มู่เวยเวยเจ็บมาก จนต้องงอตัวเพื่อหวังช่วยบรรเทา ซึ่งถ้าขยับมากกว่านี้เธอคงแย่แน่ๆ แล้วเธอก็นิ่งไป
เย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอไม่ขยับ ก็ยิ้มเยาะ แล้วยังคงไม่สนใจ ฉุดกระชากดึงมู่เวยเวยลงมาจากรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ เขากลับขึ้นไปประจำที่เดิมแล้วเหยียบคันเร่งออกรถไปต่อหน้า
เมื่อมู่เวยเวยโดนลากลงมาจากรถ แผ่นหลังก็กระแทกกับพื้น เศษกระจกก็ยิ่งบาดลึกเข้าไปอีก เลือดไหลเยอะขึ้น จนเสื้อกลายเป็นสีแดง เธอนั่งยองๆขดตัวอยู่ที่พื้นแล้วสูดลมหายใจเข้าออกอย่างเจ็บปวด
แต่เป็นเพราะว่าบาดแผลอยู่ข้างหลัง เธอมองไม่เห็น จึงทำได้แค่อดทน
หายใจเข้าลึกๆอยู่หลายครั้งจนมู่เวยเวยรู้สึกค่อยยังชั่ว เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามองรอบๆตัว ซึ่งตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว มีเพียงแสงไฟจากถนน เธอถูกทิ้งบนทางสะพานสูง มีแต่รถวิ่ง ไม่มีผู้คนผ่านไปผ่านมา
ทั้งโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ของเธออยู่บนรถของเย่ฉ่าวเฉินทั้งหมด ทำได้เพียงต้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคน…..
มู่เวยเวยที่บาดเจ็บจนแทบยืนไม่ไหว ซ้ำยังดึกดื่นแล้วอยู่ที่ข้างถนนแบบนี้ เธอคงไม่สามารถโบกรถได้ เกรงว่าจะไม่มีรถจอดรับเธอไป
“ไอ้คนสารเลว! เย่ฉ่าวเฉิน นายมันชั่ว! ฉันจะสาปแช่งนาย!”
มู่เวยเวยทนไม่ไหวตะโกนด่าออกมา ด้วยความคับแค้นใจ เขาทิ้งเธอ แล้วยังมาทิ้งตรงข้างถนนในสถานที่น่ากลัวแบบนี้อีก
มู๋เวยเวยครุ่นคิดและไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ เธออ่อนแอมากๆ เธอได้แต่นึกถึงเหตุการณ์ในบ้านตระกูลมู่ คำพูดของลู่จื่อหาง ถ้อยคำใส่ร้ายป้ายสีของมู่อี้เหยา การกระทำของเย่ฉ่าวเฉิน ….. และสุดท้าย คือ คิดถึงพี่ชาย มู่เทียนเย่…..
พี่คะ พี่อยู่ที่ไหน เมื่อไหร่จะกลับมา ถ้าพี่กลับมาฉันคงไม่โดนพวกเขากระทำแบบนี้…..
พ่อแม่ของมู่เวยเวยทำงานยุ่งมาก ตั้งแต่เด็กๆ มู่เวยเวยเติบโตมาจากการดูแลเอาใจใส่ของมู่เทียนเย่ ในช่วงเวลาแบบนี้เธอจึงอยากหาที่พึ่ง ซึ่งมีแต่มู่เทียนเย่เท่านั้น
น้ำตาไหลรินเป็นสาย มู่เวยเวยฝืนลุกขึ้น เพราะในหัวเธอคิดว่าไม่ควรนั่งอยู่เฉยๆแบบนี้
ขณะนั้นเอง ไม่ไกลจากทางออกมากนัก ก็มีเสียงจากรถคันหนึ่งดังขึ้น “ปี๊น” แล้วรถก็จอดนิ่ง
มู่เวยเวยมองไป ก็เห็นว่าเป็นรถเฟอร์รารี่คันนึงจอดอยู่ มีชายหนุ่มใส่สูทเนี้ยบ ก้าวลงมาจากฝั่งคนขับของรถหรู
ไฟจากถนนทำให้มู่เวยเวยมองเห็นว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่แตกต่างจากเย่ฉ่าวเฉิน เขามีสายตาน่าหลงใหล คิ้วงามได้รูป ในความหล่อก็มีความอ่อนโยนแทรกอยู่
ผู้ชายคนนี้ มองแล้วสวยงามกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก
ในขณะที่มู่เวยเวยพิจารณา ชายผู้นั้นก็ก้าวเดินเข้ามาทางนี้พอดี เขา……
ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ามู่เวยเวย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา เขายกยิ้มมุมปาก ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน เสียงใสเอ่ยขึ้น “ร้องไห้หรอ” เขาพูด ย่อตัวลง แล้วล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อออกมายื่นให้เธอ
มู่เวยเวยรับมาอย่างงุนงง แล้วเช็ดไปตามใบหน้า แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนัก…. ว่ารู้จักเขาหรือเปล่า
“คุณเป็นใครคะ” มู่เวยเวยเอ่ยถาม คำพูดและท่าทางของผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนเพิ่งเจอกันครั้งแรก
ชายผู้นั้นยิ้มเบาๆพร้อมพูดว่า “ผมชื่อหนานกงเฮ่า”
หนานกงเฮ่าหรอ
หนานกง……
มู่เวยเวยนิ่งค้าง หนานกงเป็นนามสกุลคู่ นามสกุลนี้ไม่ค่อยเคยเห็น ครั้งก่อนที่ได้ยินคือที่ตระกูลมู่ตอนลู่จื่อหางพูดว่าขายเธอให้กับคุณชายหนานกง
คุณชายหนานกง …… คือเขาหรือเปล่า
เขาคือ … ผู้ชายในคืนนั้นที่ขโมยครั้งแรกจากเธอไปงั้นหรอ!