วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 368 : พาคุณไปชมวิวที่สวยที่สุด

แสงแดดที่แจ่มใสทำให้ผู้คนมีความสุข จิงเหยียนผลักหน้าต่างออกและหายใจเข้าลึกๆ “อีเหยา พวกเราอยู่ที่นี่จนลูกคลอดเลยดีไหม?”

ต้วนอีเหยาก็พอใจกับที่นี่เป็นอย่างมากจึงพนักหน้าอย่างชื่นใจ “อืม….”

เย่จิงเหยียนหันมายิ้มให้ต้วนอีเหยา ด้านหลังของเขาคือท้องฟ้าสีคราม มีต้วนอีเหยาสะท้อนอยู่ในตาประกอบกันเป็นภาพที่สวยงาม

ต้วนอีเหยาและเย่จิงเหยียนเก็บของไว้ที่โรงแรมเสร็จก็เดินจูงมือกันออกมาจากโรงแรม

ประเพณีต่างประเทศ พวกเขาเดินเข้าไปในนั้น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว เมื่อเปลี่ยนจากความอึดอัดของการอยู่โรงพยาบาลในเมื่อก่อน

“โครก…..”แต่ ไม่นานก็มีเสียงที่ไม่เข้ากันมาทำลายบรรยากาศการอยู่ด้วยกันของทั้งสอง

“หิวแล้วเหรอ?” เย่จิงเหยียนจับมือต้วนอีเหยาและบิดที่ปลายจมูกเธออย่างเอ็นดู

“อืม…..” ต้วนอีเหยาพยักหย้าอย่างไม่พอใจ

ตั้งแต่ลงจากเครื่องก็ยังไม่ทันได้ทานอะไรเลย เธอไม่หิวแต่เด็กในท้องเธอก็ควรหิวแล้ว!

เย่จิงเหยียนดูออกว่าเธอลำบาก จึงจับมือเธอแน่น “ฉันรู้จักร้านอาหารทะเลอร่อยๆร้านหนึ่ง รสชาติไม่เลวเลย ผมจะพาคุณไปนะ!”

ดูเขาตื่นเต้นขนาดนี้ ต้วนอีเหยาก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วย จริงๆแล้วเธออยากทานอาหารจีน แต่เมื่อมาเที่ยวต่างประเทศแล้วความต้องการนี้อาจจะดูเหมือนยากไปหน่อย

พวกเขามาถึงร้านอาหาร ความคาดหมายของต้วนอีเหยานั้นคาดไม่ถึงเลยว่าร้านจะแตกต่างไปจากบริเวณรอบๆที่มีสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน การตกแต่งภายในร้านเป็นบรรยากาศแบบจีนๆ ลวดลายการแกะสลักของผนังกั้น ภาพวาดภูเขาและแม่น้ำธรรมชาติบนผนังเป็นการวาดด้วยการสะบัดน้ำหมึกในรูปแบบของจีน

“จิงเหยียน คุณแน่ใจนะว่าจะทานอาหารทะเลที่นี่?” การตกแต่งแบบนี้เหมือนเป็นการมาทานหม้อไฟเสียมากกว่า

เย่จิงเหยียนรีบเดาปฏิกิริยาของเธอ ตบที่หลังมือเธอเบาๆ “เจ้าของร้านนี้เป็นคนจีน เขาชอบทานอาหารทะเล แต่ก็รักความสวยงามของจีนโบราณด้วย ดังนั้นจึงมีความคิดแปลกๆหยิบเอาทั้งสองอย่างมารวมเข้าด้วยกัน”

มองต้วนอีเหยาหัวเราะจนเอามือปิดปากไม่ได้ด้วยความแปลกใจ เย่จิงเหยียนส่ายหัวอย่างจนปัญญา “โธ่คุณ มันจะมีอะไรแปลก ไป เข้าไปข้างในยังมีเรื่องแปลกกว่านี้!”

ต้วนอีเหยาตกตะลึงจนพูดไม่ออก เดินตามหลังเย่จิงเหยียนเข้าไปอย่างใจลอย พอเดินเข้าประตูก็มีคนเดินออกมาต้อนรับพวกเขา

“คุณชายเย่ คุณมาแล้ว!”

ดูเหมือนพนักงานวัยรุ่นจะคุ้นเคยกับเย่จิงเหยียนมาก่อนและพาเขาเดินไปขึ้นลิฟท์“ยังเอาเป็นห้องส่วนตัวเหมือนเดิมไหมครับ?”

เย่จิงเหยียนพยักหน้าตอบเสียงเข้ม “อืม”และจูงมือต้วนอีเหยาที่ไม่ได้พูดอะไร

พนักงานมองพวกเขาจับมือกันแน่นและไม่ได้พูดอะไรพร้อมขยิบตาให้กัน เหตุผลที่เธออยู่มาได้นานนั้นก็คงเป็นเพราะว่าเธอไม่พูดมากเกินไปและเธอมีความคิดเป็นของตัวเองไม่เหมือนอย่างคนอื่น

ลิฟท์เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและหยุดลง พนักงานพาเย่จิงเหยียนเดินโค้งไปเล็กน้อยก็หยุดลงตรงห้องส่วนตัว

ต้วนอีเหยาเงยหน้ามองอย่างตั้งใจ ห้องของร้านอาหารนี้จำลองตามโรงเตี๊ยมโบราณ ห้องที่พวกเขาหยุดลงมีป้ายมงคลแขวนอยู่ บนป้ายเขียนด้วยอักษรสมัยราชวงศ์ฮั่น : ห้องอักษรฟ้า

พอก้าวเข้าไป ก็เหมือนกับว่าพวกเขาได้เดินทางผ่านข้ามกาลเวลามาหลายร้อยปี ลวดลายแกะสลักที่บานหน้าต่าง การบรรจงวาดลงบนเก้าอี้และเวลาเดินบนพื้นไม้หนานมู่ยังมีเสียง “ตึง ตึง” ทั้งหมดนี้ทำให้ต้วนอีเหยาเหมือนตกอยู่ในความฝัน

“ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าพวกคุณต้องการสั่งอะไรครับ?” พนักงานหยิบเมนูอาหารมาจากด้านหลังมันเป็นแผ่นไม้ไผ่โบราณ

ต้วนอีเหยารู้สึกว่าเป็นแนวความคิดใหม่มาก เธอจึงจับมันมาเล่น เย่จิงเหยียนก็รับเมนูที่พนักงานยื่นส่งมาให้ แต่กลับเอามาวางไว้ข้างๆ

“เอาเหมือนเดิมแล้วกัน เจ้านายพวกนายล่ะ?”

“เจ้านายออกไปธุระ วันนี้น่าจะกลับแล้วครับ ถ้าเขากลับมาให้มาหาไหมครับ?” พนักงานตอบโต้อย่างเป็นกันเอง ฉากแบบนี้เหมือนจะเกิดขึ้นกับเธอมาหลายครั้งแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องคิดมาก

เย่จิงเหยียนโบกมือ “ไม่ต้องหรอก รีบไปเอาอาหารมาเถอะ”

พนักงานไม่ได้พูดอะไรอีก รับเมนูและเตรียมจะถอยออกไปเงียบๆ แต่ต้วนอีเหยายังดูเมนูไม่เสร็จ สายตายังไม่ละไปจากมือของพนักงาน

เย่จิงเหยียนหันไปมองเห็นภาพนี้ เขามองอย่างขบขันอยู่ครู่หนึ่งและพูดกับพนักงานว่า “เหลือเมนูไว้สักเล่มเถอะ”

พนักงานยิ้มบางๆและไม่ได้พูดอะไร เพียงทิ้งเมนูไว้แล้วก็ถอยออกไปและปิดประตูให้อย่างรู้ใจ

“อยากกินอะไร?” เย่จิงเหยียนขยับเข้าใกล้มองเธอพลิกหน้าแผ่นไม้ไผ่ มีรอยยิ้มบนใบหน้าและดวงตานิ่งไม่ไหวติง

ที่แท้เธอจะเปิดดูที่หน้าแรกมันเป็นหน้าแนะนำประวัติของร้านอาหาร ไม่คิดว่าเธอจะยังดูอยู่อย่างนั้นและยังไม่อยากละความสนใจไปจากมัน

“มีอะไรน่าดูฮะ?” เย่จิงเหยียนเฝ้าดูอยู่สักพักและสังเกตไม่เห็นความผิดปกติอะไร อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ไปด้วยจึงถามออกมา

ต้วนอีเหยาเอียงศรีษะเพื่อสบตากับเย่จิงเหยียนและใบหน้าเธอนั้นแดงมาก “ไม่….ไม่มีอะไร”

แต่เย่จิงเหยียนรู้ว่านั้นเป็นเรื่องโกหก เขาจ้องไปที่ตาของต้วนอีเหยาและไม่ได้พูดอะไร หน้าของเธอแดงไปจนถึงต้นคอ

ต้วนอีเหยาก้มหน้าลงอย่ารวดเร็ว ชี้ไปที่มุมหนึ่งแล้วพูดว่า “สัญลักษณ์นี้ไม่เหมือนใครดีน่ะ เจ้าของร้านคิดเองเหรอ?”

เย่จิงเหยียนมองตามตรงที่เธอชี้อยู่สักพัก เพิ่งเห็นว่ามีสัญลักษณ์เล็กๆที่มุมล่างขวาเป็นตัวอักษรจีนแบบแปลกๆ

บนหน้าผากเขามีเส้นสีดำขึ้นสองสามเส้น คิดไม่ถึงเลยว่าสัญลักษณ์เล็กๆนี้จะดึงดูดให้ต้วนอีเหยามองอยู่นาน

“เจ้าของร้านออกแบบเอง”

เจ้าของร้านอีกแล้ว ต้วนอีเหยาอดไม่ได้ที่จะสงสัยและอยากพบหน้าเจ้าของร้านนี้ คนที่มีรสนิยมแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นคนแบบไหน

“อย่าคิดถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผม!” เย่จิงเหยียนหันศรีษะของเธอเพื่อให้เธอมองมาที่ตัวเองตรงๆอีกครั้ง

ต้วนอีเหยาทำตัวไม่ถูก “ฉันไม่ได้คิดถึงเขา ฉันแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน”

“นั่นก็ไม่ได้”

“โอเค ไม่คิดแล้ว” ต้วนอีเหยายอมอ่อนข้อให้

ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ความต้องการจะเป็นเจ้าของนั้นนับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น การขอให้เธอห้ามทำนี้ห้ามทำนั้นมักจะไม่มีเหตุผลอยู่เสมอ

ทั้งสองกำลังคุยกัน มีเสียงเคาะประตูเกิดขึ้น เย่จิงเหยียนหยุดพูดและเงยหน้า “เข้ามา”

ประตูถูกเปิดออกจากข้างนอก คนกลุ่มหนึ่งยกจานอาหารเดินเข้ามาตามลำดับ บนจานเป็นอาหารทะเลรูปแบบต่างๆ ทุกๆอย่างต้วนอีเหยาทั้งเคยเห็นและไม่เคยเห็น ทั้งหมดนั้นวางอยู่ตรงหน้าเธอ

วางจานอาหารเสร็จ พนักงานเห็นว่าไม่มีคำสั่งอะไรเพิ่มเติมก็ค่อยๆพากันเดินเรียงแถวออกไปเหมือนตอนเข้ามา

“อีเหยา คุณหิวแล้วใช่ไหมเดี๋ยวผมช่วยแกะเปลือกให้นะ”

เย่จิงเหยียนหยิบเอาปูตัวเท่าชามมาหนึ่งตัว ทั้งแกะเปลือกทั้งพูดและยิ้มจนตาหยีให้เธอ

ภายในเวลาอันรวดเร็วและง่ายดายปูหนึ่งตัวนั้นก็เหลือไว้แต่เนื้อ เย่จิงเหยียนเอาเนื้อทั้งหมดจัดใส่ชามให้ต้วนอีเหยาและตั้งหน้าตั้งตารอเธอกิน “ชิมเลย”

ต้วนอีเหยาพยักหน้า หยิบเนื้อปูชิ้นหนึ่งขึ้นมาใส่ปาก แววตาสว่างสดใสขึ้นทันที “อร่อย!”

เธอไม่ได้พูดอย่างขอไปที ปูนี้อร่อยมากจริงๆ ไม่ต้องปรุงมากเกินไปแค่ต้มง่ายๆแบบนี้คงรสชาติเดิมไว้ ไม่เหมือนกับที่มนุษย์เลี้ยงไว้เองคือมีกลิ่นคาวที่รุนแรงมาพร้อมกับความหวานของตัวมันเอง

เย่จิงเหยียนเห็นรอยยิ้มของเธอก็รู้สึกพอใจไปด้วย เขาหวังว่าของที่เขาชอบกินมาตลอดจะทำให้เธอยอมกินได้และจะทำให้เธอชอบด้วย เช่นนี้แล้วของอร่อยก็ยิ่งกลายเป็นของที่อร่อยมากขึ้น

ถัดมาก็ยังเป็นอาหารทะเลอีกสองสามอย่าง ทุกอย่างนั้นทำให้ต้วนอีเหยาชมไม่ขาดปาก เธอโตมาตั้งนานเพิ่งจะรู้ว่าอาหารทะเลในเมื่อก่อนนั้นเป็นการกินเสียเปล่า

อาหารทะเลเหล่านี้ถูกเก็บรักษาให้สดใหม่ด้วยวิธีดั้งเดิม ทั้งหมดนี้แตกต่างจากการต้มด้วยพริกและปรุงด้วยผงชูรส

ต้วนอีเหยาทานอย่างเอร็ดอร่อยทำให้เย่จิงเหยียนที่แกะเปลือกอยู่ข้างๆพอใจมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทานอาหารทะเลสักคำ

“ก๊อกก๊อกก๊อก”

ภายในห้องที่มีคนอยู่สองคน คนหนึ่งกำลังทานอย่างอร่อย คนหนึ่งกำลังแกะอย่างขยันขันแข็ง อยู่ๆก็มีเสียงเคาะมาจากประตู

เย่จิงเหยียนมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะอย่างคร่าวๆที่แทบจะมาครบเรียบร้อยแล้ว เขาไม่รู้ว่ายังมีอะไรที่ยังไม่มาเสิร์ฟ

“เข้ามา”

คราวนี้ประตูไม่ได้ถูกผลักเข้ามาเลย แต่เป็นการตัดสินใจอยู่นาน เย่จิงเหยียนแทบหมดความอดทนรอก่อนจะมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย

คนที่อยู่ข้างนอกเข้าใจอารมณ์ของเย่จิงเหยียนดี ตอนเขากระวนกระวายจนจะเป็นบ้านั้นถึงเพิ่งจะเดินกรีดกรายเข้ามาเพื่อดูสีหน้าที่แท้จริงของเขา

“คุณชายเย่ คุณยังเหมือนเดิมเลยนะ!” ชายสวมชุดขาวเดินเข้ามาจากด้านนอกประตูราวกับชุดคลุมสีขาวในสมัยสาธารณรัฐจีนและยังเดินมาพร้อมกับลม

ต้วนอีเหยาหัวหน้าไปมอง เห็นเขามาถึงอย่างสง่างาม มองข้ามหน้าตาเดิมของเขาไป เธอนึกว่านั่นเป็นเป็นภาพของการขับไล่เทพให้ลงมาเกิด

เย่จิงเหยียนไม่พอใจกับปฏิกิริยาของเธอจึงไอออกมาทีหนึ่ง แต่คำพูดนั้นกลับมุ่งเป้าไปที่คนเดินเข้ามา “นายจะมาก็มา ไม่ต้องมาล่อลวงใจคนอื่น”

“ไม่อย่างนั้นจะเรียกความสนใจจากสาวสวยคนนี้ได้อย่างไรล่ะ?”

เขาเดินทางที่ข้างต้วนอีเหยายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น จากนั้นก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลงอีกด้านหนึ่งของต้วนอีเหยา

“นายระวังหน่อย” หน้าของเย่จิงเหยียนมีความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดและยังคงควบคุมอารมณ์อย่างสุดความสามารถ

แต่เขากลับเอาแต่สนใจมองต้วนอีเหยาและถามเย่จิงเหยียนต่อว่า “ใครๆก็ชอบของสวยๆงามๆทั้งนั้น สาวน้อยคนสวยนี้เป็นใคร ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนได้อย่างไร”

“อี้เทียนเฉิง!”

ในที่สุดเย่จิงเหยียนก็ทนต่อไปไม่ไหว เขากัดฟันด้วยความโมโหและเรียกชื่ออี้เทียนเฉิงออกมา ขณะเดียวกันเขาก็โอบเข้าที่ไหล่ของต้วนอีเหยาเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

“ฮ่าฮ่าฮ่า…….”

อี้เทียนเฉิงปรบมือหัวเราะขำกลิ้ง “นายนี้ตลกจริงๆ แหย่นายได้สำเร็จมันสนุกกว่าการทำธุรกิจเยอะเลย”

“ทั้งวันไม่รู้ไปเดินเล่นอยู่ที่ไหน ฉันว่านายเปิดร้านนี้ต่อไม่ได้แล้วล่ะ!” เย่จิงเหยียนจ้องมองเขาอย่างโหดเหี้ยมและสายตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

“ทำไม นายอยากซื้อกิจการต่อเหรอ?” อี้เทียนเฉิงไม่ได้สนใจอะไรและหันไปแกะกุ้งอย่างใจเย็น

“ถ้ามันจำเป็น ฉันจะรับพิจารณา”

รอยยิ้มบนหน้าอี้เทียนเฉิงหยุดลงชั่วขณะ จากนั้นก็ขยับมือต่อโดยเร็ว “เถ้าแก่เย่ ร่ำรวยจริงๆ เป็นเกียรติแก่ฉันมากที่ร้านเล็กๆนี้เข้าตาคุณได้”

เย่จิงเหยียนเว้นระยะห่างระหว่างเธอกับเขาและประโยคก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้แย้งอะไร พอเขามาทีไรก็ชอบที่จะหาเรื่องใส่ตัว เย่จิงเหยียนชินมานานแล้ว

“ฉันหายใจไม่ออก” ต้วนอีเหยาถูกละเลยจากพวกเขาโดยสิ้งเชิง ในที่สุดเธอก็หาช่องว่างได้ จึงรีบพูดกับเย่จิงเหยียน

เย่จิงเหยียนได้ยินคำเรียกร้องของต้วนอีเหยา จึงปล่อยออกนิดหน่อยแต่ก็ยังคงโอบไว้อยู่

อี้เทียนเฉิงเริ่มมองต้วนอีเหยาอย่างละเอียด เห็นว่าเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ขณะเดียวกันเขาไม่เข้าใจเย่จิงเหยียนว่าทำไมเธอถึงดูมีค่ามากขนาดนี้

ภายในห้อง ตั้งแต่อี้เทียนเฉิงมา ก็ค่อนข้างรู้สึกอึดอัดและต้วนอีเหยาก็ไม่สบายใจที่ถูกเขามองอย่างพิจารณาจึงหันไปมองทางเย่จิงเหยียน

“ตกลงแกมีเรื่องอะไร? ถ้าจะกินก็กิน ไม่กินก็ออกไป” เย่จิงเหยียนรู้สึกได้ถึงแววตาขอความช่วยเหลือจากต้วนอีเหยาและความไม่สบายใจต่อคำพูดอี้เทียนเฉิง

“นายจะไม่แนะนำคุณผู้หญิงนี้หน่อยเหรอ !” อี้เทียนเฉิงยังคงทานอาหารอย่างสบายใจเหมือนกับอยู่บ้านของตัวเองปกติ

เย่จิงเหยียนมองเขาอย่างเย็นชาและเริ่มแนะนำสั้นๆ “นี่คือต้วนอีเหยา คู่หมั้นฉันเอง”

“อ้อ! สวัสดีพี่สะใภ้ ผมชื่ออี้เทียนเฉิงเป็นเจ้าของร้านนี้”

พออี้เทียนเฉิงได้ยินว่าเป็นคู่หมั้นของเย่จิงเหยียน ก็รีบเรียกว่าพี่สะใภ้และยังยื่นมือขวาออกไปด้วย

พี่สะใภ้?

ครั้งแรกที่ได้ยินเรียกแบบนี้ แม้แต่เย่ชูวเสวียก็ยังไม่เคยเรียกเธอแบบนี้ ขณะที่ต้วนอีเหยาหน้าแดง เธอก็ยื่อมือออกไปจับมือกับอี้เทียนเฉิงอย่างเขินอาย

แต่อี้เทียนเฉิงกลับไม่ยอมปล่อยมือและยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัย

เย่จิงเหยียนที่มองอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะโมโห “อี้เทียนเฉิง ตกลงแกคิดจะทำอะไร?”

“ฉันก็แค่อยากเห็นว่าพี่สะใภ้ของฉันหน้าตาเป็นอย่างไร”

“งั้นทำไมแกยังไม่ปล่อยมือ?”

“นี้มันเป็นมารยาท!”

อี้เทียนเฉิงหันไปพูดสิ่งที่มันแน่นอนอยู่แล้ว “ประเทศจีนคือมารยาทการจับมือ แต่ต่างประเทศคือมารยาทการจุ๊บที่หน้า ฉันกำลังคิดว่าต้องจุ๊บไหมและถ้าเกิดนายตีฉันจนพิการแล้วร้านนี้จะเป็นอย่างไร?”

“แกก็รู้หนิว่าฉันจะตี จะบอกไว้ให้นะ ความอดทนของฉันมันถึงขีดสุดแล้ว ถ้ายังไม่ปล่อยมืออีกเตรียมรับผลที่ตามมาได้เลย”

แววตาเย่จิงเหยียนนั้นอำมหิตและพร้อมขยับมือได้ทุกเมื่อ อี้เทียนเฉิงรู้ว่าถ้ายังไม่ปล่อยมืออีก อาจจะถูกเขาจับหักมือจริงๆ จึงปล่อยมือตัวเองด้วยความแค้นใจ

ต้วนอีเหยาถอนหายใจและรีบหันหน้าทันที แต่ยังมีมารยาทยิ้มให้อี้เทียนเฉิง แม้เย่จิงเหยียนที่อยู่ข้างๆไม่ชอบใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“แกเพิ่งไปไหนมา?”

เย่จิงเหยียนและต้วนอีเหยาเปลี่ยนที่นั่งกัน เขาแกะกุ้งให้เธอและถามอี้เทียนเฉิงไปด้วย

เมื่อได้ยินเขาถาม หน้าอี้เทียนเฉิงก็หดลงเล็กน้อย “บริษัทพ่อฉันมีปัญหานิดหน่อยน่ะ”

“แก้ยาก?” ไม่อย่างนั้น เขาจะแสดงสีหน้าแบบนี้ได้อย่างไร?

“นิดหน่อย แม่เลี้ยงฉันโอนเงินทุนไปมากกว่าครึ่ง คาดว่าจะหมุนเงินไม่ทันเร็วๆนี้”

ได้ยินเขาพูดขนาดนี้ เย่จิงเหยียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เงินทุนมากกว่าครึ่งทำให้บริษัทล้มลงได้ทันทีจริงๆ เหตุผลที่ทางบ้านอี้เทียนเฉิงประคับประคองมาได้จนถึงทุกวันนี้ เดาได้เลยว่าเงินที่เขาสู้หามาจากด้านนอกก็คงจะถูกทุบเอาไปด้วย

“ตอนนี้ตาแก่ก็เป็นโรคหัวใจ ฉันกลับมาวันนี้กำลังคิดว่าจะต้องขายร้านนี้ไหม”

“ถ้าเป็นอย่างที่นายว่าจริงๆ งั้นขายแค่ส่วนที่ไม่กระทบกับอะไร” เย่จิงเหยียนส่ายหัวไม่เห็นด้วย มีเพียงเขาที่จะสร้างความรู้สึกให้กับร้านนี้ได้ เปลี่ยนให้คนอื่นทำ กลัวว่าพวกเขาจะทำให้ทั้งหมดกลายเป็นไม่เข้ากัน

“งั้นก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”

อี้เทียนเฉิงขมวดคิ้วเป็นปม ไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนก่อนหน้านี้ เสื้อคลุมบนตัวเขาตั้งตรง แต่ต้วนอีเหยาเห็นภาพลวงตาขึ้นมาแวบหนึ่งคิดว่าตัวเขานั้นงอลง

“ถ้าเป็นอย่างที่แกพูดจริงๆ คือแม่เลี้ยงเอาเงินไปแล้ว นั่นก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธี”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset