” ออกไป!” ต้วนอีเหยาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ตาเธอแดงไปหมด
อาเทียนและเซวี่ยนอู่พอเห็นท่าทีของเธอ ก็รีบกลืนสิ่งที่จะพูดลงไปทันที และถอยออกไปอย่างเงียบๆ
ต้วนอีเหยานั่งอยู่บนเตียงพร้องกับฟังเสียงดนตรีข้างหูเธอ เธอรู้สึกเศร้าเมื่อคิดว่าเธอจะไม่ได้ยินแบบนี้อีกต่อไปในสองสามเดือนข้างหน้า
ภาพยนตร์ที่เคยดูก็วนเวียนอยู่ในหัวสมองเธอ เธอนึกขึ้นได้ทีละเรื่อง ที่นางเอกหูหนวก เพราะว่าไม่ได้เสียงอะไรเลยจึงไม่รู้ว่าจะพูดออกมาอย่างไร แล้วเธอจะเป็นแบบนั้นไหม?
ต้วนอีเหยาหลับตาลง เธอได้ยินเสียงบางอย่าง เสียงเล็กๆได้หูเธอดังเข้าไปถึงสมองของเธอ
มุมตาของเธอมีน้ำตาไหลลงมาและหยดลงบนผ้าปูที่นอนและทิ้งความชุ่มชื้นไว้
……
แสงแดดส่องผ่านม่านหน้าตาเข้ามาพอดี ต้วนอีเหยามองเห็นนกพิราบที่บินอยู่ไกลๆ ตอนนั้นเองจู่ๆเธอก็คิดถึงคนหนึ่งในใจ
ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ จะคิดถึงเธออยู่หรือเปล่า?
เมื่อเธอกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ต้วนอีเหยาสะดุ้ง แต่ก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้สังเกตอะไรมากก็กดรับสายเลย
” ฮัลโหล? ”
” อีเหยา……”
หัวใจของต้วนอีเหยาเต้นเร็วมาก เมื่อกี้ยังคิดถึงเขาอยู่เลย ตอนนี้ก็ได้รับสายเขาสะแล้ว เธอกำลังจะถอดหูฟังออก กลับได้ยินเสียงลมหายใจเบาๆ
” เธอได้ยินหรือเปล่าอีเหยา? อีเหยา? ”
เย่จิงเหยียนไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ เขาถือไมโครโฟนแล้วพูดประโยคเดิมอีกรอบ ” อีเหยา ฉันคิดถึงเธอ……”
” อือ ” ต้วนอีเหยาตอบกลับแบบแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ในตากลับมีน้ำตาชุ่มชื้นไปทั้งตา
เธอก็คิดถึงเขา อยากเจอหน้าเขาเดี๋ยวนี้เลย!
พอเธอคิดแบบนี้ เธอคิดว่าถึงจะหูหนวกจริงๆ ขอแค่ได้อยู่ข้างกายเขา ก็คงจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น……
” เธออยู่ที่ไหน? ” เย่จิงเหยียนถาม
ต้วนอีเหยาปรับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเอง และพูดเสียงนิ่งๆ ” ในเขตทหาร ”
” ถ้าอย่างนั้นเธอรออยู่ที่นั่นนะ ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้! ”
เย่จิงเหยียนหยิบเสื้อแขนยาวบนโซฟา แล้วบอกลาต้วนอีเหยาสักหน่อย จากนั้นก็วางสาย และวิ่งไปที่รถ
” ไม่……” ต้วนอีเหยาอยากปฏิเสธ พึ่งจะพูดไปได้แค่คำเดียว ก็ได้ยินเสียง ” ตูดตูดตูด” ดังมาจากปลายสาย เธอถือโทรศัพท์อย่างทำอะไรไม่ถูกและอึ้งไปสักพัก
เย่จิงเหยียนติดอยู่บนถนนวงแหวนรอบสาม และบีบแตรตลอดทาง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้ถึงอยากไปหาเธอมากขนาดนี้ ทั้งๆที่พึ่งแยกกันตอนเช้านี้เอง
ช่วงบ่ายเขากลับไปถึงคฤหาสน์พึ่งจะนั่งลงเตรียมจะทำงาน ตาขวาก็กระตุก และหัวใจก็เต้นเร็วมาก
ดังนั้นจึงอดใจไม่ได้ที่จะโทรหาต้วนอีเหยา ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามปกปิด แต่เขาฟังออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาอยากจะบินไปอยู่ข้างกายเธอโดยเร็วที่สุด แต่การจราจรที่ติดขัดนี้ทำให้เขาขยับไปไหนได้ยากมาก……
ผ่านไปแล้วครึ่งชั่งโมง แต่เขากลับเคลื่อนไปข้างหน้าเพียงสิบเมตร ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้ฟ้ามืดหมดแล้วก็ยังคงไปไม่ถึงเขตทหาร
เขาโทรหามู่ยู่วฉีให้มาขับรถแทนตัวเอง เขาจะเร่งไปที่หมายให้ถึงก่อนอาหารเย็น
” เฮ้ เฮ้ เฮ้ ? คุณเป็นใคร? ในเขตทหารคนที่ไม่ได้รับอนุญาตห้ามเข้า ”
เย่จิงเหยียนเหลือบไปมองหน้าประตูแวบหนึ่ง พึ่งจะก้าวขาออกไปแค่ข้างเดียว ก็โดนคนมาขวางไว้สะก่อน
” มีบัตรผ่านเข้าออกรึเปล่า? ”คนเฝ้าประตูถาม
ขวางเย่จิงเหยียนไว้ แล้วใช้สายตาที่โหดมากจ้องหน้าเขา
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว แล้วถอยหลังกลับหนึ่งก้าว ” จะต้องทำอย่างไรถึงจะเข้าไปได้? ”
คนนั้นพอได้ยินคำพูดของเย่จิงเหยียน ก็รู้ว่าเขาไม่มีบัตรผ่านใดๆ ก็ยิ่งไม่พอใจ ” ออกไปๆๆ บัตรอะไรก็ไม่มี แล้วคุณจะมาอยากเข้าไป! จะไปที่ไหนก็ไป ไม่อย่างนั้น….จะมาโทษปืนของทหารไม่ได้นะ! ”
” ฉันจะเข้าไป!”
เย่จิงเหยียนที่ถอยหลังไปก่อนหน้านี้หนึ่งก้าว หลังจากนั้นก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆอีกเลย
แววตาของเขาดุร้าย สีหน้าของเขาน่ากลัว ทำให้คนที่โดนปืนจ่อหน้าอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจ
แต่เพียงชั่ววินาที เขาก็ใช้ปืนเล็งไปที่หน้าอกแล้วพูดว่า ” ถ้าคุณอยากเข้าไปก็ให้คุณเข้าไปอย่างนั้นหรอ? คุณใหญ่โตมาจากไหน? ”
เย่จิงเหยียนขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเขา เลยโทรหาใครคนหนึ่ง ไม่นานฝ่ายตรงข้ามก็รับ
” ฮัลโหล หวังจวี๋ ฉันจิงเหยียนเอง ฉันมีธุระที่ต้องเข้าไปในเขตทหาร นายช่วยจัดการให้หน่อยว่าได้ไหม……”
ไม่รู้ว่าฝั่งนั้นพูดว่าอะไร เย่จิงเหยียนเปิดลำโพงแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผู้กล้าคนนั้น
” ฮัลโหล? ”
” หวังจวี๋? ”
น้ำเสียงเขาตกใจ พอยืนยันจากเสียงของฝ่ายตรงข้ามแล้ว น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นถ่อมตัวขึ้นมาทันที
“ครับ ครับ ครับ ผมจะดำเนินการทันที!หวังจวี๋ ท่านสบายใจได้!
วางสายโทรศัพท์
ท่าทีที่เขามีต่อเย่จิงเหยียนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาเก็บปืนและก้มหน้าลง ” คุณผู้ชายท่านนี้ เมื่อสักครู่ต้องขออภัยด้วยจริงๆนะครับ ช่วงนี้ไม่ใช่วันพิเศษ เบื้องบนสั่งไว้ว่าให้ตรงจอย่างละเอียดก่อนถึงจะปล่อยให้เข้าไปได้……”
” นำทางฉันไปที่กองบัญชาการทหาร ”
เย่จิงเหยียนรู้สึกว่าเขาน่ารำคาญเลยรีบพูดแทรกขัดขังหวะเขาอธิบาย แต่ว่าเขาลืมถามว่าต้วนอีเหยาอยู่เขตทหารไหน ก็เลยทำได้เพียงให้คนพาไปที่กองบัญชาการทหาร
ใครจะไปรู้ว่าพอคนนั้นได้ยินว่าเขาจะไปกองบัญชาการทหาร ก็ให้ความเคารพเขามากขึ้น
” คุณผู้ชาย กองบัญชาการทหารอยู่ค่อนข้างไกลจากที่นี่ ให้ผมขับรถส่งคุณไปจะดีกว่า ”
เย่จิงเหยียนพยักหน้า เดินไปตามเขาและนั่งลงบนรถ คนนั้นเขาสั่งให้คนที่เฝ้าประตูอยู่ให้ระวังคนที่ผ่านไปผ่านมาด้วย หลังจากนั้นก็เข้าไปนั่งในรถและตามไปด้วย
” คุณผู้ชาย ท่านไปหาใครที่กองบัญชาการทหารหรอ? ”
ขับรถอยู่ยังไม่ลืมที่จะหันกลับมาถาม
เย่จิงเหยียนพยายามคิดและมองเขาอย่างนิ่งๆ ” ไปหาคนที่นามสกุลต้วน ”
” นามสกุลต้วน? ”
ในใจเต้น ” ตึกตัก ” ก็รู้ทันทีว่าคนที่มาเยือนนี้ไม่ธรรมดา เริ่มจากหวังจวี๋ก่อน แล้วมาที่หัวหน้าต้วน ต่างก็รู้ว่าหัวหน้าต้วนเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน!
เขาคิดในใจแบบนี้ แต่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา รู้ดีว่าถ้าถามมากไปกว่านี้ก็จะส่งผลไม่ดีกับตัวเอง เรื่องระหว่างหัวหน้า ลูกน้องตัวเล็กๆอย่างเขาไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องจะดีกว่า!
ทั้งสองเงียบมาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงกองบัญชาการทหาร เย่จิงเหยียนพยักหน้า แล้วคนนั้นก็ขับรถออกไป
คนเฝ้าประตูของกองบัญชาการไม่ได้เข้มงวดเหมือนคนเฝ้าหน้าประตู เย่จิงเหยียนเข้าไปยังค่ายแบบง่ายดายมาก
การตกแต่งภายในเรียบง่ายมาก เย่จิงเหยียนพึ่งเงยหน้าขึ้นเห็นทหารต้วนอยู่ตรงหน้า เขาตะลึง คิดไม่ถึงว่าจะเจอเขาที่นี่
เห็นอย่างชัดเจนว่าทหารต้วนยังไม่ทันสังเกตว่ามีคนหนึ่งเดินเข้ามาในกองบัญชาการ เธอก้มหัวไม่รู้ว่าเธอกำลังยุ่งอยู่กับอะไร
เย่จิงเหยียนไม่อยากเข้าไปรบกวนเขา หันลังกำลังจะออกไปเงียบๆ
ไม่รู้ว่าถุงพลาสติกบนพื้นถูกลมที่ไหนพัดมา เขาเหยียบโดนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ข้างการก็ไม่มีที่พึ่งพิงใดๆ เขาเลยผลักตู้หนังสือข้างๆล้มลง
ทหารต้วนเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะหนังสือ เธอขมวดคิ้วแล้วมองมาตามทิศทางของเสียง เห็นเย่จิงเหยียนที่ท่าทีแปลกอยู่ตรงหน้า
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ” นายมาที่นี่ทำไม? ”
“คุณ…..คุณลุงต้วน สวัสดีครับ ” เย่จิงเหยียนเก็บหนังสือที่กระจัดกระจายบนพื้นขึ้นมา จับผมม้วนไปม้วนมาอย่างทำตัวไม่ถูก
ถ้ารู้แต่แระว่าจะอึดอัดขนาดนี้ น่าจะทักทายท่านตั้งแต่ตอนที่พึ่งเดินเข้ามา……
สีหน้าที่ทหารต้วนแสดงต่อเขาไม่ค่อนดีเท่าไหร่ เขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “มาที่นี่จะมาทำอะไรอีกละ? ”
เขายังไม่รู้ว่าเย่จิงเหยียนได้เจอกับต้วนอีเหยาแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่มันก็เป็นเพียงการทักทายธรรมดาๆเหมือนกับเจอคนรู้จักคนหนึ่ง
เย่จิงเหยียนคิดไม่ถึงว่าท่าทีที่เขามีต่อตัวเองจะเป็นแบบนี้ เขาอึ้งไปอยู่นานกว่าจะดึงสติกลับมา เขาฝืนยิ้มเล็กน้อย ” ผมมาหาเพื่อนคนหนึ่งที่นี่ ”
” ถ้าอย่างนั้นนายมาผิดแล้วแหละ ” ทหารต้วนนำเอกสารชุดใหญ่มาวางไว้ตรงหน้าเขา แล้วเริ่มอ่านอย่างละเอียดและตั้งใจ
เย่จิงเหยียนถอนหายใจ และรีบหันหลังกลับ แต่เดินไปแค่ครึ่งก้าว ก็โดนทหารต้วนเรียกตัวไว้สะก่อน
เหมือนกับว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้เลยถามว่า ” นายต้องการจะหาใคร? ”
” คือว่า……” เย่จิงเหยียนตะกุกตะกัก
เงียบไปอยู่นาน แต่ก็กลับคิดชื่อเพื่อนที่อยู่ในเขตทหารนี้ไม่ออกแม้แต่คนเดียว
” ใคร? ” ทหารต้วนคือใคร เขามองแค่แวบเดียวก็มองเย่จิงเหยียนออกแล้ว
” คนที่นายมาหาคืออีเหยาหรอ? นายทั้งสองเคยเจอหน้ากันแล้วหรอ? ”
” คือว่า……คุณลุงต้วน……” เย่จิงเหยียนไม่รู้ว่าควรตอบว่าอะไรดี เขายิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ทหารต้วนแน่ใจ
” เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”
แววตาของทหารต้วนดุคม และเขาลุกขึ้นยืน ” ตอบฉันมา! ”
เย่จิงเหยียนรู้ตัวดีว่าปิดบังเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาคิดในใจอยู่ครึ่งค่อนวัน ถึงยอมพูด ” ไม่กี่วันก่อน เราเจอกันโดยบังเอิญ ”
” บังเอิญเจอ? “แววตาของทหารต้วนชัดเจนมากว่าไม่เชื่อ ” จะพอดิบพอดีขนาดนั้นได้ยังไงกัน? ”
” เพราะว่าโชคชะตาพรหมลิขิต ”
” ท่านบอกกับผมว่าอีเหยาตายไปแล้ว แต่ฟ้ากลับเจตนาให้เราทั้งสองมาพบกัน ผมเข้าใจว่ามันเป็นโชคชะตาพรหมลิขิต ”
” เหอะ……” ทหารต้วนหัวเราะแห้ง ” ถึงแม้จะพบกันแล้ว นายมีสิทธิ์อะไรมารบกวนลูกสาวฉัน? ที่นายมีชู้? ”
” นั่นมันเป็นความเข้าใจผิด คุณลุงต้วน ” เย่จิงเหยียนทำอะไรไม่ถูก เขาคิดมาแล้วว่าจะอธิบายยังไง แต่ว่าก็ไม่มีโอกาสสักที
ทหารต้วนกลับไม่ให้เวลาเขาอธิบาย ” ฉันไม่สนว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่ แต่ว่าฉันขอเตือนนายให้อยู่ห่างๆอีเหยาไว้ ”
ท่าทางของเขาจริงจัง แต่เย่จิงเหยียนก็ไม่ยอมถอยเลยแม้แต่น้อย ” ผมจะอยู่ข้างกายอีเหยา คำพูดของท่านจิงเหยียนคงจะทำตามไม่ได้ ”
” นาย……”
ทหารต้วนโกรธมาก และเรียกคนสองสามเข้าให้มา
ชายกล้ามโตทั้งสามจ้องไปที่เย่จิงเหยียน ” หัวหน้าต้วน ท่านเรียกหาพวกเรามีเรื่องอะไรครับ? ”
” ลากตัวเขาออกไป ต่อจากนี้อย่าให้เขาเข้ามาได้อีกเด็ดขาด ”
พอได้รับคำสั่ง ชายกล้ามโตทั้งสามก็จ้องเย่จิงเหยียน คนหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า ” คุณผู้ชายท่านนี้เชิญท่านออกไปด้วยครับ! ”
เย่จิงเหยียนเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรและก็ไม่ขยับด้วยเช่นกัน ทั้งสี่คนยืนนิ่งๆอยู่นานมาก จนกระทั่งทหารต้วนหมดความอดทน ” แบกตัวเขาออกไปได้เลย ”
ชายทั้งสามคนพยักหน้า ยืนอยู่รอบตัวเย่จิงเหยียน แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือยังไงดี
ในระหว่างการเผชิญหน้า ต้วนอีเหยาเดินเข้ามาจากด้านนอก ” พวกนายกำลังทำอะไรกัน? ”
เมื่อชายกล้ามโตทั้งสามเห็นว่าเป็นแม่ทัพคนใหม่ที่พึ่งมาวันนี้ก็หยุดการเคลื่อนไหวและมองหน้ากัน
” มาที่นี่ทำไม? ” ทหารต้วนแตะไปที่หน้าผากเธอ น้ำเสียงของเขาฟังออกได้อย่างชัดเจนมากว่าเสียงของเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อสักครู่ ” ลูกออกไปก่อน เรื่องระหว่างพ่อกับเขาลูกอย่าเข้ามายุ่ง ”
” เป็นเรื่องระหว่างพ่อกับเขาที่ไหนกัน? ” ต้วนอีเหยาขมวดคิ้ว เย่จิงเหยียนมาหาเธอต่างหาก!
” อีเหยา!”
น้ำเสียงของทหารต้วนเคร่งขรึม ชายกล้ามโตทั้งสามที่ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดได้กลิ่นไปของความโกรธพุ่งขึ้นมาก็เลยขอตัวออกไปก่อน
และทหารต้วนก็ไม่มีเวลามากพอที่จะสนใจพวกเขา เลยโบกมือไปมาส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไปก่อนได้
พอเย่จิงเหยียนเห็นต้วนอีเหยา ในที่สุดก็สบายใจสักที ” สีหน้าของเธอซีดเซียว เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ”
” ไม่มีอะไร ” ต้วนอีเหยาก้มหน้าแปลกๆ ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนอยู่ข้างนอกและคาดว่าเย่จิงเหยียนน่าจะมาถึงเขตทหารแล้วเลยไม่มีเวลาส่องกระจกดูสีหน้าตัวเอง
ทหารต้วนก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เขาขมวดคิ้วแล้วถาม ” เมื่อกี้ที่พ่ออกไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ”
” ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น น่าจะเป็นเพราะว่ารีบร้อนวิ่งมา……”
” ลูกเป็นห่วงเขามากขนาดนั้นเชียวหรอ! “สีหน้าของทหารต้วนเคร่งขรึม ใครดูก็รู้ว่าเขากำลังใช้ความอดทนมากแค่ไหน
” พ่อ……” นี่เป็นคำที่ต้วนอีเหยาไม่ได้พูดออกมาง่ายๆ ทำให้ทหารต้วนที่โกรธมากตอนนี้อึ้งไปเลย
” พ่อ หนูรักเขา ” ต้วนอีเหยาเขินอายเล็กน้อย แต่ก็ยังยืนหยัด “ หนูรักเย่จิงเหยียน!”
หลังจากที่เย่จิงเหยียนได้ยิน ก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากเลยดึงตัวเธอมากอด
“พวก…..พวกคุณ…..”ทหารต้วนชี้ไปที่พวกเขา
พูดแบบนี้ต่อหน้าเขา ช่างกล้าจริงๆ
” พ่อ อย่าโกรธไปเลย หนูเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีต่อหนู ”
ไม่ต้องสงสัยเลยคำพูดนี้ของต้วนอีเหยาเป็นการเพิ่มเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟ ทหารต้วนลงเอกสารในมือลงบนพื้น ” เธอจะไปรู้อะไร ความรักทำให้คนตาบอด ฉันดูแล้วเธอน่าจะโดนเขาหลอกจนโงหัวไม่ขึ้น!”
” หนูรู้ว่าหนูกำลังทำอะไรอยู่!”ต้วนอีเหยาต่อต้าน หูของเธอเสื่อมลงจนถึงขั้นเกือบจะหูหนวก เธอไม่อยากเสียคนที่รักเธอไป และไม่อยากเสียคนที่เธอรักไปด้วย
” ดื้อดึง!”
ทหารต้วนจนปัญญา เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับลูกสาวคนนี้แล้ว ขอแต่เป็นเรื่องที่เธอตัดสินใจแล้วไม่ว่าใครจะทำอย่างไรก็ไม่เป็นผลใดๆแล้ว
มองเขาอย่างจริงจังแวบหนึ่ง เขาทำได้เพียงยินยอม และเตือนเย่จิงเหยียน ” เจ้านี่ ถ้านายกล้ารังแกเธออีกรอบ ฉันไม่ปล่อยนายไปแน่!”
เย่จิงเหยียนรีบพยักหน้า ” ไม่มีครั้งต่อไปแน่นอน!”
” เอาเถอะ พวกคุณออกไปได้แล้ว ”
ทหารต้วนจนมุมราวกับว่าแค่วินาทีเดียวแก่ขึ้นสิบปี ทหารอย่างเขายอมก้มหัวทำให้อีเหยาทนไม่ได้
” ท่าน…..ท่านดูแลสุขภาพด้วย ” ก่อนจะเดินออกไป เธอคิดอยู่นานมากถึงจะยอมพูด
ทหารต้วนหัวหลังแล้วโบกมือให้เขา แต่กลับไม่อยากพูดอะไรเพิ่มแม้แต่คำเดียว
ต้วนอีเหยายังอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เย่จิงเหยียนห้ามไว้ก่อน กระซิบข้างหูเธอว่า ” รอให้ท่านไปช่วงหนึ่งค่อยพูดดีกว่า ตอนนี้คุณลุงต้วนกำลังโกรธอยู่ ”
” อือ……”ต้วนอีเหยาเดินตามเย่จิงเหยียนออกไป เธอรู้ดีว่าภายในระยะเวลาสั้นๆไม่สามารถทำให้พ่อเขายอมรับได้หรอก ทำได้เพียงรอให้พ่อค่อยๆเปลี่ยนความคิด
ออกจากกองบัญชาการ ต้วนอีเหยาก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินตามเย่จิงเหยียนไปอย่างใจลอย แม้กระทั้งเย่จิงเหยียนหยุดเดินเธอก็ยังไม่รู้ตัว
” โอ้ะ!” เธอเดินชนหลังเย่จิงเหยียน ต้วนอีเหยาจับหน้าผากตัวเองแล้วมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ
” ทำไมจู่ๆถึงหลุด? ”
” เธอมีเรื่องอะไรในใจรึเปล่า? ” เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว
ต้วนอีเหยาหยุดนิ่ง แต่ไม่นานก็ดึงสติกลับมาได้ ทำเป็นตอบหนักแน่น ” ไม่มี!”
” ฉันไม่เชื่อ ”
” เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ”
ต้วนอีเหยาตกอยู่ในความเงียบ เรื่องหูของเธอเย่จิงเหยียนไม่รู้เรื่อง ตอนนี้มันย่ำแย่ลง เธอก็ยิ่งไม่อยากให้เขารู้
” ไม่มีอะไร ทำไมนายถึงมาหาฉันกะทันหันแบบนี้ละ? “ต้วนอีเหยาหลบตาเขา แล้วเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย
พอเย่จิงเหยียนได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็นึกถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่นี่ มองต้วนอีเหยาตั้งแต่หัวจรดเท้า ” ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอใช่ไหม? ”
” ฉัน? ” ต้วนอีเหยารู้สึกไม่สบายใจ แต่สีหน้ากลับยิ้มแย้ม ” จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉันได้?”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีแล้ว!”เย่จิงเหยียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
” หัวใจฉันเต้นเร็วมาก รู้สึกเหมือนว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ก็เลยมาหาเธอ ”
” ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง……”ต้วนอีเหยาก้มหน้าอย่างเงียบๆ มองบนพื้นไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
พวกเขาเดินออกมาไม่กี่ก้าว ก็มาถึงเขตทหารที่ต้วนอีเหยารับผิดชอบอยู่ พออาเทียนเห็นต้วนอีเหยาที่เดินมาแต่ไกล ก็หยุดการกระทำในมือและถามไถ่เธอ
” ไม่เป็นไร พวกนายทำไปเถอะ ไม่ต้องสนใจพวกฉัน!”ต้วนอีเหยายิ้มให้พวกเขาอย่างอ่อนโยน แตกต่างจากคนที่เรียกพวกเขาไปก่อนหน้านี้
อาเทียนอยู่ในอาการมึนงง ” ผู้บัญชาการต้วน แผลของคุณ……”
พอเห็นว่าเขากำลังจะถามออกมา ต้วนอีเหยาเลยรีบพูดแทรกขึ้น ” ฉันไม่เป็นไร อย่างพูดมั่วๆ ”
แต่ดูเหมือนว่าจะสายไปแล้ว เย่จิงเหยียนเอียงหัวแล้วถามต้วนอีเหยาอย่างสงสัย ” แผลของเธอ? แผลอะไร? เธอบาดเจ็บหรอ? ”
เขาไม่รู้ว่าต้วนอีเหยาบาดเจ็บตรงไหน เลยไม่กล้าแตะมั่ว เขาจับไหล่เธออย่างใจจดใจจ่อ ” อีเหยา อย่าโกหกฉัน!”
หัวใจของต้วนอีเหยาพอโต มีอยู่จุดหนึ่งที่ค่อยๆอ่อนไปเรื่อยๆ ” ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ น่าจะเป็นเพราะตอนที่พึ่งมาถึง แล้วเจอทางโค้งเยอะไปหน่อย เลยได้รับแผลมาเล็กน้อย ”
ในขณะที่พูด เธอก็พับแขนเสื้อขึ้น มีบาดแผลบนหลังแขนของเธอและมีคราบเลือดที่แห้งไปแล้ว แต่ว่าเย่จิงเหยียนก็ขมวดคิ้ว
” ทำไมเธอถึงได้ไม่ระวังแบบนี้!”
ต้วนอีเหยาทำตัวไม่ถูก ในนี้มีเครื่องจักรเยอะมาก บางทีไม่ได้ระวัง เลี่ยงที่จะชนมันก็ทำได้ยาก
” ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ต้องระวังด้วย ไปห้องรักยาพยาบาลกับฉัร ” เย่จิงเหยียนไม่รอช้า พาตัวต้วนอีเหยาเดินไปทางห้องพยาบาล
ในห้องพยาบาล ต้วนอีเหยานั่งอยู่ที่เตียงผู้ป่วยชั่วคราว มองดูท่าทางของเย่จิงเหยียนที่เหมือนเป็นแพทย์มืออาชีพที่ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
” นี่ใช่ผู้บัญชาการต้วนไหม? ” แพทย์คนหนึ่งเดินเข้ามาหยิบยา พอเห็นต้วนอีเหยานั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็แปลกใจ ” คุณพึ่งออกไปไม่ใช่หรอ? ”
ต้วนอีเหยายกแขนที่มีแผลขึ้นแล้วอธิบายว่า ” แขนถลอกนิดหน่อย เลยมาทำแผลสักหน่อย ”
” อ๋อ ถ้าอย่างนั้นคุณดูแลตัวเองด้วยนะ ” หมอมองเธอผ่านๆ ก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้
มองดูเงาของเขาที่เดินออกไป ต้วนอีเหยาหัวเราะ ยังดีนะที่เมื่อกี้รีบวิ่งไปหน่อย เลยไปชนเข้ากับขอบโต๊ะ ไม่อย่างนั้นต้องโดนจับได้แน่ๆ
” ฉันจะฆ่าเชื้อให้เธอก่อน ” เย่จิงเหยียนกลับมานั่งข้างๆต้วนอีเหยาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และเขาก็ยกขวดยาแดงขึ้นและเขย่ามัน
ต้วนอีเหยาพยักหน้า และยื่นมือออกไปโดยอัตโนมัติ เย่จิงเหยียนพอเห็นเธอเชื่อฟังเขาขนาดนี้ ก็อดดีใจไม่ได้
พอทายาแดงลงไปที่แผล ต้วนอีเหยาก็ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ แต่เธอทำเพียงแค่กัดฟัน ไม่ได้ส่งเสียงเจ็บปวดใดๆออกมา
ทันใดนั้นเย่จิงเหยียนก็เงยหน้าขึ้น พอเห็นท่าทีที่เธอรู้สึกเจ็บ ก็ทำอย่างเบามือและอ่อนโยนขึ้น
” เสร็จแล้ว นี่ก็ไม่เช้าแล้ว ฉันควรจะกลับบ้านแล้ว ” พอต้วนอีเหยาทำแผลให้ต้วนอีเหยาเสร็จ ก็ปัดมือตัวเองเล็กน้อยจากนั้นก็ลุกขึ้น
แต่ต้วนอีเหยากลับอาลัยอาวรณ์มาก แววตาของเธอเผยให้เห็นถึงความคิดถึงที่ลึกซึ้ง ” คุณจะไปตอนนี้เลยหรอ? ”
” อือ ในเขตทหารไม่มีพื้นที่สำหรับฉัน!” เย่จิงเหยียนยกมือขึ้นอย่างไม่มีทางเลือก พอเห็นท่าทีแบบหญิงสาวตัวน้อยที่หายากของต้วนอีเหยาเขาก็อดไม่ได้ที่จะลูบไปที่หัวเธอ
” เธออยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองดีๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาหาใหม่ ”
แต่ต้วนอีเหยากลับไม่ยอมปล่อยมือ เขาไม่รู้ว่าเธอเหลือเวลาน้อยมาก เห็นหน้าเขาน้อยลงแค่นาทีเดียวหรือได้ยินเสียงเขาน้อยลงแค่หน้าทีเดียว เธอก็รู้สึกเสียใจมากๆ
” เป็นอะไรไป? “เย่จิงเหยียนรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ เธอไม่เคยงอแงกับเขาขนาดนี้มาก่อน การเปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
” ไม่มีอะไร ” ต้วนอีเหยายอมปล่อยมือ ” อีกสองวันน่าจะต้องยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อม ไม่น่าจะมีเวลาอยู่กับคุณแล้ว ”
” ที่แท้เธอไม่สบายใจเรื่องนี้เองหรอ!”เย่จิงเหยียนทำอะไรไม่ถูก แค่นี้จะเป็นอะไรไป เขาสามารถมานั่งรอเธอก็ได้นิ!
” ใช่ และบางทีถ้าคุณมาอาจจะไม่เห็นฉันก็ได้ ”
” ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะมาทุกวันไง!”
เย่จิงเหยียนก้มลงหอมหน้าผากของต้วนอีเหยาหนึ่งที ” ต้องได้เจอหน้าเธออยู่แล้ว ”
ต้วนอีเหยาก้มหน้าด้วยความเขินอาย หน้าม้าบนหน้าผากของเธอบดบังแววตาที่เปล่งประกายของเธอ แต่อารมณ์ของเธอลอยไปไกลแล้ว
” คุณไปเถอะ ” ทันใดนั้น ต้วนอีเหยาก็เงยหน้าขึ้น บนใบหน้าไม่มีอารมณ์ใดๆเลย มรเพียงรอยยิ้มที่สดใส
” ถึงเวลานั้นฉันจะหาวิธีให้ฉันว่างและเป็นอิสระให้ได้ ”
” อือ ” พอเย่จิงเหยียนเห็นท่าทีเธอแบบนี้ก็รู้สึกสบายใจ เขาหันหลังแล้วเดินออกจากห้องพยาบาล
พอมองเขาที่เดินออกไปยิ่งอยู่ยิ่งไกล ต้วนอีเหยาก็ปวดใจอย่างไม่มีเหตุผล เธออาจจะว่างและอิสระ แต่อาจจะไม่ได้เจอเขาอีก
คำแนะนำของแพทย์ที่รักษาเธอดังขึ้นข้างหูเธออีกครั้ง “ถึงแม้ว่าแผลนี้จะเกิดขึ้นเมื่อวานก่อน แต่มีความเป็นไปได้ส่งที่จะถ่ายทอดแบบรุ่นสู่รุ่น ผู้บัญชาการต้วนคุณ….ต้องเตรียมใจไว้สักหน่อย ”
เธอรักเขามากขนาดนั้น จะยอมให้ถ่ายทอดไปสู่ลูกของพวกเขาได้อย่างไร? เป็นคนหูหยวกตั้งแต่เด็กจะทรมานมากขนาดไหน? อย่างไรก็ตาม เขาคงไม่มีความสุขแน่ๆ
นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยสักพัก ต้วนอีเหยาจัดการกับความรู้สึกตัวเองได้แล้วก็เดินออกไปข้างนอก แต่กลับเจออาเทียนตรงหน้าประตู
ในความมืด จู่ๆอาเทียนก็พุ่งออกมา ทำให้ต้วนอีเหยาตกใจและหัวใจเต้นรัว เธอลูกหน้าอก พอเห็นว่าคนที่มาเป็นใคร เลยค่อยๆหายตกใจและผ่อนคลายขึ้น ” มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ”
” ผู้บัญชาการต้วน หูชองคุณจะจริงๆหรอ……?”
อาเทียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เกรงว่าจะไปสะกิดจุดเจ็บปวดของต้วนอีเหยา พอพูดได้แค่ครึ่งเดียวก็เลยหยุดพูด
ต้วนอีเหยานิ่งสงบ ” ไม่มีอะไร เป็นการวินิจฉัยผิดพลาดของแพทย์ ”
แต่ถึงอย่างไรอาเทียนก็อยู่ในค่ายทหารมานับสิบปีแล้ว เขาเข้าใจและดูคนออก ” คุณไม่ต้องโกหกผมหรอก ผู้รู้ทั้งหมดและ เพราะว่าคุณไม่อยากให้ผมรู้สึกผิด……”
” ถ้าอย่างนั้นนายคิดมากไปแล้ว!”ต้วนอีเหยาพุดอย่างจริงจัง ” นายไม่ได้เป็นญาติสนิทกับฉันสักหน่อย ทำไมฉันถึงต้องคิดเผื่อคุณด้วย? ”
” ฉันเพียงพูดตามความจริงเท่านั้น ”
อาเทียนอึ้ง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าต้วนอีเหยาจะพูดแบบนี้ออกมาได้ เขาพูดไม่ออกและไม่รู้จะพูดอะไร
ต้วนอีเหยาถอนหายใจแล้วพูดว่า ” ร่างกายของฉัน ฉันย่อมรู้ดี แข่งขันกับนายฉันเป็นคนเสนอขึ้นเอง ผลลัพธ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยคิด ในเมื่อรู้อยู่แล้วแต่ยังทำ ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าเตรียมใจไว้อยู่แล้ว ”
เธอไม่รอให้อาเทียนพูด เดินเดินผ่านข้างกายเขาไปและเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับมามอง