วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 422 : แสดงความรักกันบ้าง

“เข้าไปกันเถอะ’ เสี่ยวอวี้หลินไม่ได้ตอบ เพียงแค่ประคองเธอเดินไปข้างใน

เซี่ยอันน่าไม่ได้โง่ เธอหยุดเดิน “พวกเราเดินเข้าไปในนั้นไม่ได้!”

เสี่ยวอวี้หลินประคองเธออยู่เห็นเธอหยุดเดินจึงหยุดเดินตาม “ทำไมเข้าไปไม่ได้ล่ะ?”

“นายโง่เหรอ ที่นี่จัดงานเลี้ยงใหญ่โต ไม่ใช่ร้านอาหารข้างทางนะ เราแต่งตัวแบบนี้ต้องโดนหัวเราะเยาะแน่!”

เซี่ยอันน่ามองเหยียดเขา ยังดีที่เขาขับรถหรู ไปร้านอาหารดังๆ แต่ความเฉลียวกลับไม่มี ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่พวกเศรษฐีใหม่จริงๆ

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!” เสี่ยวอวี้หลินกลั้นยิ้ม “แต่ถ้าคุณไม่ทายาหัวเข่าคุณอาจจะเป็นแผลเป็นก็ได้นะและถ้าเป็นบาดทะยักล่ะ….”

“เฮ้ยเฮ้ยเฮ้ย!” เซี่ยอันน่าปิดปากเขา “นายนี่ปากเสียจริง อย่ามาพูดมั่วๆนะ!”

“อื้ออื้ออื้อ…..” เสี่ยวอวี้หลินไม่คิดว่าจู่ๆเธอจะปิดปากเขา พอหายใจไม่ออกจึงพยายามออกแรงดิ้นเพื่อจะดึงมือเธอออก

เซี่ยอันน่าคิดว่าเขาหัวเราะกับตัวเอง จึงยิ่งปิดปากเสี่ยวอวี้หลินแน่นขึ้น

“พวกคุณเป็นใคร?” เสียงของทั้งสองที่กำลังฟัดเหวี่ยงกันไปมาดึงความสนใจของผู้คนที่อยู่ในห้อง บางคนวิ่งออกมาและคนที่นำหน้ามาขมวดคิ้วถาม

หนังศรีษะของเสี่ยวอวี้หลินชาไปพักหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงนี้ว่าเป็นเพื่อนสนิทที่มักจะเล่นด้วยกัน ถ้ามาถูกเขาเห็นว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์น่าอายอย่างนี้ ต้องถูกเขาหัวเราะใส่ไปอีกพักหนึ่งแน่

เขารีบหันหลังทันที เซี่ยอันน่าคิดว่าเขาอยากจะสลัดให้หลุด จึงใช้แรงเหยียบก้อนหินที่อยู่ใต้เท้าซึ่งมันไม่ได้มั่นคง เธอจึงดึงเสี่ยวอวี้หลินตามลงมาที่พื้นและเธอก็ล้มตามไป

ด้วยเหตุนี้หน้าของเสี่ยวอวี้หลินจึงหันขึ้นมา ผู้คนที่ตามออกมาจึงเห็นฉากนี้เข้าพอดี ต่างพากันตกตะลึงไปตามๆกัน

“คุณชายเสี่ยว ทำไมเป็นคุณล่ะ !” คนที่อยู่ข้างหน้าเป็นคนแรกที่มีการตอบสนองและวิ่งเข้าไปดึงเขาขึ้นมา

คนที่อยู่ข้างหลังเขาได้ยินเสียง ก็เหมือนเพิ่งจะตื่นจากฝันกัน ผู้คนมากมายที่อยู่รอบๆต่างพากันวิ่งเข้ามา

“เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว! พวกคุณถอยกลับไปเลยนะ!”

เสี่ยวอวี้หลินกลัวว่ามือเท้าของพวกเขาจะเผลอทำให้เซี่ยอันน่าเจ็บตัว จึงสั่งให้พวกเขาถอยออกไปและสะกิดคนที่อยู่บนตัวเขากว่าครึ่งเบาๆ

“เฮ้ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“เอ๊ะ? นายอย่าขยับนะ!”

เซี่ยอันน่าร้องเสียงหลง เสี่ยวอวี้หลินที่ถูกเธอทับอยู่หยุดขยับทันที “ทำ….ทำไม?”

“ไม่อะไรทั้งนั้นแหละ เท้าฉันเป็นตะคริว”

ศรีษะเสี่ยวอวี้หลินเต็มไปด้วยเส้นสีดำ เขานึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร!

เขาเอียงศรีษะมองเซี่ยอันน่า “ตอนนี้คุณลุกขึ้นได้แล้วใช่ไหม?”

“อะ…อะ! ขอโทษ!” เซี่ยอันน่าบอกว่าเธอรู้สึกไม่มีแรงตรงไหนและเสียการทรงตัวล้มลงมาโดยไม่เจ็บเลยสักนิดเพราะมีเขาเป็นเบาะรองให้ตัวเองไปแล้วนั่นเอง

“คุณเป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอยู่ไหม?” เสี่ยวอวี้หลินลุกขึ้นได้ก็เริ่มมองสำรวจตัวของเซี่ยอันน่า เห็นเธอไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนก็รู้สึกโล่งใจ

การกระทำของเขาเช่นนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆอดที่จะแปลกใจไม่ได้ คุณชายเสี่ยวที่เคยเกเรวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? กลับใจแล้ว? ไม่คิดว่าจะกำลังเป็นห่วงผู้หญิงขนาดนี้ !

“แค่กแค่ก….คุณชายเสี่ยว!” ชายคนที่อยู่หน้าสุดเอามือปิดปากและไอออกมาสองครั้ง และเดินออกมาจากจากกลุ่มคน

เซี่ยอันน่าไม่สบายใจที่ทำให้เสี่ยวอวี้หลินล้มลงไปด้วยและเมื่อได้ยินเสียงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางนั้น ถ้าไม่มองคงไม่เป็นไรแต่พอมองแล้วก็ตกใจ

ทำไมไม่รีบบอกว่ามีคนมากมายกำลังมองพวกเขาอยู่ พวกเขาเห็นฉากน่าอายเมื่อกี้หมดแล้ว ? โธ่เอ้ย น่าขายหน้าที่สุดเลย!

“พวกนายพากันออกมาทำไม?” รับรู้ถึงความอายของเซี่ยอันน่า เสี่ยวอวี้หลินจึงเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและปกป้องเธอไว้ข้างหลังตัวเอง

“พวกเราได้ยินอะไรบางอย่างจากข้างนอก คิดว่าเกิดเรื่องอะไร จึงออกมาดูสักหน่อย ไม่คิดว่าจะเป็นคุณชายเสี่ยว” ชายคนนั้นดูออกว่าเสี่ยวอวี้หลินไม่พอใจจึงรีบอธิบาย

เสี่ยวอวี้หลินหยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก “พวกนายต่อกันได้เลย เธอได้รับบาดเจ็บ ฉันจะพาเธอขึ้นไปทายาข้างบน”

เมื่อหันไปที่เซี่ยอันน่าเห็นเธอกำลังมึนงงอยู่ จึงถอนหายใจและอุ้มเธอขึ้นจากนั้นก็เดินฝ่าฝูงชนไป

ในฝูงชน เมื่อเสี่ยวอวี้หลินเดินเข้ามาใกล้จึงรีบพากันแยกออกเป็นสองฝั่งโดยเร็วทำให้เหมือนคนสองคนเดินอยู่บนถนนกว้าง

สัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คน เซี่ยอันน่ารู้สึกอายจึงซุกหน้าไว้ในอ้อมอกของเสี่ยวอวี้หลิน

และผู้หญิงที่อยู่รอบๆตัวเธอก็ใช้สายตามองด้วยความอิจฉาทิ่มแทงจนเซี่ยอันน่าเป็นรูพรุนไปหมด ถ้าหากไม่มีเสี่ยวอวี้หลิน กลัวว่าจะรีบพุ่งออกมาฉีกเธอเป็นชิ้นๆแล้ว!

“ยังต้องลงไปอยู่ไหม?”

เมื่อถึงห้องที่อบู่ชั้นบน เซี่ยอันน่าจึงถามเสี่ยวอวี้หลินอย่างหยั่งเชิงและระมัดระวัง

แต่เธอไม่อยากลงไป

“ต้องลงไปอยู่แล้วสิ!” เสี่ยวอวี้หลินเงยหน้าพูดในสิ่งที่แน่นอน “มาที่นี่ก็เพื่อมาร่วมงานเลี้ยงนี้หนิ ทำไมถึงจะไม่ลงไปล่ะ?”

“หมายความว่าอย่างไร? ไม่ใช่ว่าคุณจะให้ฉันชดใช้ให้เหรอ? เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับกับสิ่งที่จะต้องชดใช้ให้?” เซี่ยอันน่ารู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมพรางและยิ่งตกลึกลงไปเรื่อยๆ

เสี่ยวอวี้หลินดีดหน้าผากของเธอ “คุณกำลังคิดอะไรอยู่? นี่แหละคือการชดใช้ให้กับฉัน!”

“อะไร?” เซี่ยอันน่าจับต้นชนปลายไม่ถูก เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับสิ่งที่เธอต้องชดใช้?

“ตั้งแต่แรก ดูเหมือนว่าเธอจะได้เปรียบ  นอกจากเขาจะเล่นละครตบตาตัวเอง อย่างอื่นก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการชดใช้อะไรเลย

“วันนี้เป็นวันเกิดของผู้หญิงคนหนึ่ง คุณแค่ต้องอยู่ข้างกายผมไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นก็พอแล้ว” เสี่ยวอวี้หลินเห็นสีหน้าเธอยังสับสน จึงอธิบายขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้พูดถึงจุดสำคัญออกมา

ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดไปหรือเปล่า เซี่ยอันน่ารู้สึกว่าตอนเสี่ยวอวี้หลินพูด แววตาของเขามีความเศร้าเสียใจอยู่ในนั้น

เธออยากตอกกลับไปเหมือนเดิม แต่คำพูดนั้นกลับทำให้ปากไม่แข็งพอ

“แต่จะให้ฉันใส่ชุดแบบนี้ ก็ไม่เหมือนกับมาร่วมงานเลี้ยงน่ะสิ!”

เซี่ยอันน่าก้มหน้ามองดู เสื้อยืดธรรมดาๆ กางเกงยีนส์ขาสั้นสีขาวทั่วไป รองเท้าสีขาวคู่หนึ่ง ช่างแตกต่างกับผู้หญิงที่แต่งตัวสวยหรูอยู่ข้างล่างอย่างสิ้นเชิง ลงไปทั้งอย่างนี้มีแต่คนหัวเราะแน่!

“เร่งรีบอะไร? ทำแผลก่อนเถอะ เดี๋ยวติดเชื้อ” เสี่ยวอวี้หลินล้างฝุ่นที่อยู่ปากแผลอย่างต่อเนื่องโดยไม่ยี่หระ

เซี่ยอันน่ามองการกระทำที่อ่อนโยนของเขาและความรู้สึกแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นในใจของเธอ เมื่อเขานำสำลีจุ่มแอลกอฮอล์แล้ววางบนแผล ทันใดนั้นความแสบร้อนก็ดึงสติเซี่ยอันน่ากลับมาทันที

“อะ!”

เสี่ยวอวี้หลินเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “เป็นอะไร? เจ็บมากเหรอ?”

เซี่ยอันน่ารู้สึกอึดอัดที่ถูกเขามอง ใบหน้าก็ค่อยๆร้อนขึ้นมาทีละนิด “ใช่ นิดหน่อย….”

“งั้นฉันจะทำเบาลงอีก”

เสี่ยวอวี้หลินก้มหน้าลงไปอีกครั้งและตั้งใจช่วยทำแผลให้เธอ

“อวี้หลิน”

เสียงผู้หญิงอ่อนหวานจากหน้าประตูดังเข้ามาในหูของทั้งสองคน เสี่ยวอวี้หลินชะงักไปแปปหนึ่งแต่ก็กลับมาหมกมุ่นอยู่กับบาดแผลอีกครั้ง

“ฉันรู้ว่าคุณมาแล้วนะ!” หญิงสาวเห็นเสี่ยวอวี้หลินไม่ได้สนใจตัวเองและไม่ได้โกรธจึงได้แต่พูดกับตัวเอง

เสี่ยวอวี้หลินยังคงไม่พูดอะไร ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน ผู้หญิงคนนั้นรออยู่สักพัก เมื่อเสี่ยวอวี้หลินไม่พูดอะไรจริงๆ จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ยังไงก็ขอบคุณที่นายมานะ!” พูดจบ ก็หมุนตัวเดินลงไปข้างล่างไม่ได้รอฟังเสี่ยวอวี้หลินพูดอะไรอีก

เซี่ยอันน่ามีสีหน้าอธิบายไม่ถูก เธอก้มมองเสี่ยวอวี้หลินหลังจากผู้หญิงคนนั้นไปเขาก็ค่อยๆผ่อนคลายลงและเธอก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย

เธอห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้จึงถามขึ้นว่า “ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใคร?”

รออยู่พักหนึ่ง เสี่ยวอวี้หลินถึงเริ่มพูดขึ้น “เป็นคนสำคัญของงานเลี้ยงวันนี้และรอให้พวกเราลงไป”

“อ้อ” เซี่ยอันน่าตอบกลับอย่างใจลอย ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งจะเข้ามาเธอก็รับรู้ถึงนิสัยใจคอของเขาได้เลยทันที การกดขี่ที่เหนือคนอื่นแบบนั้นทำให้คนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา

เธอยังคงสงสัย จึงแอบมองหน้าผู้หญิงคนนั้น แค่แปปเดียวเท่านั้น เธอก็ได้แต่โทษพระเจ้าว่าทำไมถึงไม่ยุติธรรมเช่นนี้

การให้เธอนั้นดูมีราศีและยังให้เธอมีรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นรองใครอีก!

ใบหน้าเล็กที่ดูงดงาม บนหน้าของเธอไม่มีตรงไหนที่ไม่ถูกแต่งแต้มด้วยความปราณีต แม้แต่การขมวดคิ้วก็ยังแตกต่างจากคนอื่นๆ

“ทำแผลเสร็จแล้ว คุณลองยืนดูสิ ลองดูว่าขยับได้ไหม?” หลังเสี่ยวอวี้หลินช่วยพันผ้าพันแผลให้เธอแล้วเขาก็ลุกขึ้นและถอยหลังไปนิดหน่อย

เซี่ยอันน่ายืนขึ้นอย่างเชื่อฟังแล้วเริ่มก้าวไปมาสองสามก้าวและรู้สึกไม่เจ็บมาก

จริงๆแล้วตอนแรกเธอรู้สึกว่าการบาดเจ็บนี้มันเล็กน้อยไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพียงแต่เขาอาจจะคุ้นชินกับผู้หญิงที่เป็นกุลสตรี

บาดแผลเล็กๆนี้เดิมทีไม่ได้เป็นอะไรเลย ถึงไม่สนใจอะไรมัน เธอก็ขยับได้สบายๆ แค่จะรู้สึกแสบเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทนไม่ได้

“ในนี้มีชุดราตรีอยู่นิดหน่อย คุณลองเลือกๆดูว่าพอจะใส่ได้ไหม ถ้าไม่ได้ ผมจะลองหาคิดวิธีอื่นดู” เสี่ยวอวี้หลินชี้ไปที่ชุดราตรีสวยงามข้างหลังเธอ

เซี่ยอันน่าหันไปทางข้างหลัง เธอตะลึงจนพูดไม่ออก ชุดกระโปรงหลากหลายรูปแบบและสีสันสวยงามมากมาย แต่ละชุดเหมือนถูกออกแบบมาเพื่อเจ้าหญิง

“งั้นคุณลองดูไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอก มีอะไรก็เรียกผมแล้วกัน”

เสี่ยวอวี้หลินพูดจบก็เดินออกไป ขณะที่ปิดประตูลง เซี่ยอันน่าก็รู้สึกว่าโล่งไปทั้งตัว เธอไม่อยากแสดงด้านที่ไม่สบายใจต่อหน้าเสี่ยวอวี้หลิน

เพียงคิดว่าคนสองคน ถ้าฐานะไม่เท่ากัน นั่นก็แสดงว่าตาชั่งนั้นเอียงแล้วและเธอก็ไม่สามารถพูดคุยกับเขาอย่างสบายใจได้

เสื้อผ้าข้างในนั้นสวยหรูมาก เธอเดินไปรอบๆก็ยังไม่เจอชุดในแบบที่เธอชอบ เมื่ออยู่กับคนหมู่มากเธอไม่อยากดูเกินหน้าเกินตาคนอื่น

ประตูถูกเปิดออก เสี่ยวอวี้หลินกลับมาพร้อมรอยยิ้ม คิดว่าจะได้เห็นผู้หญิงสวมชุดสวยหรูอยู่ต่อหน้าตัวเอง แต่กลับเห็นเธอยังเหมือนเดิมเหมือนตอนมา รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆแข็งขึ้น

“ทำไมคุณยังไม่เปลี่ยนชุด?” เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้วทันทีและเอ่ยถามเธอ

เซี่ยอันน่ารู้สึกตัวเล็กลงเมื่อถูกเขาจ้องเขม็ง “เสื้อผ้าข้างในมันไม่เหมาะกับฉันเลย เพราะงั้น…..”

“เพราะงั้นอะไร?”

“เพราะงั้นฉันไม่ไปร่วมงานได้ไหม?” เซี่ยอันน่าหลับตาลงและพูดในสิ่งที่เธอรู้สึกออกมา

“ไม่ไปร่วมงาน?” เสี่ยวอวี้หลินหัวเราะ “เธอคิดว่าฉันพาเธอมาเพราะเหตุผลอะไร? เธอพูดว่าไม่ไปร่วมงานก็ได้งั้นสิ?”

“ฉันจะเปลี่ยนวิธีชดใช้!”

จริงๆแล้ว นอกจากเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะกับเธอ เธอยังรู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่เห็นแก่ตัวนิดหน่อย เธอไม่อยากเป็นข้ออ้างให้กับเสี่ยวอวี้หลิน ให้เขาพาเธอไปเอาคืนผู้หญิงคนนั้น เพราะเหตุนี้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ไม่มีศักดิ์ศรีเลยสักนิด

“วิธีชดใช้คือสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไป นอกเสียจากว่าฉันยังไม่ได้คิดวิธีอื่น!”

เสี่ยวอวี้หลินไม่อยากพูดไปมากกว่านี้ จึงเดินไปคว้าเอาชุดราตรีออกมาชุดหนึ่ง “ตัวนี้แล้วกัน ไม่ใช่คนสำคัญอะไรไม่ต้องแต่งให้มีสีสันสดใสอะไรหรอก”

“สิบนาทีแล้วฉันจะเข้ามา”

ส่งเสื้อผ้าให้เซี่ยอันน่าเสร็จ เสี่ยวอวี้หลินก็ปิดประตูห้องอีกครั้ง

เซี่ยอันน่าหยิบชุดมาแล้วก็คืนค้างอยู่ที่เดิมอย่างว่างเปล่า ชุดราตรีนี้เป็นชุดสีขาว เพราะไม่จำเป็นต้องดูหรูเกินไป ดังนั้นจึงเป็นแค่ชุดกระโปรงสั้นคลุมเข่า

บนชุดไม่ได้มีอะไรตกแต่งมากมาย เพียงแค่มีโบว์ขนาดใหญ่คาดอยู่ที่เอวและเต็มไปด้วยหัวใจเล็กๆ

“สามนาทีผ่านไป!”

เซี่ยอันน่าชะงักเมื่อได้ยินคำเตือนของเสี่ยวอวี้หลินจากนอกประตู เธอรีบได้สติทันทีและไม่ได้สงสัยอะไรอีก เพราะเมื่อถึงเวลาคนไร้เหตุผลอย่างเขาต้องรีบเข้ามาแน่!

เซี่ยอันน่าไม่ลังเล เริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ถ้าการชดใช้เป็นอย่างที่พูดเช่นนี้ เธอก็ไม่มีอะไรเสียหาย แค่งานเลี้ยงหนึ่ง กินของอร่อยดื่มเหล้าก็จบลงแล้ว ตรงกันข้ามเธอยังชอบการได้ใช้ชีวิตใบแบบชนชั้นสูงอีกด้วย

“ครบสิบนาที!”

เมื่อสิ้นเสียงลง ประตูก็ถูกคนผลักออกดัง “ปัง” เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้ว เมื่อมองไปที่เซี่ยอันน่าเขาก็ตกตะลึง

เธอหันหลังให้กับเขา แต่หุ่นที่เพรียวบางสวมชุดราตรีที่สวยงามเช่นนี้ ทำให้เห็นรูปร่างนั้นดูสวยระหง

“ทำ…ทำไมเหรอ?” เซี่นอันน่าหมุนตัวมา เธอไม่ได้ยินเสียงอะไร คิดว่าเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ไม่ใช่ในแบบที่เขาคิด จึงถามอย่างประหม่า

“ไม่มีอะไร สวยมาก” เสี่ยวอวี้หลินขัดเขินเล็กน้อย เขาเป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับความรักของผู้หญิงมาแล้วทุกรูปแบบ จะมาหลงเสน่ห์ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวนี้ได้อย่างไร?

“ไปเถอะ” เสี่ยวอวี้หลินยื่นแขนออกมาให้เธอจับ

“อ้อ”

เซี่ยอันน่าจับมืองของเขากำลังจะก้าวไป เสี่ยวอวี้หลินมองและเรียกเธอ “เดี๋ยวก่อน!”

“อะไรอีกละ?” เซี่ยอันน่าหันไปด้วยความงุนงง

“เธอจะใส่รองเท้าคู่นี้?”

เซี่ยอันน่าก้มมองตามสายตาของเขา มองเห็นรองเท้าขาวคู่เล็กที่เท้าก็ถามกลับว่า “ไม่ได้เหรอ?”

“ผู้หญิงแบบเธอนี่มัน!” เสี่ยวอวี้หลินโมโห ทำไมถึงมีผู้หญิงแบบนี้ได้นะ ไม่เห็นจะเข้ากันเลย!

“นั่งลง” เสี่ยวอวี้หลินไม่รอคำตอบเธอเดินตรงไปที่ชั้นรองเท้าและหยิบรองเท้าส้นสูงมาคู่หนึ่ง

มือแตะไปที่ข้อเท้าของเซี่ยอันน่า แต่อยู่ๆก็สนใจแผลที่หัวเข่าของเธอและขมวดคิ้ว “เธอใส่รองเท้าส้นสูงไม่ได้เหรอ?”

“ฮะ?” เซี่ยอันน่าถูกเขาถามจึงรีบโบกมือโดยเร็ว “ใส่ได้ใส่ได้!”

แต่เสี่ยวอวี้หลินกลับปล่อยมือออกและเดินกลับไปที่ชั้นรองเท้าอีกครั้งหารองเท้าคู่ใหม่มาและมีเพียงรองเท้าที่สูงสามเซนติเมตรเท่านั้น

“อาจจะดีกว่าถ้าสวมคู่นี้ เพราะชุดที่คุณใส่ต้องสวมรองเท้าส้นสูงถึงจะเหมาะ!”

“โอเค” เซี่ยอันน่าตอบกลับ เห็นเสี่ยวอวี้หลินสวมรองเท้าให้ตัวเองก็รีบห้าม “ฉัน….ฉันใส่เอง!”

เสี่ยวอวี้หลินสบตาเธอ “พวกเราควรแสดงว่ารักกันบ้างนะ!”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset