช่วยเธอสักคน หน้าตาไม่ขี้เหร่ขนาดนั้น เธอจะยอมแต่งงานด้วยเลยทันที

หลังจากฝนตกนานกว่าสิบนาที ขาของเย่ชวูเสวียก็หมดแรง จนเธอหมดหวัง เมื่อเธอกำลังจะลองเคลื่อนย้าย ทันทีฝนที่อยู่เหนือศีรษะของเธอก็หยุดลงอย่างอธิบายไม่ได้ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่ามีร่มสีดำกางอยู่

“ทำไมเธอถึงมายืนอยู่ท่ามกลางสายฝน?” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาในหูของเธอ เย่ชวูเสวียกำลังคิดว่าเจ้าชายคนใดมาช่วยเธอ ทันทีที่ได้ยินเสียงเธอก็ตกตะลึง

เสียงที่คุ้นเคย

“เท้าติดอยู่ข้างในหรอ?” หนานกงเจาถามอย่างกังวล

เย่ชวูเสวียหันหน้าไปช้าๆ ทำไมถึงเป็นตาคนนี้?

“เธออยู่กลางสายฝนมานานหรือยัง? หน้าซีดหมดแล้ว” ขณะที่หนานกงเจาถอดชุดและห่อรอบตัวของเธอ หนานกงเจาก็ขมวดคิ้ว เมื่อสัมผัสมือเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ “ ทำไมมือเย็นขนาดนี้?”

หัวของเย่ชวูเสวียเปียกโชกด้วยสายฝนและเธอไม่รู้จะตอบอะไร

ชายคนนั้นจับมือเล็กๆสองข้างของเธอ หายใจเข้าลึกๆและพูดว่า “ถือร่มไว้ ฉันจะช่วยเธอเอาเท้าออก”

เย่ชวูเสวียรับร่มมาและดูเขาหมอบลง หลังและขาของเขาชุ่มชื้นทันที จากฝนที่ตกหนัก เธอขยับร่มไปกางให้เขาโดยไม่รู้ตัว แต่ได้ยินเขาพูดว่า “ไม่ต้องสนฉัน อย่าให้ตัวเองเป็นหวัดก็พอ”

เย่ชวูเสวียคิดสักพักและขยับร่มกลับมา

ท่ามกลางสายฝน เธอซึ่งกำลังจะหมดสติในที่สุดก็รู้สึกถึงความอบอุ่นของนิ้วมือเขาคลำหาตำแหน่งของเท้าเธอเจอ จากนั้นใช้มือจับเท้าอย่างระมัดระวังแล้วดึงออก

“โอ้ย-” เย่ชวูเสวียร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและหนานกงเจาก็หยุดทันทีและพูดอย่างเป็นห่วง ” ใกล้จะเอาออกแล้ว ทนหน่อยนะ”

เย่ชวูเสวียตอบอืมคำเดียว เสื้อเชิ้ตระดับไฮเอนด์ของเขาเปียกโชกไปด้วยสายฝน ที่หลังของเขาและสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอย่างชัดเจน

ในตอนนี้จู่ๆ เย่ชวูเสวียก็รู้สึกว่าเขาดูไม่น่ารำคาญอีกต่อไป

เม็ดฝนเม็ดใหญ่กระทบร่มเล่นโน้ตตกลงมาอย่างร่าเริง ราวกับว่ามีเพียงคนสองคนเหลืออยู่บนโลก

ด้วยความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของหนานกงเจา ทำให้เท้าของเย่ชวูเสวียดีงออกจากท่อระบายน้ำได้อย่างราบรื่นและมันก็พอง

“ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล” หนานกงเจาพูดและขมวดคิ้ว “กินยาแก้หวัดด้วยซะหน่อย”

เย่ชวูเสวียไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้“ เดี๋ยวก่อน ฉันจะไปเอากุญแจรถกับโทรศัพท์”

“ หยุดอยู่ตรงนี้แหละ ฉันจะไปเอาให้”

หนานกงเจาลุยฝนไปอีกครั้ง เอาของสองอย่างแล้วล็อครถเดินไปหาเธอโดยไม่พูดอะไร พยุงเธอขึ้นมาแล้วเดินไปที่รถที่จอดอยู่เลนตรงข้าม

“หนาวไหม? ฉันเปิดเครื่องทำความร้อน” หนานกงเจาถามเธอขณะที่เขากำลังสตาร์ทรถ

ในขณะที่เย่ชวูเสวียกำลังจะบอกว่าไม่หนาวเธอก็ “ฮะชิ้ว” จามออกมาใส่ชุดสุทสีดำของเธอทันที

ดวงตาของหนานกงเจาเต็มไปด้วยความกังวล เขาเปิดเครื่องทำความร้อนและขับรถไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด สายตาของเย่ชวูเสวียมองไปที่มือของเขาและผิวหนังที่มีรอยขีดข่วน มันน่ากลัวนิดหน่อย น่าจะโดนตอนเอามือเข้าไปในท่อ

“มือของเธอ…… ” ในที่สุดเย่ชวูเสวียก็พูดอะไรบางอย่าง เธอรู้สึกไม่ดี

หนานกวเจาพูดอย่างสบายๆว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวทายาก็หายแล้ว”

เย่ชวูเสวียรู้สึกหน่วงๆด้วยเหตุผลบางอย่างและบรรยากาศก็ค่อนข้างอึดอัด

ทุกครั้งที่พบกันดูเหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้น

หลังจากมาถึงโรงพยาบาล ลงทะเบียน ถ่ายรูป และสั่งยาทุกอย่างเสร็จสิ้น ทุกขั้นตอนหนานกงเจาเป็นคนจัดการให้ เย่ชวูเสวียรู้สึกอายเล็กน้อย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้

“เธอส่งฉันกลับบ้านหน่อย” เย่ชวูเสวียกลับไปที่รถ จากนั้นกผ่พูดสั้นๆอีกคำ “ขอบคุณนะ”

หนานกงเจารู้สึกประหลาดใจอยู่สองสามวินาที จากนั้นก็ยิ้ม “ไม่เป็นไร”

เย่ชวูเสวียหันศีรษะของเธออย่างเชื่องช้าโดยไม่กล้าที่จะมองไปที่ดวงตาที่อ่อนโยนของเขา

บางทีมันอาจจะเหนื่อยเกินไป หรือบางทีความร้อนในรถอาจมากเกินไป เย่ชวูเสวียก็หลับไปไม่นานหลังจากที่รถขับออกไป

หนานกงเจาหันหน้าไปมองใบหน้าที่หลับใหลของเธอด้วยความใจสั่นและหันกลับไปที่สี่แยกข้างหน้า

สายฝนนอกหน้าต่างรถค่อยๆลดลง

ในขณะที่หนานกงเจากำลังอุ้มหญิงสาวลงจากระ ใบหน้าของเธอแดง เขาเอามือจับหน้าผากของเธอเบาๆ ปรากฏว่าเธอตัวร้อนเป็นไข้แล้ว

“เป็นไข้จริงๆซะแล้ว” หนานกงบ่นพึมพำอุ้มเธอขึ้นไปชั้นบน

เย่ชวูเสวียรู้สึกว่าเธอกำลังแช่อยู่ในน้ำร้อนสบายๆ ด้วยความงุนงงคิดว่าเธอกลับบ้านแล้วและพูดเบาๆว่า “แม่ ฉันกระหายน้ำ”

ทันใดนั้น น้ำอุ่นหนึ่งช้อนก็เข้าปาก เธอจิบแล้วขมวดคิ้ว “ ขม…… ”

“โอ๋ นี่เป็นยา เธอมีไข้แล้ว”

เย่ชวูเสวียขมวดคิ้วและดื่มยาแก้หวัดหนึ่งถ้วยและหลับไปอย่างราบรื่น

เมื่อตื่นขึ้นมา ฝนก็หยุดตก หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน เย่ชวูเสวียมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดและอยู่ในความงุนงง เธอนอนหลับไปนานแค่ไหน?

ขยี้ตา เธอก็อึ้งตัวแข็งทันที

เดี๋ยวก่อน ที่นี่คือที่ไหน?

เย่ชวูเสวียมองไปรอบๆ ห้องที่เธออยู่การตกแต่งแบบเปิดโล่ง การจัดระเบียบสีดำและสีขาวอย่างเรียบง่ายและมีสไตล์ เย่ชวูเสวียยกผ้าห่มขึ้น เธอกำลังสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ โดยไม่มี……กางเกงชั้นใน!

“ไอ้บ้า!” เย่ชวูเสวียตบหัวตัวเอง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ฉากสุดท้ายที่เธอจำได้คือนั่งอยู่ในรถและบอกให้หนานกงเจาไปส่งเธอที่บ้าน ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ทำตามที่พูด

อย่าบอกนะว่าเขาทำแอบทำอะไรตอนที่เธอหลับ

ความโกรธออกมา ความประทับใจที่เพิ่งมีของเธอ ตอนนี้…….

เมื่อได้ยินเสียงหม้อและกระทะ เย่ชวูเสวียก็ตะโกนว่า “หนานกงเจา!”

ฝีเท้าที่รีบวิ่งมาของหนานกงเจาก็ดังขึ้น วิ่งมาและถามว่า “มีอะไรหรือเปล่า? มีอะไร?” จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเย่ชวูเสวีย เขามีผมฟูๆ สวมผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้เล็กๆ ถือฝาไว้ในมือ อีกข้างหนึ่งถือช้อน

ไม่เคยเห็นหนานกงเจาทำงานบ้านแบบนี้ เย่ชวูเสวียตกตะลึงอยู่สองสามวินาที มองไปที่เขาและหัวใจก็เต้นแรงทันที “เธอ…..ฉันบอกให้ส่งฉันกลับบ้านไม่ใช่หรอ?”

หนานกงเจายิ้มเบาๆด้วยความจริงใจ “ฉันกลัวว่าถ้าส่งเธอกลับแล้ว พ่อแม่เธอจะทำให้เธอลำบากใจ”

“แล้วทำไมเธอถึง…… ” เย่ชวูเสวียหน้าแดงด้วยความอับอายและไม่สามารถพูดต่อได้

รอยยิ้มบนใบหน้าของหนานกงเจาเคร่งขรึม “ เธอเป็นไข้ จะนอนแบบตัวเปียกหรือไง?”

เย่ชวูเสวียดึงผ้าห่มสีน้ำเงินเข้มมาที่คางของเธอ จ้องมองไปที่เขาเหมือนลูกแมวโกรธ “ถ้าอย่างนั้นเธอหาผู้หญิงมาเปลี่ยนให้ฉันไม่ได้เหรอ?”

“นี่คืออพาร์ตเมนต์ของฉัน ฉันจะหาผู้หญิงจากไหน?”

“ แต่……แต่…….”

หนานกงเจาเห็นดวงตาสีแดงของเธอและรีบเดินไปปลอบเธอ “อย่าร้องไห้สิ ฉันไม่ได้ทำอะไรกับเธอ ฉันแค่อาบน้ำให้เธอและเปลี่ยนชุดให้”

“เธอยังช่วยฉันอาบน้ำอีกด้วย?” เย่ชวูเสวียเบิกตากว้าง ใบหน้าของเธอแดงกว่าตอนที่เธอเป็นไข้

“ก็แค่ให้แช่ในน้ำอุ่น……”

เย่ชวูเสวียรู้สึกกังวล และชกไหล่เขาด้วยมือทั้งสองข้างเธอ “เธอนี่มันเจ้าเล่ห์ ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้? ชั่วจริงๆ ผู้ชายเลว!”

หนานกงเจายิ้มและปล่อยให้เธอทุบตี แรงที่เธอทุบตีเบาราวกับว่ากำลังถูกนวด หลังจากที่เธอทุบพอแล้ว เขาก็ถามว่า “ไม่โกรธแล้วหรอ?”

เย่ชวูเสวียหายใจออกมาอย่างเย็นชา หันหน้าไปทางอื่นและพูดเสียงดัง

“พอแล้ว พอแล้ว เมื่อกี้ฉันให้คนส่งเสื้อผ้ามาให้แล้ว ไปเปลี่ยนแล้วออกมากินข้าวซะ” หนานกงเจาจ้องมองที่ริมฝีปากสีชมพูของเธอรู้สึกถึงความยุ่งเหยิง

ผู้หญิงอย่างเย่ชวูเสวียเกิดมาเพื่อเป็นที่รักของผู้คน แม้ว่าเธอจะต้องการดวงดาวบนท้องฟ้า ผู้ชายทุกคนก็จะเอามันมาให้เธอ

“ยังโกรธอยู่หรอ? ถ้ายังโกรธอยู่ฉันจะจูบละนะ?” หนานกงเจาโยนมือสังหารของเขาออกไป เย่ชวูเสวียก็หันหน้าไปถามเขาด้วยความโกรธ “เสื้อผ้าอยู่ไหน?”

หนานกงเจาชี้ไปที่โซฟา “อยู่นั่นไง ฉันจะไปเอามาให้”

“ไม่ต้อง ” เย่ชวูเสวียกระดิกนิ้วสองที เสื้อผ้าทั้งหมดก็ลอยมา หนานกงเจาเห็นเช่นนั้นตกอยู่ในความตะลึง

จนกระทั่งเย่ชวูเสวียใส่เสื้อผ่า เขาก็ได้สติและถามว่า “ชวูเสวีย เธอเป็นนางฟ้าบนสวรรค์หรอ”

เย่ชวูเสวียหัวเราะเบาๆและความโกรธที่ทั้งสองคนมีต่อกันเมื่อกี้ก็หายไป

“ฉันไม่ใช่นางฟ้า ฉันเป็นปีศาจพันปี” เย่ชวูเสวียเอียงศีรษะและกระแทกเขา ดวงตาสีม่วงของเธอเปล่งประกายและน่าทึ่ง

หนานกงเจามองดูเธออย่างหลงใหลและพูดเบาๆว่า “ต่อให้เธอจะเป็นนางปีศาจ ก็เป็นปีศาจที่สวยที่สุด”

“ เธอไม่กลัวเหรอ?”

“ไม่กลัว” หลังจากพูดจบหนานกงเจาก็บีบคางของเธอและจูบอย่างแรง

จูบนี้รุนแรงและอ่อนโยนราวกับจะทำให้จิตวิญญาณของเย่ชวูเสวีบวหมดแรง……

กลิ่นไหม้ของอาหารขัดจังหวะการจูบที่แสนรัก เย่ชวูเสวียผลักไหล่ของเขาออกไป หอบและพูดว่า “อะไรไหม้เนี่ย”

หนานกงเจาลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดและพูดเบาๆ “ไหม้ไม่เป็นเวล่ำเวลาเลย”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset