เพื่อให้บรรยากาศของทั้งสองผ่อนคลายขึ้น เย่จิงเหยียนยิ้มแห้งๆ “ผมอยากกินแอปเปิ้ล อีเหยา คุณป้อนผมหน่อย !”
ต้วนอีเหยาไม่อยากให้ความร่วมมือกับเขา “จะกินคุณก็กินเองสิ”
“แต่ว่ามือของผม……..”
เย่จึงเหยียนยกมือขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม ทำให้ต้วนอีเหยากัดฟันด้วยความหมั่นไส้
มีแอปเปิ้ลถุงใหญ่วางอยู่บนโต๊ะ เธอใช้มือหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งอย่างชำนาญ และเริ่มปลอกเปลือก
เย่จิงเหยียนนั่งอยู่บนเตียงและเริ่มรู้สึกเบื่ออีกครั้ง “อีเหยา คุณชอบที่นี่ไหม ?”
“ที่ไหน ?”
“เมืองนี้”
ต้วนอีเหยาคิดถึงความเงียบเหงาของเมืองนี้ ในตอนที่เธอทำอะไรไม่ถูก พวกเขาก็จะใช้สายตามองเยาะเย้ย มีภาษาอังกฤษที่เย็นชาอยู่ในหูของเธอ
เธอส่ายหัว “ไม่ชอบ”
“ผมก็ไม่ชอบ”เย่จิงเหยียนหันคอไปรอบๆ ขมวดคิ้วและเปลี่ยนท่านั่งเป็นสบายๆ
“ถ้างั้นรอให้มือของผมดีขึ้นอีกหน่อย พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ !”
ต้วนอีเหยาชะงักมือที่ปลอกผลไม้ และตอบไปอย่างคลุมเครือว่า “อืม ตกลง……..”
ฉันมาที่นี่ก็เพื่อซื้อเครื่องช่วยฟัง จุดประสงค์ที่มาที่นี่ของพกวเขาสำเร็จแล้ว หลังจากนี้ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีก เธอก็อยากรีบหนีไป
เย่จิงเหยียนหลับตาลงด้วยความพึงพอใจ พร้อมกับหัวเราะเบาๆที่มุมปากของเขา
เขาต้องการรีบพาเธอออกไป ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ชอบสถานที่แห่งนี้ แต่เพื่อให้หลุยส์เตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัด
หลุยส์ได้บอกพวกเขาอย่างชัดเจนแล้วว่า เมื่อเด็กคลอดออกมา หูของเธอจะไม่ได้ยินอย่างสมบูรณ์ แต่ตราบใดที่มีการเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดอย่างดี ปัญหานี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้
แค่เด็กคนนี้…..คลอดออกมา ก็จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต ซึ่งอาจเป็นเพราะปัญหามดลูกของแม่ จึงทำให้เจริญเติบโตไม่ค่อยราบรื่น
เขารู้ถึงผลร้ายแรงที่จะตามมา แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อยากให้ต้วนอีเหยาสูบเสียการได้ยิน และไม่สามารถพูดคุยกับเขาได้
หลังจากคิดกับเรื่องนี้ ต้วนอีเหยาก็ผ่าครึ่งผลไม้ ผ่าเอาแกนกลางออก และส่งให้กับเย่จิงเหยียน
เย่จิงเหยียนหยิบเพียงชิ้นเดียว “คุณก็กินด้วย ไม่อย่างนั้นผมกินคนเดียวจะรู้สึกอึดอัด”
ต้วนอีเหยาก็ไม่ได้ขัดขืน เธอดึงกลับไปครึ่งหนึ่ง แล้วเอาเข้าปากไป
“เลือดในถุงนี้กำลังจะหมดแล้ว กินเสร็จแล้วฉันจะไปเรียกหมอ”
เห็นได้ชัดว่าความสนใจของเย่จิงเหยียนไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ เขาจ้องมองไปที่ต้วนอีเหยาเป็นเวลานานและพูดด้วยความแปลกใจว่า “อีเหยา คุณแต่งหน้าเหรอ ?”
ต้วนอีเหยาหันไปอย่างไม่รู้ตัว เธอเลือกลิปสติกและรองพื้นที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่คิดเลยว่าจะถูกเขามองออก
ในตอนที่เธอเห็นเย่จิงเหยียนและเซี่ยอันหนานรักใคร่กัน ก็มีความคิดผุดเข้ามาในใจเธอ
คิดว่าเย่จิงเหยียนชอบเซี่ยอันหนานก็เพราะว่าใบหน้าของเด็กสาวแต่งอย่างละเอียดอ่อน และด้วยสายตาที่น่าสงสารของเธอ
ดังนั้น เธอจึงเอาเครื่องสำอางที่ไม่เคยใช้ทั้งหมดที่พกติดกระเป๋าออกมา หลังจากสำรวจห้องน้ำอย่างระมัดระวังแล้ว เธอก็รวบรวมความกล้าเปิดประตูห้องผู้ป่วย
ก่อนหน้านี้ เย่จิงเหยียนยุ่งอยู่กับการอธิบายให้เธอฟัง จึงไม่ทันสังเกต ตอนนี้เงียบลงมาแล้ว ระยะห่างก็ไม่ได้ไกล เย่จิงเหยียนจึงเห็นความผิดปกติจากเธอ
เย่จิงเหยียนจ้องมองไปที่ต้วนอีเหยา ในที่สุดเขาก็พูดประเมินอย่างตรงประเด็น “ดังนั้น ผมก็ยังคิดว่าคุณไม่แต่งหน้าดีกว่า”
ความหมายของเขาก็คือ ทักษะการแต่งหน้าของต้วนอีเหยาไม่ดี แต่ต้วนอีเหยาไม่เข้าใจ เธอคิดว่าเขาชมว่าเธอสวยโดยไม่ต้องแต่งหน้า
เธอเชิดหน้าขึ้นทันที “ฉันเพิ่งลองใช้เทคนิคการแต่งหน้าที่น่าทึ่งนี้ดู แต่ดูเหมือนเมื่ออยู่บนหน้าฉัน ก็ยังไม่เท่าไหร่”
“บางทีคนอื่นอาจจะวิเศษ แต่ว่าเธอ…….มันดูเสียโฉม”
เย่จิงเหยียนทนไม่ได้ที่จะมองไปตรงหน้า ทักษะการแต่งหน้าของเธอไม่ดี ถูไปๆมา และเหงื่อก็ออกอีก ไม่ได้รองพื้นด้วย ใบหน้าตอนนี้เหมือนกับลูกแมวตัวน้อย
ในที่สุดต้วนอีเหยาก็ตอบสนอง เมื่อรู้ว่าเย่จิงเหยียนกำลังดูหมิ่นเธอ จึงพูดออกมาด้วยความโกรธว่า “คุณพูดมากไปแล้ว !”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ และมันก็น่ากลัวจริงๆ เธอไม่อยากที่จะคุยเย่จิงเหยียนอีกต่อไป รีบหยิบกระเป๋าและวิ่งออกไปข้างนอก
ณ ห้องน้ำ ต้วนอีเหยาสาปแช่งและลบเครื่องสำอางออกทั้งหมด ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสดชื่นสบายขึ้นมากเลย
ใบหน้าเบาลงขึ้นเรื่อยๆหลังจากลบแป้งออกเป็นชั้นๆ ทำให้เธอสบายใจมากขึ้น
หันหน้าไปทางเครื่องสำอางที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ ทันใดนั้นต้วนอีเหยาก็โกรธขึ้นมาทันที ทำไมคนอื่นแต่งแล้วสวยขึ้นไปอีก แต่ทำไมเธอ…….
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มลองไหมอีกครั้ง และตัดสินใจเงียบๆ และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะลองอีกครั้ง
“ยอมแพ้เถอะ ทักษะบางอย่างก็มีตั้งแต่กำเนิด !”
ต้วนอีเหยาได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หันกลับไป ตอนนี้เซี่ยอันหนานอยู่ที่ประตูห้องน้ำ ท่าทางของเธอดูไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตราย
ถ้าไม่ใช่ว่าที่แห่งนี้มีเพียงพวกเธอสองคน ต้วนอีเหยาคงสงสัยว่าเธอฟังผิดไป ใบหน้าที่ไร้เดียงสานั้นจะพูดคำพูดที่รุนแรงออกมาได้ยังไง ?
“คุณกำลังคุยกับฉันอยู่รึเปล่า ?”ต้วนอีเหยาขี้เกียจตรวจสอบว่าทำไมเธอถึงยังไม่ออกจากโรงพยาบาล และยังกันเธอไว้ในห้องน้ำ
เซี่ยอันหนานหัวเราะเยาะ “ตอนนี้หูของคุณไม่ดีแล้วใช่ไหม ?”
ใบหน้าที่ดูดีก่อนหน้านี้ตอนนี้ใช้เพียงอธิบายความแย่บนใบหน้า ต้วนอีเหยาเหมือนโดนตบหน้าตัวเองอย่างแรง
ต้วนอีเหยาไม่ได้พูดอะไร เธอเก็บของมองกระจกและจัดผม หยิบกระเป๋าและเดินออกมา
วินาที่ที่เธอเดินผ่านเซี่ยอันหนาน เซี่ยอันหนานก็จับมือของเธอและพูดว่า “ฉันถามเธออยู่นะ !”
ต้วนอีเหยาขมวดคิ้ว “หูของฉันจะหนวกรึเปล่าฉันไม่รู้ แต่ว่าเมื่อก่อนฉันเดาว่าฉันเคยตาบอด”
“เธอ……..”
เซี่ยอันหนานโกรธมาก เธอง้างมือข้างหนึ่ง และใช้แรงทั้งหมดตบไปที่หน้าของต้วนอีเหยา
แต่เธอตบผิดคน ตั้งแต่เล็กจนโตต้วนอีเหยาโดนตบแค่ไม่กี่ครั้งและทุกครั้งยังเป็นพ่อของเธอเองด้วย
ต้วนอีเหยาไม่ได้ดูการเคลื่อนไหวของเธอด้วยซ้ำ เธอยื่นมือออกไปจับมือของเธอและค่อยๆลดตัวลง “หญิงสาว ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนเธอซะแล้ว จำไว้ว่า ถ้าเธออยากจะตบคนๆหนึ่ง เธอจะต้องหารายละเอียดของคนคนนั้นให้ละเอียดชัดเจน !”
เซี่ยอันหนานถูกเธอจับข้อมือไว้ สายตาดูลุกลี้ลุกลน “เธอ…..เธอต้องการทำอะไร ?”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ตบเธอหรอก แบบนั้นมันดูไม่รู้สึกประสบความสำเร็จเลย”
ต้วนอีเหยาปล่อยมือของเธอ และมองไปรอบๆตัวเธอ
เซี่ยอันหนานถูข้อมือของตัวเองและเรียกต้วนอีเหยา “เฮ้ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เธอชะงักฝีเท้า นิสัยของเธอนั้นต้วนอีเหยาไม่รู้ แต่ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรต้วนอีเหยาก็จะไม่เชื่อ ดังนั้นจึงรอเธอพูดจบ เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอเล็กน้อยเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อเห็นเธอหยุด เซี่ยอันหนานก็รู้สึกว่าตัวเองชนะไปครึ่งหนึ่ เธอเดินขึ้นไป และเดินวนรอบๆต้วนอีเหยาอยู่สองสามรอบ
“เมื่อครู่ที่ฉันออกมา เธอลองเดาดูสิว่าฉันเจอใคร ?”
ต้วนอีเหยาขมวดคิ้ว บ่งบอกให้เธอพูดต่อ
“ฉันเห็นหมอของเธอกับสามีของเธอกำลังคุยกัน……..”
“เธอมีอะไรก็พูดมาให้จบ ”ต้วนอีเหยารู้สึกรำคาญเล็กน้อย เธอมักจะพูดครึ่งหนึ่งหยุดครึ่งหนึ่ง เธอคิดว่าต้วนอีเหยาอยากฟังที่เธอพูดมากเหรอ ?
“ฉันได้ยินมาเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัด ฉันว่าเธอเตรียมใจให้ดีเถอะ บาดแผลของสามีเธอไม่ง่ายแบบนั้นหรอก”
เมื่อเซี่ยอันหนานเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของเธอ ก็กลัวว่าเธอจะทำอะไรอีก หรือว่าจะจากไปอย่างนี้ จึงรีบพูดทั้งหมดออกมา
ด้วยความประหลาดใจของเธอ เมื่อต้วนอีเหยาได้ฟังแล้วกลับมีท่าทางสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
เธออดไม่ได้ที่จะขุ่นเคือง “สามีดีกับคุณมาก แต่คุณได้ยินเรื่องเช่นนี้กลับไม่รู้สึกอะไร เขารักคุณมากขนาดนั้น !”
“เรื่องของพวกเรา คุณไม่ต้องเข้ามายุ่ง !”
ต้วนอีเหยาทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้และไม่สนใจเธออีก เธอเดินไปทางห้องผู้ป่วยพร้อมกระเป๋าของเธอ
อย่างไรก็ตาม ใจของเธอไม่ได้สงบนิ่งเหมือนกับใบหน้า มันเคลื่อยนไหวราวกับคลื่นที่สั่นไหว
ผ่าตัด !
เธอเองก็คงไม่เหมือนเซี่ยอันหนานนี่โง่แบบนั้น ยังคงคิดว่าแขนของเย่จิงเหยียนต้องได้รับการผ่าตัด
นอกจากสุขภาพร่างกายของเขาแข็งแรง สิ่งที่เธอคิดได้อีกอย่างก็คือหูของตัวเอง ในเมื่อหลุยส์พูด มันก็ยิ่งจริงเข้าไปใหญ่ !
ต้วนอีเหยาเปิดประตู แต่เห็นเพียงเย่จิงเหยียนยกขาขึ้นมา และผิวปากอย่างสบายๆ เมื่อเห็นเธอเปิดประตูเข้ามา ก็หันไปมองเธอด้วยรอยยิ้ม
“คุณกลับมาแล้ว ? แบบนี้สบายตากว่าจริงด้วย !”
“คุณบอกฉันมา ทำไมต้องออกไปท่องเที่ยวในเวลานี้ ?”ในใจของต้วนอีเหยาเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่อยากอ้อมค้อมกับเขา ดังนั้นเธอจึงถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา
เย่จิงเหยียนส่ายเท้า“ มันไม่ใช่เวลานี้หรอก แต่ผมอยากพาคุณไปที่นั่นมาตลอด !”
“ถ้างั้นทำไมไม่รอให้ลูกเกิดมาก่อนค่อยไป ?”
“เพราะว่าสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลมันหดหู่เกินไป ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อยเกินไป……!”
“เห๋……..”ต้วนอีเหยายิ้มเยาะ ไม่รอให้เขาได้แก้ตัวต่อก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ว่าคุณกำลังให้คนเตรียมการผ่าตัดอยู่เหรอ ?”
“ไม่ !คุณไปฟังใครพูดมา ?”
ในใจของเย่จิงเหยียนรู้สึกร้อนรน แต่ใบหน้าก็ยังคงนิ่งสงบอยู่ “เมื่อผมสัญญากับคุณแล้ว แน่นอนว่าผมไม่ผิดสัญญาหรอก จะไปแอบเตรียมการผ่าตัดได้ยังไงล่ะ !”
เขาพูดอย่างจริงใจ ทำให้ต้วนอีเหยาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ฉันได้ยินหลุยส์พูดมากับหู”
เย่จิงเหยียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินเธอกำลังพูดล่อลวงตัวเอง นอกจากเขาแล้วหลุยส์จะคุยกับคนอื่นเป็นภาษาอังกฤษ และเขาไม่มีทางพูดต่อหน้าต้วนอีเหยา ถ้าหากว่าเธอแอบฟัง ดูเหมือนว่าการได้ยินของเธอในตอนนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้
“บางทีหลุยส์อาจจะพูดถึงคนอื่น อีเหยา คุณอาจจะไม่เชื่อผม แต่ผมไม่ได้โกหกคุณจริงๆ !”
“เพราะว่าผม……เคารพในการตัดสินใจของคุณ”
ต้วนอีเหยาเห็นว่าเย่จิงเหยียนพูดถูก ก็อดไม่ได้ที่จะงงงวย และเริ่มสงสัยในคำพูดของเซี่ยอันหนานอีกครั้ง
เธอพูดถึงการผ่าตัดของเย่จิงเหยียน ไม่ใช่ตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีปัจจัยที่จะไม่เชื่อคำพูดของเธอ…….
“ขอโทษนะ ฉัน……..”
“คุณเชื่อผมก็ดีแล้ว !”เย่จิงเหยียนพูดขัดจังหวะ พร้อมกับมองใบหน้าด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย
เมื่อเห็นต้วนอีเหยาในใจก็รู้สึกผิด “ฉันไม่ควรเชื่อคำพูดของคนอื่นมาสงสัยคุณ”
“คำพูดของใคร ?”
เย่จิงเหยียนจับจุดสำคัญ เขารู้ว่าการฟังของต้วนอีเหยาไม่สามารถได้ยินเสียงซุบซิบใดๆได้อย่างแน่นอน แล้วเธอจะมาตั้งคำถามประหลาดกับเขาได้ยังไง !
ต้วนอีเหยาลูบหน้าผากของเธอ เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไป จนตอนนี้เธอเริ่มปวดหัว “เมื่อครู่ตอนกำลังออกมาจากห้องน้ำ เจอกับเซี่ยอันหนาน จึงพูดคุยกันสองสามประโยค”
เธอพูดอย่างเรียบง่าย แต่ว่าเย่จิงเหยียนรู้ดีว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ทั้งสองคนจะต้องทะเลาะกัน จากนั้นเซี่ยอันหนานจึงจงใจพูดพวกนั้นออกมา
โชคดีที่ว่า บางทีเธออาจจะได้ยินไม่หมด และสื่อความหมายเพียงด้านเดียว ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถหลอกเธอได้ง่ายๆหรอก !
เย่จิงเหยียนคิดถึงเนื้อที่ตามมา ก็อดไม่ได้ที่จะขนหัวลุก ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะวางแผนกับหลุยส์ได้ เขาไม่มีทางให้ผู้หญิงคนเดียวมาทำลายเด็ดขาด !
แน่นอนว่าต้วนอีเหยาไม่รู้ว่าในใจเขาซับซ้อนขนาดนี้ เพียงแต่เธอคิดว่าการได้เจอกับเซี่ยอันหนาน จะทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อย
ในทางกลับกันมาปลอบเขา “ฉันกับเธอไม่ได้พูดอะไร นอกจากนั้นที่เธอพูดมาเก้าสิบประโยคนั้นเป็นเท็จ ซึ่งไม่น่าเชื่อถืออย่างแน่นอน !”
“คุณรู้ก็ดีแล้ว !”น้ำเสียงของเย่จิงเหยียนดูหม่นลง แต่ในใจเขากลับมีอีกความคิดหนึ่ง
ไม่สามารถปล่อยให้ต้วนอีเหยาเจอกับเซี่ยอันหนานได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นเมื่อเธอตอบสนอง เธอจะเปิดเผยแผนการของพวกเขาอย่างแน่นอน ในเวลานั้นไม่เพียงแต่จะล้มเหลว ยังทำให้ต้วนอีเหยาระวังตัวมากขึ้นไปอีก !
ทั้งสองเงียบลงอีกครั้ง ต้วนอีเหยารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย อยู่ต่อหน้าเย่จิงเหยียนเธอพูดถึงเซี่ยอันหนานได้ยังไง ซึ่งมันทำให้บรรยากาศในตอนนี้ดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
ในเวลานี้เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบของทั้งสองคน
เย่จิงเหยียนเงยหน้าขึ้นเหลือบมอง โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะสั่นอย่างต่อเนื่อง เขาหันไปทางต้วนอีเหยาราวกับขอความช่วยเหลือ
ต้วนอีเหยาเข้าใจ และช่วยเขาหยิบโทรศัพท์ ด้านบนปรากฎชื่อของเย่ชูวเสวียชัดเจน
“พี่ใหญ่ คุณอยู่ที่ไหน? พวกเราหาคุณไม่เจอเลย !”
ทันทีที่เชื่อมติด เย่ชูวเสวียก็ยิงคำถามหลายข้อติดกัน ทำให้เย่จิงเหยียนไม่มีที่ว่างที่จะตอบ
เขาถอนหายใจ “ฉันอยู่โรงพยาบาล พวกเธอเสร็จกันแล้วใช่ไหม ?”
“ใช่สิ กำลังรอคุณ………”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เสียงของเย่ชูวเสวียก็เงียบลง เย่จิงเหยียนไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นมู่ยู่วฉีเตือนเธออยู่ข้างๆแน่นอน
ตอนไปเที่ยวไม่หาเขา ตอนเที่ยวเสร็จแล้วโทรมาหาเขา จะต้องเป็นเรื่องใช้จ่ายเงินเกินแน่นอน
“พูดมา ต้องการเงินเท่าไหร่ ?”
“เอ่อ…..พี่ใหญ่…..ฉันไม่ได้หมายความว่าอันนี้” เย่ชูวเสวียอ้ำอึ้ง
อธิบายมา
“ฉันรู้ว่าเธอหมายความว่าอันนี้ ฉันก็แค่ถามไปเรื่อย”
เมื่อพูดอย่างนั้น เย่จิงเหยียนก็หยิบโทรศัพท์ออก พร้อมจะวางสาย
“อ๊ะอ๊ะอ๊ะ พี่หญ่คุณอย่าวางสาย ยังขาด…..ยังขาดอีกห้าแสน”
เย่จิงเหยียนไม่ได้ตกใจกับตัวเลขนี้ นอกจากนี้ยังขาดไปอีกห้าแสน พวกเขาจ่ายไปก่อนหน้านี้แล้ว และนี่ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวแล้ว
“อีกเดี๋ยวฉันจะให้คนไปจ่ายเงิน เอาแบบนี้และกัน ”
“รอเดี๋ยว !”
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว “มีอะไรอีกล่ะ ?”
“เอ่อ……เอ่อ……..”
เย่ชูวเสวียนั้นยังพูดไม่จบ โทรศัพท์ก็ถูกเปลี่ยนไปอยู่ในมืองของต้วนจื่ออิ๋ง “พี่จิงเหยียน คุณอยู่ที่ไหน !”
เย่จิงเหยียนผงะ “ผมอยู่ต่างประเทศ คุณเที่ยวเสร็จแล้ว ก็ให้มู่ยู่วฉีส่งคุณกลับ !”
“ฉันไม่ต้องการ ฉันจะรอคุณกลับมา !”น้ำเสียงของต้วนจื่ออิ๋งหนักแน่น
“ผมจะไม่กลับไปอีกแล้ว ”
หลังจากพูดจบ เย่จิงเหยียนก็กดตัดสายทิ้ง เงยหน้าขึ้นมองต้วนอีเหยาที่มองเขาอยู่
“โทรศัพท์จากต้วนจื่ออิ๋ง ?”
ขณะที่เย่จิงเหยียนวางโทรศัพท์ก็หยุดชะงักมือ “ไม่ใช่ เป็นชูวเสวีย”
ต้วนอีเหยาไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะเขาไม่อยากที่จะพูดก็ไม่ต้องไปถามเขาแล้ว ไม่อย่างนั้นบรรยากาศที่เพิ่งผ่อนคลายจะกลายเป็นอึดอัดแทน
แต่ว่าเย่จิงเหยียนไม่คิดอย่างนั้น เขาแค่ไม่ต้องการให้โลกของคนทั้งสองไปเสียเวลาให้กับคนอื่น
……
ไม่กี่วันต่อมา
เย่จิงเหยียนขยับแขนของเขา “อืม ดีแล้ว !”
แขนของเขาถูกเย็บแผลแล้ว บากแผลที่เย็บเป็นเส้นๆบนผิวหนังเขา ดูน่ากลัวมาก
ต้วนอีเหยาลูบบาดแผลอย่างปวดใจ “ในตอนนั้นเขาต้องเจ็บมากแน่ๆ !”
เธอจำได้ว่าบาดแผลของเขาเปิดอีกครั้งตอนที่เขาไล่ตามไป และเขาก็ไม่แสดงอาการเจ็บปวดต่อหน้าเธอตั้งแต่ต้นจนจบ
หลังจากเย็บแผล บาดแผลของเขาก็นูนสูงขึ้นมา สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบาดแผลร้ายแรงขนาดไหน
ไม่เจ็บ เย่จิงเหยียนลูบผมของเธออย่างอ่อนโยน ตราบใดที่เธอกลับมาอยู่ข้างๆเขา ไม่ว่าบาดแผลจะเป็นแบบไหนเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บ
ต้วนอีเหยาพูดไม่ออก เธอคิดมาตลอดว่าเธอพึ่งพาตัวเองได้ แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเย่จิงเหยียน เธอดูเหมือนจะเอาแต่ใจมากเกินไปหน่อย
“ตอนนี้ผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว งั้นไปวันนี้กันเถอะ ผมวางแผนการเดินทางไว้แล้ว”เย่จิงเหยียนเห็นเธอเศร้า จึงจงใจเปลี่ยนเรื่อง
“ไปไหน ?”
ต้วนอีเหยาขมวดคิ้ว เธอยังกระตือรือร้นกับหัวข้อนี้อยู่ ถึงแม้ว่าเย่จิงเหยียนจะอธิบายให้เธอฟังชัดเจนแล้ว แต่เธอก็ยังคงสงสัยอยู่
“เกาะไซปัน ที่นั่นเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน และดีกับลูกของเราด้วย”
เมื่อได้ยินลูก ต้วนอีเหยาก็วางเกราะป้องกันของเธอ “เอาล่ะ งั้นไปที่นั่นกัน !”
เมื่อเห็นเธอสัญญา เย่จิงเหยียนก็ยิ้มออกมาเบาๆ และก้มหน้าหลบสายตาลงไปครุ่นคิด
พาเธอไปนั้นง่ายมาก แต่จะกลับมายังไงนั้นเป็นปัญหา ทำให้สลบแล้วพามา ? หรือว่าตัวเองจะบาดเจ็บอีกครั้ง ?
เขาเลือกที่จะไปเกาะไซปันก็เพราะว่าไม่ไกลจากที่นี่ ถ้าหากว่าไม่ได้จริงๆ เขาก็เลือกที่จะบาดเจ็บอีกครั้งหนึ่ง
ต้วนอีเหยาเก็บข้าวของ เดิมทีพวกเขาไม่ได้เอาของอะไรมาที่นี่ เมื่อจะไปจึงไม่ต้องเอาอะไรติดตัวไป แค่เก็บขยะทำความสะอาดในห้อง และเอาลงไปข้างล่าง
เมื่อเห็นอาหารเน่าในถังขยะ ส่งกลิ่นขึ้นมา ต้วนอีเหยาก็เอามือปิดปากและขมวดคิ้ว และคิดกลับไปถึงทัศนคิของตัวเองในตอนนั้น เธอหึงหวงหนักมากไปจริงๆ !
ในขณะนี้เย่จิงเหยียนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ดึงม่านออก เมื่อมองเห็นขยะที่พื้น เขาก็แปลกใจเล็กน้อย “ทำไมไม่มีคนมาทำความสะอาด ?”
“คุณบอกเองว่าห้ามไม่ให้ใครเข้ามา หรือว่าคุณลืมแล้ว ?”
เย่จิงเหยียนนึกในหัวของเขาสักพัก ก่อนจะจำได้อย่างคลุมเครือว่า วันนั้นบรรยากาศดี เขากำลังจะจูบริมฝีปากของต้วนอีเหยา แต่ก็ถูกพนักงานทำความสะอาดขัดจังหวะ จากนั้น……..
ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธมากจนไล่เธอออกไป
ปากของเย่จิงเหยียนกระตุก เขาคิดว่าพวกเธอจะจริงจังขนาดนี้ บอกให้พวกเธอว่าอย่ามาทำความสะอาดก็ไม่มาทำความสะอาดจริงๆ
ไม่แปลกใจเลยที่เวลานอนเขารู้สึกได้กลิ่นแปลกๆ ยังดีที่ในห้องมีเครื่องปรับอากาศ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีใครอยู่ในห้องนี้ได้ !
ทั้งสองอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลงไปชั้นล่าง
“คุณเย่ !”
เย่จิงเหยียนหันกลับไป ก็เห็นหลุยส์ตามเขามาจากในอาคาร
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขากอดต้วนอีเหยาอย่างไม่รู้ตัว เพื่อปกปิดความกังวล “มีเรื่องอะไรไหม ?”
“ผมลืมบอกคุณว่า เครื่องช่วยฟังนี้ยังอยู่ในขั้นการทดลอง พวกคุณต้องระวัง อย่าให้โดนน้ำ อย่ากระแทกแรงๆ มิฉะนั้นจะทำให้อายุการใช้งานของเครื่องช่วยฟังสั้นลง”
ที่แท้ก็พูดเรื่องนี้นี่เอง !
เย่จิงเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาคิดว่าเป็นเรื่องผ่าตัด
“อืม พวกเราจะระวัง” เย่จิงเหยียนพูดเสียงต่ำ
หลังจากเขาตอบ หลุยส์ก็ลังเลที่จะอ้าปากพูดแต่ก็ยั้งไว้
เย่จิงเหยียนเข้าใจ และหันไปกระซิบต้วนอีเหยาในอ้อมแขนว่า “อีเหยา ผมรู้สึกคอแห้ง……”
“ถ้างั้นฉันจะไปซื้อน้ำให้คุณ!” ต้วนอีเหยาขัดจังหวะเขา เธอรู้ว่านี่เป็นแค่ข้ออ้าง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง เธอก็ใช้สิ่งนี้เพื่อหนีออกมา เพื่อหาสถานที่ฟังพวกเขาพูดอะไรกัน
เย่จิงเหยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความสดใสของเธอ แต่ก็พยักหน้าและปล่อยมือ
เมื่อเห็นเธอจากไปแล้ว หลุยส์ก็พูดกับเย่จิงเหยียนว่า “ไปเพียงแค่ครึ่งเดือน หลังจากครึ่งเดือน……..”
“ใช้ภาษาอังกฤษ”
เขากำลังพูดไปไม่กี่คำก็โดนเย่จิงเหยียนขัดจังหวะ ต้วนอีเหยาจะไปอยู่ตรงมุมถนน แม้ว่าว่าการได้ยินของเธอจะไม่ดี เขาก็ต้องระมัดระวังไว้
หลุยส์ผงะ แล้วเข้าใจเจตนาของเขา จึงใช้ภาษาอังกฤษพูดต่อว่า “ขอให้เธอมีความสุขแบบนี้เอาไว้ รอให้อุปกรณ์จากสำนักงานใหญ่ส่งมาแล้ว ผมจะโทรศัพท์หาคุณ”
เย่จิงเหยียนพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็แบบนั้นละกัน !”
อย่าปล่อยให้เธอตื่นตระหนก มิฉะนั้นการผ่าตัดจะยากลำบาก หลุยส์ไม่ลืมที่จะเตือนสติเขาก่อนจากไป
“อืม”
เย่จิงเหยียนไม่ได้สนใจมาก อยู่ด้วยกันกับเขา เธอจะตื่นตระหนกได้ยังไง !
จากนั้นไม่นาน ต้วนอีเหยาก็ถือน้ำทั้งสองขวดเดินมาจากมุมถนน “คุณพูดอะไรกับเขาเหรอ ?”
เดิมทีเธออยากแอบฟัง แต่ทั้งสองคนใช้ภาษาอังกฤษ ด้วยตัวเธอแล้วต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจความหมาย เธอพูดขึ้นอย่างเงียบๆ
“ให้ผมพาเขาไปทักทายพ่อของผม”
เย่จิงเหยียนหยิบขวดมา บิดเปิดและดื่มมันลงไปในคอ และตอบคำถามอย่างเป็นธรรมชาติ
ต้วนอีเหยามองเขาอย่างไม่เชื่อเป็นเวลานาน ก่อนจะปิดฝาขวด “หวังว่าคุณจะไม่หลอกฉัน !”
“จะเป็นไปได้ยังไง !”เย่จิงเหยียนยิ้มหัวเราะและกอดไหล่ของต้วนอีเหยา “พวกเราไปกันเถอะ ถ้าเราช้ากว่านี้จะไม่ทันขึ้นเครื่องบิน”
ต้วนอีเหยายกข้อมือขึ้นมามองนาฬิกา และไม่ได้ถามบทสนทนานั้นต่อ
……
เที่ยวบินครั้งนี้ราบรื่นมาก ท้องฟ้าปลอดโปร่งตลอดทาง จากนั้นก็มาถึงที่หมายในอีกสองชั่วโมงต่อมา
ทันทีที่ลงจากเครื่องบิน ความร้อนก็กระทบเข้าหน้า และลมทะเลที่มีกลิ่นเค็มก็พัดเข้าหน้า ต้วนอีเหยาปิดหน้าและไอออกมา
“เป็นอะไรเหรอ ?”เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว อากาศร้อนขนาดนี้คุณไม่น่าจะgxHoหวัดนะ !
“ไม่เป็นไร อาจจะไม่เหมาะสมกับฉันนะ !”
ต้วนอีเหยาลูบท้อง ใจของเธอก็ค่อยๆสงบลงมา
เย่จิงเหยียนสังเกตเห็นท่าทางของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด เธอรักเด็กคนนี้มากขนาดนี้ แต่เป็นเพราะตัวเขาเอง……
เขาก็เหมือนกับพ่อคนอื่นๆ รอคอยการมาของลูก แต่ถ้าให้เขาเลือกใครคนใดคนหนึ่งจากทั้งสองคน ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องเลือกคนที่ตัวเองรักที่สุด
เย่จิงเหยียนส่ายหัว และปัดความคิดออกไป เขาเดินนำต้วนอีเหยาที่ตกตะลึง “จัดการโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
แทนที่จะคิดถึงเรื่องนี้ เขาควรจะหวงแหนโอกาสที่ทั้งสามคนไปเที่ยวด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นหลุยส์ยังบอกว่า อย่าเพิ่งไปกังวลกับปัญหาของเด็ก ตราบใดที่อารมณ์ของเธอไม่แปรปรวนมากเกินไป
นั่งรถที่ทางโรงแรมจัดให้เป็นพิเศษมาที่โรงแรม รอบด้านโอบล้อมไปด้วยกำแพงที่เป็นบ้านพักแบบเดี่ยวมีชายหาดอยู่หน้าโรงแรม เมื่อเทียบกับที่สาธารณะทรายจะใสบริสุทธ์ และไม่มีขยะใดๆ
พวกเขาพักอยู่บนชั้นสอง สามารถมองเห็นทะเลได้ เมื่อเปิดหน้าต่างมีระเบียงขนาดใหญ่ มีอ่างอาบน้ำอยู่ตรงกลาง ในเวลานี้แสงแดดไม่ส่องเข้ามา
……