“พวกเราไปกันเถอะ”
เย่จิงเหยียนลุกขึ้นยืนและเช็ดมือเบาๆ มือของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
อี้เทียนเฉิงไม่ได้ยินเสียงของคนอื่น เขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและตบบ่าเย่จิงเหยียน “ โอ้ยจะบ้า เป็นไง? เมื่อกี้ฉันแสดงได้สมบทบาทไหม? สุดยอดปะ ?”
เย่จิงเหยียนเอามือออกจากไหล่ของเขาและไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทักษะการแสดงของเขา
อี้เทียนเฉิงไม่พอใจ ยังคงพูดพล่อยๆ “การปรากฏตัวของฉัน เสียดายที่ทักษะการแสดงแบบนี้ไม่ได้เข้าสู่วงการ ไม่งั้นคงได้รางวัลออสก้าไปแล้ว!”
“ถ้างั้นถ้าบริษัทอี้ล้มละลายแล้ว แกก็ไปเข้าวงการตั้งต้นใหม่เลยสิ” เย่จิงเหยียนไม่มองเขาและเดินผ่านเขาไปโดยตรง
อี้เทียนเฉิงยืนอยู่ที่นั่นและคิดสักพัก เมื่อเขาคิดได้ ถ้าอีกหน่อยมีคนเห็นแววเขาแล้ว แม้แต่เจอหน้านัดดื่มกันเขาจะไม่ไปเจอ อดไม่ได้ที่จะกอดอกยืนคิด และรีบเดินตามเย่จิงเหยียนไป
“เอ่อ……อย่านะ ฉันว่าฉันเปิดร้านอาหารเล็กๆและเป็นเจ้าของร้านที่สะดวกสบายของฉันดีกว่า”
……
ต้วนอีเหยาถูข้อเท้าที่แพลงของเธอและหยิบหินก้อนเล็กๆขึ้นมาบนพื้นอย่างขมขื่นและโยนมันออกไปในระยะไกล
เธอลงจากต้นไม้ได้สำเร็จ แต่เธอไม่ทันระวังเหยียบโดนก้อนหินขนาดเล็ก
มีเสียงมาจากไกลๆ ต้วนอีเหยาซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้และเห็นคนสองคนกำลังเดินไปที่บ้านพัก เธอไม่ได้ยิน แต่มีสายตาที่ดี เมื่อเห็นหนึ่งในนั้นเธอคุ้นเคย เธอจำได้ว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่เฝ้าอยู่นอกบ้านพัก สมองอยู่ในอาการตื่นตระหนก
เธอย้ายไปอีกด้านอย่างรวดเร็วในทิศทางตรงกันข้ามกับพวกเขา
“แม่งเอ้ย ทำไมผู้หญิงคนนั้นหายไปแบบไม่มีเงา จะให้เราหายังไง?” คนหนึ่งบ่นออกมาและก่นด่าด้วยเสียงที่หยาบกร้าน
“ นั่นหนะสิ เป็นสาเหตุทำให้เราไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย! ไอ้บ้า!”
ทันทีที่ต้วนอีเหยาเดินไปที่มุมนั้น เธอก็ได้ยินเสียงคนสองคนดุด่า อดไม่ได้ที่จะลูบๆหัว สองคนนี้ไม่ได้ตัวใหญ่และกำยำมากนัก เธอประเมินคร่าวๆและรู้ว่าเธอมีโอกาสมากในการชนะ เธอกำลังคิดว่าจะออกไปตรงหน้าพวกเขาตอนไหนดี
“โอ้ย ข้าศึกบุก แกไปหาก่อน ฉันไปเข้าห้องน้ำแปป”
คนตรงหน้าหันหน้ามาและพูดอย่างรังเกียจ “ ไปเลย ไป!”
ชายคนนั้นเห็นด้วยกำท้องของเขาและวิ่งไปยังห้องน้ำ มันเป็นทางที่ต้วนอีเหยาอยู่พอดี ทันทีที่เขาหันมา เขาก็เห็นต้วนอีเหยาด้านบน เขาหยุดอย่างรวดเร็วและกำลังจะอ้าปากเพื่อตะโกน แต่ต้วนอีเหยาไม่ให้โอกาสนั้น
เตะเขาที่ท้อง และปิดปากของเขาที่กำลังจะกรีดร้อง จากนั้นเตะอีกครั้งทำให้เขาคุกเข่าลงกับพื้น
“แก……”
ต้วนอีเหยายังไม่ปล่อยมือที่ปืดปาก แค่ศอกเดียวก็ทำให้เขาล้มลงกับพื้น
คนตรงหน้าไม่เห็นเขาออกมาสักที รู้สึกสงสัย เดินไปดูว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เมื่อมาถึงจุดที่ต้วนอีเหยา เงาดำก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ยังไม่ทันได้เห็นก็สลบดำดิ่งไปกับความมืด
ต้วนอีเหยาเดินออกมาจากหลังกำแพง สะบัดมือ เตะคนที่เท้าของเธอออกและจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
……
“คุณชายเย่ เราจะทำยังไงต่อไป?” อี้เทียนเฉิงถามเขาในขณะที่กำลังขับรถ
เย่จิงเหยียนมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่ผ่านไปมา ตอบอย่างแผ่วเบาว่า “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น รอให้เธอบุกมาเอง”
อี้เทียนเฉิงพยักหน้าและหมุนพวงมาลัยอย่างชำนาญ “ตอนนี้เราก็กลับไปรอข่าว?”
“ไม่ ตอนนี้อีเหยาตกอยู่ในอันตราย เราต้องช่วยเธอโดยเร็วที่สุด!”
อี้เทียนเฉิงมองไม่เห็นการแสดงออกของเย่จิงเหยียนในกระจก หันกลับไปมองเขา “แต่พวกเราไม่รู้ว่าเธออยู่ไหนสิ!”
“ฉันรู้” เย่จิงเหยียนให้ความสนใจกับอาคารข้างนอกและเขาก็พูดออกมาว่า “นี่ไง ที่นี่แหละ!”
อี้เทียนเฉิงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา รีบหันกลับมาและขับรถไปบนถนนอีกเส้นทันที ถนนสายนี้นำไปสู่ทิศทางออกจากเมือง พวกเขาพาต้วนอีเหยาออกจากเมืองงั้นหรอ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้อี้เทียนเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปไกล คงไม่……คงไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นไปแล้ว!
เขาแอบมองกลับไปที่เย่จิงเหยียน เขากลับดูเหมือนโล่งใจ ใบหน้าที่สง่างามของเขาไม่มีสีหน้าเจ็บปวดอะไรเลย
รถกำลังเร่งตลอดทางเย่ จิงเหยียนไม่พูดอะไร อี้เทียนเฉิงไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนเขาจึงทำได้แค่ตรงไปตลอดทาง
เมื่อถึงทางแยก ดวงตาของเขาก็พุ่งขึ้นอย่างกะทันหันและเขาอดไม่ได้ที่จะถูขมับด้วยมือของเขา เงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นเงาข้างหน้า
“ ปี๊ดปี๊ด…… ”
เสียงนกหวีดที่รุนแรงประกอบกับเสียงยางที่เสียดสีกับพื้น ทำให้เย่จิงเหยียนที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้น
เขาขมวดคิ้วและมองไปที่ข้างหน้า แต่ไม่เห็นอะไรเลย เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เวลาผ่านไปหลายนาทีกว่าที่อี้เทียนเฉิงจะตอบ ” เหมือนว่า……ฉันจะชนคนเข้าแล้ว”
เย่จิงเหยียนไม่ลังเลที่จะเปิดประตูรถ อี้เทียนเฉิงก็กลัวที่จะลงจากรถ มือของเขาสั่นจนไม่มีแรงที่จะเปิดประตู
เมื่อพวกเขาเข้าไปดูใกล้ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งล้มลงข้างทาง เย่จิงเหยียนก็สะดุ้งและจากนั้นก็กลับมามีสติอีกครั้ง “อีเหยา?”
เสียงของเขาสั่น ต้วนอีเหยาใช้มือจับหัว เธอได้ยินเพียงเสียงใครบางคนพูดอยู่เหนือศีรษะ แต่ไม่ได้ยินว่าเรียกเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นมอง และพยายามดันตัวเองลุกขึ้นจากพื้น
เย่จิงเหยียนเฝ้าดูเธอแต่ยังไม่ได้ช่วย จากนั้นก็รีบเอื้อมมือไปจับเธอ “เป็นอะไรไป? เจ็บขาหรอ?”
เท้าของเธอเจ็บทันทีที่เธอพยายามลุกขึ้นและเธอก็ยืนเท้าเดียว งอเท้าข้างเดียวทำให้ เย่จิงเหยียนรู้สึกกังวล
“จิงเหยียน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?” ต้วนอีเหยาประหลาดใจมาก ตอนนี้เธอเหนื่อยเกินไปและอยากจะนั่งพัก แต่เหมือนรถคันนี้จะขับไม่ดูตาม้าตาเรือ ขับตรงพุ่งมาหาเธอ
เธอเงยหน้าขึ้น เกือบหลบไม่ทัน โชคดีที่เธออยู่ขอบถนน ไม่เช่นนั้นเธอจะต้องกระเด็นออกไปไกล คงไม่ใช่แค่บาดเจ็บเล็กน้อยแบบนี้
เย่จิงเหยียนยกข้อมือของเธอขึ้นพร้อม มีรอยช้ำเลือดไหลออกมา “ยังบอกไม่เป็นอะไรอีกหรอ?”
เธอไม่รู้จักวิธีดูแลตัวเองเลย เป็นแบบนี้ทุกที ยังชอบทนไว้เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง แต่เธอเป็นผู้หญิง อ่อนแอหน่อยไม่ได้หรอ?
บาดแผลถูกสัมผัสกับอากาศ ต้วนอีเหยารู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย “จิงเหยียน ฉันหม่เป็นอะไรจริงๆ มันดูร้ายแรงแต่จริงๆแล้วไม่เจ็บเลย…… !”
ต้วนอีเหยาต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้องฟ้าก็หมุนไปต่อหน้าต่อตาและเธอก็อยู่ในอ้อมแขนของเย่จิงเหยียนแล้ว
“ ไม่ต้องขยับแล้ว”
เธอพยายามที่จะลงไป แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงที่จริงจังเหนือหัวของเธอ มือของเธอก็เกาะที่คอเขา
อี้เทียนเฉิงเฝ้าดูจากด้านข้างโดยไม่รบกวนหรือให้ความสนใจ หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในรถแล้ว เขาก็ไปนั่งที่คนขับ
ถ้าเขาทำได้เขาก็ไม่อยากขึ้นไปข้างบนแล้วหลอดไฟขนาดใหญ่แบบนี้มีความสว่างอยู่บ้างแม้ว่าจะถูกเพิกเฉยก็ตาม
“ ตอนนี้เราจะไปไหน?” อี้เทียนเฉิงหันศีรษะและชำเลืองไปที่แขนของต้วนอีเหยา
ตอนแรกพวกเขากำลังจะช่วยต้วนอีเหยา แต่ตอนนี้เธอหนีมาด้วยตัวเองแลเว ไม่จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป
“โรงพยาบาล”
ตั้งแต่ที่เย่จิงเหยียนเห็นต้วนอีเหยา ดวงตาของเขาก็ไม่ละสายตาออกไปจากเธอเลย ต้วนอีเหยาโบกมือเบาๆ “ไม่ไม่ไม่ ไม่ต้องไปโรงพยาบาล มันเป็นแค่ถลอกนิดเดียวเอง!”
แต่อี้เทียนเฉิงหมุนพวงมาลัยและขับรถไปที่โรงพยาบาล ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเสียงของเธอ
ที่โรงพยาบาล
น้ำฆ่าเชื้อทำให้ต้วนอีเหยารู้สึกแสบเล็กน้อย อันที่จริงถ้าไม่จำเป็นเธอก็ไม่คิดจะมาที่นี่เลย ทุกครั้งที่มาที่นี่มักมีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น
แต่คราวนี้เห็นได้ชัดว่าเธอคิดมากเกินไป เย่จิงเหยียนหยิบผ้าพันแผลแบบธรรมดาให้เธอและกำลังจะจากไป
……
ชายสวมหน้ากากกลับไปที่บ้านพักและเห็นคนทั้งสองนอนอยู่บนพื้นด้วยความโกรธ
“ลุกขึ้น! ลุกขึ้น!”
ใช้เท้าเตะเบาๆทั้งสองคนบนพื้น “โอ้ย” มีเสียงร้องออกมาและรีบลุกขึ้น
“ใคร? ใครกล้าเตะกูวะ?”
ชายผู้ไม่พอใจถูกเตะตะโกนอย่างดุเดือด
“ฉันเตะเอง!”
ชายคนนั้นหันหน้าไปมองและเห็นชายสวมหน้ากากยืนอยู่ข้างหลัง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดอ่อนน้อมว่า “เจ้านาย คุณนี่เอง!”
“ฉันถามแกมาหาคน พวกแกมานอนอยู่พื้นทำไม? เหนื่อยขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ไม่ไม่ไม่!” ทั้งสองรีบโบกมือ “เจ้านาย คุณไม่รู้ว่ายัยตัวแสบนั่นมีทักษะขนาดไหน พวกเราถูกเธอเตะจนล้ม!”
“พวกแกยังมีหน้ามาพูดอีก!”
ชายสวมหน้ากากเตะไปที่พวกเขาอีกครั้ง “ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว จะมาพูดให้ได้ไร?”
ทั้งสองคนถูกต้วนอีเหยาเตะที่น่องและตอนนี้เขาก็เตะอีกครั้งและพวกเขาก็คุกเข่าล้มลงอย่างช่วยไม่ได้
“เจ้านาย พวกเราขอโทษ ครั้งหน้าเราจะไม่ประมาทศัตรู!”
“ยังมีครั้งหน้า!”
“ ไม่…..ไม่ใช่ จะไม่มีครั้งต่อไปอีก!”
“มันเกิดอะไรขึ้น?” ลู่ฉีเดินออกมาจากเฟอร์รารีและพิงไหล่ของชายที่สวมหน้ากาก
“ทำไมประตูถึงเปิดอยู่? ผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”
“หนีไปแล้ว” ชายสวมหน้ากากยื่นมือไปโอบเอวเธอโดยที่ยังไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้
ลู่ฉีเหลือบมองทั้งสองที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างแผ่วเบา “ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ปล่อยพวกมันสองคนไปเถอะ แค่ผู้หญิงคนเดียวยังเฝ้าไว้ไม่ได้ เก็บไว้จะมีประโยชน์อะไร?”
“อืม”
ชายสวมหน้ากากถาม “ได้สัญญามาหรือยัง”
“ได้แล้ว!” ลู่ฉีหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าและเขย่าโชว์ให้ชายคนนั้น
“เธอหนีไปแล้วก็ไม่เป็นไร ได้ของมาแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นอีก!”
ตาของชายสวมหน้ากากหรี่ลง “ก็จริง ขอดูหน่อย”
หลังจากพูดแล้วเขาก็หยิบเอกสารและเริ่มพลิกดู ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว
“คุณเคยอ่านเอกสารนี้หรือยัง?”
“ ตอนนั้นฉันตื่นเต้นมา ยังไม่ได้เปิดอ่าน ทำไมหรอ?”
หัวใจของลู่ฉีเต้นเร็วขึ้น อย่าบอกนะว่ามันมีอะไรผิดปกติ!
“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าเอกสารมันมีอะไรแปลกๆ”
ลู่ฉีโน้มตัวเข้ามาใกล้ “มีอะไรแปลกหรอ?”
“ดูอันนี้ ทุกอย่างในโปรเจ็กต์ต้องจ่ายค่าส่วนต่าง เราซื้อโปรเจ็กต์นี้ทั้งๆที่ควรจ่าย ทำไมต้องทำเครื่องหมายไว้เป็นพิเศษ?”
“ อ่อ……ฉันก็คิดว่าอะไร คงเป็นเพราะคนเขียนสัญญาละเอียด มีอะไรน่าแปลก”
ลู่ฉีลูบไล้หน้าอกของเขา “อย่าแปลกใจไปเลย สัญญาอยู่ในมือแล้วและเราควรเริ่มเตรียมตัว”
ชายที่สวมหน้ากากยังคงเอะใจอยู่บ้าง แต่เมื่อนึกถึงสัญญาเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
“พวกแกใสหัวไป เงินเดือนเดือนนี้ไปเอากับผู้ดูแล” เมื่อทั้งสองกำลังจะจากไป ลู่ฉีก็นึกขึ้นคนสองคนที่อยู่บนพื้นได้ จึงพูดเบาๆ
ทั้งสองคนสะดุ้งและรีบก้มหน้ายอมรับข้อผิดพลาด “เจ้านาย เราผิดไปแล้ว โปรดอย่าไล่เราออก ได้โปรด!”
งานนี้ง่ายและสบาย ที่สำคัญคือเงินเดือนสูงมาก พวกเขาจะยอมออกได้ยังไง?
ไม่ยอมหรอก!
“ไปเอาเองเถอะ”
หลังจากที่ลู่ฉีจากไปพร้อมกับชายที่สวมหน้ากากทั้งสองคนจากไปไม่หันกลับมามอง ชายทั้งสองก็ลุกขึ้น
“ โถ่เอ้ย ออกก็ออกโว้ย กูก็ไม่อยากทำเหมือนกัน ต้องหวาดกลัวทำตามคำสั่งทั้งวัน ทำงานอื่นยังสบายกว่านี้”
อีกคนพูดเสริมว่า “แกพูกถูก แค่ไม่มีงานนี้เราจะอยู่ไม่รอดงั้นหรอ?”
“…… ”
ทั้งสองสาปแช่งและเดินกลับไปเก็บกระเป๋า แต่ลู่ฉีและชายสวมหน้ากากได้เข้าไปในบ้านพัก
ทันทีที่พวกเขาเข้าประตูทั้งสองก็กอดกันและลู่ฉีก็กดัดริมฝีปากของตัวเอง “คุณจะมาจากที่นั่นเมื่อไหร่ ฉันไม่อยากรอแล้ว”
“อีกไม่กี่วัน รอให้บริษัทอี้ล้มละลายก่อนพวกเราจะได้ไม่ต้องกังวล!”
“ตอนนี้พวกเขาแค่ปกป้องเปลือกที่ว่างเปล่า มันก็ไม่ต่างจากล้มละลาย แล้วทำไมคุณถึงยืนกราน!”
ลู่ฉีพูดพร้อมเป่าหูชายที่สวมหน้ากาก เขาทนไม่ได้อีกต่อไป ถอดหน้ากากและจูบริมฝีปากสีแดงของเธอ
ทั้งสองคนพัวพันเป็นเวลานาน ก่อนที่ชายคนนั้นจะปล่อยลู่ฉี “คุณไม่เข้าใจ ถ้าไม่เห็นด้วยตาของคุณเอง ดังนั้นฉันจึงกังวลว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
“แค่เด็กสองคนจะทำอะไรได้ ทำไปก็ทำให้บริษัทล้มละลายเร็วขึ้น!”
ลู่ฉีไม่พอใจที่เขาถอนริมฝีปาก ยื่นนิ้วเรียวออกเพื่อปลดกระดุมเสื้อของเขา
“อย่าทำ!” ชายคนนั้นจับมือเธอ “ฉันจะกลับไปแล้ว ไม่งั้นฉันกลัวว่าจะทำให้พวกเขาสงสัย”
“ สงสัยก็สงสัยสิ!” ลู่ฉีพึมพำอย่างไม่พอใจ แม้ว่าปากจะพูดเช่นนั้นแต่ก็ปล่อยมือออก
ชายคนนั้นจูบที่ริมฝีปากของเธอ “เดี๋ยวฉันจะกลับมาชดใช้ให้ดีๆ ตอนนี้ต้องไปก่อนจริงๆ”
“เดี๋ยวก่อน!”
ชายคนนั้นหันกลับมาและได้ยินลู่ฉีพูดว่า “ไปรถฉันดีกว่า รถของคุณควรทิ้งมันไปได้แล้ว พังขนาดนั้น!”
“ไม่ต้องหรอก คนแบบฉันถ้าไปอยู่บนรถเธอจะทำให้เขายิ่งสงสัย รถคันนี้เหมาะกับฉันที่สุดแล้ว”
ลู่ฉีทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ ไม่ขออะไรยืนเงียบๆ และดูเขาจากไป
……
ในห้องทำงานของอี้เทียนเฉิง เขากำลังจับปากกาอยู่ในสภาพยับเยิน ศึกษาสัญญาสองสามข้อที่มีให้อย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่กลับทำให้เขาหายใจไม่ออก
“ประธาน”
เลขาถือเอกสารมาในมือพร้อมเปิดประตู
“นี่คือสัญญาที่บริษัทหนึ่งเคยเซ็นสัญญากับเราเมื่อเดือนที่แล้ว เขาบอกว่าจะยกเลิกสัญญานี้ ฉันเลยเอามาให้คุณดู”
อี้เทียนเฉิงหยิบเอกสารที่เธอเอามาให้ เขาเปิดมันออกทีละหน้าทีละหน้า สัญญานี้เมื่อเทียบกับเขาแล้วมันทำเงินได้มาก แต่ตอนนี้กลับต้องยกเลิกสัญญาแล้ว