วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 365 ทอมแอนด์เจอร์รี่

หลุยส์ถอนหายใจ ก่อนจะหันไปบอกว่า “ไปกับฉันเถอะ”

ต้วนอีเหยาแทบจะก้าวขาไม่ออก แต่พอนึกถึงหน้าของเย่จิงเหยียนกำลังรอเธออยู่ที่ห้องฉุกเฉิน จึงกัดฟันเดินต่อ

ทางเดินของโรงพยาบาลราบเรียบแต่ต้วนอีเหยากลับรู้สึกว่ามันเดินได้อย่างยากลำบากและใช้เวลานาน ตอนนี้ห้องฉุกเฉินอยู่ตรงหน้าเธอ และไฟในห้องยังคงสว่างอยู่ เธอยืนนิ่งไม่ขยับ

“คุณผู้หญิงต้วน?” หลุยส์ถามด้วยความกังวล

ต้วนอีเหยารีบหันไปบอกเขา “ฉันไม่เป็นไร”

หลุยส์เห็นสีหน้าซีดเซียวของเธอก็ยิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้ พยายามจะเกลี้ยกล่อมให้เธอไป

แต่ต้วนอีเหยารู้อยู่แล้วว่าเย่จิงเหยียนอยู่ในนั้น เธอจะปล่อยเขาและจากไปแบบนี้ไม่ได้

หลุยส์นั่งรออยู่ข้างหน้า ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงไฟในห้องฉุกเฉินก็ดับลง

ต้วนอีเหยาจ้องตาเขม็ง จากนั้นประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับหมอที่เข็นเตียงออกมา

ใบหน้าของคนที่เธอคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าที่เป็นที่หลงใหลของใครต่อหลายคน ตอนนี้เขากำลังหลับตานอนอยู่บนเตียง

“เย่จิงเหยียน!”

ต้วนอีเหยาขาอ่อน เธอเอามือดันกำแพงเพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ทางด้านหลุยส์เมื่อเห็นเย่จิงเหยียน ก็รู้สึกหดหู่ใจ

ตอนแรกเขาแค่หวังไว้ว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ อาจจะแค่ชื่อเหมือนกัน แต่พอเห็นคนที่นอนอยู่เตียงแล้ว ก็รู้ว่าเขาคือเย่จิงเหยียน

“เขาเป็นอะไรหรือครับ?” หลุยส์กลัวว่าหมอจะพูดอะไรที่ทำให้ต้วนอีเหยาเศร้าหนักกว่าเดิม จึงถามเป็นภาษาอังกฤษ

คุณหมอตกใจเล็กน้อย และตอบว่า “เขาโดนทำร้ายถูกขวดเบียร์ฟาดเข้าที่ศีรษะครับ แผลแตกใหญ่มาก เย็บไปหลายเข็มครับ”

ต้วนอีเหยาเห็นพวกเขากำลังคุยกัน แต่เพราะเธอแปลไม่ออก และการได้ยินของเธอไม่ค่อยดี ทำให้เธอจับใจความไม่ได้

เธอปรี่เข้าไปดูเย่จิงเหยียนที่นอนนิ่งอยู่ ใจรู้สึกเจ็บปวดมาก รีบถามหมอว่า “หมอคะ เขา..เขาเป็นอะไร?”

หมอไม่เข้าใจที่ต้วนอีเหยาพูด จึงได้แต่โบกมือและส่ายหน้า

แต่เธอคิดว่าหมอบอกกับเธอว่าเย่จิงเหยียนจะไม่รอดแล้ว เธอจึงโอบแขนของเย่จิงเหยียนและร้องไห้ออกมา

หลุยส์งงว่าทำไมอยู่ๆเธอถึงเศร้าขนาดนี้ แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ทำได้แค่เรียกให้คนพาเย่จิงเหยียนกลับไปที่ห้องพักคนไข้

“ไม่…อย่าไป” ต้วนอีเหยาขวางไว้

เย่จิงเหยียนนอนแน่นิ่งแบบนั้น จะพาเขาไปไหนอีก เธอไม่ยอมหรอก…

“ขอฉันบอกลาเขาหน่อยนะคะ”

หลุยส์งงหนักกว่าเดิม เขามองเธอด้วยความสงสัย

แค่จะพาเย่จิงเหยียนไปที่ห้องพักคนไข้ ทำไมต้องบอกลาด้วย? หรือรู้ว่าเย่จิงเหยียนจะมาหาเรื่องเธอ?

ต้วนอีเหยาไม่ได้สนใจสายตาของคนรอบข้าง สายตามองไปที่เย่จิงเหยียน น้ำตามากมายไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด “แค่ชั่วโมงเดียว นายก็เป็นแบบนี้เลยหรือ บอกฉันซิว่าเกิดอะไรขึ้น?”

เธอทุบลงไปที่ข้างตัวของเย่จิงเหยียน และร้องไห้ออกมาหนักมาก

“เขาน่าจะมีเรื่องอึดอัดใจ รอเขา….” ตื่นมาคงจะบอกเธอเอง

หลุยส์ยังพูดไม่จบ ก็โดนต้วนอีเหยาขัดขึ้น “อึดอัดใจอะไร? หรือคิดว่าเขานอนอยู่บนเตียงแบบนี้แล้วฉันจะให้อภัยเขา?”

เธอตะโกนลั่น หลุยส์ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ ได้แต่หุบปากเงียบ

ต้วนอีเหยาซบลงบนร่างของเย่จิงเหยียน จากนั้นพูดกับเขาอีกพักหนึ่ง หมอและพยาบาลที่อยู่รอบๆ ต่างไม่เข้าใจกับการกระทำของเธอ

ผู้คนที่อยู่รอบๆ เห็นเธอร้องอย่างบ้าคลั่ง จึงเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

และไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เย่จิงเหยียนรู้สึกเหมือนมีน้ำเย็นๆหยดลงบนหน้าของเขา จึงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา

ต้วนอีเหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ จนไม่ได้สังเกตว่าเย่จิงเหยียนลืมตาแล้ว เย่จิงเหยียนยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มเธอเบาๆ

“เป็นอะไรหืม?”

ต้วนอีเหยาเห็นเย่จิงเหยียนตื่นขึ้นมา ก็ตกใจ และถามว่า “นายไม่เป็นอะไร?”

“ไม่เป็นอะไร เอ่อ…” เขายื่นมือไปสางผมเธอ และรับรู้ถึงความเจ็บปวด

เขามองที่แขนก็เห็นผ้าก็อตพันอยู่ และมีเลือดซึมออกมาไม่หยุด ถึงคิดได้ว่าเมื่อครู่เขาได้ไปมีเรื่องกับนอื่นมา

“ผมไม่เป็นไร อีเหยา”

ถึงแม้เขาจะเจ็บมากแค่ไหน ก็ต้องกดความเจ็บไว้เพื่อไม่ให้เธอเป็นห่วง

ต้วนอีเหยายิ้มออกมาทันที และทุบเข้าไปที่อกเขา และบอกว่า “แล้วทำไมนายต้องโกหกฉันด้วย ฉันนึกว่านาย…”

นึกว่านายจะตายแล้ว….

เย่จิงเหยียนกดความเจ็บไว้ในใจ และยิ้มใก้เธออย่างอ่อนโยน จากนั้นวางมือลงบนหัวเธอ

ที่จริง เย่จิงเหยียนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรหนักมาก แต่เพราะมีคนโทรแจ้งรถฉุกเฉิน พวกเขาจึงพาเขามาที่ห้องนี้

และเพราะฤทธิ์ของยาชา ทำให้เขายังไม่ฟื้น ทำให้ต้วนอีเหยาก็ตีโพยตีพายไปคิดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จนใกล้จะตาย…

“คุณครับ”

เสียงหนึ่งดังขึ้น เย่จิงเหยียนและต้วนอีเหยาเงยหน้าขึ้นไปมองง

เย่จิงเหยียนรู้สึกคุ้นๆหน้า แตต่ก็คิดไม่ออก “คุณ…เรียกผม?”

“ใช่ซิ ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม” คนขายบัวลอยกล่าวพร้อมกับวิ่งเข้ามาข้างหน้าเย่จิงเหยียน “นี่คือบัวลอยที่ฉันเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆเลย รีบกินตอนร้อนๆนะคะ”

“เอ่อ…” เย่จิงเหยียนทำตัวไม่ถูก โดนยัดบัวลอยเต็มปาก

“ขอบคุณคุณมากจริงๆ ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคง…”

เย่จิงเหยียนได้แต่โบกมือบอกไม่เป็นไร ในปากยังเต็มไปด้วยบัวลอย

คนขายบัวลอยรีบพูดว่า “ไม่ๆ เพราะฉันคุณเลยได้รับบาดเจ็บแบบนี้ ฉันจะต้องตอบแทนคุณให้ได้”

เย่จิงเหยียนไม่รู้จะตอบอย่างไร จึงเหลือบมองไปทางต้วนนอีเหยา และได้เห็นสายตาพิฆาตตของเธอ

เขาเสียวสันหลังวาบที่เห็นสายตานั้น หันไปทางหลุยส์เพื่อขอความช่วยเหลือ

หลุยส์รู้ว่าเขเขาต้องการสื่ออะไร จึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ แยกย้ายได้แล้ว อย่ามัวแต่มายืนขอบคุณอะไรตรงนี้”

จากนั้นเรียกให้พยาบาลพาเย่จิงเหยียนเข้าห้องพักคนไข้ไป ทั้งสามอยู่ในห้อง ไม่พูดไม่จา

เย่จิงเหยียนทนไม่ไหว จึงหันไปทางต้วนอีเหยา และแกล้งไอเบาๆออกมา “แคกๆ เอ่ออีเหยา….”

“อธิบายอะไรหน่อยซิ”

ต้วนอีเหยากอดอกพูด เครื่องช่วยฟังของเธอมีเสียงกวนเล็กน้อย ทำให้เธอขมวดคิ้วออกมา เย่จิงเหยียนมมองเห็นหน้าตาเธอ เลยนึกว่าเธอกำลังโกรธอยู่

“เอ่อ ระหว่างทางที่ผมไปซื้อของให้คุณ ก็ได้เจอกับ….เอ่อคุณชื่ออะไรนะ?”

“เซี่ยอันหนาน”

“อ่า ก็ได้เจอกับเซี่ยยอันหนาน เขาโดนคนผิวสีกลุ่มหนึ่งล้อมอยู่ ผมเลยเข้าไปช่วย แต่ว่า…สองมือสู้สี่มือไม่ได้ สภาพเลยเป็นแบบนี้”

เขากลัวว่าต้วนอีเหยาจะได้ยินไม่ชัด จึงเน้นเสียงขึ้น

ต้วนอีเหยาถามกลับ “จริงหรือ?”

“แน่นอน ถ้าไม่เชื่อคุณถามเธอ”

ต้วนอีเหยาหันขวับไปทางเซี่ยอันหนาน เซี่ยอันหนานรีบพยักหน้าหงึกๆ และหันไปมองทางเย่จิงเหยียน

ต้วนอีเหยาเห็นแบบนั้นรู้สึกไม่ชออบใจมาก เมื่อกี้ใจเย็นลงแล้วแท้ๆ ตอนนี้ขึ้นอีกแล้ว

เย่จิงเหยียนคิดว่าถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่าง เดี๋ยวอีกหน่อยคงลำบากแน่ จึงหันไปพูดกับเซี่ยอันหนานว่า “ผมแค่ไม่ชอบเห็นคนถูกรังแก คุณไม่ต้องมาตอบแทนอะไรทั้งนั้น รีบกลับไปเถอะครับ”

“แต่คุณคะ….” เซี่ยอันหนานรู้สึกนอยด์ ไม่ได้ขยับ

ต้วนอีเหยาชายตามองเล็กน้อย และเตรียมจะเดินออกไป เย่จิงเหยียนรีบลงจากเตียงมาคว้ามือต้วนอีเหยาไว้

“อีเหยา อย่าไปนะ”

เขาผ่านเรื่องราวต่างๆมาตั้งมากมาย และเขาจะไม่ยอมให้เรื่องเข้าใจผิดเล็กๆ แค่นี้มาทำให้เขาเสียเวลาอีกแน่ “คุณเซี่ยอันหนานใช่ไหม? ผมจะบอกคุณอีกครั้งนะ ผมแค่ยื่นมือเข้าไปช่วยเท่านั้น แต่ถ้าผมรู้ว่าเหตุการณ์มันจะเป็นอย่างตอนนี้ ผมคงจะไม่เข้าไปช่วยตั้งแต่แรก”

เซี่ยพูดอย่างเศร้าๆว่า “แต่คุณได้รับบาดเจ็บเพราะฉัน…”

“เป็นเพราะผมไม่ระวังเอง ไม่ใช่ความผิดคุณ”

เขาปฏิเสธชัดเจนขนาดนี้ เพราะหวังว่าเซี่ยอันหนานจะไม่เข้าใจผิดและคิดไปเองอีก

พูดจบ เย่จิงเหยียนหันไปมองตาของต้วนอีเหยา ทั้งสองจ้องกันอยู่ครู่หนึ่ง ความคุ่นเคืองในใจของต้วนอีเหยาหายไปเป็นปลิดทิ้ง

เซี่ยอันหนามองเขาทั้งคู่ และรู้ว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสอะไรแล้ว จึงทำได้แค่เดินจากไป

ต้วนอีเหยาและเย่จิงเหยียนต่างก็ไม่ได้สนใจกับการจากไปของเธอ ยังคงมองตากันอยู่อย่างนั้น

“อีเหยา ผมหิวแล้ว”

เย่จิงเหยียนทำสายตาและพูดอ้อนต้วนอีเหยา เพราะตอนที่เขาไปหาซื้อของกินให้ต้วนอีเหยา เขาก็หิวอยู่แล้ว เมื่อกี้ดันเกิดเรื่องขึ้นอีก ตอนนี้ท้องของเขาหิวจนแสบ แถมเมื่อกี้ยังกินบัวลอยหวานๆไปอีก ยิ่งทำให้ท้องของเขาปวดขึ้นไปอีก

พูดจบ ท้องของต้วนอีเหยาก็มีเสียง จ้อกๆ..ดังขึ้น

เพราะเธอเข้าใจผิดคิดว่าเย่จิงเหยียนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงทำให้กินอะไรไม่ลง

“ฉันไปดูที่โรงอาหารของโรงพยาบาลก่อน ดูว่ามีอะไรกินไหม?”

เมื่อเธอหมุนตัวเตรียมจะเดินไป เย่จิงเหยียนก็ดึงมือเธอไว้ “ผมไม่กินแล้ว”

เขาไม่อยากจะให้เธอจากเขาไปไหนอีก เพราะกลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดอีก เขายอมที่จะหิว แต่ไม่ยอมให้เธอไป

ต้วนอีเหยาหันไปมองหน้าเขา และพูดว่า “นายไม่กิน แต่ฉันจะกิน”

“อ่าใช่ คุณก็ยังไม่ได้กินอะไรนี่นา ผมไปช่วย…” เย่จิงเหยียนพูดจบก็กระโดดลงจากเตียง เขาไม่ทันระวัง เพราะขยับแขนแรงเกินไป จึงทำให้เจ็บจนร้องออกมา “โอ๊ย ซี้ด..”

ต้วนอีเหยารีบเข้าไปประคองแขนเขา ให้เขานั่งลง “นายอยู่นิ่งๆ เดี๋ยวฉันซื้ออะไรมาให้”

“งั้นคุณรีบกลับมานะ..”

เย่จิงเหยียนกล่าวอย่างไม่เต็มใจมากนัก

ต้วนอีเหยาเดินไปหน้าประตูและหันมามองเขา ที่กำลังงนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าไร้รอยยิ้ม

เธอส่ายหัวเล็กน้อยกับท่าทีของเขา เมื่อเธอเดินเข้าลิฟต์ไป เซี่ยอันหนานก็ปราฎตัว จากนั้นไปทางห้องของเย่จิงเหยียน

เย่จิงเหยียนที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินเสียงคนเดินมา ก็ดีใจคิดว่าเป็นต้วนอีเหยา “อีเหยา คุณกลับมา…..?” แล้ว

“คุณคะ” เซี่ยอันหนานมองไปทางเย่จิงเหยียนด้วยสายตาใสซื่อ

เย่จิงเหยียนเห็นเธอและถามว่า “คุณมาอีกทำไม?”

“ฉันคิดว่าคุณคงจะหิว เลยเอาอันนี้มาให้”

เซี่ยอันหนานยื่นแก้วรักษาอุณหภูมิส่งให้เขา

“ผมไม่หิว คุณเอาออกไปเถอะ!”

แต่เซี่ยอันหนานก็ทำหูทวนลม เดินเข้ามาใกล้เขาและเปิดแก้วออก กลิ่นหอมของอาหารทำให้เย่จิงเหยียนถึงกับกลืนน้ำลาย

ถึงแม้เขาจะหิวมากแค่ไหน แต่ก็คิดได้ว่าต้วนอีเหยากำลังไปข้างล่างซื้อของกินมาให้ เขาจึงอดทน และพูดต่อว่า “ผมให้คุณเอากลับไปไม่ได้ยินหรือไง”

“ทำไมคุณต้องทรมานตัวเองด้วย?”

เย่จิงเหยียนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองตอนนี้คือพระถังซัมจั๋ง และมีนางคนหนึ่งมายั่วยุเพื่อจะทำให้เขาตบะแตก

เขาหันมองไปทางกำแพง และไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรเขาก็ไม่หันไปมอง

“โอ๊ย”

เย่จิงเหยียนหันมอง และรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“ขอโทษนะคะ น้ำซุปหกค่ะ”

เซี่ยอันหนานกล่าว บนเตียงมีรอยน้ำซุปหกใส่เล็กน้อย และมือของเธอก็มีชุ่มไปด้วยซุป

แม้ว่าบัวลอยจะทำเสร็จนานแล้ว แต่เพราะถูกบรรจุไว้ในแก้วเก็บอุณหภูมิ ทำให้ซุปยังคงร้อนอยู่ เย่จิงเหยียนเห็นดังนั้นจึงยื่นมือไปหยิบแก้วไว้ เพื่อให้เธอเช็ดทำความสะสะอาดได้

“คูณลองชิมสักคำนะคะ ถือว่าเป็นคำขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก” เย่จิงเหยียนกล่าวอย่างหัวเสีย

“เป็นซิคะ ถ้าฉันโดนพวกนั้น… ฉัน..ฉันคงไม่อยู่แล้ว”

เย่จิงเหยียนมองเธอ และคิดว่าผู้หญิงที่เจอเรื่องแบบนี้ น่าจะขวัญเสียมากทีเดียว จึงจำใจรับบัวลอยขของเธอไว้ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องมากวนเขาอีก

“เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว ผมกินก้ได้”

เย่จิงเหยียนค่อยๆตักบัวลอยกิน แต่ตักได้ไม่เท่าไหร่ แขนก็ไม่มีแรง

“ฉันทำให้”

เซี่ยอันหนานเตรียมจะหยิบช้อน แต่เย่จิงเหยียนก็ทำท่าทีปฏิเสธ “คุณบาดเจ็บขนาดนี้ ฉันยังช่วยอะไรคุณไม่ได้ แบบนี้จะตอบแทนได้อย่างไร?”

เย่จิงเหยียนรู้สึกรำคาญ และคิดว่าถ้าไม่ให้โอกาสเธอตอนนี้ ต่อไปคงต้องมากวนใจเขาอีกแน่ และเมื่อคิดถึงตอนต้วนอีเหยากลับมาเห็น เขายิ่งกลัวเข้าไปใหญ่

“โอเค เร็วหน่อย”

เซี่ยอันหนานยิ้มชอบใจ รีบเดินเข้าไปป้อนบัวลอยให้เขา

เย่จิงงเหยียนอ้าปากอย่างไม่เต็มใจ แต่เพราะบัวลอยค่อนข้างร้อน จึงทำให้มันลวกปากเขา

“อ่า! ขอโทษค่ะ ฉันจะระวังกว่านี้”

เซี่ยอันหนานหน้าตารู้สึกผิด จนทำให้เเย่จิงเหยียนทำตัวไม่ถูก “ไม่เป็นไร ก็ไม่ได้ร้อนมาก”

เซี่ยอันหนานค่อยๆเป่า เล็กน้อย จากนั้นป้อนให้เย่จิงเหยียน

เย่จิงเหยียนทำตัวไม่ถูก อึกอักอยู่พักหนึ่งถึงจะยอมกิน ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ฝืนความหิวไม่ไหวจริงๆ

แต่สิ่งที่เขากำลังทำตอนนี้ เหมือนจะไม่ดีเท่าไหร่ ที่ใกล้ชิดผู้หญิงแปลกหน้าแบบนี้

ด้านนอกประตู ต้วนอีเหยายืนนิ่ง ในมือถือข้าวที่เพิ่งซื้อมาจากโรงอาหาร เธอมองไปที่พวกเขา มองเห็นตั้งแต่แรก และเห็นตอนที่เซี่ยอันหนานป้อนบัวลอยให้เย่จิงเหยียนพอดี

พวกเขาคุยเสียงเบามาก เธอเลยไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกันอยู่ เห็นแต่สีหน้ายิ้มๆของเย่จิงเหยียน

เธอกำมือแน่น และไม่ได้เปิดเข้าไป เพราะไม่อยากฟังอะไรที่เขาพูดอีก

เย่จิงเหยียนมองดูเวลา ก็รู้สึกแปลกๆ

ทำไมนานขนาดนี้แล้ว ต้วนอีเหยายังไม่กลับมาอีก? คงจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ?

ขณะที่กำลังคิดอยู่ เซี่ยอันหนานก็ป้อนบัวลอยถึงปาก เย่จิงเหยียนรู้สึกกลืนต่อไปไม่ลงแล้ว

เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแลละพูดว่า “ผมกินไม่ลงแล้ว อิ่มมากๆ ขอบคุณมากครับ”

“เป็นไปได้ไง เพิ่งกินไปได้แค่ห้าลูก…”

ห้าลูก….

“อิ่มแล้วจริงๆ…”

เย่จิงเยียนมองอย่าจริงใจ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้โกหก

“คุณรังเกียจฉันหรือคะ?”

“เปล่าๆ” เย่จิงเหยียนรีบพูด “ผมไม่ได้รังเกียจคุณ แต่ผมมีแฟนแล้ว และจะแต่งงานกับเธอ ผมคิดว่าเรารักษาระยะห่างหน่อยดีกว่า แบบนี้เธอคงไม่ได้สบายใจ และผมก็มไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด”

“คุณรักเธอหรือ?” เซี่ยอันหนานถาม

“ผมรักเธอมาก!” เย่จิงเหยียนตอบอย่างมั่นใจ

“เป็นไปได้อย่างไร?” เซี่ยอันหนานถามกลับ “ถ้าคุณรักเธอ แล้วทำไมต้องกลัวเธอขนาดนี้?”

“นี่ไม่ใช่กลัว…”

เย่จิงเหยียนหมดคำจะพูด หญิงสาวคนนี้คงจะอายุไม่เยอะ หรือไม่ก็น่าจะวัยกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่

“สาวน้อย การรักใครสักคน ไม่ใช่ว่าใครจะกลัวใครหรอก แต่เป็นการที่คุณยอมให้เขาเข้ามาจัดการกับชีวิตคุณ และไม่ว่ามีเรื่องเล็กแค่ไหน ก็อยากจะอธิบายให้เขาฟัง ให้เขาเข้าใจ”

“ฉันไม่เข้าใจ…”

เซี่ยอันหนานก้มหน้าก้มตา แลละรู้สึกเสียใจที่โดนหักอก

“ต่อไปเดี๋ยวก็เข้าใจเอง”

เย่จิงเหยียนพูดต่อว่า “ผมไม่กินแล้วนะ ต่อไปค่อยป้อนให้คนที่คุณรักกินเถอะ”

เซี่ยอันหนานไม่พูดอะไร ได้แต่ยืนเจ็บหัวใจอยู่ตรงนั้น

เย่จิงเหยียนหลับตาลง ไม่อยากจะอะไรกับเธอต่อ

สักพักใหญ่ เซี่ยอันหนานก็ทนไม่ไหว ที่ถูกปฏิเสธอย่างเย็นชาขนาดนี้ เธอเก็บข้าวของเตรียมจะเดินออกไป และเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู จึงคิดแผนอะไรออกมา

“คุณคะ”

“หืม?” เย่จิงเหยียนลืมตามองเธอ

“ที่หน้าคุณเหมือนมีอะไรอยู่ เดี๋ยวฉันเอาออกให้”

เย่จิงเหยียนลูบหน้าตัวเองไปมา “อะไร?”

เขานึกว่าเป็นงาดำที่อยู่ในบัวลอย…

เขากลัวต้วนอีเหยากลับบมาเห็น จึงไม่ได้มีท่าทีขัดข้อง ยอมให้

เธอเดินเข้ามาใกล้และเช็ดให้สะอาด

ขณะที่เซี่ยอันหนานกำลังเช็ดอยู่นั้น เธออาศัยจังหวะตอนเขาเผลอ รีบจุ๊บไปหนึ่งที

เย่จิงเหยียนตกใจ รีบถามว่า “เธอทำอะไร?”

“นี่เป็นการตอบแทนครั้งสุดท้าย ต่อไปฉันไม่ติดหนี้อะไรคุณแล้วนะ”

จากนั้นเธอก็เดินยิ้มออกไป

เย่จิงงเหยียนพูดไม่ออก และสั่งสอนเธอว่าห้ามทำแบบนี้กับใครอีก จนเธอให้คำสัญญาถึงได้ปล่อยเธอไป

บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความครึกครื้น ต่างกับต้วนอีเหยาที่ใกล้จะหมดแรง มองดูผู้ชายของตัวเองใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่น นอกจากจะไม่มีท่าทีโกรธแล้ว ยังหัวเราะคิกคักอีกต่างหาก

นี่..นี่มัน..

ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!

ต้วนอีเหยาถีบประตูเข้าไป เย่จิงเหยียนตกใจ

“อี..อีเหยา?”

“เออ ฉันเอง” ต้วนอีเหยาพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ของที่นายจะกินฉันซื้อมาให้แล้ว แตเสียดายที่นายคงกินไม่ลงแล้ว”

พูดจบ เธอก็โยนของลงในถังขยะ

“อีเหยา!” เย่จิงเหยียนอยากจะไปหยิบของมา แต่มันก็อยู่ไกลไปหน่อย อีกทั้งตรงหน้ายังมีเซี่ยอันหนานขวางอยู่ จึงทำได้แค่มองของที่ถูกโยนทิ้งลงถังขยะไป

“คุณเป็นอะไร?”

“เหอะ?” ต้วนอีเหยายิ้มเยาะ รู้สึกเสียใจมาก “เมื่อกี้ยังด่ากันอยู่เลย แต่สักพักก็ดีกัน ฉันทนหิวเพื่อรีบลงงไปซื้อข้าวมาให้นายกิน พอขึ้นมากลับเห็นภาพกระหนุงกระหนิงของพวกนาย”

“ผมเปล่านะ”

เย่จิงเหยียนรู้ว่าเธอเข้าใจผิดไปแล้วแน่ๆ แต่เขาไม่รู้จะอธิบายกับเธออย่างไรเรื่องจุ๊บเมื่อกี้

“อีเหยาา คุณฟังผมอธิบายก่อน”

ต้วนอีเหยาไม่ได้สนใจ เตรียมจะเดินออกจากห้อง

เย่จิงเหยียนรู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไร จึงรีบลงมาจากเตียงแ่ก็ถูกเซี่ยยอันหนานขวางไว้

“คุณคะ แขนคุณยังไม่หายดี จะไปไม่ได้นะ”

“หลบไป!”

“ฉันบอกให้หลบไป ไม่ได้หรือไง!” เย่จิงเหยียนตะโกนลั่น

ถ้าครั้งนี้เขาปล่อยเธอไปอีก ก็ไม่รู้แล้วว่าจะไปหาเธอที่ไหน ครั้งงก่อนๆอาจจะโชคช่วย แต่ต่อไปเขาจะไม่พึ่งโชคอีกแล้ว ก่อนเธอจะหายไป เขาต้องรีบรั้งเธอไว้

เซี่ยอันหนานไม่เคยเจอตอนเขาโกรธขนาดนี้ จึงตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ จากนั้นเย่จิงเหยียนก็รีบลลงจากเตียง

ออกมาหน้าห้อง เขามองไปรอบด้าน ไม่เห็นแม้เงาของต้วนอีเหยา ใจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เธอไปแล้ว…

อีกแล้ว.. ต้องออกตามหาอีกแล้ว?

พวกเราตอนนี้เหมือนทอมแอนด์เจอร์รี่ วิ่งไล่จับแบบนี้ไม่รู้จบสักที แต่ถ้าวันใดเขาเหนื่อย…

หรือวันใดเธอเหนื่อยขึ้นมา….

ทั้งสองก็จะต้องขาดการติดต่อ และคงต้องใช้ชีวิตของตัวเอง

ไม่!

เย่จิงเหยียนส่ายหัว สะบัดความคิดเมื่อครู่ทิ้งไป อย่างไรซะเขาต้องตามหาเธอให้เจอ!!

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset