วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 383 ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้

มู่เวยเวยไอและรีบพูดอย่างประนีประนอมว่า “นี้เป็นความประมาทของเราจริงๆ รออีกไม่กี่วันเราจะเลือกวันมงคลไว้เพื่อจะได้จัดการเรื่องงานแต่งของพวกเธอ”

“ไม่ … ไม่ใช่!” ต้วนอีเหยาโบกมืออย่างรวดเร็ว “หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!”

“ไม่เป็นไร” มู่เวยเวยส่งสายตาให้เธอประมาณว่าฉันเข้าใจ พวกเขาเคยผ่านมันมาก่อน เธอเข้าใจดี!

ต้วนอีเหยาและเย่จิงเหยียนออกมาจากโรงพยาบาลและคนขับรถก็รออยู่ข้างนอกแล้ว

“ผมเอง!”ต้วนอีเหยาที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่ถูกเย่จิงเหยียนก้าวตัดหน้าหนึ่งก้าวและหยุดเธอไว้ข้างหลัง

เมื่อกี้เขายังรู้สึกไม่สบายใจเลยพาต้วนอีเหยามาตรวจดูที่โรงพยาบาล หมอตรวจไปครึ่งวันก็ไม่พบปัญหาใดๆและในที่สุดก็สรุปว่าเป็นปฏิกิริยาปกติของการตั้งครรภ์

แต่เย่จิงเหยียนยังไม่ผ่อนคลายลง เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเองแม้แต่เปิดประตูรถ เย่จิงเหยียนกลัวว่าเธอจะโดนชนเข้า

เขาจำเป็นต้องแน่ใจว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุก่อนถึงจะวางใจได้!

ต้วนอีเหยารออยู่ข้างหลังเขาอย่างเชื่อฟังและดูเขาเปิดประตู เธอรู้ว่าถ้าไม่ปล่อยให้เขาทำจะต้องไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้แน่นอน อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรดังนั้นปล่อยให้เขาทำก็ดีเหมือนกัน

คนขับรถหันกลับมาเห็นฉากนี้เข้าและยิ้มด้วยความปลื้มใจ เขาอยู่บ้านตระกูลเย่มานานหลายสิบปี ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยที่เขากำลังจะเกษียณ ในที่สุดก็ได้เห็นเวลาเย่จิงเหยียนอยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่ตัวเองรัก เขาเหมือนนักรบที่เอาแต่ปกป้องบดบังลมฝนให้เธอเหมือนกันนะเนี้ย ในใจมีความรู้สึกมากมายเต็มไปหมด

หลังจากที่เย่จิงเหยียนขึ้นไปนั่งในรถ คนขับก็เหยียบคันเร่งและออกจากโรงพยาบาลทันที

เย่จิงเหยียนหันหน้าไปทางเธอและเห็นต้วนอีเหยาต่อสู้กับเปลือกที่กำลังจะหลับของเธอแล้วส่ายหัวอย่างไม่เต็มใจ เขาจึงกดศีรษะของเธอลงบนไหล่ของเขา “นอนพักหน่อยเถอะ!”

วิ่งไปมาบนเครื่องบินทั้งวันแม้แต่รางกายก็ไม่ได้พักเลย จากนั้นก็ต้องนั่งรถไปโรงพยาบาลอีก สำหรับคนขี้เซาแบบเธอตอนนี้เธอคงเหนื่อยมากแน่ๆ!

ต้วนอีเหยาใช้หัวถูไหล่ของเขาไปมาเพื่อหาท่าที่ทำให้เธอนอนได้สบายๆจากนั้นก็หลับตาลงนอน

เธอเหนื่อยเกินไปจริงๆ การอาเจียนทำให้ทั่วร่างกายของเธอหมดแรง พอเอ็นหัวลงบนไหล่ของ เย่จิงเหยียนก็หลับไปภายในไม่กี่นาที

เย่จิงเหยียนหันศีรษะอย่างระมัดระวังและเห็นขนตายาวของเธอปลิวไสวในอากาศ เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังฝันถึงอะไรและปากของเธอก็มีเสียงแจ๊บปากดังออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว

เขาวางมือบนตัวเธอที่กำลังโกนเล็กน้อย เธอที่น่าเอ็นดูเช่นนี้ดูๆแล้วอย่างกับลูกแมว

“คุณชาย พวกเรามาถึงแล้ว” คนขับจอดรถและไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านหลังเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนออกมา

เย่จิงเหยียนทำท่าทาง “ชู่ว” กวักมือให้เขาลงจากรถก่อน คนขับตะลึงเล็กน้อยจึงเปิดประตูรถออก

“แป๊บนึงๆ”

“มีอะไรเหรอครับ?” คนขับหันศีรษะกลับด้วยความว่างเปล่า ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเย่จิงเหยียนถึงเรียกเขา

“ไปหยิบเสื้อคลุมมาตัวหนึ่ง”

คนขับพึ่งสังเกตเห็นว่าทั้งตัวของต้วนอีเหยาขดอยู่ภายใต้อ้อมแขนของเย่จิงเหยียน ทันใดนั้นก็เข้าใจเจตนาของเย่จิงเหยียนทันที เขาตอบกลับคำหนึ่งและลงจากรถไป

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ถือเสื้อสูทออกมาหนึ่งตัว เย่จิงเหยียนรับมาและคลุมไว้บนตัวของต้วนอีเหยาอย่างเบามือ

“พี่จิงเหยียน!”

คนขับกำลังจะปิดประตู มีร่างหนึ่งไวกว่าเขาไปก้าวเดียวและมุดเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว

เส้นเลือดบนหน้าผากของเย่จิงเหยียนกระตุกขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองไปยังที่มาของเสียง อย่างที่คาดการณ์ไว้ เหมือนกับที่เขาเดาเอาไว้เป๊ะ

คนที่เรียกเขาแบบนี้ จะเป็นใครไปได้นอกจากต้วนจื่ออิ๋ง?

ต้วนอีเหยารู้สึกได้ว่ามีคนเอาเสื้อผ้ามาคลุมให้เธอ เมื่อเธอได้ยินเสียงตะโกนเธอก็ตื่นขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆด้วยความว่างเปล่า

“ทำไมไม่นอนแล้วล่ะ?” เย่จิงเหยียนถามขึ้นและค่อยๆช่วยเธอจัดผมที่กระจัดกระจายอยู่ตรงหน้าผากเธอ

ต้วนอีเหยากดขมับของเธอ “ฉันได้ยินมีคนเรียกคุณ”

“ฉันเอง!”ต้วนจื่ออิ๋งถือโอกาสที่เย่จิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดจึงรีบแทรกขึ้นมา

“ทำไมเธอมาอีกแล้วล่ะ?”

เย่จิงเหยียนเริ่มรู้สึกปวดหัว ถ้าก่อนหน้านี้รู้ว่าเธอจะมีปัญหามากขนาดนี้ก็คงไม่รู้จักเธอดีกว่า

“พ่อของฉันมีโปรเจ็กต์ที่นี้ฉันก็เลยตามมาด้วย พี่จิงเหยียน ฉันคิดถึงพี่มาก … ” ต้วนจื่ออิ๋งมองไปที่เขาด้วยความน้อยใจเพราะกลัวว่าเขาจะพูดคำพูดอะไรบางอย่างที่โหดเหี้ยมออกมา

แต่เธอไม่เข้าใจสำหรับคนที่ไม่สนใจ แม้แต่จะพูดคำพูดที่สิ้นหวังก็มีแต่จะแปลกแยกและทำให้คนหมดหวัง

เย่จิงเหยียนเปร่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา “อืม” จากนั้นก็หันไปมองต้วนอีเหยา “คุณคงไม่ได้นอนดีๆ ถึงบ้านแล้ว กลับไปนอนพักอีกรอบเถอะ!”

ต้วนอีเหยามองไปที่ต้วนจื่ออิ๋งและอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอเหนื่อยเกินไปไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่พยักหน้าแล้วลงจากรถโดยมีเย่จิงเหยียนช่วย

เธอควรจะปฏิเสธแม้กระทั่งเรื่องนี้ มันก็แค่ตั้งครรภ์ไม่ใช่หรือ?ทำอย่างกับเธอพิการอย่างงั้น!

แต่เย่จิงเหยียนยังคงยืนหยัด เธอไม่สามารถโต้เถียงกับเขาต่อหน้าต้วนจื่ออิ๋งได้ดังนั้นจึงปล่อยให้เขาเอาแต่ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในห้องนั่งเล่น

ต้วนจื่ออิ๋งเดินตามพวกเขาเข้าไปและกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของชายแปลกหน้าคนนั้นโดยไม่รีรอ “พ่อ”

ต้วนอีเหยาพึ่งตระหนักได้ว่าชายคนนี้เป็นพ่อของต้วนจื่ออิ๋ง ถึงว่าเธอถึงมีความรู้สึกว่าเขาคุ้นๆอยู่บ้าง

รูปหน้าของต้วนจื่ออิ๋งดูเหมือนเขามากและตัวต้วนจื่ออิ๋งกับเขามีหลายจุดที่ค่อนข้างคล้ายกันดังนั้นเธอจึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

พ่อต้วนลูบผมของต้วนจื่ออิ๋งอย่างรักใคร่ “ไปไหนมา? ทำไมนานขนาดนี้?”

“ไปตามหาพี่จิงเหยียนมา!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อต้วนแข็งกระด้างขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองเห็นเย่จิงเหยียนกำลังเดินเข้ามาจากด้านนอกประตูหลังจากรถจอดนิ่ง

ยังไงซะชายคนนี้ก็ขึ้นชื่อว่าเคยทิ้งลูกสาวตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะโครงการนี้ต้องพูดคุยกับบ้านตระกูลเย่เขาจะไม่มีวันเผชิญหน้ากับชายคนนี้ตามลำพัง

“อืม”

พ่อต้วนอุทานไปทีหนึ่งและบรรยากาศในการสนทนาของเขากับเย่ฉ่าวเฉินเมื่อกี้ จู่ๆก็ดูอึดอัดขึ้นมาก

ตอนงานแต่งงานเนื่องจากยังจัดงานไม่สำเร็จ เขาไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับบ้านตระกูลเย่อีกต่อไป แต่เรื่องงานในครั้งนี้เขาไม่ได้สมัครใจ ถ้าหากผิดสัญญาบ้านตระกูลต้วนไม่มีปัญญาจ่ายค่าปรับที่สูงขนาดนั้นได้

ดังนั้นตัวเขาเองจึงยังคงร่วมมือกับบ้านตระกูลเย่ในการทำธุรกิจ แต่ก็ยังคงไม่สามารถหลบให้พ้นฉากในตอนนี้ได้

ตอนนี้จะให้เขาคุยงานกับไอ้เด็กน้อยคนนี้ สำหรับเรื่องงานโครงการนี้น่าจะไม่ดีต่อพวกเขามากนัก สำหรับเรื่องส่วนตัวพวกเขาเคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อนไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่มีวันติดต่อกันถึงจะถูก

เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว จากการสนทนาของพวกเขาเย่จิงเหยียนเดาบางอย่างไว้แล้ว เดิมทีเขากะจะพาต้วนอีเหยาขึ้นไปชั้นบนทันที แต่พ่อของเขาโยนเรื่องนี้ให้กับตัวเอง เขาจึงจำเป็นต้องเดินมาข้างหน้าเพื่อทักทายพ่อต้วน

“ลุงต้วนครับ”

พ่อต้วนมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ เดิมทีก็ไม่ชอบเขาอยู่แล้วพอตอนนี้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งตามเขามาข้างๆด้วย ก็ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้น

เขารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ใกล้ชิดกันมาก

“อย่าเรียกฉันว่าลุง เป็นให้ไม่ได้!”

เย่จิงเหยียนทำตัวไม่ถูกจึงกัดไปที่มุมปากของเขาทำอย่างกับว่าไม่ได้ยิน “ได้ยินมาว่าคุณมาคุยเกี่ยวกับโครงการ ไม่รู้ว่ามีอะไรที่สามารถช่วยเหลือคุณได้บ้าง?”

“ไม่มีอะไร ประธานเย่ วันนี้พวกเรารบกวนคุณมามากแล้ว ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำถ้าอย่างนั้นผมลาล่ะ”

พ่อต้วนลุกขึ้นและดึงต้วนจื่ออิ๋งเพื่อจะได้กลับ แต่ต้วนจื่ออิ๋งไม่ขยับ

“ไปกับฉัน!” พ่อต้วนกัดฟันพูด คนอื่นเขามีผู้หญิงคนอื่นแล้ว เขาเองก็ไม่อยากให้ลูกสาวของตัวเองต้องมาขายหน้าที่นี้

“พ่อ … ” ต้วนจื่ออิ๋งมองไปที่เย่จิงเหยียนอย่างวิงวอนหวังว่าเขาจะสามารถช่วยให้ตัวเองสามารถอยู่ต่อได้ เธอไม่เชื่อหรอกว่าระหว่างเธอกับเขาที่เคยผ่านเรื่องราวมามากมายขนาดนี้ เขาจะต้องมีความอาลัยอาวรณ์อยู่บ้างแหละ!

แต่สิ่งที่ได้รับคือความผิดหวังไม่รู้จบ ตั้งแต่ต้นจนจบเย่จิงเหยียนไม่ได้มองเธอแม้แต่นิดเดียว

“ไป!” พ่อต้วนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของเขาจะขอความเมตตากับผู้ชายคนนั้น สำหรับคนที่มักพูดว่าเป็นคนที่มีเกียนติในตัวเองอย่างเขา ถือเป็นการโดนดูถูกอย่างมาก

ต้วนจื่ออิ๋งรู้ว่าพ่อของเธอโกรธจริงๆแล้ว เธอจึงมองเย่จิงเหยียนอย่างอาลัยอาวรรณ์และสุดท้ายก็จำเป็นต้องจากไปพร้อมกับพ่อของเธอ

หัวใจของเธอเหมือนถูกบดขยี้ด้วยอะไรบางอย่างและค่อยๆแตกสลายเป็นตะกอน เธอยังจำได้ว่าเขาบอกว่าจะขอเธอแต่งงานและรับผิดชอบในตัวเธอ แค่เพียงในพริบตาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เขามีผู้หญิงคนอื่นอยู่ข้างกายแล้ว

“พี่ … ” เย่ชูวเสวียยืนอยู่ที่ประตูหน้าห้องของเธอและมองเห็นทุกอย่างผ่านดวงตาของเธอ

เธอรู้ว่าเขาไม่ได้รักต้วนจื่ออิ๋ง แต่นี้มันโหดร้ายเกินไปสำหรับเธอหรือเปล่า?

เธอเคยเป็นผู้หญิงที่ชอบหัวเราะมาก่อน แต่พอได้พบเจอกันในครั้งนี้ แม้ว่าใบหน้าของเธอจะไร้เดียงสาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเริ่มเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว

เย่จิงเหยียนมองขึ้นไปที่เย่ชูวเสวียที่อยู่ชั้นบนและโอบต้วนอีเหยาแล้วเดินเข้าห้องของเขาไป

เขาเองก็รู้ดีว่านี้เป็นเรื่องที่โหดร้ายสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่นี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเธอการอ่อนแออย่างสุ่มสี่สุ่มห้าจะทำให้เธอรู้สึกแค่ว่ายังมีความหวังอยู่บ้าง

และการเอาแต่รบกวนคนอื่นไม่รู้จบแบบเธอจะส่งผลให้อีเหยาถูกทำร้ายไปด้วย เขาไม่อยากให้ผู้หญิงที่เขารักมากต้องมาเข้าใจผิดอีก

เมื่อเย่ชูวเสวียเห็นว่าเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยก็อดไม่ได้ที่จะรีบสับเท้าแล้วลงไปชั้นล่างและไล่ตามเธอไป

ในเมื่อเขาไม่อธิบาย เธอที่เป็นน้องสาวจะช่วยเขาเองจะได้ไม่เป็นปัญหามากไปกว่านี้ในภายหลัง

เอ๊ะ … เธอกังวลแทนพี่ชายแท้ๆของเธอจริงๆ!

“จื่ออิ๋ง!”

ต้วนจื่ออิ๋งที่กำลังจะขึ้นรถ เย่ชูวเสวียเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วและตะโกนเพื่อหยุดเธอไว้

ต้วนจื่ออิ๋งหันหน้าไปทางเธอและเห็นเย่ชูวเสวียกำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้น หรือเป็นเพราะพี่จิงเหยียนเปลี่ยนใจแล้วไม่สะดวกตามออกมา ดังนั้นจึงให้เย่ชูวเสวียวิ่งมาคุยกับเธอ

“มีอะไรเหรอ?” ต้วนจื่ออิ๋งปิดประตูรถและปล่อยให้พ่อต้วนรอเธออยู่ในรถ เธอเดินตามเย่ชูวเสวียไปที่สนามหญ้าด้านข้าง

“พี่จิงเหยียนฝากข้อความให้เธอมาคุยกับฉันใช่ไหม?”

เย่ชูวเสวียถอนหายใจ “พี่ชายฉันไม่ได้พูดอะไร”

ดวงตาของต้วนจื่ออิ๋งเผยความผิดหวังออกมา แต่เธอก็ปกปิดมันไว้อย่างรวดเร็ว “แล้วเธอมาเพราะเรื่องอะไร?”

“ฉันมาเพื่อคุยกับเธอให้ชัดเจน”

“พูดอะไรให้ชัดเจน?” เปลือกตาของเย่ชูวเสวียกระตุกและในสายตาเธอมองออกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

เย่ชูวเสวียลังเลอยู่พักหนึ่ง “อีกไม่นานพี่ชายฉันจะแต่งงานกับอีเหยา ดังนั้นเธออย่า … ”

“เป็นไปได้ไง?ทำไมฉันไม่รู้มาก่อน!” ต้วนจื่ออิ๋งจ้องไปที่เย่ชูวเสวียด้วยความไม่เชื่อ “เธอโกหกฉันใช่ไหม?หรือว่าต้วนอีเหยาเป็นคนใช้ให้เธอมาบอกฉัน?จุดประสงค์คือเพื่อไม่ให้ฉันไปรบกวนพี่จิงเหยียน?”

“เรื่องจริง!”

เย่ชูวเสวียมองเธออย่างน่าสงสาร “แม่ฉันเลือกวันไว้แล้วและเริ่มเตรียมตัวกันแล้ว”

“ไวขนาดนี้เลยหรอ?”

เย่ชูวเสวียพยักหน้ายืนยัน จริงๆแล้วแค่คุยกันแบบสบายๆในตอนเที่ยง ใครจะรู้ว่าแม่ของเธอจะใส่ใจมากขนาดนี้ แค่ไม่กี่ชั่วโมงสั้นๆก็เกือบจะเสร็จสิ้นหมดแล้ว

“เป็นไปไม่ได้ๆ!” ต้วนจื่ออิ๋งส่ายหัว พี่จิงเหยียนจะแต่งงานกับเธอ!

ใช่ เขาจะแต่งงานกับเธอ!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ต้วนจื่ออิ๋งก็หัวเราะขึ้นมา “แล้วยังไงล่ะ?ถ้ายังไม่ได้แต่งกันจริงๆฉันก็ยังมีโอกาสอย่าลืมสิว่าฉันเองก็เกือบจะได้แต่งงานกับพี่จิงเหยียนเหมือนกัน ใครจะไปรู้ว่าระหว่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?

“เธอก็อย่าเอาแต่ยืนหยัดอีกเลย!” เย่ชูวเสวียเห็นใบหน้าเธอที่บิดเบือนไปจึงอดไม่ได้ที่จะพูดเตือน

“พี่ชายฉันชอบพี่อีเหยามาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนั้นฉันก็เคยบอกเธอมาก่อนแต่เธอกลับไม่ฟังอะไรเลย เอาแต่ดึงดันจะทำตามใจตัวเอง ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นแบบนี้ … ”

เธอยังจำตอนที่พวกเขาออกไปเที่ยวด้วยกันได้ว่าเคยเตือนเธอแล้ว ในตอนนั้นเธอก็เอาแต่เฉยเมยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนคิดว่าไม่มีพี่อีเหยาแล้วดังนั้นจึงปล่อยให้เธอทำเรื่องแบบนั้นโดยคิดว่าจะได้ให้พี่ใหญ่ของเธอออกจากเงามืดนั้นได้

ต่อมาเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่มีใครคาดคิดเพราะมันเกิดขึ้นถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมไว้ได้

ต้วนจื่ออิ๋งส่ายหัว “ความสุขเป็นเรื่องที่ต้องไขว้คว้าด้วยตัวเอง ถ้าไม่เคยพยายามจะพูดว่าเป็นไปไม่ได้ได้ยังไง!”

เย่ชูวเสวียเห็นเธอหมดทางที่จะเยียวยาแล้ว จึงส่ายหัวและพูดประโยคสุดท้ายกับเธอ “เธอกับพี่ใหญ่ของฉันเป็นไปไม่ได้แล้ว ถ้างั้นเธอก็ทำต่อไปเองเถอะ!”

หลังจากพูดจบเธอก็หันหลังเดินกลับไปทางที่เธอเดินมา เมื่อได้ยินต้วนจื่ออิ๋งสะอึกสะอื้นอยู่ข้างหลัง เธอจึงหยุดเดินและหันกลับไปยื่นทิชชู่ให้เธอ

“อย่าเสียใจไปเลย”

ต้วนจื่ออิ๋งหยิบทิชชู่แล้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอและฝืนยิ้มให้เธออย่างไม่เต็มใจ “ฉันไม่เป็นไร”

เธอเดินออกจากสนามหญ้าด้วยความเงียบเหงาและเปิดประตูรถที่จอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน

เย่ชูวเสวียยืนอยู่ที่เดิมและดูรถที่กำลังเคลื่อนออกไป อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจ นี้ก็เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารอีกคน

เธอดูละครเกาหลีกับแม่ตั้งแต่เธอยังเด็ก ผู้หญิงและผู้ชายคนรองในเรื่องต่างก็ทำให้หัวใจของผู้คนแตกสลาย ดูๆแล้วต้วนจื่ออิ๋งน่าจะเป็นผู้หญิงคนรองที่อยู่ระหว่างพี่ชายและพี่สาวของเธอ!

เมื่อมองย้อนกลับไป เย่จิงเหยียนยืนอยู่ตรงประตู เย่ชูวเสวียถึงกับผงะและเดินเข้าไป

“เธอพูดยังไงบ้าง?”

เย่ชูวเสวียแบมือทั้งสองข้างของเธอออก “ฉันพยายามเกลี้ยกล่อมเธอแล้วไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง แต่ดูๆแล้วเธอน่าจะเสียใจมาก”

เย่จิงเหยียนพยักหน้า เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายเธอแต่หนึ่งในสามคนนี้ก็ต้องมีคนหนึ่งที่ต้องเจ็บปวดอยู่แล้ว เขาไม่อยากให้อีเหยาต้องเจ็บปวดดังนั้นคนที่ยังเหลืออยู่ก็มีแค่เธอ

ความหวังเดียวในตอนนี้คือขอให้เธอคิดได้เร็วๆ อย่าเอาแต่พะวงในใจอยู่ตลอดเวลา

เย่ชูวเสวียเบ้ปาก “เธอคงมองฉันเป็นคนเลวไปแล้วแน่ๆ พี่ไม่เห็นสายตาของเธอตอนที่เงยหน้าขึ้นมาเมื่อกี้ เคียดแค้นราวกับว่าเธอจะบีบคอฉันตาย”

เมื่อพูดถึงตอนนี้ เย่ชูวเสวียก็อดไม่ได้ที่จะขดตัวลงเล็กน้อย ตอนไม่คิดก็ยังรู้สึกดีอยู่บ้างพอคิดก็รู้สึกหนาวไปทั้งแผ่นหลัง

เย่จิงเหยียนคิดแค่ว่าเธอกำลังล้อเล่นจึงลูบผมเธอ “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!”

ในความประทับใจของเขา ภาพลักษณ์ของต้วนจื่ออิ๋งยังคงเป็นคนที่ไร้เดียงสามาโดยตลอดและเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะโดนแม่มดสิงตามที่เย่ชูวเสวียอธิบายไว้

เย่ชูวเสวียจับมือเขาด้วยความไม่พอใจ“พี่ต้องเชื่อฉันมันเป็นเรื่องจริง ฉันเป็นคนยื่นทิชชู่ให้เธอยังทำสีหน้าที่ไม่ดีใส่ ผู้หญิงประเภทนี้เก่งเรื่องแสดงเสแสร้งที่สุดแล้ว และแกล้งโกหกผู้ชายแบบพี่ไง ”

“พอๆๆๆ กลับไปให้พี่เลี้ยงทำอาหารสักสองสามอย่างที่น้องชอบจะได้ปลอบใจน้องได้บ้าง” แม้ว่าเย่จิงเหยียนจะพูดเช่นนั้นแต่ในใจเขาก็ยังไม่เชื่อ

ต้วนอีเหยานั่งอยู่บนโซฟา ได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดคิดและหยิบผลไม้ที่มู่เว่ยเว่ยส่งให้จากนั้นก็เคี้ยวอย่างช้าๆ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset