” ก็บอกว่าฉันเลี้ยงไม่ใช่หรอ? ” ต้วนอีเหยาขมวดคิ้ว
” ถือว่าเป็นค่าซื้อดอกไม้ให้เธอล่วงหน้า แบบนี้ตกลงไหม? ”
” ตกลงก็ได้ ” ต้วนอีเหยาหันไปถามพนักงาน ” ทั้งหมดเท่าไหร่? ”
” 4800 หยวนค่ะ ”
” เท่าไหร่นะ? “ต้วนอีเหยาคิดว่าเธอต้องฟังผิดแน่ๆ
” 4800 หยวนค่ะ ”
ต้วนอีเหยาเบิกตากว้าง เมนูอาหารสี่อย่าง ซุปหนึ่งอย่าง บวกกับข้าวสวยสองถ้วย อ้อแล้วก็ชาอีกสองสามแก้ว ค่าอาหารทั้งหมด 4800 เชียวหรอ?
” เอาเถอะๆ “ไป๋จิ่นอี้ดึงเธอให้เดินออกไปข้างนอก พอมาถึงข้างหน้าแล้วจึงพูดกับเธอว่า ” ดอกไม้หนึ่งช่อราคา 200 ก็แค่ดอกไม้ 24 ช่อ เยอะหรอ? ”
ต้วนอีเหยาขมวดคิ้วและคิดอยู่พักหนึ่ง ” เหมือนว่าก็ไม่ได้เยอะอะไรนะ ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณจำไว้เลยนะ ห้ามขาดแม้แต่ช่อเดียว ”
” แน่นอน ฉันจะต้องจำมันแม่นเลยแหละ ”
ไปจิ่นอี้ส่งเธอกลับบ้าน และได้รู้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหน เขาอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นค่อยสตาร์ทรถออกไป
ใครๆก็รู้ว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีที่สุดในเมืองหลวงของจักรวรรดิ ตอนนี้มีมูลค่าหลักร้อยล้านหยวนเลยทีเดียว ต้วนอีเหยาอาศัยอยู่ที่นี่?
ในเมื่อรวยขนาดนี้ ทำไมถึงไปเปิดร้านดอกไม้ที่ลำบากแบบนั้น?
” แต่ก่อนเธอไม่ได้อยู่รอยัลปาร์คนี้ไม่ใช่หรอ? ” ไป๋จิ่งอี้ลองถามเธอ
ต้วนอีเหยามองบรรยากาศยามค่ำคืนที่งดงามนอกหน้าต่าง ” ใช่ เพราะหน้าที่การงาน เลยพักอยู่ข้างนอกตลอด ”
” อ้อ ถ้าอย่างนั้นถ้าเธอมีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้นะ เช่น สถานที่ไหนน่าเที่ยว ที่ไหนมีของกินอร่อย ฉันเติบโตที่นี่ คุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี ”
” ได้สิ หมายเลขโทรศัพท์ของคุณคืออะไร? ”
ไป๋จิ่นอี้บอกเบอร์มือถือให้เธอ ในขณะที่ต้วนอีเหยากดเบอร์ตามที่เขาบอก เธอก็พูดขึ้นมาว่า ” ฉันไม่ได้ยิน ส่วนใหญ่ก็ส่งข้อความเอานะ ”
” ไม่เป็นไร ฉันเห็นข้อความอยู่แล้ว เธอโทรเข้ามาหน่อย แล้วฉันจะบันทึกไว้ ” ทุกครั้งที่ไป๋จิ่นอี้ได้ยินว่าเธอไม่ได้ยิน เขาก็รู้สึกเสียใจ อยากถามเธอมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับหูของเธอ แต่เขาคิดว่ามันจะรวดเร็วเกินไป พวกเขาพึ่งรู้จักกันเอง
พอถึงบ้าน ต้วนอีเหยาพูดว่า ” ขอบคุณ บายนะ “จากนั้นเธอก็หันหลังแล้วหยิบกุญแจบ้าน จนกระทั่งเธอเข้าบ้านไป ไป๋จิ่นอี้ถึงมั่นใจว่าเธออาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ
เธอที่มีบ้านมูลค่าหลักร้อยล้าน ค่าอาหารแค่ 4800 แต่เธอกลับคิดว่ามันแพง ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอช่างมากมายจริงๆ จึงดึงดูดให้ผู้คนอยากค้นหาความจริงในตัวเธอ
เขาไม่ได้เจอผู้หญิงที่น่าสนใจแบบนี้มานานมากแล้ว
รถคันสีดำแล่นหายไปในซอย หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ข้อมูลอย่างละเอียดชองไป๋จิ่นอี้ถูกอัปโหลดไปยังโทรศัพท์ของทหารต้วน
ไป๋จิ่นอี้เกิดในครอบครัวนักวิชาการ ทั้งปู่และพ่อแม่ของเขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักการศึกษาที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ มีนิสัยอ่อนโยน เป็นคนดีทั้งในสายตาคณะครูและนักเรียน เคยมีแฟนมาแล้วหนึ่งคน และเลิกกันไปแล้วสามปี
พอทหารต้วนดูข้อมูลพวกนี้เสร็จ เขาก็ยิ้มมุมปากนิดๆ มหาวิทยาลัย ฟังดูแล้วไม่เลวเลยทีเดียว ดูจากรูป หน้าตาก็ดูดี
เขาบอกแล้วไง ว่าผู้ชายดีๆบนโลกนี้มีตั้งเยอะแยะ ต้องมีผู้ชายสักคนที่มีทำบุญมาร่วมกันอีเหยาอยู่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นไป๋จิ่นอี้คนนี้
ในค่ำคืนที่เร่าร้อน เย่จิงเหยียนขับรถมาพักผ่อนหย่อนใจที่ริมหาด เป็นช่วงน้ำขึ้นสูง ผู้คนตรงริมหาดเลยค่อนข้างน้อย
เย่จิงเหยียนนั่งสูบบุหรี่อยู่บนชายหาด โดยมีกระถางเขี่ยบุหรี่อยู่ข้างๆ
เพราะเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกท้องฟ้าเลยเป็นสีแดง แม่เคยบอกว่า พ่อเคยประสบอุบัติเหตุที่ทะเลแห่งนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาตายไปแล้ว แต่แม่กลับเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ในที่สุดเธอก็ใช้สัญชาตญาณของตัวเองหาเขาจนเจอ
บางครั้งเขาก็คิดว่าถ้าต้วนอีเหยายังมีชีวิตอยู่มันจะดีมากขนาดไหน ขอแค่เธอยังมีชีวิตอยู่ ถึงเขาจะต้องรอสามสิบสี่สิบปี ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบเขาแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะรักและอยู่กับคนอื่น ขอแค่เธอยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ก็เพียงพอแล้ว แต่ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีโอกาสมากขนาดนั้น……
ทำไมคนที่เกิดอุบัติเหตุต้องเป็นเธอด้วย ทำไม?
ดวงอาทิตย์ตกแล้ว เสียงคลื่นในทะเลก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ จูๆก็มีสายเรียกเข้า เป็นน้องสาวของเขาเย่ชูวเสวีย
” พี่ชาย พี่อยู่ไหน? ”
” มีเรื่องอะไร? ” เย่จิงเหยียนถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม
” เอ้ ทำไมถึงได้มีเสียงคลื่นทะเลด้วย ” เย่ชูวเสวียนิ่งไปชั่วครูแล้วรีบพูดขึ้นว่า ” พี่ชาย พี่อย่าทำเรื่องโง่ๆนะ ”
” ฉันสูบบุหรี่อยู่ ไม่ได้จะกระโดดน้ำทะเลตาย ” เย่จิงเหยียนรีบพูดดักความคิดเธอ
เย่ชูวเสวียเลยสงบลง ” อ้อๆ ถ้าอย่างนั้นก็ดี เอ่อ พี่ลืมไปแล้วหรอ? วันนี้เป็นวันเกิดของแม่ พี่รีบกลับบ้านมาเลย ”
เย่จิงเหยียนสะดุ้ง โอ้พระเจ้า เขาลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?
เขารีบดับบุหรี่ในมือแล้วทิ้งลงในกระถามบุหรี่ เขาพูดเบาๆว่า ” พี่จะกลับไปเดี๋ยวนี้ ต้องการซื้ออะไรไหม? ”
” ไม่ต้องๆ ทุกอย่างเตรียมไว้เกือบหมดแล้ว พี่รีบกลับมาก็พอ ” พอพูดจบ เย่ชูวเสวียก็วางสาย
เย่จิงเหยียนลุกขึ้นพร้อมกับเขี่ยบุหรี่ แล้วปัดฝุ่นในตัว เขาที่กำลังจะขึ้นรถก็ได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากที่ไกลๆ
” ช่วยด้วย……ช่วยด้วย……”
เย่จิงเหยียนหันไปดู เขาเห็นคนจมน้ำและพยายามดิ้นรนที่จะขึ้นมา เสียงที่ร้องขอความช่วยเหลือคือเสียงของเธอนั่นเอง
บนชายหาดไม่มีคนแล้วนอกจากเขา เย่จิงเหยียนวางกระถางบุหรี่ไว้ในรถและรีบวิ่งไปที่ชายหาด
เย่จิงเหยียนช่วยหญิงสาวขึ้นมาบนบกแล้วปัดผมที่บังหน้าเธอออก เย่จิงเหยียนตะลึง คิ้วแบบนี้ ใบหน้าแบบนี้ ปากแบบนี้…..หน้าตาคล้ายกับต้วนอีเหยามาก……
เธอกระอักน้ำทะเล หญิงสาวพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ขอบคุณ……ขอบคุณคุณมาก ”
” ไม่เป็นไร “เย่จิงเหยียนดึงสติกลับมาได้ สายตาอ่อนโยนมากๆ ” ทำไมเธอถึงมาว่ายน้ำคนเดียว? ในช่วงเวลาน้ำขึ้นแบบนี้มันอันตรายมากนะ ”
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งแล้วไปแห้งสองสามที ” ฉันมาที่เมือง A เพื่อว่ายน้ำโดยเฉาะ แต่เมื่อกี้ฉันเป็นตะคริว ” ทันใดนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ก้อนหินใหญ่ก่อนหนึ่ง เธอกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด ” โอ๊ย ใครขโมยกระเป๋าฉันไป ”
เย่จิงเหยียนเดินเข้าไป ” เธอวางไว้ตรงไหน? ”
” ฉันซ่อนอยู่ด้านล่างของก้อนหินใหญ่ก้อนนี้ ในกระเป๋ามีทั้งโทรศัพท์ บัตร เสื้อผ้า และสิ่งของต่างๆของฉัน โอ้พระเจ้า ฉันจะบ้าตาย ” หญิงสาวอารมณ์เสียมาก
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่สดใสของเธอ จู่ๆก็คิดถึงตอนที่อีเหยาโกรธและดีใจ เธอก็น่ารักสดใสแบบนี้แหละ
” เธอก็สะเพร่าเกินไป กล้าเอาของสำคัญแบบนั้นวางตรงนี้ได้ยังไงกัน? ” อาจจะเป็นเพราะว่าหญิงสาวหน้าตาคล้ายกับอีเหยามาก เย่จิงเหยียนเลยกลายเป็นคนพูดมาก
หญิงสาวเสียใจจนแทบจะร้องไห้ ” แล้วทีนี้จะทำยังไงดี? ไม่เหลืออะไรไว้เลย แล้วคืนนี้ฉันจะนอนที่ไหน? ”
เย่จิงเหยียนฉุดคิดในใจ ” ไปบ้านฉันสิ บ้านฉันมีที่พัก ”
” หะ? ” หญิงสาวตะลึงไปเลย เธอเงยหน้ามองชายหนุ่มรูปงาม หน้าเธอค่อยๆแดง เมื่อกี้เธอยุ่งๆเลยไม่ทันสังเกตว่าคนที่ช่วยเธอนั้นหล่อมาก
เดี๋ยวก่อน หญิงสาวหลุดออกจากโลกแห่งจินตนาการของตัวเอง และมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ ” คุณคงไม่ได้จะเอาตัวฉันไปขายใช่ไหม? ”
” แล้วแต่เธอก็แล้วกัน……” เย่จิงเหยียนหันหลังเดินไปที่รถ หญิงสาวก็รีบเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว ” เอาเถอะๆ คุณช่วยฉันขึ้นมาฉันถือว่าคุณก็เป็นคนดี ฉันเชื่อใจคุณ ”
ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงต้องนอนข้างถนนสินะ?
เย่จิงเหยียนหยิบผ้าขนหนูจากหลังรถให้เธอ ” เช็ดตัวก่อน ”
” ได้ ” หญิงสาวเช็ดผมไปด้วย แล้วแอบมองเขา ช่างเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ทุกท่วงท่าจริงๆ
เย่จิงเหยียนยืนพิงรถแล้วสูบบุหรี่ เกิดความขัดแย้งขึ้นในใจ เขารู้ว่าเธอไม่ใช่ต้วนอีเหยา แต่ก็อดใจไม่ได้ที่อยากจะมองหน้าเธอนานๆ เผื่อจะคลายความคิดถึงเธอได้บ้าง
ช่างเถอะๆ เพื่อความสบายใจของตัวเอง พรุ่งนี้ค่อยส่งเธอกลับบ้าน
ในระหว่างทางกลับตระกูลเย่ หญิงสาวยืมโทรศัพท์ของเขาเพื่อโทรเข้าเบอร์ตัวเอง แต่สิ่งที่ได้ยินคือเสียงการปิดเครื่อง
” หัวขโมยที่น่ารังเกียจมากเลย ฉันซ่อนไว้ดีขนาดนั้นยังหาเจออีก ” หญิงสาวพูดด้วยอารมณ์โมโห
” โทรบอกที่บ้านของเธอก่อน พวกเขาจะได้ไม่เป็นห่วง ” เย่จิงเหยียนเตือนเธอ
” ใช่ๆ ” หญิงสาวนึกถึงเบอร์โทรศัพท์ชองพ่อแม่ และกดโทรออก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ” ฮัลโหล แม่หนูเอง……โทรศัพท์ของหนูโดนขโมย นี่คือหนูใช้โทรศัพท์ของเพื่อนโทรหาแม่……หนูไม่ได้เป็นอะไรพ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง…..อือๆ ได้ พวกท่านกินข้าวเลย หนูวางสายแล้วนะ รักนะ ”
พอได้ยินการคุยโทรศัพท์ของเธอ จู่ๆเย่จิงเหยียนก็คิดถึงอีเหยา ไม่ว่าเธอจะเจอเรื่องหนักหนามากเพียงใด เธอก็จะกัดฟันพูดเสมอว่า ” ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่เป็นไร ”
หญิงสาวคืนโทรศัพท์ให้เขา แล้วพูดว่า ” ขอบคุณมาก ”
” ตอนนี้ไม่กลัวว่าฉันจะเป็นผู้ค้ามนุษย์แล้วหรอ? ” เย่จิงเหยียนพูดล้อเล่น
หญิงสาวหัวเราะกลบเกลื่อน ” เมื่อกี้เป็นการเข้าใจผิด คุณหล่อขนาดนี้จะเป็นผู้ค้ามนุษย์ได้ยังไง? ”
เย่จิงเหยียนหัวเราะแล้วส่ายหน้า เป็นคนช่างมโนจริงๆ
หญิงสาวตะลึงกับรอยยิ้มของเขา แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชม ” แนะนำตัวกันหน่อย ฉันชื่อต้วนจื่ออิ๋ง แล้วคุณชื่ออะไร? ”
รถหยุดกะทันหัว ตัวของต้วนจื่ออิ๋งพุ่งไปข้างหน้าจนหัวเกือบชน ” โอ้ ทำของอะไรของคุณเนี่ย ”
เย่จิงเหยียนกระพริบตา แล้วถามด้วยความตื่นเต้น ” เธอแซ่ต้วนหรอ? ”
” ใช่ ฉันแซ่ต้วน? ”
” เธอเป็นคนที่ไหน? ” เย่จิงเหยียนรีบถาม
” รอยัลปาร์ค พึ่งมาเมือง A เมื่อสองวันก่อน คุณ……”
” รอยัลปาร์ค? ” เย่จิงเหยียนพูดขึ้นขัดเธอ แล้วถามต่อ ” เธอรู้จักคนที่ชื่อต้วนอีเหยาไหม? ”
ต้วนอีเหยาขมวดคิ้วแล้วหยุดคิดสักพัก ” ไม่รู้จัก ”
” เธอแน่ใจนะ? ”
” ไม่รู้จักจริงๆ เธอเป็นใครหรอ? ”
แสงสว่างตรงหน้าของเย่จิงเหยียนหายไปทันที เอนตัวนอนพิงเบาะอย่างไร้เรี่ยวแรง มองถนนหนทางที่มืดมิดตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่ท้อแท้และความเศร้า
อีเหยา เธอหน้าตาคล้ายเธอมาก และแซ่ต้วนทั้งคู่ ฉันก็คิดว่าเธอทั้งสองจะเป็นญาติกัน……
ต้สนจื่ออิ๋งมองหน้าเขา สัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าเสียใจของเขา เขาดูแล้วเหงาและโดดเดี่ยวมาดทำให้คนที่เห็นรู้สึกเห็นใจ
ต้วนอีเหยาที่เขาพูดถึงน่าจะเป็นคนที่สำคัญกับเขามาก
ไม่กล้ารบกวนเขา ต้วนจื่ออิ๋งนั่งรออย่างเงียบๆเพื่อให้เขาอยู่กับตัวเอง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เหมือนกับว่าเย่จิงเหยียนจะถอนหายใจด้วยความเสียใจ จากนั้นก็ออกรถ
ต้วนจื่ออิ๋งแอบสังเกตสีหน้าเขาเงียบๆ แล้วถามเขาเบาๆว่า ” คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าคุณชื่ออะไร ”
” เย่จิงเหยียน ”
” เย่จิงเหยียน……” ต้วนจืออิ๋งพึมพำอยู่ในปาก รู้สึกว่าชื่อนี้มันเพราะมากจริงๆ ช่างเป็นชื่อที่เหมาะสมกับเขามาก
หลังจากนั้นระหว่างการเดินทาง เย่จิงเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ บรรยากาศในรถค่อนข้างอึดอัด
ขับมานานมา รถเข้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลเย่
ต้วนจืออิ๋งมองดูบรรยากาศนอกบ้าน แล้วถามด้วยความประหลาดใจ ” นี่บ้านคุณหรอ? ”
” ใช่ ”
” คุณนี่รวยเกินไปแล้ว ” ต้วนจื่ออิ๋งพูดตามความรู้สึก จริงๆแล้วตระกูลเธอในรอยัลปาร์คก็ถือว่าเป็นตระกูลที่รวยมาก แต่กลับไปมีคฤหาสน์หลังใหญ่แบบนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าที่ดินในรอยัลปาร์คแพงมาก พ่อก็เลยยังไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อที่ดินผืนใหญ่ขนาดนี้
เย่จิงเหยียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาจอดรถไว้หน้าประตูคฤหาสน์
เย่ชูวเสวียเห็นเข้าเลยวิ่งเข้ามา ” พี่ชาย พี่กลับมาช้ามากเลย ครอบครัวคุณลุงมากันหมดแล้ว คุณย่าเซียวก็มาถึงแล้ว ”
” เกิดเรื่องระหว่างทางกลับมานิดหน่อย ” เย่จิงเหยียนอธิบายสั้นๆ
” เกิดเรื่องอะไรขึ้น……อ้าว พี่อีเหยา? “เย่ชูวเสวียเห็นต้วนจื่ออิ๋งที่เดินลงมาจากรถ เลยพูดทักทาย เดินเข้าไปมองดูเธอใกล้ๆ ” ไม่ใช่นี่ แต่เหมือนมากเลย ”
ต้วนจื่ออิ๋งเบิกตากว้างมองไปที่เย่ชูวเสวีย สวยมากเลย เธอไม่เคยเจอผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อนเลย โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้ที่ราวกับอัญมณีสีม่วง
” พี่ชาย เธอเป็นใคร ” เย่ชูวเสวียถามด้วยความสงสัย
” คนที่ช่วยขึ้นมาจากทะเล ของของเธอถูกขโมยไป น้องพาเธอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ พี่จะไปดูที่ทะเลสาบที่บ้านสักหน่อย ” หลังจากที่เย่จิงเหยียนสั่งเสร็จก็เดินไปทางทะเลสาบโดยไม่หันมามองเลยแม้แต่นิด
เย่ชูวเสวียสังเกตหญิงสาววัยรุ่นคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า คิดในใจ พี่ชายไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงมาหลายเดือนแล้ว วันนี้กลับพาผู้หญิงกลับบ้านมาคนหนึ่ง เพียงเหตุผลเดียวเพียงเพราะเธอหน้าตาเหมืองพี่อีเหยา
” สวัสดี ฉันชื่อต้วนจื่ออิ๋ง รบกวนด้วยนะคะ ” ต้วนจื่ออิ๋งแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง
เย่ชูวเสวียตกใจมาก ” เธอแซ่ต้วน? ”
” เออ……คำถามนี้พี่ชายเธอถามไปเมื่อกี้แล้ว ฉันแซ่ต้วนจริง แต่ว่าฉันไม่รู้จักต้วนอีเหยา” ต้วนจื่ออิ๋งพูดให้จบในทีเดียวเลย เพื่อกันไม่ให้เธอถามอีก
พอเย่ชูวเสวียหายตกใจแล้ว ก็มองดูเธออย่างละเอียดอีกรอบ ผู้หญิงคนนี้เธอแม้ว่าหน้าตาเธอจะเหมือนกับพี่อีเหยามาก แต่ว่าความรู้สึกที่เธอให้กับคนรอบข้างมันแจกจ่างกันอย่างชัดเจน
คนที่เห็นพี่อีเหยาต่างก็ต้องรู้สึกจำนนต่อความสามารถของเธอ แต่ว่าคนตรงหน้าคนนี้ ความรู้สึกที่เห็นเธอราวกับว่าเป็นเด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลย
” สวัสดี ฉันชื่อ เย่ชูวเสวีย ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันหาชุดให้ ”
ต้วนจื่ออิ๋งเดินตามหลังเธอ ในขณะที่เดินก็สำรวจรอบๆคฤหาสน์ไปด้วย เอ่อ ของทุกอย่างก็คล้ายๆกับของที่บ้าน แต่ว่ามันหรูหราอลังการกว่าที่บ้านเธอมาก
” เธอมาที่เมือง A คนเดียวหรอ? ทำไมของถึงถูกขโมยไปได้ละ? ” เย่ชูวเสวียถามถึงสถาณการณ์
ต้วนจื่ออิ๋งเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นริมหาดด้วยความโมโห
” อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่เป็นไร เธอพักอยู่ที่บ้านฉันก่อนก็ได้ ถึงยังไงห้องว่างที่บ้านฉันก็มีอยู่เยอะมาก ” เย่ชูวเสวียพูดอย่างมีเลศนัย ในเมื่อพี่อีเหยาจากโลกนี้ไปแล้ว ถ้าพี่ชายจะรักกับคนที่หน้าตาคล้ายเธอก็ยังดี ถึงยังไงก็ดีกว่าการอยู่โดดเดี่ยว
ต้วนจื่ออิ๋งไม่คิดว่าเธอตะเป็นกันเองมากขนาดนี้ และรีบพูดขอบคุณเธอ ” ขอบคุณมากจริงๆ พวกคุณให้ที่พักอาศัยฉันหนึ่งคืนฉันก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว จะอยู่บ้านพวกคุณนานๆได้ยังไงกัน? พรุ่งนี้ฉันจะให้คุณพ่อโอนเงินมาให้ แล้วฉันอยู่โรงแรมจะได้สะดวกกว่า ”
เย่ชูวเสวียพาเธอมาที่ห้องของตัวเอง พาเธอมาถึงห้องแต่งตัว ในขณะที่หาเสื้อผ้าให้เธอก็พูดว่า ” ไม่เป็นไรหรอก เธอมาเมือง A เพื่อมาว่ายน้ำไม่ใช่หรอ? ฉันเป็นไกด์ให้เธอได้นะ เดินชมดินเล่นในเมือง A ฉันเชี่ยวชาญที่สุดแล้ว
” แบบนี้……มันไม่ค่อยเหมาะรึเปล่า ” ต้วนจื่ออิ๋งต้านทานความเป็นกันเองของเธอไม่ไหว
เย่ชูวเสวียหยิบชุดกระโปรงออกมาแล้วไปวางเทียบบนตัวเธอ ” ใส่ได้ๆ คนแบบฉันจะคบเพื่อนฉันเลือกคบที่ด้วยสายตา เธอเข้าตาฉันพอดี จริงด้วย เธออายุเท่าไหร่แล้ว? ”
” 23 ปี ”
เย่ชูวเสวียหยุดนิ่ง รู้สึกเขินเล็กน้อย อายุแค่ 23 หรอ? ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องเรียกเธอว่าพี่สาวสิ ไม่ได้ๆ ถ้าเกิดว่าในอนาคตพี่ชายกับเธอรักกันขึ้นมาจริงๆละ เธอยังต้องเรียกยัยน้องคนนี้ว่าพี่สะใภ้หรอ
เย่ชูวเสวียปิดบังอายุของตัวเอง แล้วหัวเราะฮ่าๆๆออกมา ” ถ้าอย่างนั้นต่อไปเธอก็เรียกฉันว่าชูวเสวียก็พอ ฉันเรียกเธอว่า
จื่ออิ๋ง จะได้ดูสนิทกันมากขึ้น ชุดนี้เป็นไงบ้าง? ”