วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 381 ปฏิกิริยาปกติของผู้ชาย

เย่จิงเหยียนนั่งตัวตรง “หรือว่าถูกผู้หญิงคนนั้นลักพาตัวไป?”

“ จินตนาการตอนนี้ ดูเหมือนจะใช่”

ทำให้เขาสับสนไปหมด เขาไม่คิดว่าใครจะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้!

เย่จิงเหยียนวางหนังสือพิมพ์ลงในมืออย่างใจเย็น คิดในใจ เหมือนครั้งที่แล้วที่ต้วนอีเหยาถูกลักพาตัว เขาไม่ค่อยมีอะไรเกี่ยวข้องกับนายท่านอี้มากนัก แต่เขาก็ยังคิดวิธีที่จะช่วยเขายังไง

“แกพูดสิ!” อี้เทียนเฉิงที่กำลังคุยโทรศัพท์ก็หันมาทันที เขาไม่ได้ยินเสียงของเย่จิงเหยียน อดไม่ได้ที่จะสะกีด

“ งั้นก็หยุดก่อน”

“ แกพูดอะไร?” อี้เทียนเฉิงไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ถ้าหยุดหมายความว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว ทำได้แค่รอให้เธอปล่อยนายท่านออกมา

ความรู้สึกของนายท่าน ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่เขาก็ยิ่งได้รับบาดเจ็บมากเท่านั้น!

“ไม่ใช่หยุดจริงๆหรอก แกแค่กินให้อิ่มนอนให้พอ จับตาดูเธอไว้ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

เย่จิงเหยียนมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาของเขาว่างเปล่า ถ้าเขาไม่ไปหาเขา เขาต้องทำอะไรลงไปแน่ๆ จะว่าไปแล้วบริษัทนี้น่าจะมีหนอนบ่อนไส้

อี้เทียนเฉิงได้ยินการเคลื่อนไหวที่ประตู รีบวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเลขาก็เปิดประตูเข้ามา

“ประธาน จะทำยังไงกับเอกสารพวกนี้ดี?”

อี้เทียนเฉิงลูบหน้าผากของเขาและโบกมือให้เอาไป “ต่อจากนี้ เอกสารอะไรก็ไม่ต้องเอามาให้ฉัน!”

“ประธาน…… ” เลขาตะลึง “แล้วบริษัทจะทำยังไงล่ะ?”

“นายท่านก็ถูกลักพาตัวไป จะมาอะไรกับบริษัทอีก!”

“แต่ว่า……”

“ไม่มีแต่ คุณออกไปก่อน!”

เลขาต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เห็นว่าอี้เทียนเฉิงหลับตาลง เขาก็ทำได้เพียงแค่ปิดปาก

หลังจากที่อี้เทียนเฉิงรอให้เขาออกไป เขาก็หันศีรษะและจ้องไปที่ประตูอย่างครุ่นคิด เลขาอยู่กับนายท่านมายี่สิบกว่าปีและจริงใจมาตลอด เวลานี้ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

เขาส่ายหัว เลขาเป็นคนขยันขันแข็งและไม่ยอมออกไปในช่วงวิกฤต ทำไมถึงมาสงสัยตัวเขาได้ บ้าไปแล้ว!

……

“ ตอนนี้เราจะทำยังไงดี?”

อี้เทียนเฉิงได้รับโทรศัพท์จากเย่จิงเหยียนเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วและรีบออกจากบ้าน

ผมของเขายุ่งเหยิง ตั้งแต่เขารู้ว่านายท่านถูกลักพาตัว เขาก็ไม่เคยออกไปไหนอีกเลย กิจการของบริษัทได้ถูกมอบหมายให้กับผู้ถือหุ้นเก่าสองสามคน

เมื่อวานก็คิดถึงเรื่องพวกนี้ ก็เลยดื่มเบียร์สักหน่อย เมาจนตอนนี้ยังไม่ส่าง

เย่จิงเหยียนนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง เห็นท่าทางของอี้เทียนเฉิงก็ไม่แปลกใจ “เกือบจะถึงแล้ว สองสามนี้ผู้หญิงคนนั้นต้องเริ่มลงมือทำอะไรแล้ว”

“พวกเราทำอะไรได้บ้าง?” อี้เทียนเฉิงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ถึงแม้จะรู้ส่าเธอกำลังจะลงมือ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง

“เราต้องหาตัวคนร้ายให้ได้ก่อนเธอ ไม่งั้นก็คงทำได้แค่นั่งดูอี้กรุ๊ปล้มละลาย!”

อี้เทียนเฉิงได้ยินว่าลงมือได้แล้ว เขาก็มีชีวิตชีวาขึ้น “ แล้วพวกเราจะทำยังไงต่อ?”

“รอ”

“ รอ?” อี้เทียนเฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย ไหนบอกว่าเวลาเหลือน้อยแล้ว? แล้วทำไมถึงยังให้รออีก?

“เมื่อสองวันก่อน ฉันได้ปล่อยข่าวออกไปแล้วบ้างว่าแกยังพอมีเงินอยู่ อี้กรุ๊ปไม่ล้มละลายง่ายๆแบบนี้หรอก”

“ คำโกหกที่เห็นชัดอยู่แล้ว พวกเขาจะเชื่อได้ยังไง?” อี้เทียนเฉิงไม่เชื่อว่าลู่ฉีจะโง่ขนาดนี้ อยู่กับนายท่านอี้มานานขนาดนี้ ต้องรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีเงิน

เย่จิงเหยียนใช้นิ้วที่เรียวยาวของเขาดีดแก้ว “เรื่องนี้แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แค่ฉันพูดเบาๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือปลอม พวกเขาก็เชื่อหมดนั่นแหละ”

อี้เทียนเฉิงเงียบ เขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะเชื่อไหม เขาแค่กลัวว่านายท่านอี้จะต้องทนทุกข์ทรมานจากเธอ สุขภาพของเขาก็ไม่ดี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น……

เมื่อคิดถึงตรงนี้ อี้เทียนเฉิงก็รีบตัดบทความนี้ คิดในเวลานี้ถ้ามัวแค่คิดเรื่องพวกนี้จะทำให้เขาเสียสติเปล่าๆ เพราะงั้นคงทำได้แค่เย่จิงเหยียนจัดการต่อให้เสร็จ

หลังจากรอสักพักเย่จิงเหยียนก็ยังไม่พูด เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย “ แค่นี้เองหรอ?”

“แค่นี้แหละ”

อี้เทียนเฉิงมองเขาอย่างไม่เชื่อ “ ต่อให้พวกเขาจะเชื่อ แล้วพวกเราจะทำอะไรได้ จับตัวคนร้ายได้งั้นหรอ?”

“คนร้ายอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็พูดได้ว่าเขามีแผน อาจเป็นบริษัทนี้ แต่เมื่อเขารู้ว่าบริษัทนี้จะไม่ล้มละลาย ก็เลยคิดหาแผน…..”

เย่จิงเหยียนพูดและดื่มชา “เมื่อถึงเวลา เราก็แค่นั่งเฉยๆรอให้เหยื่อติดเบล็ดก็พอ!”

เขาพูดก็มีเหตุผล อี้เทียนเฉิงพยักหน้าและพูดว่า ” งั้นก็ทำตามที่แกบอกเลยละกัน!”

……

สามวันต่อมา

อี้เทียนเฉิงนั่งอยู่ห้องทำงานของประธานอีกครั้ง มีเย่จิงเหยียนนั่งอยู่ข้างๆ ต้วนอีเหยาไม่ได้มาด้วย

“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?” อี้เทียนเฉิงพูดต่อหน้าเลขาที่ยืนอยู่ข้างๆ

หลายวันมานี้เขาไม่ได้เข้าบริษัท ข่าวลือของเย่จิงเหยียนยิ่งอยู่ยิ่งแพร่ไปเรื่อยๆ ทำให้พนักงานในบริษัทมีกำลังใจขึ้น เวลานี้หนอนบ่อนไส้คงรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว

แต่เขาทำไมถึงคิดไม่ได้ว่าหนอนบ่อนไส้ของบริษัทก็คือเลขา ผู้ชายที่ซื่อสัตย์คนนี้ ทำไมถึงเป็นคนลักพาตัวพ่อของเขาไปได้!

อี้เทียนเฉิงยังไม่ได้สติกลับมา ถ้าเย่จิงเหยียนไม่บังคับให้เขามาที่บริษัท เห็นเขากำลังแก้ไขเอกสารในห้องทำงาน เขาจะไม่มีวันเชื่อว่าหนอนบ่อนไส้ก็คือเลขา

เลขายืนอยู่ในห้อง ก้มหน้า ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

“ ทำไมถึงไม่พูด?” อี้เทียนเฉิงขมวดคิ้ว หรือว่าจะไม่ยอมรับผิด!

จู่ๆเลขาก็เงยหน้าขึ้นและมองตรงไปที่อี้เทียนเฉิง “ฉันไม่มีอะไรจะพูด!”

“ งั้นก็แปลว่ายอมรับแล้วสินะ?”

เลขาไม่กลัวจ้องมองเขา ไม่พูด และไม่ขยับ

“ทำไมถึงทำแบบนี้?” อี้เทียนเฉิงยืนขึ้นอย่างเศร้าๆ พ่อเขาทำดีให้ไม่พอหรอ?

เลขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมาห้าคำว่า “ทุกคนมีความต้องการ”

“คุณอยากได้อะไร ก็แค่บอกพวกเรา ทำไมต้องทำ…… ”

“ขอกับพวกคุณ?” เลขาหัวเราะเยาะ ” นั่นเป็นแค่สิ่งที่ขอมา สิ่งที่ฉันอยากได้ขอกับใครไม่ได้”

“ฉันชอบลู่ฉี แต่เพราะเงิน เธอก็เลยเลือกพ่อแก ฉันอยากซื้อบ้านแต่ฉันต้องขอร้องพวกแกเหมือนขอทาน!”

คำพูดที่แสดงถึงโกรธแค้นมาหลายปีเลขา เขาเก็บกดมานาน จนวันนี้เขาได้ระบายมันออกมาทั้งหมด

อี้เทียนเฉิงไม่เคยคิดมาก่อน ที่แท้เขาคิดแบบนี้ เขาอ้าปากจะอธิบาย “ยี่สิบกว่าปีแล้ว เราทุกคนเห็นว่าคุณเป็นญาติ ของพวกนั้นคุณคิดว่าเหมือนบริจาค แต่สำหรับเรามันเป็นการช่วยเหลือคนที่เรารัก!”

เลขาหัวเราะเยาะ “สิ่งที่พวกแกทำกับฉัน เป็นเหมือนคนในครอบครัวงั้นหรอ? ”

“ฉัน…… ” อี้เทียนเฉิงอยากอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง เขาไม่เคยใช้น้ำเสียงตะโกนใส่เขา หรือเพราะว่าน้ำเสียงทำให้เขาคิดว่าคำเหล่านั้นเป็นคำสั่ง

เลขาหันหน้าไปอีกด้านไม่อยากทนฟัง “ตอนนี้ฉันก็เผยตัวตนแล้ว เป็นศัตรู ถ้าเจอกันอีก ฉันจะใจอ่อนให้แล้วนะ”

“เดี๋ยวก่อน” อี้เทียนเฉิงหยุดเขาไว้

“ สิ่งที่คุณทำก่อนหน้านี้ ฉันจะไม่คิดแก้แค้น แต่คุณต้องปล่อยพ่อของฉัน!”

เลขาหยุดเดิน “ประธานอี้อยู่กับเราอย่างสบาย รอให้เรื่องทุกอย่างจบ ฉันจะปล่อยเขาเอง”

เปลือกตาของอี้เทียนเฉิงกระตุก “คุณหมายความว่ายังไง?”

“ยังดูไม่ออกอีกหรอ? รอให้อี้กรุ๊ปตกอยู่ในมือของฉันเมื่อไหร่ ก็จะปล่อยเขา” เลขาพูดจบก็เดินออกจากห้องไป

อี้เทียนเฉิงนั่งลง เขาเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกดึงเอาไว้

“แกจะทำอะไร” เลขาหันกลับมามองมาอี้เทียนเฉิง

อี้เทียนเฉิงจิบชาช้าๆ “ไม่ทำไร ก็แค่ตราบใดที่นายท่านอี้ไม่ปลอดภัย คุณก็ออกไปไหนไม่ได้!”

เลขาพยายามสะบัดออก แต่ก็ถูกดึงกลับมา พยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็ถูกดึงไว้เช่นเดิม

อี้เทียนเฉิงดื่มชาอย่างสบายใจ หันกลับมาเห็นว่าเย่จิงเหยียน ไม่รู้ว่าเขายืนขึ้นตั้งแต่ตอนไหน

“ตอนนี้จะทำยังไง?” อี้เทียนเฉิงหันศีรษะมองไปที่เย่จิงเหยียนอย่างว่างเปล่า

“โทรหาลู่ฉี บอกให้เธอรู้ว่าคนรักของเธออยู่ที่นี้”

ตามที่คาดไว้ของเย่จิงเหยียน ชีวิตและชีวิต ไม่ว่าลู่ฉีจะเห็นด้วยหรือไม่ พวกเขาก็มีชิปต่อรองเพื่อเจรจากับเธอ

บอกให้ทำก็ทำ อี้เทียนเฉิงกลัวนายท่านอี้จะได้รับบาดเจ็บ เขาจึงรีบเอามือออกและโทรหาลู่ฉี

“ฮัลโหล?” เสียงของลู่ฉีดังขึ้น ฟังเสียงแล้วดูเหมือนว่าเธอกำลังอารมณ์ดี

เมื่ออี้เทียนเฉิงได้ยินเสียงเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้จะถามขึ้น “นายท่านอี้อยู่ไหน?”

ลู่ฉีที่ได้ยินเขาถามแบบนี้ก็อึ้งไปชั่วขณะ หลังจากนั้นได้สติกลับมาสักพัก “แกคือ……เทียนเฉิง?”

“อย่ามาเรียกเหมือนสนิทกันเลย ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ!” อี้เทียนเฉิงตอบอย่างเย็นชา

ผู้หญิงคนนี้ยังมีหน้ามาเรียกชื่อเขา แต่ตอนนี้แค่ได้ยินเสียงเธอก็อยากอ้วก และไม่รู้ว่าเธอกับเลขาแอบไปมีความสัมพันธ์กันตอนไหน

ลู่ฉีหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของเธอใสซื่อ และพูดว่า “พ่อแกไม่ได้อยู่กับฉัน แกหาพ่อของแกแล้วมาหาที่ฉันทำไม? เขาอายุเท่าไหร่แล้ว ยังหลงทางอีกหรอ? ”

“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระ ตอนนี้เลขาอยู่กับฉัน ถ้าแกอยากให้เขากลับไป ก็ปล่อยพ่อฉันออกมา”

“อะไร?”

ลู่ฉีสะดุ้ง ป๊อบคอร์นในมือก็หกไปเกือบครึ่งกล่อง “แกพูดว่าอะไรนะ? พูดอีกรอบ!”

อี้เทียนเฉิงไม่อยากเสียเวลาคุยกับเธอ ส่งมือถือของเขาให้กับเลขา “คุณช่วยพูดกับเธอสักสองสามคำ”

เลขารับโทรศัพท์มาก สะบัดฝ่ามือและเมื่อรู้สึกดีขึ้นเขาก็พูดด้วยเสียงแหบ “ฉีฉี”

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?” เมื่อลู่ฉีได้ยินว่าเป็นเสียงเขา ก็ขำไม่ออกทันที “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เลขายิ้มอย่างขมขื่น “แผนแตกแล้ว”

“ ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”

“ฉัน…… ” เลขากำลังจะพูด แต่อี้เทียนเฉิงดึงโทรศัพท์ออกจากมือของเขาก่อน

“ได้ยินหรือยัง? ตอนนี้ทั้งแกและฉันก็มีตัวประกัน คิดดูเอาเองละกันนะ!”

ลู่ฉีพูดอย่างกังวล “แกทำอะไรกับเขา? เขาเป็นยังไงบ้าง?”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเขา แต่ถ้าแกทำอะไรกับพ่อฉัน ฉันก็จะเอาคืนกับเลขาเหมือนกัน!”

“อย่านะ!” ลู่ฉีพูดเสียงดัง “ฉันจะปล่อยนายท่านอี้เดี๋ยวนี้ แต่แกต้องทำตามที่พูด”

“แน่นอน”

อี้เทียนเฉิงวางสายโทรศัพท์และหันไปมองเย่จิงเหยียน เขานั่งอยู่ข้างๆ จิบชาอย่างใจเย็นดูความเคลื่อนไหวของเขา ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ราวกับว่าเขาได้ยินทุกอย่าง

“ จิงเหยียนตอนนี้ก็เริ่มรอใช่ไหม?” อี้เทียนเฉิงโน้มตัวเข้าไปใกล้เย่จิงเหยียนอย่างกระตือรือร้น ราวกับว่าเขาได้รับชัยชนะ ฆ่าเหยื่อได้แล้ว!

เย่จิงเหยียนส่ายหัว “ ตอนนี้มันเริ่ม เราต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”

“ จะทำอะไรอีก?”

ความกระตือรือร้นของอี้เทียนเฉิงดับวูบลง “ เราต้องทำอะไรอีก? เดี๋ยวก็จะแลกตัวประกันแล้วนิ แค่รออยู่ในห้องก็พอแล้วไม่ใช่หรอ?”

“ ตอนนี้เธอคงไม่สนใจเรื่องงาน เราควรใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ในการเอาคืนโครงการนั้น อย่าลืมสัญญาคือพรุ่งนี้”

เลขาที่ยังยืนอยู่ในห้องทำงาน ได้ยินสิ่งที่เย่จิงเหยียนพูดทั้งหมด จ้องไปที่เย่จิงเหยียนมันที

“พวกแกทำอะไรลงไป?”

อี้เทียนเฉิงยิ้มอย่างมีชัยชนะ “เดี๋ยวถึงเวลาพวกแกก็จะรู้เอง!”

……

อี้เทียนเฉิงและเย่จิงเหยียนพาเลขาไปยังสถานที่ที่ตกลงกัน ถนนกว้างไม่มีขอบเขต เป็นสถานที่ที่ดีในการแลกเปลี่ยนตัวประกัน

พวกเขามาถึงมานาน ก็มีรถเฟอร์รารี่สีแดงขับตรงมาตรงที่พวกเขา ลู่ฉีเปลี่ยนชุดและรองเท้าส้นสูง สวมชุดธรรมดาปรากฏต่อหน้าพวกเขา

เธอออกมาจากที่นั่งคนขับ เดินไปที่ประตูด้านหลังแล้วดึงประตูรถดึงเชือกที่มัดไว้ออกจากมัน

อี้เทียนเฉิงชำเลืองมองอย่างตั้งใจ มันไม่ใช่พ่อของเขาแล้วก็เป็นใคร เขาไม่รู้ว่าเธอมีผ่านอะไร เนื้อตัวสกปรก ผมขาวเต็มหัว และใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

“ พ่อ!”

เมื่อได้ยินเขาเรียกตัวเอง นานท่านอี้ก็เงยหน้าขึ้นและมองไปอี้เทียนเฉิง อี้เทียนเฉิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเขายังขยับได้

ยังดี ยังขยับได้ งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร!

ลู่ฉีปรบมือ ยืนห่างจากนายท่านอี้ครึ่งเมตรด้วยความรังเกียจ “ฉันพาคนมาแล้ว พวกแกก็ปล่อยเขาได้แล้ว!”

“ฉันจะรู้ได้ยะงไงว่านายท่านไม่ได้รับบาดเจ็บ!”

อี้เทียนเฉิง ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อดูว่านายท่านอี้ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า

“เอ๊ะ? แกจะทำอะไร? เข้ามาทำไม!” ลู่ฉีรีบเดินไปตรงหน้านายท่านอี้ จากที่เธอรังเกียจแต่กลับยื่นมือออกมาบีบคอนายท่านอี้ไว้

เธอเป็นผู้หญิงมันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเอาชนะผู้ชายสองคน เธอทำได้แค่ขู่พวกเขาด้วยวิธีนี้!

อี้เทียนเฉิงเห็นว่าเธอมีมีดอยู่ในมือ จึงรีบเดินถอยหลัง “เอาล่ะเอาล่ะ ฉันไม่เข้าไปใกล้แล้ว แกรีบปล่อยนายท่านเดี๋ยวนี้!”

“ พวกแกถอยไปก่อน!”

อี้เทียนเฉิงและเย่จิงเหยียนมองหน้ากันและก้าวถอยหลัง ยังไงก็ตามพวกเขาเป็นผู้ชายสองคน แค่ผู้หญิงคนเดียวคงไม่ปล่อยให้หนีไปได้หรอก

ลู่ฉีรีบโบกมือให้เลขา “พวกมันไปข้างหลังหมดแล้ว คุณรีบมาสิ”

เลขาทำอะไรไม่ถูก ขาของเขาถูกมัดแน่นจนเดิน ทำได้แค่กลิ้งไป

“ แกก็ปล่อยนายท่านได้แล้วมั้ง!”

อี้เทียนเฉิงยกเท้าขึ้น แค่เดินสองก้าวก็ไปถึงตัวเลขา

“ได้ แกอย่าเข้ามา!” ลู่ฉีใช้มีดตัดเชือกที่มัดนายท่านอี้ออก

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset